Group Blog
 
All blogs
 

Lonely me in Kansai วันที่ 1 นารา

ผ่านอะไรมาก็มาก กว่าจะได้มาเหยียบดินแดนในฝัน
จนวันเดินทางแล้ว ยังไม่อยากเชื่อเลย

วันที่ 11 เมษายน 2551
ออกจากที่ทำงานก่อน 1 ทุ่มนิดๆ นั่งแท็กซี่ไปสุวรรณภูมิ
กลัวรถติด เพราะเป็นวันหยุดยาว
ที่ไหนได้ ว่างโล่ง ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง

จัดการอะไรโหลดกระเป๋าเรียบร้อย
โดยเช็คอินทางเนตมาก่อนแล้ว เพราะอยากเลือกที่นั่งเอ
ขอนั่งหน้าๆ ริมทางเดิน ไม่อึดอัดดี

แล้วก็ไปหาอะไรรองท้องก่อน ไม่ได้กินอะไรตั้แต่ บ่ายมาแล้ว

เดินไป เดินมา ไปลงเอยที่ บะหมี่เป็ด + น้ำ ราคาแพงมหาโหด
ที่ร้านกาแฟ แบรนด์ไทยๆ ได้ยังไง (200 บาทได้)

ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปอะไร ในสนามบินเลย
จะว่าไป ขึ้นเครื่องที่นี่มา 4 ทริปแล้ว
(ในชีวิตก็ขึ้นเท่านั้นแหละ ไม่เคยขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองเลย)
ยังไม่เคยถ่ายรูปปั้นกวนเกษียรสมุทร เลย (สะกดถูกไหม)

ไม่ได้ซื้ออะไรที่ Duty Free
หนังหน้าอย่างเรา เครื่องสำอางค์ระดับปานกลาง
ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ก็เอาอยู่แล้ว
ใช้ของแพง แล้วมันดันดีขึ้นมา จะลำบาก

เครื่องออก 4 ทุ่มนิดๆ ไม่มีปัญหา
เสิร์ฟอาหาร ไม่มีปัญหา ทานอะไรไปน๊า....สปาเก็ตตี้ นั่นเอง
ทานแบบง่วงๆ แต่เอาเข้าจริง ก็นอนไม่หลับ

แปลกอย่างนึง เราเป็นคนกลัวความสูง
กลัวกระเช้า และสะพานแขวนมากๆ กลัวนั่งเรือด้วย
แต่ไม่กลัวเครื่องบิน

ถึงอย่างนั้น ก็ไม่กล้านั่งริมหน้าต่างอยู่ดี เพราะมันอึดอัด เข้าออกยาก
แถมการนั่งดูวิวนานๆ จิตใจจะพาลเตลิด ฟุ้งซ่านไปได้

แต่ตอนเครื่องขึ้น - ลง ชอบดู ที่บางสายการบินเค้าถ่ายจากล้อมาให้

สรุป ไปเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่น โดยได้นอนแค่ 2-3 ชั่วโมง
ไม่นับวันก่อนหน้านั้น ที่นอนดึกๆ ทุกคืน

ไม่ได้ถ่ายภาพบนเครื่อง
ไม่ได้ถ่ายภาพที่สนามบิน

นี่คือภาพแรก จากญี่ปุ่น บนรถ Haruka นั่งจากสนามบินคันไซ ตรงดิ่งไปเกียวโต (แวะจอดตามสถานีใหญ่ ๆ เท่านั้น)
ถ้าซื้อตั๋ว ต้องจ่ายประมาณเกือบ 3000 เยน
แต่เราข้อมูลดี (อาศัยชาวบ้านเค้าทั้งนั้น ขอบคุณชาวพันทิปนะคะ)
ซื้อ JR West Pass (ใช้ในแถบคันไซ นั่งชิงกังเซนไม่ได้) มาจากเมืองไทย
(ต้องเอาไปแลกเป็นตั๋วที่สถานี JR สนามบินก่อน)

