Group Blog
 
All blogs
 

เมื่อวายร้ายตัวน้อย อายุ 16 เดือน Talay 16 Months

catlozocat



Click to play A Sunshine Day
Create your own scrapbook - Powered by Smilebox
Make a Smilebox scrapbook


June 20, 2008

เวลาแต่ละวันผ่านไปเร็วมาก จนคุณแม่ลงบล็อคไม่ทันเลยค่ะ ช้าไปหลายวัน น้องทะเลตัวน้อย ครบ สิบหกเดือนแล้วเมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านมา คุณแม่รู้สึกได้เหมือนกับว่าน้องเพิ่งคลอดได้ไม่นานเลย มาถึงวันนี้มาดูสิเจ้าตัวน้อยของเราเริ่มทำอะไรได้บ้างแล้ว

การพัฒนาการของน้องทะเล อายุ 16 เดือน

นักศิลเปอะ
ทะเลชอบการขีดเขียนเป็นที่สุด เผลอไม่ได้ เลย ถ้าได้เจอปากกาหรือดินสอของพี่ปั๊บละก็ ไม่พลาดเลย จะเขียนไปหมด เสื้อผ้า หน้าผาก เละไปหมดค่ะ ต้องคอยดูไม่อยากให้คลาดสายตาเลย ไม่งั้นข้างฝาบ้านคงเป็นจิตรกรรมฝาผนังอันสวยงามของทะเลเป็นแน่เลย


นักแจมตัวดี
เป็นคนใจดี อยากทำอยากเป็นผู้ช่วยทุกคนไปหมด ไม่ว่าใครจะทำอะไร ทะเลจะขอเข้ามักจะขอมีส่วนด้วยเสมอ แจมทุกเรื่องนั่นเอง เมื่อสองวันก่อนช่วยจนได้เรื่องค่ะ เอามือถือแดดดี้ไปเก็บไว้ที่ไหนไม่รู้หาไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าทิ้งขยะมั๊ย แล้วคุณแด้ดดี้ก็ไม่เคยใช้ระบบเสียงด้วยจะใช้แบบสั่นตลอด เลยหาไม่เจอ สุดท้ายต้องไปซื้อใหม่ น้องแจมเราทำหน้าที่ได้ดีเกินเหตุ จนต้องเสียเงินกันอีก เฮ้ออ....

สุดหล่อ แสนทะเล้น
ชอบเล่นจ๊ะเอ๋ Peek ga boo, ชอบทำหน้าทะเล้น แบบเห็นแล้วหมันเขี้ยวมากมาก อยากกัดอ่ะ อยากแกล้ง เป็นคุณแม่ที่ไม่ดีเลยเนอะ ทะเลจะเริ่มให้ความร่วมมือ กับการแต่งตัวให้เขามากขึ้น ชอบแต่งตัวหล่อหล่อ ชอบใส่รองเท้าเป็นที่สุด ใส่เองได้เป็นบางครั้ง เพราะคิดว่าการได้ใส่รองเท้าคือ การได้ออกไปข้างนอก จะมีความสุขเมือ่ได้เห็นคุณแม่หรือใครใครหยิบรองเท้ามาใส่ เอหรือบ้ารองเท้าเหมือนคุณแม่น๊า



นักกิจกรรมตัวยง

ชอบเล่นต่อบล็อก ต่อได้หลายชั้นมาก ถ้าใครต่อแข่ง เค้าจะไปทำการล้มของคนอื่นหมดเลย ไม่ดีอันนี้ต้องสอนกันค่ะ , จะชอบปีนขึ้นและลงกระได ปีนได้ทั้งวัน ไม่รู้จักเหนื่อย แต่ยังไม่สามารถทำได้ดีนัก ยังต้องระวังตกกระได เนื่องจากเขายังไม่รู้จักการควบคุมการทรงตัว อย่างผู้ใหญ่ได้ดีนัก (กำลังเรียนรู้วิธีอยู่นั่นเอง) ไม่เคยอยู่นิ่ง เงียบเป็นหลับ ขยับเป็นซน




ผู้รู้ไปหมดทุกเรื่อง เก่งเหลือเกิน....ลูกใครเนี่ย..แสนรู้จริงจริง

ทะเลเริ่มฝึกฝนตนเองหลายอย่าง ว่าจะปีนกระได เดินเร็วๆ (หรือวิ่ง) แต่เนื่องจากยังไม่มีทักษะมากพอ ก็มักจะล้ม หรือทำไม่ได้ดังใจ ทำให้บางครั้งรู้สึกหงุดหงิด เมื่อทำไม่ได้ ก็มีวีนแตกกันบ้าง หรือล้มลงไปก็ร้องให้จ้า ชอบร้องเพลง เอาไมค์มาจ่อปากทั้งวัน ทั้งที่ยังพูดไม่เป็นภาษามนุษย์เท่าไร ร้องออกมาเป็นเสียงเหมือนมอเตอไซค์มากกว่าค่ะ แต่ก็ชอบ ทั้งร้องทั้งเต้น มันส์ไปเลย


