|
สูตรล้างไตแบบธรรมชาติ
ไต (kidney) เป็นอวัยวะที่กรองของเสียให้ออกจากร่างกาย หากคนไหนทานเค็มมากเกินไป หรือมีสารพิษสะสมอยู่ในไต เพราะทุกวันนี้ทานอาหารนอกบ้าน หรือพวกขนมขบเคี้ยว ก็มีสารพิษอยู่เยอะ
. มาลองใช้สูตรนี้กัน
. วัตถุดิบหาง่ายดีด้วย....
นำผักชีมาล้างให้สะอาด ใช้แค่ใบและลำต้นก็พอ เอาหั่นเป็นท่อนเล็กๆ ใส่ในหม้อที่มีน้ำสะอาด ต้มประมาณ 10 นาที ปล่อยจนเย็นแล้วค่อยกรอกใส่ขวดแช่ในตู้เย็น รินดื่มวันละ 1 แก้ว ซึ่งจะช่วยล้างสารพิษที่อยู่ในไต แล้วคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่าง ลองทำกันดูนะจ๊ะ ยังไง ลองทำดูแล้วได้ผล ช่วยบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะ......
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2553 | | |
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 20:41:17 น. |
Counter : 2494 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
มาว่ากันด้วยเรื่อง.....หอม..... (*^_^*)
หอมหัวใหญ่
......หัวหอมเป็นพืชสมุนไพรอย่างหนึ่ง ซึ่งมีบทบาทบำบัดอาการไม่สบายหลากหลาย และมีใช้กันทั่วโลก ไทยเราก็ใช้หัวหอมในการบำบัดอาการหวัด ต้มน้ำดื่มลดไข้ ขับเหงื่อ นับเป็นยากลางบ้านจริง ๆ เพราะครัวไหน ๆ ก็มีหัวหอมอยู่ทั้งสิ้น
......หัวหอม มีหลายขนาด หลายสี ลูกกลม ลูกแบนหน่อย แบบหลายกลีบติดกันก็มี แต่ต้องยอมรับว่าผลงานวิจัยสมัยใหม่ทำในหอมหัวใหญ่เสียมากกว่า เพราะฝรั่งย่อมวิจัยหอมฝรั่งซึ่งมีหัวโต ๆ ทั้งสิ้น ส่วนหอมแดงบ้านเราที่จริงก็น่าจะมีประโยชน์อย่างเดียวกัน เพราะมันเป็นเครือญาติกับหอมหัวใหญ่นั่นเอง ......บทบาทต่อสุขภาพของหัวหอมมีตั้งแต่ช่วยลดอาการคัดจมูกเวลาเป็นหวัด คุณคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า บางครั้งเขาใช้ดมหัวหอมเวลาเป็นหวัด หรืออาบน้ำหัวหอม หรือใช้น้ำหัวหอมแช่เท้าเวลาเป็นหวัด หรือตำหอมแดงสุมหัวเด็กเวลาเป็นหวัด การสุมก็คือ เอาหอมแดงไปโปะไว้ตรงกระหม่อมเด็กนั่นเอง
......สมัยยุโรปโบราณ เขาเชื่อว่ากลิ่นฉุนของหอมใหญ่จะป้องกันการติดเชื้อได้ดี จึงมีบันทึกในยุคกลางว่ามีการใช้น้ำคั้นจากหอมใหญ่ ดื่มป้องกันการระบาดของกาฬโรค และใช้น้ำคั้นของหอมใหญ่ทารักษาหูด และรักษาสิว ......ในสมัยใหม่นี้เรารู้เพิ่มเติมว่า หอมใหญ่ช่วยลดคอเลสเตอรอล นักวิทยาศาสตร์ทำการวิจัยหอมหัวใหญ่แล้วพบว่า หอมหัวใหญ่สด ๆ สามารถลดคอเลสเตอรอลลงได้ เพราะมันไปเพิ่มปริมาณของไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) ซึ่งเป็นไขมันที่ดีที่จะไปช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือด และยังมีงานวิจัยอีกหลายสำนักที่พบว่า ไม่ว่าหอมหัวใหญ่จะสุกหรือดิบก็สามารถลดไขมันในเลือดได้ทั้งสิ้น
......อีกทั้งยังช่วยทำให้เลือดไม่แข็งตัวไปอุดหลอดเลือดง่าย ๆ ดังนั้นจึงช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและอัมพาต
......การกินอาหารที่มีหอมใหญ่เป็นส่วนประกอบของเครื่องปรุง ที่จริงก็แก้เลี่ยนได้ดี นอกจากนั้นดูเหมือนว่าการใส่หอมใหญ่ลงไปจะเป็นการแก้กันของอาหารจานที่มีไขมันสูงมากกว่า การกินหอมใหญ่เข้าไปพร้อมกันกับอาหารมัน ๆ จะช่วยให้ไตรกลีเซอไรด์ที่อาจจะสูงหลังมื้ออาหารลดลงได้บ้าง ......จะเห็นว่าฝรั่งก็พยายามกินหอมใหญ่เพราะเหตุนี้ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ก็มีการใส่หอมใหญ่ลงไปด้วย อาหารประเภทเนื้อแกะก็นิยมใส่หอมหัวใหญ่ เป็นต้น
