ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
เราลองมานึกภาพบรรยากาศเกาะรัตโกสินทร์ เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนกันครับ (ตามภาพเก่า ในสายตาฝรั่ง)

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 พฤษภาคม 2556(วัฒนธรรม)



Copy//เมษายนที่ผ่านมาถือเป็นเดือนแห่งการสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 231 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองอันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของคนไทยผืนนี้ ผ่านกาลเวลาและดำรงความเป็นเอกราชยืนยาวมาจนถึง 231 ปี

แต่ถ้าจะให้จินตนาการกลับไปถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์หรือกว่าสองร้อยปีก่อนว่าราชธานีแห่งนี้มีบรรยากาศหรือรูปแบบเมืองเป็นเช่นไรก็คงยากเกินไปที่จะจินตนาการ ยิ่งเมื่อพูดถึงครั้งการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ใหม่ๆนับจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนาและสร้างกรุงเทพเป็นราชธานี ในปี พ.ศ. 2325 ก็ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชี้ชัดว่ารูปแบบเมืองในครั้งนั้นจะมีหน้าตาเป็นเช่นไรคงเป็นเพียงการคาดคะเนและทึกทักกันเอาเอง ส่วนเรื่องภาพถ่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะเทคโนโลยี่การถ่ายภาพ เข้ามายังกรุงสยามก็ล่วงเลยจนกระทั่งขึ้นรัชกาลที่ 3แล้ว โดยมีบาทหลวงชาวฝรั่งเศสชื่อ ยัง บัปติส ฟังซัว หลุยส์ลาร์โนดี (Larnaudie) นำกล้องถ่ายรูปพกติดตัวขึ้นเรือมาบางกอกตามคำขอของสังฆราชปาเลอกัวที่ประจำในสยามก่อนหน้านั้นแล้ว

แต่ความโชคร้ายของสยามที่แม้ว่าเทคโนโลยี่การถ่ายภาพจะเข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 แต่ก็ยังไม่มีการถ่ายภาพบรรยากาศคนและทิวทัศน์เมืองบางกอกเลยเนื่องจากในยุคสมัยนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีราคาค่างวดสูงมากกับการถ่ายภาพคงเน้นไปที่การถ่ายภาพตัวบุคคลเสียมากกว่าเพราะสามารถเก็บเงินเก็บทอง ทำกำไรได้ครั้นจะเอากล้องไปถ่ายรูปวิวรูปเมือง ก็ไม่รู้จะไปเก็บเงินกับใคร สิ้นเปลืองเปล่าๆ

ในเมื่อไม่มีการถ่ายภาพเมืองบางกอกแล้ว และหลักฐานที่กล่าวถึงการสร้างกรุงในยุคแรกๆเล่า จะพอมีให้อ้างอิงบ้างไหม เท่าที่สืบค้นหลักฐาน ก็ค้นพบว่ามีเพียงรายละเอียดที่ปรากฏในพรราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์(ขำ บุนนาค) ซึ่งถือว่าเป็นบรรยากาศการสมโภชพระนครได้ชัดเจนที่สุดดังนี้

“ครั้นการฐาปนาพระนครใหม่สำเร็จบริบูรณ์แล้วจึงทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองสมโภชพระนครให้นิมนต์พระสงฆ์ทุกอารามทั้งในกรุงนอกนอกกรุงขึ้นสวดพระพุทธมนต์บนเชิงเทินทุกใบเสมาๆละองค์ๆ รอบพระนคร พระราชทานเงินเกณฑ์ให้ข้าราชการทำกับข้าวกระทงมาเลี้ยงพระสงฆ์ทั่วทั้งสิ้น แล้วให้ตั้งโรงทานรายรอบพระนครพระราชทานเลี้ยงยาจกวรรณิพกทั้งปวง แล้วให้ตั้งต้นกัลปพฤกษ์รายรอบกำแพงเมืองทิ้งทายต้นละชั่งทั้งสามวัน สิ้นพระราชทรัพย์เป็นอันมาก ให้มีการมหรสพต่างๆกับทั้งละครผู้หยิงโรงใหญ่ เงินโรงวันละสิบชั่ง สมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดารามกับทั้งพระนครด้วยครบสามวันเป็นกำหนด ”

