Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
จนกว่า จะพบกันใหม่

นึกหัวข้อไม่ออกว่าจะประมาณไหนดี??

มันเริ่มมาจากความคิดอกุศลของเราเองล่ะที่เห็นหญิงชายวัยใกล้เกษียณมาซื้อของที่ร้าน เมื่อถามว่าของทั้งหมดนั้น ใส่ถุงเดียวกันหรือเปล่า คือ เห็นมาด้วยกันแต่ต่างคนต่างเลือก ไม่แน่ใจว่าอยู่บ้านเดียวกันหรือเปล่ายังไง พี่ผู้หญิงตอบว่า แยกกันค่ะ ถ้าชาติหน้าเกิดมาคงจะได้อยู่ถุงเดียวกัน เรารีบกดสายตาให้อยู่กับข้าวของตรงหน้า อย่าเชียวนะ ชั้นรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ อย่าคิดไปไกลกว่านี้ มันอาจจะไม่มีอะไรในคำพูดที่ว่าเลยก็ได้ และถึงมี ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา

พอเขาจากไป ก็ยังวนเวียนอยู่กับประโยคนั้นไม่ได้ นึกในใจว่า พี่คะ ถ้าเป็นอย่างที่หนูเข้าใจ ชาติหน้าเกิดมาพบกัน มันอาจจะไม่สุขสมอย่างที่พี่วาดหวังไว้ก็ได้ค่ะ

จริงๆแล้ว มีอีกหลายครั้งหลายคราที่เห็นชายวัยคราวพ่อพาเด็กสาวมาซื้อของ ไม่ได้คิดอะไรนอกจากญาติผู้ใหญ่มากับเด็ก แต่พอเพื่อนของญาติผู้ใหญ่มาเจอกันเข้าที่นี่ ได้ยินเขาคุยกันถึงได้รู้ว่า คุณผู้ใหญ่พาเด็กที่ไม่ใช่ญาติไปไหนต่อไหนมา...

.......

ข้อความข้างบน บันทึกไว้มานาน (เมษา 2011) มาค้นดูว่าคลับคล้ายคลับคลาเนื่องมาจากอ่านคำแนะนำของคุณดังตฤณข้างล่างนี้

//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352777222&grpid=01&catid=&subcatid=//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352777222&grpid=01&catid=&subcatid=

 

หากจะพูดกันบนพื้นฐานความเป็นจริง ถึงวิธีแก้ปัญหาให้เรื่องมือที่สาม มีชู้ นอกใจ ลดน้อยลงในสังคม ก็ต้องบอกว่า ยากมาก และไม่มีวิธีใดที่ "ง่าย" เลย ยิ่งการบอกให้ใครคนใดคนหนึ่งต้อง "ตัดใจ" ที่ใครชอบบอก ชอบแนะนำให้ทำกันนั้น มันก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เหมือน "ตัดเชือก" นี่หน่า

แต่ที่น่าสนใจ ก็คือ วันนี้เรามีข้อคิดดีๆ ที่น่าจะเป็นการ "ตัดไฟ" ตั้งแต่ต้นลม ซึ่งน่าจะทำได้ไม่ยากนัก จาก "ดังตฤณ" หรือ "ศรันย์ ไมตรีเวช" ผู้เขียนหนังสือ เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน, รักแท้มีจริง, ความรักหลากสี, คำตอบ ใน facebook ฯลฯ หนึ่งในผู้สร้างเทรนด์ให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจธรรมะ และเป็นหนึ่งในผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต ที่มีคนเขียนไปปรึกษาปัญหาความรักมากมายมาฝากกัน สำหรับใครที่ไม่อยากตกอยู่ในวังวนนี้

เริ่มจากสิ่งแรกที่ผู้หญิงควรรู้ไว้ก็คือ ผู้ชาย ผู้หญิง "คิดต่าง" กัน และรู้สึกต่างกัน โดยเฉพาะความคิด ความรู้สึก ที่นำไปสู่ปัญหาภรรยาน้อย

"ในเรื่องปัญหาเมียน้อยนั้น ก่อนอื่นเราต้องมองว่า มันมีพื้นฐานจากความต้องการทางเพศเป็นหลัก นี่คือ ธรรมชาติของผู้ชาย คือผู้ชายต้องการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ผู้หญิงต้องการมีแค่คนเดียว มันต่างกันที่ธรรมชาติอยู่แล้ว ผู้ชายรักสนุก ในขณะที่ผู้หญิงรักความอบอุ่น ถ้าเรามองว่าปัญหาเกี่ยวกับเมียน้อย มันเกี่ยวกับความต้องการทางเพศ ผู้ชายที่มีเมียน้อย เขาไม่ได้ต้องการผู้หญิงที่ดีกว่าภรรยาของตัวเองในแง่นิสัย แต่ต้องการสีสัน ต้องการความเปลี่ยนแปลง"

"หลายๆ คนยังรัก ยังเทิดทูนภรรยา แต่อยากได้สีสัน อยากได้รสชาติใหม่ๆ เราต้องมองว่า ในเรื่องความต้องการทางเพศ แรกๆ ฝ่ายชายจะมองว่า การได้แตะต้องหญิงอื่น มันได้ล่วงเกิน ได้สนุกกับการจับต้องของที่ไม่ใช่ของของตน ของต้องห้ามมันมีความสนุก แต่พอได้มา มันจะกลายเป็นความรู้สึกเป็นหน้าที่ต้องทำความสุขให้ภรรยา และผู้หญิงพอถูกใครครอบครองไปแล้ว จะรู้สึกว่า ราคาตก ยิ่งเป็นของใครนานเท่าไร ยิ่งไม่น่าดึงดูด"

ดังตฤณ ยังบอกถึง "ความคิดอันตราย" ที่ผู้หญิง ซึ่งตกอยู่ในที่นั่ง "คนมาสาย" หรือตกเป็น ภรรยาน้อยของใครไปแล้วว่าคือ ความคิดว่า ผู้ชายกำลัง "หลง" ตัวเองอยู่ สุดท้ายแล้วก็ต้องทิ้งภรรยามาอยู่กับตัวเองจนได้ เป็นความคิดที่ยิ่งทำให้ ถลำตัวลึก จนถอนตัวไม่ขึ้น

"ผู้หญิงจะเชื่อมั่นตัวเองว่า เดี๋ยวจะดึงฝ่ายชายมาเป็นของตัวเองได้ จะเป็นความเชื่อขั้นพื้นฐานเลย โดยรู้สึกว่า ฝ่ายชายกำลังหลงตัวเองมากแล้วธรรมดาของผู้หญิงจะรู้สึกว่า อย่างนี้เสร็จแน่ ยังไงก็เป็นของเราแน่ เราไปบีบให้เขาหย่าที่หลังได้ คือพอไปตั้งความเชื่ออย่างนั้น ก็มาพบความจริงภายหลังว่า ตัวเองก็ถูกแทนที่ได้เหมือนกัน ผู้ชายถ้ายอมให้ภรรยาที่มีลูกกับตัวเองถูกแทนที่ได้ เขาก็พร้อมจะโดนแทนที่ไปเรื่อยๆ ให้ใครมาเสียบแทนไปเรื่อยๆ นี่ คือข้อเท็จจริง"

ข้อเท็จจริง อีกอย่างที่ ดังตฤณ เล่าจากประสบการณ์ที่มีแฟนๆ เขียนมาปรึกษาปัญหาความรักก็คือ

"เมียน้อยหลายคนต้องการกำลังใจ ต้องการวิธีที่จะเลิก อันนี้เป็นแง่มุมที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น จะเห็นแต่ว่า ทำแบบนี้มันเลวนะ แต่จริงๆ เมียน้อยหลายคนตกไปอยู่ในฐานะของเมียน้อยเพราะถูกหลอก พอรู้ว่า ถูกหลอก ก็เกินกว่าจะถอนตัวแล้ว เพราะมีความผูกพันทางใจ เรื่องของความสะดวกสบายที่ได้รับ เรื่องของความรู้สึกว่า คนนี้ใช่ คือทั้งสองฝ่าย ต่างรู้สึกว่า ใช่ แต่ฝ่ายชายเพิ่งมาเปิดเผยว่า มีภรรยาแล้ว ซึ่งเมียน้อยหลายคนที่มีการศึกษาเป็นถึงดอกเตอร์หรือรวยกว่า เมียหลวง ก็มี"

ส่วนใครที่มีความคิดว่า การตกเป็นเมียน้อยอาจเป็นเรื่องของ กรรมเก่า หรือเปล่า ดังตฤณ มีข้อคิดที่น่าสนใจว่า