นักฟังที่ดี

ชอบให้คุณแดดดี้ อ่านหนังสือให้ฟัง ตามตำราบอกว่า ถ้าฝึกอ่านหนังสือกับลูกมาแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ลูกยังเล็ก ก็ขอให้ทำต่อไป (สำหรับคนที่ยังไม่ได้เริ่ม ก็ควรเริ่ม ทำการอ่านหนังสือกับลูกด้วย) , ลูกยังอยากเรียนรู้อีกมาก และเด็กเองจะชอบที่มีคุณอยู่ใกล้ ควรให้ลูกเลือกหนังสือที่จะอ่านเอง และอ่านไปกับเขา แม้ว่าคุณจะพบว่า อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ตาม คุณสามารถช่วยลูกให้เรียนรู้สิ่งอื่นๆในหนังสือได้ เช่น การพูดถึงสัตว์ต่างๆ ที่มีในเรื่อง หรือของอื่นที่มีอยู่ในภาพ และสอนให้ลูกเรียก “สี” ต่างๆ ของเสื้อผ้าที่ตัวเอกของเรื่องใช้ ฯลฯ แด้ดดี้จะชอบอ่านมากมาก ทำทุกวันก่อนเข้านอนเสมอ


กินเองได้ไม่ง้อใคร

ช่วงอายุขนาดนี้ เริ่มอยากลองหยิบอาหารเข้าปากเอง ชอบทานผลไม้ทุกชนิด เช่นองุ่น ลาสเบอรี่ ฮันนี่ดิว มะม่วงสุก สตรอเบอรี่ กล้วย ตัดเป็นชิ้นเล็กเล็กใส่ถ้วยให้เค้า ให้เท่าไรหยิบทานหมดเลยค่ะ ไม่ชอบให้เราป้อน เราป้อนเข้าปาก เค้าจะคายออกมาแล้วหยิบเข้าปากไปใหม่ เห็นแล้วขำค่ะ อยากทำเองจริงจริงเลย



นักอาละวาด... บ้านแตก(Temper tantrum)นักอาละวาด... บ้านแตก(Temper tantrum)

เริ่มอาละวาดบ้านแตก มากขึ้น เท่าที่อ่านหนังสือพบว่า บางครั้งลูกจะมีอารมณ์ต่างๆ ประดังเข้ามามาก ทำให้เขาซึ่งยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างผู้ใหญ่ รู้สึกว่าจะต้องแสดงออก ซึ่งก็จะเป็นในรูปแบบที่พบบ่อย คือ “ อาละวาด....ลงไปดิ้น..” ซึ่งเป็นวิธีหนึ่ง ที่ลูกใช้ เพื่อปลดปล่อยอารมณ์แรง ที่มีในตัวเขาออกมา ถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และรู้วิธีดูแลเขา ก็จะทำให้เขาสงบลง และกลับเป็น “เด็กดี” เหมือนเดิมได้ในเวลาไม่นาน อย่าลืมว่า วิธีการอาละวาด และลงไปดิ้นกับพื้นนั้น เป็นวิธีหนึ่งที่ลูกค้นพบ และใช้เป็นทางระบายออกของอารมณ์ของเขา คุณไม่ควรจะโมโห หรือ ไปตี ทำโทษเขาที่ทำเช่นนั้น แต่ควรควบคุมอารมณ์ของเราให้นิ่งก่อน และอยู่ข้างๆ (ห่างไปไม่ไกล) และคอยให้เขาสงบลงเอง ก่อนเข้าไปปลอบ ก็ต้องทำกันต่อไป เพราะถึงแม้ว่าอยากจะตีก้นซะน่วม หรือทำโทษ ก็ต้องเข้าใจและทำให้ถูกต้อง เค้าจะได้ไม่ก้าวร้าว



ช่วงอายุขนาดนี้จะเกิดอารมณ์แบบนี้บ่อยมากมากใครเจอแบบเรา มาดูกันค่ะ ว่าเราจะจัดการกับนักวีนแตกตัวน้อยของเราอย่างไรค่ะ

สอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์โกรธและความก้าวร้าว


อารมณ์โกรธและการใช้ความรุนแรงนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ซึ่งเป็นปกติที่เราจะมีอารมณ์โกรธหรืออยากใช้กำลังในการเอาชนะเมื่อถูกขัดใจหรือเพื่อให้ได้ซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ ในวัยเด็กจะเห็นว่าเขามีการแสดงออกของอารมณ์เหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา แต่เมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ประสบการณ์และวุฒิภาวะที่เป็นไปตามอายุ ทำให้เรารู้จักควบคุมอารมณ์โกรธและการแสดงออกของอารมณ์รุนแรงเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่สังคมยอมรับได้ และไม่ทำร้ายผู้อื่น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรที่จะค่อยๆฝึกให้ลูกรู้จักที่จะรู้ถึงอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นในตัวเอง และรู้จักวิธีที่จะควบคุมอารมณ์นั้น และแสดงออกในเชิงที่สร้างสรรค์ ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ว่าจะมีลูกเล่นอย่างไร


เมื่อเกิดปัญหา มีการขัดใจกันขึ้น และลูกมีอาการ “เบรกแตก” แสดงความโกรธและเริ่มใช้กำลังแสดงความก้าวร้าวออกมา คุณควรจะทำดังนี้คือ

ประเมินสถานการณ์ที่ทำให้มีอารมณ์โกรธเกิดขึ้น

ควรที่จะพาเด็กออกจากบริเวณนั้นเพื่อลดปฏิกริยาต่อต้านก่อนที่จะเริ่มสอนลูก คุณเองควรควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบเย็นในขณะพูดกับลูกด้วย เพื่อป้องกันการปะทะกันอีกรอบด้วยอารมณ์ระหว่างคุณกับลูกและควรที่จะให้โอกาสลูกได้ออกกำลังระบายอารมณ์อย่างถูกวิธี เช่น วิ่งเล่น และเล่นซนในบ้านได้บ้าง

พยายามยิ้มเข้าไว้

บางครั้งการมีอารมณ์ดีของคุณพ่อคุณแม่นั้นจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด และลดอารมณ์โกรธและความก้าวร้าวของลูกลงได้ ดังนั้นการยิ้ม ด้วยท่าทีที่สงบเย็นกับลูกจะช่วยทำให้ลูกเกิดการยอมรับ และรับฟังซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้น



บางครั้งลูกอาจจะต้องการเพียงแค่การโอบกอด เพื่อแสดงความรักอย่างง่ายๆ

เพราะการโอบกอดและการให้ความรักความเข้าใจแก่ลูก ทำให้เขารับรู้ว่าคุณยังรักเขาอยู่เสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจทำให้เรื่องต่างๆคลี่คลายได้ง่ายๆ โดยธรรมชาติแล้วเด็กมักจะต้องการความสนใจจากผู้ใหญ่และอยากให้ผู้ใหญ่เล่นด้วย เด็กที่กำลังจะทำลายของเล่นชิ้นโปรดของเขาเพราะถูกขัดใจ อาจจะหยุดการกระทำนั้น เมื่อเห็นว่าคุณให้ความสนใจในของเล่นของเขา


ควรชมลูก ถ้าคุณเห็นว่าเขารู้จักที่จะควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองได้ และไม่ใช้วิธีแสดงความก้าวร้าว แต่ใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช้ความรุนแรงแทนในการแก้ปัญหา

รู้จักระบายอารมณ์ออกบ้าง

คุณพ่อคุณแม่บางครั้งอาจจะเป็นคนทำให้ลูกใช้กำลังและความก้าวร้าวในการแก้ปัญหา เช่น คุณเองอาจจะใช้วิธีดุว่าเสียงดัง หรือตีลูกเป็นการลงโทษ ทำให้ลูกเข้าใจผิดว่าวิธีการที่จะควบคุมผู้อื่น หรือเอาชนะผู้อื่น เพื่อให้ยอมทำตามที่ตนเองต้องการนั้น ก็คือการใช้กำลัง บางครอบครัวอาจจะสนับสนุนให้ลูก (โดยเฉพาะลูกชาย) ต้องกร้าว โดยให้ความรู้สึกว่าความกร้าว หมายถึงความเข้มแข็ง หรือความเป็นลูกผู้ชาย ทำให้เด็กเข้าใจว่าการเตะถีบหรือต่อยผู้อื่นเมื่อไม่พอใจเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำในฐานะลูกผู้ชาย แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ความเป็นลูกผู้ชาย,ความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ได้หมายถึงการใช้กำลังข่มขู่ผู้อื่นแต่อย่างใด


