Love to Eat , Drink , Travel
บล็อกนี้เน้นเขียนรีวิวร้านอาหารเท่านั้น
|| อยากชวนเราไปรีวิว เมล์มาที่ skylab.bkk@gmail.com
|
|||
รีวิวร้านมังสวิรัติ เชียงใหม่ เจคิทเช่น บายเวียงจุมออน (J Kitchen) ⁞ ชื่อร้าน : เจ คิทเช่น บายเวียงจุมออน (J Kitchen by ViengJoomOn) รายการอาหาร : อาหารมังสวิรัติ , อาหารเจ เวลาเปิดบริการ : 11.00 - 21.00 (ปิดวันอาทิตย์) ที่ตั้งร้าน : ในโครงการกรีนพลัสมอลล์2 ซอยข้างIndex Livingmall ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่, เชียงใหม่ Thailand พิกัด GPS : 18° 47' 48.04" N 99° 1' 26.54" E -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- วันนี้แวะมารีวิวร้านอาหารใหม่ ร้านนึงในตัวเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากได้แวะไปลองชิมมาเมื่อต้นเดือนที่แล้ว เป็นร้านอาหารสไตล์มังสวิรัติ /อาหารเจ แบบโมเดิร์นสไตล์ ร้านนี้เป็นร้านในเครือเดียวกับร้านน้ำชาเวียงจุมออน ทีเฮ้าส์อันโด่งดัง (ระดับที่ติด Top10 สถานที่ต้องแวะไปเมื่อคุณคิดจะไปเที่ยวเชียงใหม่เลยนะฮัฟ) ร้านที่มารีวิววันนี้คือ J Kitchen by Vieng Joom On (เจคิทเช่น บายเวียงจุมออน) พิกัดสถานที่ตั้งร้านเจ คิทเช่น อยู่ในโครงการ Green Plus Mall2 ซอยข้างๆ Index Livingmall กับตึกเมืองไทยประกันชีวิตครับ จากถนนซูเปอร์ไฮเวย์ (ที่จะมุ่งหน้าไปลำปาง) เข้ามาในซอยประมาณ 2-300 เมตร ก็จะเจอร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมเลยครับ หาไม่ยาก หรือถ้าใครรู้จักศูนย์ดีแทค เชียงใหม่ ร้านนี้ก็อยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องๆกันหน่อยครับ ส่วนที่จอดรถ ก็จอดได้รอบๆร้านเลย เหลือเฟือมาก อันนี้ขอก็อปแผนที่เก๋ๆ มาจากเฟสของร้านครับ //www.facebook.com/jkitchencm แวะดูเมนูแนะนำสักนิด เห็นร้านบอกว่า พวกเมนูแนะนำหน้าร้าน จะสลับไปเรือยๆแทบทุกเดือน เพื่อความไมจำเจ มาสำรวจภายในร้านกัน ร้านนี้ตกแต่งร้านแบบมีคอนเซ็ปต์ที่น่าถ่ายรูปมากๆ เขาบอกว่าแต่งเป็นสไตล์แนวๆอินเดีย ผสม ทิเบต โทนสีของร้านจะเน้นสีเขียวตัดกับสีแดงอิฐ อย่างที่เห็นตรงผนังนั้นแหละ หน้าต่าง 2 บานนี้เปิดไม่ได้นะ แต่เป็นพร็อพกำแพง ที่ดูมีเสน่ห์มากๆ โต๊ะทานเข้าและเก้าอีนั่ง ก็ดูแปลกตาไปจากร้านอาหารทั่วๆไป อีกฝั่งของร้าน ก็จะเห็นเป็นผนังเพ้นต์ลวดลายประมาณนี้ ออกโทนสีเขียวๆ (ลายแบบนี้เรียกว่าอะไรไม่แน่ใจ แต่ดูแปลกตา มีสไตล์ไม่เหมือนใครดีเนอะ) อันนี้เดินขึ้นมาแว็บดูบนชั้น2 ของร้านเหมือนๆ จะเป็น Private Room ได้เลย สำหรับคนชอบความเป็นส่วนตัวหรือจะมาปาร์ตี้กันกลุ่มเล็กๆ ก็ไหวอยู่ อีกมุมหนึ่ง ของชั้น 2 พื้นที่ไม่ใหญ่นัก มีโต๊ะอาหาร 4-5 ตัว มาดูเมนูกันบ้าง มีสองเล่ม เล่มเล็กเป็นเครื่องดื่ม เล่มใหญ่เป็นอาหาร (ผมชอบร้านในเครือเวียงจุมออนจริงๆ เขาใส่ใจในทุกๆรายละเอียด ขนาดเมนูยังพิถีพิถันให้ดูสวยงามเลย) เมนูของร้าน J