"ในกรณีของเมียน้อย ถ้าพูดกันตามหลักของกรรมวิบาก เป็นกรรมใหม่มากกว่ากรรมเก่า ในกรณีที่เลือกได้ ซึ่งเกินกว่าครึ่ง มันมีการตัดสินใจว่า จะเอา หรือ ไม่เอา ถ้ามีการตัดสินใจแบบนี้ แสดงว่า กรรมเก่าไม่ได้บีบมาว่าต้องเป็นเมียน้อย มันขึ้นอยู่กับสิทธิในการเลือกของคุณแล้วว่า คุณต้องการจะกินน้ำใต้ศอกหรือเปล่า"

"แต่บางคนเราต้องยอมรับว่า ถูกหลอกว่ายังไม่มีเมีย หรือที่เจอบ่อยที่สุดก็คือ บอกว่า เลิกกันแล้ว กำลังจะหย่ากันแล้ว แต่ปีหนึ่งก็แล้ว สองปีก็แล้ว ที่บอกว่าจะเลิกก็ไม่เลิกสักที ฝ่ายชายมักจะมีข้ออ้างว่า ภรรรยาไม่ยอมหย่า ลักษณะนี้ เขาเรียกว่า ถูกบีบมา คือเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเมียน้อย แต่ตกอยู่ในฐานะของเมียน้อยด้วยการถูกหลอกลวง"

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนมีสิทธิเลือกทางเดินชีวิตให้กับตัวเองทั้งนั้น สำหรับใครที่อาจกำลังยืนอยู่บนทางสามแพร่ง กำลังเริ่มพูดคุย ใกล้ชิดกับคนที่มีเจ้าของ ดังตฤณ มีข้อคิดว่า ถ้าหากรู้ตัวว่าเขามีเจ้าของแล้ว และรู้ตัวว่า เราเริ่มมีใจให้กับเขา เราต้องไม่เปิดโอกาสให้มีการสานสัมพันธ์ต่อไป

"การที่เรากำลังคุยกับใคร ทั้งที่รู้ว่าเรามีใจกับเขา นี่ก็เป็นต้นเหตุของความทุกข์ อันยากจะถอนตัวแล้ว

ถ้าหากว่า เราได้กลิ่นควันไฟ ก็ยังไม่สาย ที่จะถอนตัวตั้งแต่ยังต้นลม

แต่ถ้าหากว่า เรายังคิดแต่ว่าไม่เป็นไร ยังไม่ผิดศีล ในที่สุดเราก็จะเอาตัวเข้าไปผูกรัดอยู่กับบ่วงทุกข์

หลักการง่ายๆ ถ้ารู้ว่า มีใจอยู่กับใคร แล้วรู้ว่าเขามีแฟนหรือภรรยาอยู่แล้ว อย่าไปต่อ อย่าไปพูด มันต้องใช้การหักดิบ ซึ่งอาจทำยากตรงที่เราอนุโลมตัวเองให้พูด ให้คุยไปสักระยะทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า มันมีใจ แต่ก็ยังขืนคุย มันก็จะมีเงื่อนไขที่ยากขึ้นไปอีก"


แล้วก็จะต้องเจอทุกข์ใจแสนสาหัส รออยู่เบื้องหน้าแน่นอน !!!

.......

ในวงสนทนาของผู้หญิงเข้าวัด ใครต่อใครคงคิดว่า ผู้หญิงเข้าวัด วันวันคงพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ เดินจงกรม ถือศีลแปด แต่ที่เราเคยไปร่วมในวงสมูทตี้แห่งหนึ่ง มีบทสนทนาประมาณว่า

แอบชอบผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว เรียกว่าคลิกก็ได้ จะทำยังไงดี? ไม่ได้ชอบที่รูปลักษณ์แต่เป็นตัวตน ชอบที่ความคิดความเห็นดึงดูดใจอย่างแรง ฝ่ายชายเขาไม่ได้แสดงออกอะไรนะ แถมมีพูดเรื่องครอบครัวเป็นระยะ ไม่รู้จะบอกเป็นนัยหรือเปล่า 

ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้ได้ ทุกข์มาก ทุกข์ทางใจ ศีลห้ายังดีอยู่ ยังไงๆก็ไม่คิดว่าตัวเองจะผิดศีลข้อที่สาม เพียงแต่ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกที่ว่ายังไงดี