ในบางครั้งเมื่อมีปัญหาขัดใจกันระหว่างคุณกับลูก คุณเองก็มีอารมณ์ ลูกเองก็มีอารมณ์ จึงควรจะรู้จักวิธีที่จะลดความพุ่งพล่านของอารมณ์ในตัวคุณ (และลูก) ออกไปเสียบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำได้โดยการมีกิจกรรมออกกำลังกาย ฯลฯ เช่นการออกไปเดินรอบสนาม, การเต้นรำไปตามจังหวะเพลง, หรือกระโดดเชือก ฯลฯ ที่ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปได้ทั่วร่างกาย จะทำให้คุณหายหงุดหงิดและรู้สึกผ่อนคลายลงได้

หางานอื่นง่ายๆที่ค้างไว้มาทำ เพื่อให้จิตใจไม่คิดวกวนนัก เช่น การทำงานบ้าน กวาดบ้าน ล้างรถ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้คุณหายโกรธและได้ทำงานต่างๆในบ้านให้เสร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้

ไปอาบน้ำหรือแช่น้ำให้ผ่อนคลาย เหมือนล้างเอาอารมณ์พุ่งพล่านออกไปจากตัว ถ้ายังทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ออกไปข้างนอกที่กว้างๆ แล้ว กรีดร้องให้เสียงแหบไปเลย (ถ้าไม่มีที่กว้างๆ ก็อาจใช้วิธีปิดประตูห้องปิดหน้าต่าง เพื่อไม่ให้เสียงออกไปรบกวนคนอื่น แล้วก็กรี๊ดให้สบายใจซะที ก็ได้ค่ะ)

อารมณ์โกรธสามารถเผาผลาญตัวเราและทำให้เกิดความเครียด ความสับสน และทำลายพลังงานในตัวคุณ (และลูก) ไปได้อย่างมาก คุณจึงควรจะทำให้อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นนี้ ถูกแสดงออกมาได้ในเชิงสร้างสรรค์ และรู้จักในการรับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น และรู้จักที่จะหาข้อสรุปและตกลงกันให้ได้ในข้อคิดความเห็นที่แตกต่างกัน



ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกตัวคุณเองและลูกให้สามารถควบคุมอารมณ์โกรธและความก้าวร้าวของแต่ละคนได้แล้ว คุณกำลังปลูกฝังความเป็นผู้นำ และฝึกให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิตของเขาในอนาคตอย่างน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง



ขอเอาใจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกและจัดการลูกได้อย่างที่ตั้งใจไว้นะคะ และมีความสุขกับจอมวายร้ายที่บ้านกันทุกคนนะค๊ะ เพราะบางครั้งจอมวายร้ายของเราก็มีบางเวลาที่ทำตัวได้น่ารักเหมือนกัน
นะค๊ะ ... ถึงร้ายก็รักเนอะ ..



ขอขอบคุณข้อมูลดีดี โดย พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์ คลินิกเด็ก.คอม

catcat




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 11 กันยายน 2551 18:49:54 น.
Counter : 1417 Pageviews.  

Pup's 1st Base Ball Game ...ครั้งแรกของน้องปั๊บกับเบสบอลเกมส์

catlozocat



Click to play Sports Time
Create your own scrapbook - Powered by Smilebox
Make a Smilebox scrapbook




June 2008


วันนี้เป็นวันแรกของน้องปั๊บ กับการร่วมเล่นทีมเบสบอลชื่อ The Pirate กับเพื่อนที่ YMCA ครั้งแรกที่คุณแม่พาไปสมัคร น้องปั๊บยังไม่รู้สึกชอบเท่าไร น้องปั๊บอยากเล่นSoccer มากกว่า แต่ยังไม่ถึงฤดูกาลเลยต้องเล่น BaseBall อีกอย่างเพราะไม่เคยมีทักษะด้านเบสบอลมาก่อน เป็นอะไรที่ใหม่มาก กลัวจะเล่นไม่ได้ดี





วันแรกที่ไปซ้อมทั้งครอบครัวพากันไปให้กำลังใจ น้องปั๊บติ่นเต้นและประหม่า เหนื่อยมากมาก กลับมาบอกว่าต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่าวันนี้ วันที่สองของการซ้อม เตรียมตัวเตรียมใจไปดี เล่นได้ดีขึ้น เริ่มรู้เทคนิคการเล่น และ สามารถเริ่มรับลูกไม่พลาด แต่การตียังไม่เก่ง ต้องใช้เวลาฝึกอีก พอถึงเวลาเลือกเบอร์เสื้อ ปั๊บบอกโค้ชว่าปั๊บอยากได้เบอร์ 13 เป็นเลขนำโชค ทำเอาทุกคนอมยิ้มกันใหญ่ เราบอกว่าตัวเลขก็คือตัวเลขค่ะลูก อะไรก็ได้ แต่ปั๊บต้องฝึกฝนก็จะเก่งนะค๊ะ แล้วในที่สุดปั๊บได้เบอร์สามมาแทน