Kitchen มีหลากหลายมากทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติแบบไทยๆ แต่ว่าใช้พวกเต้าหู้และเห็ดต่างๆเป็นส่วนประกอบหลัก หน้านี้เป็นเมนูพวกสลัด+ยำยำ และพวกผัดผัด อย่างหนึ่งที่ต้องชมเชยมากๆ เกี่ยวกับเมนูคือ เนื่องจากร้านเขาขายทั้งมังสวิรัติและอาหารเจ ฉะนั้นเมนูไหนมีส่วนประกอบของ ไข่ หรือ นม ผสมอยู่จะมีเป็นรูปไอคอนเล็กๆ กำกับไว้อยู่ทุกเมนู ทำให้คนที่กินเจแบบเคร่งคัด สามารถเลือกได้ง่ายขึ้น หน้านี้เป็นพวกอาหารจานแนะนำ จะเห็นมีไอคอนรูปขวดน้ำมันด้วย ร้านเขาภูมิใจนำเสนอมาก บอกว่าที่นี้ส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันเมล็ดชา ในการปรุงอาหาร เขาบอกว่าน้ำมันชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะมีวิตามินหลากหลาย และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ผมก็บอกว่าผมเคยได้ว่าน้ำมันมะกอกนั้นดีต่อสุขภาพ หลายๆร้านอิตาเลียนมักนำมาประกอบอาหาร ทางร้านเขาก็บอกว่าน้ำมันเมล็ดชานี้ ก็มีประโยชน์ไม่ด้อยกว่าน้ำมันมะกอกเลยนะ ผมกลับมาบ้านแล้วมาลองเสิร์ชข้อมูลดู ก็พบว่าจริงด้วย เพิ่งจะรู้จักน้ำมันเมล็ดชา ก็จากร้านนี้แหละ (อ้างอิงจากบทความ รู้ไม๊ว่า น้ำมันจากเมล็ดชาดียังไง) มาเริ่มกันที่เครื่องดื่มกันก่อน แก้วนี้คือ Bake Apple Ice Tea [90 บาท] ชาเย็นรสแอ็ปเปิลสีแดงเข้ม มีเลมอนฝ่านใส่มา รสหวานหอม เปรี้ยวนิดๆ อีกแก้วเป็น Earl Gray GreenTea [90 บาท]สีเหลืองอ่อนๆ เคยทานแต่เอิร์ลเกย์ที่เป็นชาร้อน พอมาลองทานแบบเย็นก็สดชื่นดีเหมือนกัน เอาอาหารทานเล่นมาก่อน จานนี้คือ Popeye Cheese เป็นแผ่นแป้งทอดกรอบด้านในสอดไส้ชีส หอมมากๆ ทานคู่กับซัลซ่าซอสสีแดงๆ [95บาท] ต่อกันที่ "ทอดมันข้าวโพดหวาน" เป็นทอดมันที่ทานเป็นของทานเล่นได้สบายๆ ทานคู่อาจาด อร่อยเบาๆ [105บาท] เมนูนี้ร้านแนะนำมาเป็นเมนูพิเศษช่วงนี้ เลยลองซะหน่อย "เต้าหู้เย็นวากาเมะ" [85บาท] เป็นเมนูที่ฟินเอามากๆ มันคือเต้าหู้นิ่มๆ ที่โป๊ะสาหร่ายวากาเมะเคี้ยวหนุบๆไว้ด้านบน ราดซอสรสเค็มๆหวานๆ ทานพร้อมๆกันมันได้รสสัมผัสในปากที่อร่อยแบบบอกไม่ถูก ความนิ่มของเต้าหู้ผสมความหนุบหนับของวากาเมะ จานนี้ "เกี๋ยมอี๋ลุยสวน" เป็นเมนูผักเยอะอีกเมนู ข้างในมีเส้นเกี๋ยมอี๋ผสมเห็ด ผักกาดหอม ราดน้ำจิ้มลุยสวน [95บาท] มาที่เมนูเส้นๆบ้าง "แองเจิลแฮร์ผัดน้ำมันเมล็ดชา" [140บาท] เป็นเส้น angelhair เล็กๆ ผัดใส่เห็ดและพริกแห้ง ใช้น้ำมันเมล็ดชาในการปรุง จานต่อมาเป็นเมนูแนะนำของร้าน "ข้าวผัดเจคิทเช่น" เป็นสูตรซิกเนเจอร์ชื่อเดียวกันกับร้าน เป็นข้าวผัดใส่เห็ดใส่โปรตีนเกษตรทอดกรุบๆ และถั่วฝักยาวหั่นสั้นๆ ทานคู่กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์-มะนาว-พริก[120บาท] "ห่อหมกเห็ดรวม" เป็นเมนูพิเศษช่วงนี้ รสชาติก็เหมือนห่อหมกที่เราเคยกินกันแต่ข้างในใส่เห็ดหลายอย่างมาแทน รสเผ็ดนิดๆ ไม่มากเท่าไร [75บาท] ร้านนี้มีข้าวสวยหอมมะลิ และข้าวกล้อง บริการ เสิร์ฟมาเป็นถ้วยๆ ราคาจะต่างกัน ข้าวสวยหอมมะลิถ้วยละ20 ข้าวกล้องจะ25 แพงกว่านิดนึง มาถึงเมนูที่อร่อยที่สุดในมื้อนี้ของผมก็คือ "เห็ดผัดผงกะหรี่" [95บาท] ดูเผินๆถ้าซื้อไปฝากคนอื่นๆแล้วไม่บอกว่านี้เป็นมังสวิรัติ ทุกคนคงคิดว่าเป็นปูหรือกุ้งผัดผงกะหรี่เป็นแน่ เพราะรสชาติมันใช่เลย เพียงแต่ว่าวัถตุดิบหลักคือเห็ดออรินจิ อร่อยสุดๆ ทานคู่กับข้าวกล้อง นี้สุดยอดเลย ในราคาเพียง 95 บาท มาที่เมนูเส้นๆอีกจาน "สปาเก็ตตี้ผัดต้มยำ" [140บาท] รสเผ็ดแบบต้มยำเลยละครับจานนี้ เห็ดที่ใส่มาคือเห็ดออรินจิ มาที่เมนูอร่อยเป็นอันดับ2 ในมื้อนี้(รองจากผัดผงกะหรี่) ผมยกให้ "ยำตะไคร้เห็ดเข็มทอง" จานนี้เลย ร้านเขาเอาเห็ดเข็มทองไปทอดกรอบๆฟูๆ มาแล้วโรยด้วยพริก-ตะไคร้-แครอท-เม็ดมะม่วง ราดด้วยน้ำยำรสแซ่บกำลังดี แต่จานนี้ต้องรีบทานหน่อย ไม่งั้นเห็ดทอดกรอบจะนิ่มเพราะน้ำยำ ทานตอนยังกรอบๆอยู่อร่อยมาก [150บาท] หลังจากอิ่มอาหารหลักแล้ว เราก็นั่งย่อยกันไปสักพัก ก็ลองมาดูเมนูขนมหวานกันบ้าง ที่เจคิทเช่น ก็จัดเตรียมไว้ไม่น้อยเลยทีเดียวมีทั้งมูสต่างๆ,ไอติมมะพร้าวอ่อน,เค้กก็มี เครื่องดื่มก็มีทั้งชาและกาแฟ (เนื่องจากเป็นร้านในเครือชาเวียงจุมออน ก็เลยมีชาร้อน ชาเย็นมาขายที่นี้ด้วยหลายรส แต่ไม่ครบเหมือนที่ Vieng Joom On) จัดขนมมาอย่างแรก "มูสมะพร้าวอ่อน และมูสลอดช่อง" เสิร์ฟมาแบบเก๋ๆเหมือนขนมจากร้านเวียงจุมออนเลย เป็นของหวานเบาๆ ที่กินได้ไม่หนักท้องเลย หอมกลิ่นกะทิอ่อนๆ ทานคู่กับชาร้อนกำลังดี มูสราคาถ้วยละ 25 บาทเท่ากันทั้ง2 รส อีกอย่างที่สั่งมาคือ "ข้าวเหนียวโอนีมะพร้าวอ่อน" ใส่เผือกกวนชิ้นโตๆมาด้วย น้ำกะทิเข้มข้น กลิ่นหอมมากๆ [65บาท] ทานขนมก็ต้องคู่กับชาร้อนถึงจะเข้ากัน สั่งชา "1001 Arabian Night" ร้านบอกว่าส่วนผสมเป็นชาดำและชาเขียวมาผสมกัน นำเข้ามาจากแถบอาหรับ ราคาชาร้อนกาละ 90 บาท ใครอยู่ในเมืองเชียงใหม่ อยากหาร้านมังสวิรัติ/เจ อาหารอร่อยๆ แนะนำเลยครับร้านนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆ แล้วจะรู้ว่าอาหารมังสะ มันมีอะไรมากกว่าที่คุณเคยทานจากร้านอื่นๆ เพราะได้คุยกับเจ้าของร้านช่วงท้ายๆ พี่เขาบอกว่าร้านนี้ประกอบอาหารโดยใช้เห็ดและเต้าหู้ และส่วนประกอบจากธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ได้เอาพวก หมูเทียม(เจ) , ไก่เทียม(เจ) ไส้กรอกเทียม(เจ) หรือเนื้อสัตว์(เทียมๆ) มาทำเป็นอาหารเลย เพราะร้านบอกว่า วัตถุดิบพวกนั้นเป็นอาหารที่สังเคราะห์-ปรุงแต่งขึ้นมา ให้ได้สี/กลิ่น/รสคล้ายกับเนื้อสัตว์จริงๆ แม้จะทำจากแป้งก็ตาม ลองดูพวกเมนูอาหารใหม่ๆของร้านเจคิทเช่นได้ที่เฟสร้านนะครับ |
New skylab
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ชอบกิน ชอบลองอาหารใหม่ๆ ร้านอาหารอร่อยๆ Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
อ้อ พาชิมร้านอาหารอิตาเลียนที่เมืองนีซ ฝรั่งเศสกันคะ