ภาษีที่ดิน ? ฉันเช่าบ้านบนที่ดินที่ฉันซื้อเองหรอ?
จากกรณีที่คนบนโลกออนไลน์กำลังตื่นตัวเรื่องออกกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บภาษี ที่กำลังมีการปรับเปลี่ยนอัตราที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาษีที่ดินและที่ปลูกสร้าง ที่กำลังจะปรับแก้กันนี้ ทำให้หลายคนอาจจะบ่นว่า ทุกวันนี้บ้านที่ซื้อมาก็ผ่อนส่งธนาคารหลังละตั้งหลายล้าน ดอกเบี้ยก็แพง แถมต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ค่าซ่อมบำรุง จิปาถะมากมาย ทำให้หลายคนยังมองอีกว่า มันเหมือนการเช่าที่ดินของตัวเองอยู่ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า เรื่องนี้แท้จริงเป็นยังไงกันแน่
โดยกระทรวงการคลัง นโยบายที่จะปรับเพดานภาษีที่ดินและที่ปลูกสร้าง ยังไม่ได้เคาะออกเป็นกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้เหลือกระบวนการที่จะชงเข้าครม. เบื้องต้นสรุปกันว่าจะมีการจัดเก็บ อัตรา 0.1% ของราคาประเมิน หรือล้านบาทละ 1,000 บาท ส่วนบ้านที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี บ้านที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท เสีย 50% ของ 0.1% และบ้านที่เกิน 3 ล้านบาท ในส่วน 3 ล้านบาทแรก เสีย 50% ของ 0.1% ส่วนที่เกิน 3 ล้านบาท เสียเต็ม 0.1% เท่านั้นแหละผู้คนก็พากันออกมาโวยกันขนานใหญ่ เพราะเดี๋ยวนี้บ้านและที่ดินในกทม. ราคาประเมินส่วนใหญ่เกินหลักล้านกันไปเกือบหมดแล้ว ยิ่งบ้านจัดสรรก็สตาร์ทอยู่ที่ 1.79 ล้านแล้ว บ้านบางหลังซื้อตอนราคา 6 แสน แต่ตอนนี้ราคาที่ดินบางที่พุ่งขึ้นไปอีก อาจจะทำให้ได้รับภาระหรือไม่ ? คือชาวสังคมออนไลน์อ่านจบแค่นั้นก็ตีโพยตีพายแล้ว โดยไม่ได้สนใจว่า พรบ.การจัดเก็บภาษีตัวนี้ ยังมีการประกาศบทเฉพาะกาลออกมาอยู่และยังไม่ใช่อัตราภาษีที่ดินที่บังคับใช้จริง มันมีกฎหมายลูกที่เป็นข้อยกเว้นได้อยู่โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ได้มีบทเฉพาะกาลออกมาว่า หลังจากปรับภาษีที่ดิน ในปีที่1 จะจัดเก็บ 50% ของอัตราภาษี ปีที่2 จะจัดเก็บ 75% และปีที่3 ก็จะจัดเก็บเต็มอัตราภาษีที่กำหนดไว้ รวมไปถึงมีการคาดว่าจะออกสิทธิลดหย่อนด้วยเช่น ค่าเสื่อมราคาของสิ่งปลูกสร้าง หากบ้านไหนอายุมาก ใกล้พังหรือต้องซ่อม ก็จะมีการลดหย่อนค่าเสื่อมราคาให้ด้วย โดยแบ่งเป็นประเภท ตึกคอนกรีด ตึกครึ่งไม้ ตึกไม้และคอนโด อัตราหักค่าเสื่อมราคาสูงต่ำตามอายุการถือครองรวมถึงฐานภาษีของใครที่ไม่ถึง1ล้านบาท อาจจะมีแววว่าไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องรอสรุปกันว่า ตกลงรัฐบาลจะเอายังไง? ทีนี้เราลองมาดูประโยชน์ของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกันบ้าง ? ว่านอกจากจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วยังมีอะไรบ้าง ข้อแรกคือลดความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บภาษี เพราะแต่เดิมจะมีภาษีโรงเรือนกับภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งเป็นราคาประเมินที่เก่ามากแล้ว ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน รายได้หาย การจัดเก็บภาษีที่ดินจึงมาทำให้เป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพราะว่าปัจจุบันมีข้อมูลระบุว่า ที่ดินในประเทศที่มีเอกสารสิทธิ 127 ล้านไร่ กว่า90% ไปกระจุกตัวอยู่ที่คนแค่10% หรือเอาง่ายๆคือ คน 65ล้านคน มีเพียงแค่ 6 ล้านคนเท่านั้นที่เป็นเจ้าของที่ดิน โดยใน6ล้านคนนี้ส่วนใหญ่กักตุนที่ดินปล่อยให้รกร้างไม่ได้เกิดประโยชน์ บางคนถือครองไว้เพื่อเกร็งกำไร ถ้าปรับเพดานภาษีมากขึ้นจะทำให้คนรวยที่ถือครองที่ดินต้องเสียค่าภาษีไปเปล่าๆ หลายสิบล้านบาท ทำให้เป็นเหตุจูงใจให้เจ้าของที่ต้องพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์ ไม่ปล่อยรกร้างหรือกักตุนเพราะมันจะทำให้ไม่คุ้มทุน นอกจากนี้รัฐยังมีแนวคิดเรื่อง การจัดเก็บภาษีจากฐานความมั่งคั่ง คือ คนรวย มีทรัพย์สินมาก ควรเสียภาษีมากกว่าคนจนที่ไม่สินทรัพย์ ทิ้งท้ายนิดนึงหลายคนอาจจะสงสัยว่าประเทศไทยประเทศเดียวหรือเปล่าที่มีภาษีชนิดนี้ ซึ่งหลายประเทศที่เจริญแล้ว เขามีกันหมด แต่จะเก็บมากเก็บน้อยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละรัฐบาลก็เหมือนๆกับบ้านเรานี่แหละ MThai News
Create Date : 11 มีนาคม 2558 |
Last Update : 11 มีนาคม 2558 22:34:28 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1109 Pageviews. |
|
|
|