และบันทึกของกรมหลวงนรินทรเทวี พระเจ้าน้องนางเธอในรัชกาลที่ 1 ได้ทรงจดหมายเหตุไว้ว่า“ณ เดือน 8 ปีมะเสงพระโองการรับสั่งให้มีงานละครผู้หญิงโรงใหญ่สมโภชพระแก้ว ประทานเงินโรงวันละ 10สามวัน สำหรับพระสงฆ์ ทรงประเคน แล้วทรงถวายน้ำผึ้งไม้ท้าวศาลาฉ้อทาน ตั้งรายรอบพระนคร ทิ้งต้นกัลปพฤกษ์สามวันต้นมีการมหรศพสมโภชพร้อมเถลิงพระนครด้วย”


ภาพวาดลายเส้น ลงสีด้วยมือ ของ Bertuch ส่วนหนึ่งของสารานุกรมชุด Biderbuch for Kinder พิมพ์ระหว่างปี พ.ศ. 2333-2363ซึ่งถือเป็นภาพรายละเอียดบรรยากาศกรุงรัตนโกสินทร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการค้นพบ

นอกเหนือจากหลักฐานที่เป็นบันทึกดังกล่าวก็ยากที่จะจินตนาการว่ารูปแบบเมืองบางกอกเมืองครั้งสร้างกรุงใหม่ๆ เป็นเช่นไรเพราะชาวสยาม ไม่นิยมบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นประจำวันไว้เป็นจดหมายเหตุให้คนรุ่นหลังได้สืบค้นดังนั้นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระนครจึงพยายามสืบเสาะค้นหาว่าในโลกนี้มีใครหรือผู้ใดเคยวาดภาพกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อครั้งสร้างบ้านแปงเมืองไว้บ้าง

ความพยายามค้นคว้าดังกล่าวใช้เวลานานกว่าทศวรรษกระทั่งได้ค้นพบภาพวาดสำคัญภาพหนึ่ง ซึ่งเป็นการวาดและลงสีด้วยมือเป็นผลงานการพิมพ์ของ Bertuch ในชุดสารานุกรมชื่อ Biderbuchfor Kinder ของเยอรมัน ซึ่งตำราดังกล่าวถูกพิมพ์ขึ้นในระหว่าง ปีพ.ศ. 2333-2363 โดยภาพลายเส้นกรุงรัตนโกสินทร์หรือเมืองบางกอกชิ้นนี้อยู่ในกลุ่มงานสิ่งมหัศจรรย์ของโลกซึ่งเป็น 1 ใน 14 กลุ่มที่ Bertuchพิมพ์ขึ้น

และที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับคนไทยก็คือภาพวาดลงสีด้วยมือใช้แม่พิมพ์ทองแดงที่เห็นนี้ ปัจจุบันมีการค้นพบในสภาพสมบูรณ์แบบเพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำให้เรามองเห็นบรรยากาศเกาะรัตนโกสินทร์ที่ย้อนกลับไปเกือบ 200 ปีได้เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นภาพร่างง่ายๆ ของพระบรมมหาราชวังหรือบ้านเรือนริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมไปถึงกำปั่นจากยุโรปที่เข้ามาค้าขายยังกรุงสยาม แต่สิ่งที่สะดุดตา เมื่อได้เห็นภาพชิ้นนี้ก็คืออาคารก่อปูนขนาดย่อมแลดูคล้ายคูหาห้องแถวเล็กๆ เรียงรายริมตลิ่งฝั่งเกาะรัตนโกสินทร์ที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดแวะพักรับส่งสินค้าของกำปั่นต่างเมืองที่เริ่มเข้ามาค้าขายในกรุงสยามเวลานั้น



ส่วนอีกภาพหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกันในรายละเอียดแต่สังเกตเห็นภาพวาดพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นคือภาพวาดจากงานพิมพ์ชื่อ Temple Siamois a Banckok (and) Vue de Banckok พิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสในปีพ.ศ. 2373 โดย Tenre for Dumont D’Urville “VoyagePittoresque Autour” ถ้าสังเกตให้ดีๆ จะพบว่าสิ่งที่คล้ายคลึงกันและไม่ปลี่ยนแปลงก็คือคูหาที่เรียงรายริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงมีลักษณะ หนาแน่นเช่นเดียวกับภาพของBertuch และคาดว่าน่าเป็นจุดรับส่งสินค้าของเรือกำปั่นต่างๆที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี และทำการค้ากับกรุงรัตนโกสินทร์สืบเนื่องกันมา

