เปิดแหล่งที่มา 2 พันล้าน ขบวนการโกงจาก ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ยังคงติดตามกันต่อกับคดีสุดอัปยศ อื้อฉาววงการสีการกี กับการทุจริต รับส่วย รวยอื้อกว่า 2 พันล้าน จากการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ที่จากผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กลายร่างแปลงอำนาจมาเป็นผู้มีอิทธิพลขบวนการทุจริต โดยมีเครือข่ายทั้งนายตำรวจและพลเรือนร่วมขบวนการ กระทั่งถูกตั้งข้อหา แอบอ้างเบื้องสูง เรียกรับสินบนการแต่งตั้งโยกย้าย รับส่วยจากบ่อนและน้ำมันเถื่อน ใช้อำนาจโดยมิชอบ ปฎิบัติหรือละเว้นปฎบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตคอรัปชั่น ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน รวมถึงฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ คดีนี้ยังเชื่อมโยงไปยังพลเรือนที่เกี่ยวข้อง คือ นางสวงค์ มุ่งเที่ยง ตำรวจข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า รวมถึงตามไปจับกุม นายชอบ และนางปิยพรรณ ชินนะประภา น้องสาวและน้องเขย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ช่วยกันฟอกเงิน ถึงตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าขบวนการเหล่านี้ มีจำนวนกี่คน คาดว่า คงไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่การสาวไปถึงบุคคลอื่นต้องรอ พยานหลักฐานรองรับ ที่ผ่านมา เครือข่ายเหล่านี้ได้แอบอ้างสถาบันฯ เพื่อแสวงหา ผลประโยชน์ในทุกๆด้าน ประชาชนเกิดคำถามขึ้นว่า ทรัพย์สินจำนวนมหาศาล 2 พันล้าน เหล่านี้ ได้มาโดยวิธีใด จากที่ปัญหาที่ฝังรากลึกกับการรับส่วย ที่ปราบอย่างไรก็แก้ไม่หมด นี่เองมาจากการรับส่วยบ่อนการพนันทั่วประเทศ บางพื้นที่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จับให้เป็นผลงานบังตา แต่สุดท้ายก็ผุดขึ้นมาพร้อมกับการรับเงิน รวมถึงการวิ่งเต้นตำแหน่งข้าราชการตำรวจสอบสวนกลาง ที่หลายคนจะคาดหวังว่ามีความโปร่งใสในระบบนี้ จนมาเฉลยแล้วให้เห็นความจริง มันมีใต้โต๊ะกันมาแต่ช้านาน และที่สำคัญการเรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำต่อเดือนถึง 15 ล้านบาท ลองคิดดูว่าขนาดธุรกิจจะใหญ่โตขนาดไหน ขนาดนายดาบที่ทำหน้าที่ขับรถยังมีทรัพย์สินกว่า 50 ล้านบาท และการแอบอ้างเบื้องสูงโดยไม่มีใครกล้าแตะต้อง สามารถรีดเงินได้ไม่ยาก เงินจากเครือข่ายทั้งหมดจะต้องปกปิดไว้ โดยการใส่ตู้เซฟฝังดิน ในห้องที่มีการปิดอย่างหนาแน่น จากการตรวจค้นบ้านพักบุคคลเครือข่าย ทั้งหมด 15 สถานที่ ก็พบว่ามีทั้ง เครื่องประดับ รถยนต์หรู ภาพวาดราคาแพง แสตมป์ทองคำ รูปปั้นประติมากรรมสมัยก่อน พระพุทธรูปเงินสดและธนบัตรดอลลาร์ ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นวัตถุโบราณรวมทั้งเครื่องประดับและพระพุทธรูปที่ต้องรอผลการตรวจสอบด้านคุณค่าและที่มาของทรัพย์สิน เชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่อาจซุกซ่อนอยู่อีกหลายจุด และยังคงมีอีกหลายกองบังคับการที่อยู่ในสายบังคับบัญชาของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอีกกว่า 30 นาย ซึ่งมีรายชื่อชัดเจนอยู่ที่ ผบ.ตร.แล้ว หากพบพยานหลักฐานที่ชัดเจน ก็รอการเปิดโปงให้เห็นอีกเรื่อยๆ นับเป็นผลงานของทางการไทยที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่น่าเชื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จะมีทรัพย์สินมากขนาดนี้ แถมยังมีบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก คดีนี้ใช้เวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็สามารถรวบตัว พร้อมเครือข่ายได้ ต้องติดตามกันอีกยาวว่า คดีนี้จะลงเอยเช่นไร ไม่แน่ อาจจะมี นายตำรวจ อีกลอตใหญ่ โยงใยกับขบวนการเครือข่ายการกระทำความผิดฯ MThai News
Create Date : 02 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2557 8:24:30 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1119 Pageviews. |
|
|
|