วันละ 2000 เยน ใช้รถ JR ได้ทั้งวัน ซื้อมา 2 วัน 4000 เยน
แต่ถ้านานกว่านั้นราคาก็ลดลงอีกแน่ะ



ง่วงๆ โง่ๆ งงๆ ตอนลงเครื่อง จนมาอยู่บนรถไฟ อากาศเย็นๆ
เสื้อไหมพรม สีชมพูแปร๋นมากๆ อยู่โน่น ใส่เดินไปไหน อายๆไงไม่รู้
เค้าใส่แต่ สีดำ เทา ขาว น้ำตาล เบจ ประมาณเนี้ย
ตัวที่ใส่ขึ้นเครื่อง ก็เอาอยู่ (บวกเสื้อยืด 2 ชั้นข้างใน)

แต่พอไปถึงเกียวโต ออกจากรถไฟเท่านั้นแหละ บ้านนอกเข้ากรุงแท้ๆ เลยเชียว
อากาศหนาวมาก ๆ ด้วย ยื่นสั่น + งง มีแผนที่ ที่พักมา แต่จะไปยังไงละเนี่ย...
ต้องไปหาห้องน้ำเข้า แล้วเปิดกระเป๋าใหญ่ เอาเสื้อผ้าร่มตัวใหญ่ออกมา
แล้วค่อยมาหาทางต่อ
สุดท้ายเลยนั่ง subway ไป 1 สถานี (แค่หาทางลงใต้ดินยังลำบากเลย)
และวันต่อๆมา ก็หลงสถานีเกียวโตอีกบ่อยครั้ง...

ที่พัก J-Hoppers Kyoto
ห้องที่พักคือที่วงไว้ หน้าต่าง 1 ฟุต x 1ฟุต นั่น ทำให้ใจแป้วมากๆเลย
แถมห้องยังอยุ่ชั้น 5 อีกตะหาก ลิฟต์ไม่มี บันไดก็แคบ
ร่ำๆจะขอเปลี่ยนไปนอนดอมหญิงแล้ว ดีว่าเค้าไม่มีเตียงว่าง

บอกตรงๆ กลัวทริปล่มเหมือนตอนไปฮ่องกงคนเดียว

แต่สุดท้ายไม่มีปัญหาอะไร ที่พักอาจจะเก่าหน่อย แต่ก็สะอาด
และเจอคนใจดีเยอะ อยู่ ๆ ไปพอวันต้องเปลี่ยนที่พัก ก็ใจหายเหมือนกัน
ก็นอนตั้ง 6 คืนแน่ะ นอนฟังเสียง ก๊อกๆ แก็ก ของห้องดอมข้างๆ
เสียงคนฉี่ (ห้องน้ำอยู่หน้าห้องพอดี
เผลอๆ ตอนดึกๆ คงมีคนพักผู้ชายฉี่ไม่ปิดประตูแน่เลย...




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2551 19:13:29 น.
Counter : 435 Pageviews.  

กว่าจะได้ไป ญี่ปุ่น

ไปมาแล้ว กลับมาแล้ว ญี่ปุ่น ประเทศในฝันของเรา (และหลายๆคน)
ก่อนจะเล่าเรื่อง อยากจะเกริ่นนำก่อน
ถึงความอยากลำบาก ในการจะไปลุยเดี่ยวครั้งนี้

แค่การขอวีซ่า หลายๆคนก็บ่นกันมา ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
โดยเฉพาะสาวโฉด เอ๊ย โสด หน้าตาเกือบดี ไปคนเดียว

และเรื่องของเรายังซับซ้อนกว่านั้นอีก
นอกจากหน้าที่การงานที่มั่นคง เป็นหลักแหล่ง (แต่ก็เป็นบริษัทเอกชน) แล้ว
ไม่มีอะไรอื่นการนตีได้เลย ว่าเราจะไม่โดดร่ม อยู่ที่โน่น