หลังจากได้ไปลองซ้อมกับโค้ชและเพื่อนร่วมทีมสองครั้ง วันนี้ก็เป็นวันเริ่มแข่งขัน ครั้งแรกของน้องปั๊บ ตื่นเต้นมากมาก แด้ดดี้ คุณแม่และน้องน้องทะเลไปให้กำลังใจ กับน้องปั๊บ จนจบการแข่งขันผลการแข่งขันทีมน้องปั๊บชนะ 20 - 6 น้องปั๊บปลื้มมากมาก และแอบคุยเสียยกใหญ่ ทำให้เค้ารู้สึกเริ่มรักการเล่นกีฬามากขึ้น ความมั่นใจ และการเล่นเป็นทีมเริ่มเกิดขึ้น ซึ่งเราทั้งแม่และแด้ดดี้ก็แอบดีใจกับน้องปั๊บไปด้วย




แต่เราก็สอนเค้าว่าการเล่นกีฬามีทั้งแพ้และชนะ แต่สิ่งที่ได้มากกว่าการชนะของทีมคู่ต่อสู้คือ การได้มีร่างกายที่แข็งแรง การทำงานเป็นทีม การได้อยู่ร่วมกับผู้อื่น การฝึกฝน การมีน้ำใจ เพราะการเล่นกีฬามีประโยชน์มากสำหรับเด็กวัยขนาดน้องปั๊บ กำลังจะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น ครอบครัวเราพยายามที่จะสนับสนุนให้เค้าได้ทำกิจกรรมต่างต่างเยอะมากขึ้น ขอให้น้องปั๊บเป็นเด็กดีนะลูกนะ คุณแม่และทุกคนเป็นกำลังใจให้น้องปั๊บเสมอนะคับ....





catcat








 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 5:41:25 น.
Counter : 756 Pageviews.  

5th Grade Awards Day เย้เย้ ปั๊บจบเกรดห้าแล้วคับ




Click to play
Create your own scrapbook - Powered by Smilebox
Make a Smilebox scrapbook



May 30, 2008

วันนี้เป็นวันมหัศจรรย์อีกวันของครอบครัวเรา แด้ดดี้ คุณแม่ และน้องทะเล แต่งตัวกันแต่เช้า เพื่อไปร่วมงานวันรับประกาศนีบัตรของนักเรียนชั้นเกรดห้าของโรงเรียน Bells Crossing Elementary School ของน้องปั๊บ





งานเริ่ม 8.30 น. เราไปถึง ประมาณก่อนเวลานิดหน่อยคนเริ่มทยอยกันเข้ามาในห้องประชุม





พอได้เวลาเหล่านักเรียนเกรดห้าทุกคนก็เริ่มเดินทยอยกันเข้ามามีเสียงปรบมือแสดงความยินดีและต้อนรับจากผู้ปกครองกันดังไปหมด แด้ดดี้ น้ำตาคลอ ทำเอาเราก็เอ่อตามไปด้วยเลยค่ะ เราทุกคนปลื้มใจกันน้องปั๊บมาก








ระหว่างที่รอการรับประกาศ เราต้องลุกไปถ่ายรูปน้องปั๊บ ทั้งหมด 7 ครั้ง เพราะนอกจากน้องปั๊บจะได้จบเกรดห้าแล้วยังได้รับประกาศเกียติคุณต่างต่างอีก 7 ฉบับ






เริ่มจากใบที่ 1 ...
Outstanding Achievement
4th Quarter
Perfect Attendant

ได้จากที่น้องปั๊บไม่เคยหยุดลาหรือสายตลอดเทอมเลย



ใบที่ 2...

Outstanding Achievement
2007-2008
Perfect Attendant

ได้จากที่น้องปั๊บไม่เคยหยุดลาหรือสายตลอดทั้งปีเลย


ใบที่ 3...
Outstanding Achievement
All Year A/B Honor Roll 2007-2008


ได้จากที่น้องปั๊บมีผลการเรียนที่ดีได้ เกรด A และ B ตลอดทั้งปีการศึกษา







ใบที่ 4...