ดังนั้นจากอดีตถึงปัจจุบัน ภาพเมืองบางกอก หรือในอดีตถูกเรียกขานในนามว่า Banckok ราชธานีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คูหาขนาดย่อมที่เห็นในภาพวาดหรือแม้แต่บ้านเรือนที่สร้างอย่างง่ายๆ ด้วยไม้ไผ่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาก็ได้ถูกกลืนหายไป แปรเปลี่ยนเป็นภาพตลิ่งปูนซีเมนต์ ที่ป้องกันน้ำเซาะกร่อนพังและถ้าเราจ้องมองภาพวาดของ Bertuch ก็จะได้ยินเสียงกุลีชาวจีนส่งเสียงกันโหวกเหวกแบกกระสอบข้าวยางพารา ตับผ้าไหม เกลือ พริกไทย ไม้ฟืน บ้างก็แบกดีบุก ตะกั่ว งาช้าง ไม้ฝาง ขนนกและไม้กฤษณา ลงเรือเล็ก เพื่อส่งไปขึ้นกำปั่นใหญ่ ที่จอดรอกลางแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ที่หนักหนา และคงต้องร้องกันอึกทึก ก็คงเป็นกุลีผู้โชคร้ายที่ต้องทนแบกตุ๊กตาจีนหรือเครื่องอับเฉาที่หนักเกินกว่าหนึ่งคนจะทานทนได้

สุดท้ายเมื่อกาลเวลาผ่านไป 231 ปี ณ จุดเดิมเราก็ยังคงได้ยินเสียงเซ็งแซ่ แต่เป็นเสียงผู้คนที่โหวกเหวกขายของมือสองและโต๊ะพระ ที่วางเรียงราย รวมไปถึงเสียงรถตุ๊กตุ๊ก ที่วิ่งกันขวักไขว่ส่วนฝรั่งจากที่เคยคอยกำปั่นใหญ่ ก็กลายเป็นฝรั่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง ซึ่งกลาลครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของ ธผู้ทรงสร้างเมือง และแผ่นดินกรุงรัตนโกสินทร์นั่นเอง

ชมภาพอื่นๆ 




ภาพวาดลายเส้น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวังในสายตาฝรั่งเมื่อครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์



ภาพวาดลายเส้นบ้านเรือนแพ ริมแม่น้ำของประชาชนชาวสยามในสายตาฝรั่ง พิมพ์ในหนังสือ The Illustrated London ฉบับวันที่11 สิงหาคม 2398




ภาพวาดลายเส้นขาวดำ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากหนังสือ Viaggio pittorescointorno al mondo มีคำอธิบายภาพว่า Palazzo a Banchock พิมพ์ในปี พ.ศ. 2384 โดย Antonelli




ภาพวาดลายเส้น พระบรมมหาราชวัง และบ้านเรือนริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมองจากฝั่งธนบุรี เป็นภาพวาดกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสายตาฝรั่ง จากหนังสือ The Illustrated LondonNews ฉบับวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2410



(ภาพสี-ภาพล่าง)ภาพวาดลายเส้น พระบรมมหาราชวังและบ้านเรือนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมองจากฝั่งธนบุรีเป็นภาพวาดกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสายตาฝรั่ง จากหนังสือ The Illustrated LondonNews ฉบับวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2410 (ต้นฉบับเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้เผยแพร่โดยตรงเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน วันที่ออกจำหน่ายก็วันเดียวกันคือวันที่ 25 พฤษภาคม 2410 )

(ภาพสี-ภาพบน) ภาพพิมพ์สีเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช


ท่านที่สนใจข้อมูล บทความดีๆ มีสาระ สามารถเข้าไปกด like บน Facebookตามลิ้งก์ด้านล่างนี้ เพื่ออ่านข้อมูลปัจจุบัน และย้อนหลัง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อยครับ

//www.facebook.com/tourrattanakosin









Create Date : 10 พฤษภาคม 2556
Last Update : 10 พฤษภาคม 2556 8:40:45 น. 1 comments
Counter : 2435 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 พฤษภาคม 2556 เวลา:7:25:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.