แต่คงเพราะ แผนการเดินทางที่คงเขียนออกมาดูดี (ไปจริงก็ไม่ได้เท่านั้นนะ)
ประกอบกับหนังหน้าของเรา เมื่อเจ้าหน้าที่ได้คิด พิจารณาดีแล้ว

ก็โทรมาบอกให้ไปรับผลวีซ่าได้
(ยื่นวันอังคาร เจ้าหน้าที่ไม่นัดวัน แต่โทรมาบอกวันศุกร์ ให้ไปรับเช้าวันจันทร์ต่อไป)
การรอคอย 1 สัปดาห์นั้น มันช่างโหดร้าย

แต่ไม่เท่า การรอคอยอีก 1 เดือนที่สาหัสกว่า เพราะมันมีเงิน 25,300 บาท
และ ความรู้สึก ผิดหวัง ทั้งที่เตรียมการทุกอย่างมาอย่างดี วีซ่าก็ผ่านแล้ว
เป็นเดิมพัน

บริษัททัวร์มือชื่อพอควรเจ้านึง ทำเราเจ็บปวดมาก
เรารู้ ว่าตั๋วญี่ปุ่น ช่วงสงกรานต์ มันต้องแก่งแย่งกันขนาดไหน
เผลอๆ มีเงินก็ซื้อไม่ได้
(จริงๆก็คงซื้อได้ ถ้าจ่ายหนักจริงๆ แต่มันคงดูโง่ๆ แถมชั่วร้ายอีกตะหาก)

หลังจากโทรไปหลายๆเจ้า แต่ยังไม่ได้ตกลงกับเจ้าไหน
เราก็เลือกบริษัทที่ว่านี้ เพราะความที่เราเห็นชื่ออกสื่อบ่อย ๆ
และเรารู้มาว่า ตั๋วสงกรานต์ มักจะถูกเอเย่นทัวร์จองที่ไว้
เพื่อขายทัวร์ต่อไป
ปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากทำใจ ขอลางานเจ้านายได้แล้ว
เราก็ได้ทำการพูดคุย และจองที่ไว้กับบริษัทนี้เลย
เป็นตั๋ว ไป-กลับ กรุงเทพ - โอซาก้า แน่นอนว่าชั้นประหยัด
( เพราะถ้าชั้นไม่ประหยัด ชั้นคงจะไม่ได้ไปเที่ยวอ่ะนะ )
ไป 11 เมษา กลางคืน กลับ 19 เมษา บ่าย บิน SQ

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ราคา เราก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวอะไรว่า
เจ้าไหนจะถูกกว่าเจ้าไหน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ 1,000 บาท เราก็รับได้
แลกกับความสบายใจ ว่าบริษัทเค้าใหญ่ เค้าไม่อะไรผิดพลาดแน่ๆ
แล้วเค้าก็เมล์ยืนยันการจองมาให้ ทุกอย่าง ถูกต้อง แน่นอน

เดือนธันวาคม เราก็โทรไปย้ำอยู่ 2 ครั้ง เพื่อยืนยันว่า ถ้าได้วีซ่า เราเอาแน่ๆ
ด้วยความเกรงใจ ไม่เคยจองอะไรนานๆ แบบนี้

กลางเดือนมกราคม ก่อนวันเกิดเรา 1 วัน เราก็รีบไปขอวีซ่า
เจ้าหย้าที่ยังถามเลย ว่าเรามาขอเร็วไปหรือเปล่า
เพราะถ้าได้วีซ่า มันจะหมดอายุ 90 วัน
หมายถึงเราต้องเข้าญี่ปุ่นก่อน 18 เมษายนแน่ๆ ถ้าผิดพลาดมา
จะเปลี่ยนแผนการเดินทางไม่ได้เลยนะ
เราก็บอกเค้าไปว่า ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้ไปก่อน 18 เมษา ก็แปลว่าไม่ไปแล้วค่ะ