Outstanding Achievement
4th Quarter
Principal's 4.0 Club


ได้จากที่น้องปั๊บมีผลการเรียนดีได้เอ ตลอดทั้งเทอม



ใบที่ 5...
Outstanding Achievement
4th Quarter
Principal's 4.0 Club


ได้จากที่น้องปั๊บมีผลการเรียนดีในระดับที่ต้นต้นทำให้ได้เข้าไปร่วมในคลับของนักเรียนเรียนดี ที่โรงเรียนจัดขึ้นและทางคลับได้ทำการมอบประกาศนียบัตรนี้ให้กับน้องปั๊บ




ใบที่ 6...
Science Lab Enthusiasm and Leadership

ได้จากที่น้องปั๊บมีผลกระตือรือร้นและเป็นผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์ดีเยี่ยม



ใบที่ 7...
President's Education Awards Program
Outstanding Acadamic Excellence
From President of the United State

ได้จากที่น้องปั๊บมีผลการเรียนดีเยี่ยม เป็นประกาศนียบัตรจาก ประธานาธิบดีของสหรัฐคนปัจจุบัน อันนี้ปั๊บชอบเป็นพิเศษเพราะเป็นลายเซ็นต์จาก จอร์ช บุช






หลังจากนั้นก็ร่วมถ่ายรูปกับเพื่อนเพื่อน ... และน้องปั๊บขออยู่ร่วมสังสรรค์กับเพื่อนเพื่อนก่อนจบภาคเรียน เพราะเมื่อขึ้นเกรดหกก็ต้องแยกย้ายกันไปที่Middle school บางคนอาจจะไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน

ยอกจากน้องปั๊บจะเรียนได้ดีแล้ว ยังเป็นลูกที่ดีและพี่ชายที่น่ารักได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เราทุกคนภูมิใจกับเค้ามากก...

รักปั๊บนะครับ....

จาก คุณแม่ แด้ดดี้ และน้องทะเล...











 

Create Date : 10 มิถุนายน 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 1:09:54 น.
Counter : 840 Pageviews.  

Little Guy น้องทะเล15 เดือนพร้อมพัฒนาการ


Click to play Little Guy
Create your own scrapbook - Powered by Smilebox
Make a Smilebox scrapbook


May 20, 2008

วันนี้น้องทะเล อายุ 15 เดือน แล้วคับผม
ช่วงนี้น้องทะเลออกจะมีพัฒนาการและการแสดงออกต่างต่างมากขึ้น ทำให้ทุกคนในบ้านหัวหมุนติ้วกันเป็นแถว ค่ะ หลังจากอ่านหนังสือของคุณหมอ พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์ จาก คลินิกเด็ก.คอม ทำให้รู้ว่าเราควรรับมือกับน้องทะลิง เอ๊ยน้องทะเลของเราเช่นไร



ตอนนี้ทะเลเดินได้คล่องปื๋อ และบางทีวิ่งเร็วโดยเฉพาะเวลาเจอของอะไรที่เค้าคิดว่าเราห้ามเล่นล่ะก็จะวิ่งเร็วกว่าปกติ พูดได้หลายคำแล้วนะ เช่น ปั๊บ ปั๊บ ชัดเจนมากก da da da หม่ำ หม่ำ มะ มา มา หมะ นอกจากนั้นก็จะพูดและอธิบายเป็นภาษาต่างดาว พูดเป็นเรื่องเป็นราวและทำมือประกอบสุดริด และชอบลากหรือดันของเล่นเดินไปมาโดยเฉพาะไม้กวาดชอบมากก และจะเดินถอยหลังได้ เริ่มใช้ช้อนและส้อม ในการตักอาหารได้ดีขึ้น แต่ยังไม่ถนัดมาก จะชอบให้เล่นกับเขา ชอบถือโทรศัพท์เดินพูดทั้งวันเหมือนใครหว่า ชอบมองกระจกเงาดูตัวเอง จะชอบเอาของทุกอย่างหยอดลงกล่อง



บุคลิกภาพและอารมณ์
เริ่มมีบุคลิกและอารมณ์ที่ชัดเจนขึ้น โกรธง่าย หายเร็ว พูดเก่ง ยิ้มเก่ง เริ่มรู้จักว่าตนเองนั้นมีตัวตน (Awareness of self) จะเริ่มแยกแยะได้ว่า ภาพเด็กที่เขาเห็นอยู่ในกระจกเงานี้ คือตัวเขา ไม่ใช่เด็กคนอื่น ท ลูกจะเริ่มรู้จักว่า ตนเองนั้นมีตัวตน และแตกต่างจากคนอื่น (autonomy)


