ปปง.มีมติอายัดที่ดินของ"พงศ์พัฒน์"และพวก 104 รายการมูลค่า400ล้าน พบญาติ-น้องเขยเป็นนอมินีถือครองแทน ส่วนใหญ่อยู่นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรสาครและนครปฐม

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง.แถลงผลการประชุมของคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 16/2557 โดยที่ประชุมฯ มีมติอายัดทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตรอง ผบช.ก.กับพวก ชุดแรก 104 รายการ ส่วนใหญ่เป็นโฉนดที่ดินในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน เห็นว่าพฤติการ การกระทำของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกมีลักษณะความผิดฐานฟอกเงิน มาตรา 5 ประกอบมาตรา 10 และมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อมูลทรัพย์สินชุดแรก ซึ่งเป็นที่ดินจำนวน 136 รายการ ตามที่ สตช.ได้ส่งข้อมูลมาให้ ป.ป.ง.คณะกรรมการฯ ได้ลงความเห็นสั่งให้อายัดที่ดินจำนวน 104 รายการ เนื่องจากเป็นการพิจารณาส่วนทรัพย์สินหลังจากได้มาดำรงค์ตำแหน่ง ผบช.ก. ตั้งแต่ 1 ต.ค.2553 มีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท

ส่วนใหญ่ครอบครองในชื่อของญาติและน้องเขย แต่ไม่มีชื่อผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะที่เป็นที่ดินเป็นชื่อของ พล.ต.ท.พงศ์พัศน้อยมาก โฉนดที่ดินส่วนใหญ่จังหวัดแถบปริมณฑลรอบๆ กทม. เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม แต่จะมีมากที่จังหวัดนนทบุรี อีกทั้งที่ดินบางแปลงพบว่ามีชื่อคนถือครองร่วม 5-6 คนด้วย โดยบุคคลที่มีชื่อครอบครองในที่ดินเหล่านั้น และยังไม่ถูกดำเนินคดีจับกุม ก็จะเปิดโอกาสให้มาชี้แจงต่อ ป.ป.ง.ภายใน 30 วัน ถึงที่มาที่ไป หากชี้แจงไม่ได้ ไม่สมเหตุสมผลก็จะทำการยึดทรัพย์ และจะส่งข้อมูลนี้ให้ทางตำรวจ ส่วนเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตำรวจ

"โฉนดที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชานเมือง เช่น สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี ซึ่งพื้นที่นนทบุรีมีมากที่สุด ในวันพรุ่งนี้ (10 ธ.ค.) จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่มีชื่อครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้เข้าชี้แจงที่มาทรัพย์สินตามขั้นตอนต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินเจ้าหน้าที่ ปปง.จะเข้าไปสอบถามในเรือนจำ โดยทรัพย์สินดังกล่าวเป็นเพียงทรัพย์ชุดแรกที่ปปง.ได้รับจากพนักงานสอบสวน หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะทยอยส่งทรัพย์สินอื่นให้พิจารณา คาดว่าจะเป็นวัตถุโบราณและของมีค่าต่างๆ ส่วนรถยนต์หรู จำนวน 10 คัน ยังต้องรอการตรวจสอบเอกสารให้ชัดเจน เพราะบางคันอาจเป็นรถประจำตำแหน่ง หรือรถยนต์ของทางราชการ" เลขา ปปง.กล่าว