ใจจริง เพราะเราห่วงตั๋วมาก ไหนจะที่พักอีก อยากคอนเฟิร์มทุกอย่างให้เรียบร้อย

วันที่ 21 มกรา รับผลวีซ่าแล้ว (ได้อยู่ในญี่ปุ่น 15 วัน)
รีบโทรไปเรื่องตั๋ว บอกว่าเอาแน่แล้วนะ
แต่เพราะจ่ายบัตรไม่ได้ ต้องโอนเงินอย่างเดียว
เลยถามเค้าว่า รอวันสิ้นเดือนได้ไหม จะได้ไม่ต้องไปถอนเงินก้อนออกมา
เค้าก็ว่าได้...แต่พอวันต่อมา เราก็ร้อนใจ อยากได้ตั๋วมากอดมากกว่า
แถมเค้าก็โทรมา บอกจะโอนเงินมาเลยไหม (แล้วเมื่อวาน คุยกันไม่รู้เรื่องหรือไง งง)
เราก็เลยไปโอนเงินในวันพุธที่ 23 มกรา เสร็จแล้วก็โทรไปบอกเคา

วันพฤหัส ที่ 24 มกรา เราโทรไปถามเค้าเรื่องตั๋ว เค้าบอกกำลังเมล์มาให้

วันศุกร์ที่ 25 มกรา เราเช็คเมล์ก่อนไปทานข้าว แล้วพิมพ์ตั๋วออกมา
แต่พบว่า ตั๋วเราออกเป็น
ไป 01 เมษายน กลับ 19 เมษายน ...

เราก็ร้อนใจมาก รีบโทรหา เค้าออกไปทานข้าว..
เราก็รีบกลับมาเปิดเมล์ ของเดือนพฤศจิกายนดู เพราะกลัวว่ามันจะผิดตั้งแต่ตอนนั้น แต่เราสะเพร่าเอง
ปรากฏว่า เมล์อันนั้น ถูกต้องทุกอย่าง

เงินก็โอนแล้ว วีซ่าก็ได้มาแล้ว คงเดาไม่ยาก ว่าเรารู้สึกยังไง

และเรื่องราวต่อจากนั้น ก็เป็นเรื่องของการ ขอโทษ ต่อรอง
น้ำตา (ของเราคนเดียว บริษัทนั้นคงไม่รู้อะไร)
เราโทรไปหาเค้าอย่างใจเย็น เรารู้ว่ามันมีผิดพลาดกันได้
แต่เราก็คงยังไม่ได้คำตอบอะไรดีๆ ไม่มีการโทรมาหาเราก่อนเพื่อบอกควมคืบหน้าเลย
จนเราทนไม่ไหว มาระบายในพันทิป และเข้าไปคอมเม้นท์ ที่เวบเค้า

เค้าก็โทรมาบอกว่า กำลังพยายามอยู คุยกับเซลล์ของ SQ ทุกเช้าแต่ตั๋วมันเต็มมากๆ (กลายเป็นเราติด Waitlist อยุ่ ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว)

เราก็บอกเค้าไปว่า เรากังวลมาก จะดีกว่าไหมถ้าจะโทรมาบอกอะไรเราบ้าง
ไม่ใช้จะโทรมาทีเดียว เมื่อได้ตั๋วแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

และเพราะได้รับคำแนะนำจากชาวพันทิป (ขอบคุณมากๆค่ะ > ) เราก็ได้โทรไปหา SQ เองด้วย ขอร้องเค้าให้ช่วย หลังจากนั้นไม่นาน 1 เดือนนับจากวันจ่ายเงิน
เราก็ได้ตั๋วมา และได้กลับช้ากว่าแผนเดิม 1 วัน (เป็นบ่ายวันอาทิตย์)
ก็ดีไปอย่าง