เริ่มดื้อ…(จริงหรือ?
ทะเลเริ่มที่จะแยกตนเอง ออกจากแม่ได้ และกำลังฝึกฝนความเป็นตนเองอยู่ จึงดูเหมือนจะไม่ยอมฟังใคร ที่มักจะคอยห้าม ไม่ให้เขาทำโน่น ทำนี่ ต้องการให้เขาต้องทำตาม ที่ผู้ใหญ่บอกให้ทำ แต่เขาก็ไม่ยอมทำตาม เพราะเขาต้องการเป็นคนตัดสินใจเอง เป็นตัวของตัวเอง (sense of self) จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่ อาจจะรู้สึกว่าลูกเริ่มดื้อขึ้น พอเด็กซนเล่น ต่อหน้า ก็จะคอยห้ามทำโน่น ห้ามทำนี่ อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะรู้ว่า ถึงอย่างไรลูกก็ไม่ฟังเรา และไม่ยอมทำตามที่บอก ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจขั้นตอน ของการพัฒนาการของลูก ในช่วงอายุนี้แล้ว ก็จะไม่รู้สึกโกรธ และจะไม่พยายามกล่าวคำว่า “ห้ามทำ…. อย่านะ….” อยู่ตลอดโดยไม่เป็นผล หรือจะไม่ฉุน จนเกิดการลงโทษเด็กที่ “ดื้อ” เพราะเขาไม่ยอมทำตาม ที่ผู้ใหญ่สั่งนั่นเอง เราจึงควรหาวิธีที่จะลดปัญหาความขัดแย้งนี้ลง โดยการพูด หรือแสดงออกในเชิงบวก เช่น แทนที่จะพูดว่า “อย่าจับแก้วนั้นนะ” ก็อาจจะพูดเป็น “ลูกมาเล่นกับแม่ที่ตรงนี้ดีไหมคะ” ก็จะทำให้เด็กรับฟังเรามากขึ้น ข้อมูลนี้นำมาใช้ได้เลยค่ะ เพราะทะเลเป็นเช่นนี้เลยแหละ ต้องพยายามเลี่ยงการใช้คำพูดเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจแทนไม่งั้น เราแม่ลูกก็อาจจะตีกันตายไปข้างนึงแน่แน่ค่ะ


นักสำรวจตัวจิ๋ว

เค้าจะเดินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย อยากจะออกแต่นอกบ้าน เดินสองขา ตัวตั้งตรง บางครั้งก็เอียงนิดๆ เฉหน่อยๆ เผลอๆ ก็ล้มลงไปเลย แต่ก็ลุกขึ้นได้เดินต่อไปอีก เราเป็นคุณแม่เหนื่อยวิ่งไล่จับไม่ทัน ต้องคอยระวังจับตามองทุกฝีก้าวเลยทีเดียว เพราะ...... เวลาเดินผ่านอะไรมือก็จับก็คว้าของทุกอย่างที่เห็น ค้นทุกอย่างที่น่าสนใจไปหมด เพราะว่า.. ลูกกำลังเป็นนักสำรวจตัวน้อย...กเป็นการสำรวจที่ต่างไปจากการสำรวจเมื่อช่วงเดือนก่อนหน้า จะเลือกและสนใจเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ใช่สำรวจดะไปหมดทุกอย่าง




มาดูการพัฒนาการทางร่างกายกันค่ะ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ได้จากข้อมูลของหนังสือคู่มือพัฒนาการเด็ก จากสำนักพิมพ์รักลูก



พัฒนาการของกล้ามเนื้อใหญ่

การที่จะดูว่าลูกน้อยมีพัฒนาการเป็นอย่างไร เร็ว ช้า ปกติ ผิดปกติหรือไม่ เราไม่ควรเทียบแต่เพียงตารางที่เป็นมาตรฐานว่าเดือนนั้นเดือนนี้เด็กจะทำอะไรได้เท่านั้น แต่เราควรจะดูจากอัตราส่วนที่แบ่งขั้นตอนของพัฒนาการเด็กเอาไว้เป็นเปอร์เซ็นต์ว่าในแต่ละขั้นนั้นเด็กที่มีพัฒนาการในอายุเท่านั้นจะมีประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปจะมีการแบ่งเป็น 50,75 และ 90 เปอร์เซ็นต์ของเด็กในเกณฑ์เฉลี่ยถ้าหากว่าลูกน้อยมีพัฒนาการช้า (ช้ากว่า75 %ของเด็กทั้งหมด) มากกว่า 3 ขั้นตอนของพัฒนาการ ควรจะพาลูกไปตรวจเช็คกับคุณหมอดูค่ะ


เมื่อลูกน้อยอายุ 15 เดือน จะมีความรู้สึกที่ไม่ใช่เด็กทารกแบเบาะอีกต่อไปแล้ว เดินได้เอง (บางคนก็เดินคล่องปรื๋อแล้ว) แกก็จะปฏิเสธสิ่งที่เคยทำเมื่อสมัยยังเป็นเด็กทารกอยู่บางคนอาจจะเลิกดูดขวดนม เลิกนั่งรถเข็น ไม่ยอมนอนเปล หรือเตียงเด็ก แต่อยากจะมานอนกับคุณพ่อคุณแม่บนเตียงผู้ใหญ่ อยากทำอะไรแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน เช่น (ทำท่า) พูดโทรศัพท์ จับไม้กวาดมากวาดบ้าน นั่งเก้าอี้ผู้ใหญ่ ทำท่าอ่านหนังสือพิมพ์ ดิ่มแก้วกาแฟ