พี่ที่อาวุโสทั้งทางวัยและประสบการณ์ในการภาวนาให้ความคิดเห็นว่า

อย่าไปแน่ใจนักเลยว่าจะไม่ผิดศีลข้อสาม เห็นมาหลายรายแล้ว พวกนักภาวนานี่แหละ มั่นอกมั่นใจนัก อีกอย่างที่น่าระวังคือ ผู้ชายบางคน เขารู้ได้โดย sense ว่าผู้หญิงแอบชอบเขา เพราะฉะนั้น นี่ก็เป็นจุดอ่อนที่ต้องระวังให้มาก

ผู้หญิงในวงคนหนึ่งแนะนำว่า ถ้าเป็นคู่แท้กันจริง ต้องเจอกันในยามที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีภาระทางใจแบบนี้ แต่นี่ไม่ใช่คู่กัน อย่าไปคิดในแง่คลิก แล้วต้องเป็นคู่แท้ อะไรอย่างนั้นเลย ตัดใจซะเถอะ

พี่สาวคนเดิมบอกว่า อย่าเพิ่งไปมั่นใจว่าเราจะรักษาข้อสามได้ พี่เชื่อว่าทางกายจะไม่ก่อปัญหา ไม่มีการจับมือถือแขนหรือไปไหนกันสองต่อสองอยู่แล้ว แต่เอาเรื่องสัมมาวาจาให้อยู่ พูดเท่าที่จำเป็น ตัดเรื่องการพูดล้อเล่น พูดเพ้อเจ้ออะไรทั้งหลายออกไป ส่วนนี้ล่ะที่สำคัญที่สุด ทั้งพูดและเขียน เอาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ตอนที่นั่งฟังตอนนั้น ยังไม่แน่ใจว่าสัมมาวาจาจะเอาอยู่ยังไง พอกลับมาฟังการสนทนาอีกรอบเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน พบว่า ข้อนี้ล่ะที่จะกั้นความสัมพันธ์ได้ชะงัดนัก เพราะจะมาเป็นปลากัดนั่งมองหน้ากันและกัน มันก็ไม่เข้าที และสัมมาวาจาที่ว่า ไม่ใช่ระวังแต่เรื่องที่จะไปเป็นมือที่สามของใคร กลับกลายเป็นระวังวาจาและการเขียนในเรื่องอื่นๆด้วย เพราะการจะระวังกับคนคนเดียว มันไม่ได้ผลเท่าใดนัก หากแต่การฝึกสำรวมระวังไม่ว่าสถานการณ์ไหน กับใคร มันทำให้การวางใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับคนคนเดียว แต่เสมอกับทุกคน ผลที่ได้มันก็ดีกว่าไปจดจ่อที่จะระวังกับคนคนเดียว 

(นึกถึงตัวเองตอนที่ฝึกเรื่องนี้ใหม่ๆ จะไม่นินทาเพื่อนร่วมงาน โอย...ยาก Smiley แต่พอฝึกไปๆ ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้หรือคนไหน มันก็จะได้ผลไปเอง ไม่ต้องไปจดจ่อว่าจะไม่นินทาคนนี้คนเดียว.. ยังไม่ได้ 100% หรอกนะ ก็...พยายามอยู่ Smiley )

พอจ.ชยสาโรเคยสอนว่า เกิดมาชาติหนึ่ง ในบรรดามรรคมีองค์แปด เอาให้ได้สัมมาวาจาข้อเดียวก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว ท่านหมายรวมถึงการเขียนด้วยเพราะคนยุคเราติดสังคมออนไลน์กันมาก

 

สำหรับกรณีมือที่สาม สัมมาวาจาค่ะเป็นด่านแรก อันนี้เป็นแวดวงประสบการณ์ของผู้หญิงเข้าวัด

ถ้าไม่ใช่นักภาวนา จะไหวมั้ยน้ากับข้อนี้ Smiley แต่คุณดังตฤณก็ให้คำแนะนำแบบนั้นนะ ว่าอย่าไปต่อ อย่าไปพูด เอาใจช่วยละกันนะ ผู้หญิงทุกคน

ปล. ไม่เคยดูแรงเงาล่ะ เชยเนอะ เป็นแกะดำของสังคมรึเปล่า? Smiley

 




Create Date : 11 เมษายน 2554
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 19:52:52 น. 0 comments
Counter : 626 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.