สุดท้าย เราไม่ได้ติดใจอะไรบริษัทนี้อีก ยังคิดเลยว่าถ้ามีโอกาส
อาจจะใช้บริการอีก เพราะเรื่องคงไม่เกิดซ้ำ 2
แต่เพราะหลังจากเรื่องจบลงหลายวัน มีชายคนนึง โทรมา
บอกว่าจากบริษัทนั้น ช่วงที่เกิดเรื่องอยู่ญี่ปุ่นพอดี เลยไม่ได้ติดต่อมาก่อน
ท่าทางคงใหญ่โตพอควร เค้าก็ขอโทษและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น

ก็ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์โทรมา แต่..ไม่รู้เราเป็นคนแปลกรึเปล่า
เราไม่ชอบวิธีที่เค้าพูดเลย บอกตรงๆ ว่าดูวางโต ถึงจะสุภาพก็ตาม
แถมยังบอกว่า ช่วงสงกรานต์ แย่งตั๋วกันมาก
เคสเรา อาจเป็นเพราะโดนบริษัทอื่นเล่นกลเอาก็ได้

...เรื่องอย่างนี้ เราไม่อยากรู้หรอกค่ะ




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2551 13:31:52 น.
Counter : 386 Pageviews.  

Lonely me in HK 5



มามะ จะพาไปเที่ยว
คืนที่ 2 ในฮ่องกง เรานอนได้เร็วขึ้น แต่ยังกำพระไว้เหมือนเดิม
สวดมนต์ก่อนนอนด้วย !!
อยู่เมืองไทย ไม่เคยทำค่ะ นอกจากตอนเด็กๆที่แม่บังคับ

วันนี้อากาศแจ่มใสไม่ขมุกขมัว เหมือนเมื่อวาน
รวมทั้งใจเราด้วย คงเพราะรู้แล้วว่าคืนนี้ จะไม่ต้องกลับมานอนห้องนี้อีก
และเมื่อคิดคำนวณดูแล้ว
สถานที่ ที่เราจะไป ก็คงต้องเป็นที่ที่เดินทางสะดวกหน่อย
ตกลงกับตัวเองได้แล้ว ก็มีแผนดังนี้ค่ะ
ไปวัดนางชี โดยแวะสวนก่อน แล้วต่อด้วย หวังต้าเซียน
แวะหมงก๊ก กลับไปเก็บของ เช็คเอาท์ (ค่าห้องคืนนั้น จ่ายไปแล้ว)
ไปแวะขึ้นรถไฟดิสนี่ย์ ถ่ายรูปหน้าทางเข้า
แล้วไปสนามบิน

ทำได้สมดังใจทุกปะการ
แต่ตอนนี้เหนื่อย เอาแต่รูปละกันน๊า...



สวน Nanlin ได้โปรด อย่าพลาด สวยมากๆค่ะ เราไปเดินถ่ายรูป
เจอกรุ๊ปคนแก่ชาวจีนด้วย น่ารักดี

ป้ายห้องน้ำก็เก๋



หลังม่านน้ำตก มีร้านอาหารอยู่ (อาคารเขียวๆ)
เสียดาย ไม่ได้เข้าไปทาน เค้าจะมีป้ายบอกราคาด้านนอกให้ดูก่อนด้วย



แล้วต่อไปวัดนางชี ไม่รู้เพราะได้ออกมานอกเมืองหรือเปล่า
วันนี้เราผ่อนคลายมาก และมีความสุขกับการเดินดู ถ่ายรูป โน่นนี่มาก
ชักเสียดาย ที่ๆจะยังไม่ได้ไปอีกหลายที่



อีกอย่างที่เรารู้สึก (ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบ แต่รู้สึกค่ะ เรียกว่าประทับใจมั้ง)
คือภาพตึกสูงๆ ติดกันเป็นแผงๆ น่าจะเป็นที่อยู่อาศัย
และยิ่งมาเป็นแบ๊คกราวด์ให้อาราม วัดต่างๆ ยิ่งดู...ดู ฮ่องกง


มุมไม่เด่น ที่วัดหวังต้าเซียน...



