นายอะซาดุลละห์รับสารภาพว่าเป็นผู้สังหารลูกสาวด้วยตัวเอง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของครอบครัว หลังจับได้ว่าลูกสาวของเขาขโมยถุงยางอนามัยเพื่อนำไปมีเซ็กส์กับคนรักของเธอ ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่ครอบครัวไม่ยอมรับ ทั้งนี้ นายอะซาดุลละห์และนางชาเซีย วัย 41 ปี ผู้เป็นภรรยา เป็นผู้อพยพมาจากประเทศปากีสถานและแต่งงานกันโดยการจับคู่ตามความเหมาะสม ซึ่งนายอะซาดุลละห์ก็ต้องการให้ลูกสาวแต่งงานด้วยวิธีการเดียวกับตน และได้วางแผนหาคู่ครองไว้ให้ลูกสาวแล้ว

ผู้เป็นแม่ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ลูดสาวได้ไปค้างคืนนอกบ้านหลายวันติดต่อกันและไม่ยอมใส่ผ้าคลุมศีรษะ จนวันหนึ่งก็มีจดหมายส่งมาแจ้งที่บ้านว่าเธอถูกจับเพราะพยายามขโมยถุงยางอนามัยในร้านค้า จึงได้รู้ว่าลูกสาวกับแฟนหนุ่มเลยเถิดไปถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว หลังจากนั้นมาจึงให้เธอกลับมาอยู่ที่บ้าน แต่ก็พบว่าลูกสาวยังคงลอบไปพบกับคนรักอยู่เหมือนเดิม

ด้านผู้เป็นพ่อให้รายละเอียดกับเหตุการณ์นี้ว่าวันเกิดเหตุ 28 ก.ย. ว่า ในคืนนั้นได้ส่งลูกสาวคนเล็กไปนอนที่บ้านญาติ จนช่วงเวลาระหว่าง 02.00-03.00 น. ของวันที่ 28 จึงได้ย่องเข้าไปในห้องนอนของลูกสาวคนโต แล้วลงมือรัดคอลูกสาวขณะที่เธอกำลังหลับ โดยขณะนั้นภรรยาก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้วย แล้วร่วมกันนำศพเธอไปทิ้งที่อ่างเก็บน้ำในป่าไกลจากบ้าน กระทั่งร่างของลูกสาวถูกพบโดยผู้คนที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นในวันถัดมา

นางชาเซียผู้เป็นแม่ได้ให้การต่อศาลว่า เธอจำยอมต้องทำตามเพราะเกรงกลัวสามี แต่ลูกสาวคนเล็กวัย 14 ปีให้การแย้งว่า มารดาของตนก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด ทั้งยังบอกว่าตนเองก็เคยถูกแม่หวดด้วยด้ามไม้มาแล้ว ขณะที่แฟนหนุ่มของผู้ตาย ซึ่งเป็นนักศึกษาและคนขับรถแท็กซี่ ให้การว่าเธอเคยเล่าให้ฟังว่าถูกแม่ดีด้วยด้ามไม้และเอามือเธอไปนาบกับหม้อร้อน ๆ และพ่อก็เคยพยายามรัดคอเธอมาแล้ว

นายอะซาดุลละห์ เอ่ยกับศาลว่า ถ้าสามารถทำแผนการให้สำเร็จลุล่วงได้ก็จะยังคงทำแบบเดิม พร้อมบอกว่า ภรรยาก็แค่เชื่อฟังคำสั่งตนเท่านั้น ส่วนตัวเองนั้นก็รักภรรยาและลูกสาวทั้งสอง

Create Date : 30 กันยายน 2558
Last Update : 30 กันยายน 2558 8:59:26 น.		0 comments
Counter : 1134 Pageviews.
Share Tweet