......นักวิจัยบางคนยังรายงานอีกว่า หอมใหญ่สามารถป้องกันมะเร็ง เพราะมีสารประกอบกำมะถันสูง โดยดูได้จากการที่หอมใหญ่มีกลิ่นฉุน กลิ่นเฉพาะตัวของหัวหอมทั้งหลายไม่จำเพาะหอมใหญ่หรอก หอมแดง หอมแบ่ง ซึ่งเป็นพืชพื้นถิ่นของเราก็มี นั่นแหละคือกลิ่นกำมะถัน นักวิทยาศาสตร์ชี้แจงว่า สารประกอบกำมะถันดังกล่าวจะช่วยยับยั้งการเติบโตของมะเร็ง ทำให้ก้อนมะเร็งขยายขนาดไม่ได้
ที่มา : คอลัมน์ เพื่อชีวิตและสุขภาพ โดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ นิตยสารขวัญเรือน ปักษ์แรก กันยายน 2549
รู้ประโยชน์ของ...หอม....อย่างนี้แล้ว เราอย่าเกลียด...หอม...กันเลยนะจ๊ะ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว วันนี้เลยมีเมนู หอม หอม มาฝากด้วย....
ยำเห็ดใส่หอมใหญ่
เครื่องปรุง เห็ดฟาง 100 กรัม เห็ดเข็มทอง 100 กรัม เห็ดหูหนูขาวนิดหน่อย เห็ดหูหนูดำนิดหน่อย หอมใหญ่ 1 หัว มะเขือเทศ ½ ลูก พริกแดง 1 เม็ด พริกขี้หนู 4-5 เม็ด น้ำปลา 2 ช้อนชา มะนาว 1 ช้อนชา เกลือนิดหน่อย น้ำตาลปีบนิดหน่อย
วิธีทำ เอาเห็ดหูหนูแช่น้ำให้นิ่ม หั่นเห็ดทั้งหมดเป็นชิ้น ๆ แล้วลวก นำไปคลุกกับมะเขือเทศซอย หอมใหญ่ซอย พริกแดง และน้ำยำ ชิมรสตามชอบ ใส่เกลือนิดหน่อย เพื่อให้รสชาติจัดขึ้น
หมายเหตุ ......เมนูนี้ดีสำหรับหน้าฝน เพราะเป็นหน้าของเห็ด และหอมใหญ่กินแล้วจะป้องกันหวัด และโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจได้ดี แถมเหมาะมากกับคนที่มีไขมันในเลือดสูงด้วย
แกงส้มหอมหัวใหญ่
เครื่องปรุง หอมใหญ่ 1 หัว ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำพริกแกงส้ม 1 ช้อนโต๊ะ ปลาสำลี 200 กรัม มะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปีบ น้ำมันพืช กระชาย พริกแดง
วิธีทำ ซอยหอมใหญ่แล้วผึ่งให้แห้งก่อน เช่น หั่นเช้าแล้วใช้เย็น ตีไข่ ใส่หอมใหญ่ลงไปแล้วเจียวเป็นแผ่น จากนั้นใช้มีดตัดเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ ต้มปลาสำลีในน้ำ 1 ชามจนปลาสุก แกะเอาก้างออกแล้วปั่นเนื้อให้ละเอียด แล้วนำไปตั้งไฟอีกครั้ง ละลายน้ำพริกแกงลงไป ต้มจนเดือด แล้วจึงใส่ไข่เจียวหอมใหญ่ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะขามเปียก และน้ำตาลปีบ โดยหน้าด้วยกระชายและพริกแดง
หมายเหตุ ......เมนูนี้แนะนำสำหรับคนที่มีอาการของโรคทางเดินหายใจ ใช้หอมใหญ่ป้องกันอาการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้ดี แต่อย่าใช้น้ำมันเจียวไข่มากเกินไป เพราะอะไรที่มัน ๆ จะทำให้มีเสมหะมาก ......อีกประการหนึ่ง เมนูนี้ใช้หอมใหญ่ ซึ่งแก้กันได้กับคอเลสเตอรอลในไข่ อีกทั้งแกงส้มไม่มีไขมันอื่น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสูงแต่อยากจะกินไข่
Create Date : 24 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 1:22:07 น. |
Counter : 409 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ยามหัศจรรย์
ปวดหัว .....กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง
แพ้ละออง ....เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว
โรคหัวใจ .....ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด
โรคนอนไม่หลับ ....ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี
โรคหืดหอบ ....กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง
โรคไขข้ออักเสบ ....กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า (ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง
ท้องผูก ท้องอืด ....ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป
ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ....ให้กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี (ไม้เมืองหนาว) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้
โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุ .....ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้ ....ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้
โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย .....แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้
ความจำเสื่อม .....แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื้อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี
เป็นหวัด ....กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
ไอ จาม ....กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง
...เห็นไหมว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเราไม่ใช่เรื่องยากเลย หันไปหันมาในครัวเราก็ได้ยารักษาโรคแล้ว.... ...ขอให้ทุกคนมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตแข็งแรงนะคะ
Create Date : 21 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 0:20:30 น. |
Counter : 305 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
....ไซนัสอักเสบ....
โดยพลตรี น.พ.ภานุวิชญ์ พุ่มหิรัญ แพทย์ผู้ชำนาญด้านโรคภูมิแพ้
ไซนัสอักเสบคืออะไร? ไซนัสเป็นโพรงอากาศในกระดูกใบหน้า อยู่บริเวณรอบ ๆ จมูก ในโพรงอากาศ หรือไซนัสนี้ จะมีเยื่อบุซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเยื่อบุช่องจมูก และติดต่อกับช่องจมูกโดยผ่านรูเปิดเล็ก ๆ
ไซนัสมีหน้าที่อะไรในร่างกายของเรา? ในภาวะปกติ เยื่อจมูก และไซนัสจะผลิตน้ำมูก ประมาณ 0.5 1 ลิตรต่อวัน เพื่อดักจับฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ในอากาศที่เราหายใจเข้าไป น้ำมูกจำนวนนี้จะไหลไปทางด้านหลังสู่ช่องปาก ลำคอ และกลืนลงสู่กระเพาะอาหาร ซึ่งมีกรดสามารถทำลายเชื้อโรคได้
โดยทั่วไปเราจะไม่รู้สึกถึงการไหลของน้ำมูกจำนวนนี้เลย ต่อเมื่อมีการระคายเคืองจากสารก่อภูมิแพ้ ควันบุหรี่ มลภาวะอากาศเป็นพิษ หรือมีการติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อหวัด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เยื่อบุจมูก และไซนัสผลิตน้ำมูกใส ๆ ออกมาเพิ่มมากกว่าปริมาณปกติ เพื่อชะล้างสิ่งที่ระคายเคืองกลายเป็นเสมหะไหลลงคอ (Post nasal drip) และถ้ามีการติดเชื้อบัคเตรี (Bacteria) จะทำให้น้ำมูกใสเปลี่ยนสภาพเป็นสีเขียวข้น หรือเหลืองได้
สาเหตุของไซนัสอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อ หรือระคายเคืองจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ทำให้เกิดการบวมของเยื่อบุจมูก และไซนัส รูเปิดระหว่างช่องจมูกและไซนัส ซึ่งเล็กอยู่แล้ว จึงอาจเกิดการตีบตันไปในที่สุด น้ำมูกที่ผลิตในไซนัสจึงไม่สามารถไหลออกมายังช่องจมูกได้ก็จะเริ่มมีอาการปวดบริเวณหน้าผาก หัวคิ้วระหว่างตาทั้งสองข้างหรือบริเวณแก้มได้ ทั้งหมดนี้เป็นอาการปวดของไซนัสอักเสบ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเพียงพอ รูเปิดระหว่างช่องจมูกและไซนัสมีการตีบตันเป็นมานานจนเรื้อรัง การบวมของเยื่อบุอาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นริดสีดวงจมูก และหรือมีการอักเสบติดเชื้อเป็นหนองในไซนัสได้