ตอนไหว้เจ้าแม่กวนอิม พระต่างๆ รวมถึงหวังต้าเซียน
เราขอแต่ อยากกลับบ้านอย่างปลอดภัยค่ะ

ที่หวังต้าเซียน เราไม่ค่อยประทับใจ ออกแนวเฉยๆ ค่ะ
อ้อ ที่นี่ มีคนมาขอให้เราถ่ายรูปให้ด้วย เค้าก็มาคนเดียวเหมือนกัน
เรื่องเล็กๆ แต่จำได้ เพราะมันเกิดในที่ๆไกลออกไป..

ออกมาจากวัดหวังต้าเซียน ก็ไปพักที่ Starbuck ที่ห้างข้างๆ กินน้ำส้ม ชมบรรยากาศ
(คนรอบข้าง ที่พูดภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่อง)

แล้วก็ไปแวะหมงก๊ก ก่อนกลับโรงแรม

คนเยอะมากๆๆๆๆ คึกคักน่าดู จริงๆ เราเห้นตั้งแต่ตอนนั่งรถเมล์ผ่านแล้ว
ดึกๆ ดื่นๆ ที่อื่นเค้าคนซากันแล้ว หมงก๊กคนยังเยอะอยู่
ใครกลัวเหงา พักแถวนนี้น่าจะดีนะคะ

กินพุดดิ้งมะม่วง ที่ร้านของหวานยอดฮิตด้วย (อากาศช่วงนี้นร้อนอบอ้าวมาก)
แต่ถ่ายรูปออกมาแย่มาก ไม่กล้าอวดค่ะ

เก็บของ เช็คเอาท์แล้ว ก็ไปนั่งรถไฟกันค่ะ







ปิดท้ายด้วยรูปหน้า Disneyland ค่ะ
ตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะไม่เข้าไป แต่เหมือนเค้ารู้ทันคนที่คิดอย่างเรานะคะ
บรรยากาศด้านหน้า เค้าเลยจัดให้เชิญชวนมากๆเลย
โดยเฉพาะเพลงที่เปิดตามสายน่ะค่ะ มันช่าง เร้าใจ อยากซื้อบัตรเข้าไปข้างในมากๆ

ดีนะที่บัตรแพง และมันก็บ่ายมากแล้ว เราเลยไม่ต้องเสียตัง




สรุป ทริปทางไกลคนเดียว ทริปแรกนี้
ในแง่นึงก็ถือว่าล้มเหลว แต่อีกแง่ ประสบการณ์ที่เราได้ มันมากมายเลยค่ะ
และด้วยความที่มันยังค้างคาใจ มีที่ๆพลาดไปหลายที่ อาหารที่พลาดไปหลายอย่าง

เราเลยไปฮ่องกงอีกครั้ง คราวนี้ไปกับเพื่อนสาวค่ะ เป็นทริปที่ สนุก สดใส
แตกต่างอย่างสิ้นเชิง




 

Create Date : 15 มีนาคม 2551    
Last Update : 15 มีนาคม 2551 4:35:41 น.
Counter : 619 Pageviews.  

Lonely me in HK 4

นี่แค่วันแรก ของทริป 3 วันนะเนี่ย
ไหงยาวยืดมาขนาดนี้



คิดตกแล้ว เราก็จับ AE เข้าสนามบินเลยค่ะ อยู่ไม่ได้แล้ว ฮ่องกง
(มีแต่คนใจร้ายยยยย) เพื่อจะไปหาตั๋วกลับ
หลังจากเดินวนไปมา นั่งรอ ใช้เวลาหลายชม.ในสนามบิน
เราก็เลื่อนไฟลท์ได้ เป็นวันรุ่งขึ้น โดยจ่ายไป 2,000 บาท
ตั๋วถูก กลายเป็นตั๋วแพงซะงั้น..

ช่วงเวลาที่ยังไม่สำนึกนั้น เราก็ดี๊ด๊า นั่ง A21 กลับมาโรงแรม
เป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ หมดไปอีกหนึ่งวัน
สรุป วันแรกของเรา อ่าว พิพิธภัณฑ์ และสนามบิน
ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในด้านการท่องเที่ยว
แต่ด้านประสบการณ์ ทั้งการหาตั๋ว เลื่อนตั๋ว การใช้สนามบินฮ่องกง (เดินทางเข้า-ออก)
ก็ถือว่ามาชดเชยกัน (ได้ไม๊.. )

...แสงไฟของตึกไกลๆ จากหน้าต่างรถเมล์...ช่วงเวลาที่เรายังนึกถึงบ่อยๆ



ทำไมมันซึมเศร้าอย่างนี้ เอาไว้ตอนหน้า จะได้เที่ยวจริงๆค่ะ




 

Create Date : 15 มีนาคม 2551    
Last Update : 15 มีนาคม 2551 3:48:23 น.
Counter : 264 Pageviews.  

Lonely me in HK 3



และแล้วเราก็ได้ลงมาเหยียบแผ่นดินเกาลูน
เราลงป้ายที่ 10 เนื่องจากเลือกพักที่โรงแรม Mayfair Garden
เพราะราคาห้องเป็นหลัก
หลังจากยืนงงอยู่หลายวินาที ก็หาแลนด์มาร์กเจอ คือห้าง Wing On
ซึ่งจะมีในผนที่ ที่เราปริ๊นท์มาเป็น booklet ด้วย
จากนั้นก็เดินนับซอย ซอยที่นี่เล็กกว่าที่คิดมากเลยค่ะ
แล้วก็เดินเข้าซอยไปยังตึกที่ตั้งโรงแรม ป้ายจะหายากนิดนึง เพราะมันจะเล็กมาก
และทางเข้าโรงแรมก็เป็นแค่ช่องประตูเล็กๆ เปิดเข้าไปก็เจอลิฟท์ บันได และรปภ.

ซึ่งล๊อบบี้ก็ต้องขึ้นลิฟท์ไป (น่าจะชั้น 2 แต่ในลิฟท์จะมีบอกค่ะ)

สรุป เราจองไว้ 3 คืน รวมคืนที่ไปถึงด้วย และเราได้ห้องพัก 506
ตอนรอเช็คอิน เจอครอบครัวคนไทยด้วย ก็ยิ้มให้กัน แอบอุ่นใจนิดๆ

แต่เมื่อขึ้นไปเจอสภาพห้อง โอ....จิตตกในทันใด
ที่ๆเราจะต้องมานอนคนเดียว ห่างบ้านห่างเมือง
เราอยากได้เตียงคู่ (อันนี้ปัญหาเยอะเนาะ ไอ้เตียงเหญ่ 1 เตียง กับ เตียงเล็ก 2 เตียงเนี่ย)
แบบ เตียงใหญ่ 1 เตียง เพราะเรานอนคนเดียว และ จริงๆก็กลัวผีค่ะ
แต่กลับได้ห้องเตียงเดี่ยว 2 เตียง แถมยังกลิ่น
พรมเลอะๆ ผ้าม่านเปื้อนๆ นั่นอีก

เหมือนความรู้สึกนึกคิด สติ สัมปะชัญญะ จะขาดผึงลง
เราน้ำตาร่วงเลยค่ะ...

คิดแต่ว่า ช้านมาทำอะไรที่นี่เนี่ย.... ทำไมอ่านทู้ที่ใครๆเค้าเดินทางคนเดียว
ไม่เห็นมีใครบ่นว่า เหงา เศร้า จิตตก กันบ้างเลย

เราก็ได้แต่นึกว่า คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้สิ

คืนนั้น หลังจากโทรกลับเมืองไทย ระบายอารมณ์อยู่นาน (หมดหลายตังเลย )
เราก็นอนกำพระ ที่ปกติอยู่เมืองไทย ไม่เคยห้อย นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น

ตื่นมา พระยังอยู่ในมือเหมือนเดิม...

วิวจากห้องพัก มีดีอยู่อย่างนึง...