อันตรายจากไซนัสอักเสบมีอะไรบ้าง? โดยทั่วไปแล้ว ไซนัสอักเสบสามารถรักษาด้วยการรับประทานยาก็เพียงพอแล้ว แต่การติดเชื้อในไซนัสอาจลุกลามไปยังอวัยวะสำคัญใกล้เคียงได้คือ ตาและสมอง ซึ่งถือว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย แต่ภาวะดังกล่าวก็พบได้ไม่บ่อยนัก ในรายที่มีอาการเรื้อรังอาจจะมีสัมพันธ์กับโรคทางปอด หลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรัง และหอบหืดได้ ใครบ้างที่มีโอกาสจะมีปัญหาเกี่ยวกับไซนัส ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็สามารถเป็นไซนัสอักเสบได้ แม้แต่เด็กแรกเกิดซึ่งมีไซนัสขนาดเล็ก ๆ บุคคลที่มีโอกาสเป็นไซนัสอักเสบได้ง่ายกว่าคนทั่วไปได้แก่ 1. คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก : เมื่อเกิดอาการแพ้ จะเหมือนคนเป็นหวัด เยื่อบุจมูกจะบวม รูเปิดไซนัสจะตีบตัน ทำให้เกิดการอักเสบในไซนัสได้ 2. คนที่มีความผิดปกติทางช่องจมูก : เช่น ผนังกั้นระหว่างช่องจมูกคด ทำให้ช่องจมูกแคบกว่าปกติเกิดอาการแน่นคัดจมูก และขัดขวางการไหลเวียนตามปกติ ของน้ำมูกที่จะไปทางด้านหลัง ทำให้มีโอกาสเกิดการอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้น 3. คนที่สูบบุหรี่ และคนที่อยู่ในเขตภาวะเป็นพิษ : จะมีผลทำให้ภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง มีโอกาสเป็นไซนัสอักเสบมากขึ้น 4. การว่ายน้ำ : ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้มีโอกาสเป็นไซนัสอักเสบเพิ่มขึ้น
ไซนัสอักเสบรักษาอย่างไร? ในระยะเริ่มต้น ไซนัสอักเสบสามารถรักษาทางยาได้ ที่สำคัญต้องควบคุมหรือแก้ไขสาเหตุบางอย่าง (Predisposing factor) เพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำ (Recurrence) ได้แก่ 1. ควบคุมและรักษาโรคภูมิแพ้ทางจมูก (ปรึกษาแพทย์) 2. ผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติทางช่องจมูก เช่น ผนังกั้นจมูกคด สำหรับไซนัสอักเสบเรื้อรัง การรักษาทางยาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ บางครั้งจำเป็นต้องทำการผ่าตัดไซนัสร่วมด้วย ได้แก่ - การเจาะล้างไซนัส : ในรายที่มีน้ำมูก หรือหนองคั่งอยู่ในไซนัส - การผ่าตัดขยายรูเปิดไซนัส - การผ่าตัดริดสีดวงจมูก
ในปัจจุบัน การตรวจและรักษาโรคไซนัสอักเสบ มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะความผิดปกติของช่องจมูก ที่เป็นทางติดต่อกับ รูเปิดร่วมของไซนัสต่าง ๆ (Osteomeatal Complex) สามารถตรวจได้ด้วยกล้องเทเลสโคป ที่ต่อเข้ากับโทรทัศน์วงจรปิด (Endoscopic Nasal and Sinus Examination) ทำให้เราผ่าตัดแก้ไขส่วนรูเปิดร่วมไซนัสที่ผิดปกติเหล่านี้ได้ตรงจุด และยังคงเก็บรักษาโครงสร้างหลักที่สำคัญของช่องจมูกไว้ได้ดังเดิม (Functional Endoscopic Sinus Surgery)
ที่มา : แผ่นพับจากโรงพยาบาลมิชชั่น-กรุงเทพ
Create Date : 18 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 17:34:02 น. |
Counter : 432 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|