สังเกตอากาศวันนั้น ขมุกขมัว เหมือนใจเราเลย

สายวันนั้น หลังจากนั่งซึมอยู่ในห้อง กว่าจะกระตุ้นตัวเองให้ออกมาข้างนอกได้
เราก็เดินค่ะ เดินไป Tsim Sa Tsui ด้วยแดดที่ไม่ร้อน ทำให้เราเดินไปได้ไกลขนาดนั้น
ระหว่างทาง แวะกดน้ำชามะนาวมาดื่ม อร่อยจริงๆ ยังติดใจอยู่เลย

และนี่คือมื้อเช้าแรกของเรา ที่ Sogo TST หุๆ




โต๋เต๋ที่ซุปเปอร์ในห้างซักพัก (ของน่าซื้อเยอะเลย)
ไม่มีอารมณ์จะไปไหนเลยค่ะ ก็เลยเดินไปริมอ่าว และแวะเข้า Art Museum
ชอบมากๆเลยค่ะ ทำเลดีสุดๆ วิวก็ดีมากๆ อยากมีที่อย่างนี้ใกล้ๆบ้านจัง



ชื่นชมของสวยงามไป แต่อีกใจก็สับสนมาก
อยากกลับบ้าน มาก...ที่สุด คิดแต่ว่าจะทำยังไงจะเลื่อนไฟลท์กลับดี
ใช้เนตในพิพิธภัณฑ์ (ฟรี) ไปหลายรอบ + โทรศัพท์ไปที่สายการบินหลายครั้ง

ระหว่างนั้นก็ไปหาอาหารทานต่อ ไปเจอ Cafe de coral ที่หลายคนแนะนำ
นี่ก็เป็นอีกที่ ที่ทำให้เราจิตตกลงทุกทีค่ะ

Cafe de Coral จะเป็นฟาสท์ฟู้ด แต่อาหารจะหลากหลาย
เมื่อเราไปที่แคชเชียร์ สั่งอาหาร จ่ายเงิน รับบิลมา
ก็เดินไปเข้าแถว เอาบิลยื่นให้คนจัดอาหาร แล้วก็ยกมาทานที่โต๊ะ
เราก็ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่แล้วก็ทำให้รู้ถึงอุปสรรคของการ เที่ยวคนเดียว

เราไม่มีใครจองโต๊ะให้ ค่ะ

จะไปนั่งที่ไหน เค้าก็ทำท่าปฏิเสธ บอกว่ามีคนนั่งแล้ว
ร้านก็ไม่ใช่เล็กๆ แต่คนเยอะมากๆๆๆ
เรา ที่ถือถาดอาหาร เดินไปเดินมา หาที่นั่ง
สุดท้าย ไปได้ที่ในซอกๆนึง เป็นโต๊ะที่หันหน้าเข้าผนัง มีเก้าอี้ 2 ตัว
1 ในนั้น ถูกจับจองแล้ว โดยอาเฮีย หน้าตา ท่าทาง ฮ่องก๊ง ฮ่องกง
แถมถือมือถือ กับโพย (น่าจะโพยม้า) ในมือ พร้อมมีชาอยู่แก้วเดียว ตรงหน้า

เราเข้าไปนั่งเจี๋ยมเจี้ยมข้างๆ จัดการกับข้าวหมูแดง
(หมูแดงอร่อยสุดๆ ในโลกแคบๆของเรา)
ชิ้นใหญ่เบ้อเร่อ กินไป อาเฮียแกก็ทำ ฟึดๆฟัดๆ ไป เหมือนเรามารบกวน
หมดอารมณ์อร่อยกัน สุดท้าย เราก็เลยลุกไป ทั้งที่เหลือหมูแดงตั้งครึ่งชาม

นาทีนั้น เกลียดฮ่องกงจับใจเลยค่ะ




 

Create Date : 15 มีนาคม 2551    
Last Update : 15 มีนาคม 2551 3:24:19 น.
Counter : 285 Pageviews.  

1  2  

salamanka
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add salamanka's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.