แรงขับหรือพลังในร่างกายและการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของกล้ามเนื้อใหญ่ทำให้วัยนี้เป็นเด็กที่แอ็กทีฟมากเหลือเกิน... แกจะตะกายปีนป่ายโน่นนี่ เดิน วิ่ง (แบบเดินถลา) ชอบใช้กำลังยกโน่นยกนี่ ปีนขึ้นบนโต๊ะ มุดเข้าใต้เตียง ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง... (คงไม่ต้องทำกิจกรรมตามแกทุกอย่างหรอก เพียงแต่ตามจับตามเก็บก็แทบแย่กันแล้วกระมัง)

การทำกิจกรรมต่างๆ นอกจากเป็นไปเพราะกล้ามเนื้อใหญ่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และต้องการการฝึกทักษะในการเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว ที่สำคัญกิจกรรมเหล่านี้ล้วนแต่เป็นไปเพื่อการสำรวจสิ่งต่างๆ ซึ่งกิจกรรมสำรวจกลไกการทำงานของสิ่งต่างๆ นี้เริ่มมาตั้งแต่ปลายขวบแรกแล้ว เมื่ออายุได้ 15 เดือนการสำรวจของหนูน้อย จะมีลักษณะเลือกและมีความสนใจเฉพาะมากขึ้น ของที่แกสนใจมากมักจะเป็นของที่คุณพ่อคุณแม่หรือพี่ๆ เขาใช้กัน เช่น กระเป๋าของที่คุณพ่อคุณแม่หรือพี่ๆ เขาใช้กัน เช่น กระเป๋าใส่สตางค์พวกกุญแจ ไขควง ลิปสติก ปากกา นาฬิกา หนังสือต่างๆ...





การพัฒนาการของกล้ามเนื้อเล็ก

กว่าที่เด็กจะสามารถใช้มือหยิบของชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาได้นั้น แกต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และเพิ่มทักษะให้กับตนเองมากทีเดียว งานนี้เป็นงานที่ละเอียดประณีตมาก แกจะต้องค่อยๆ เพิ่มความสามารถในการควบคุมเซลล์ประสาทและสมองเพื่อควบคุมกล้ามเนื้อมือให้สามารถยื่นไปยังตำแหน่งของสิ่งที่ต้องการได้ เมื่อคว้าได้แล้วแกจะกำของแน่นและยังไม่รู้จักวิธีปล่อยอย่างนุ่มนวล ถ้าปล่อยก็ปล่อยเผละลงทันที จากนั้นก็ต้องเรียนรู้วิธีบังคับมือให้สามารถปล่อยของได้นุ่มนวลและวางได้ถูกตำแหน่ง (ยื่นของให้คุณแม่ได้ หยิบของใส่ปากขวด ต่อแท่งบล็อก)

ความสำเร็จเหล่านี้เราอาจจะไม่รู้สึกว่าน่าตื่นเต้นหรือยิ่งใหญ่อะไร การคลานได้ เดินได้ หรือพูดได้ดูจะน่าตื่นเต้นน่าชื่นชมมากว่า แต่ความจริงแล้วความสำเร็จอันนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกมากทีเดียว โดยเฉพาะทางด้านสติปัญญา และการเรียนรู้ ดร.คอช (ซึ่งได้ทำงานเกี่ยวกับเด็กมาเกือบ 50 ปี และใช้เวลาช่วง 25 ปีหลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับจิตวิทยาของทารกในสถาบันดูและแม่และเด็กในกรุงปร๊าก ประเทศเชคโกสโลวาเกีย) ได้กล่าวว่า “พัฒนาการของการใช้มือของเด็กทารกนั้นมีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพัฒนาการทางสติปัญญา เราอาจบอกได้ว่า เด็กเล็กๆ คนหนึ่งฉลาดมากน้อยแค่ไหน โดยดูได้จากความสามารถของหนูน้อยในการใช้มือหยิบ คว้า จับ ปล่อยสิ่งของนั่นเอง” เพราะการใช้มือเป็นงานที่ละเอียดอ่านประณีต ต้องอาศัยการเรียนรู้ ประสบการณ์การฝึกฝนมาก เมื่อเด็กได้ผ่านการกระตุ้นในการใช้มือมากและสามารถใช้ได้ดีก็ทำให้แกใช้ไปสัมผัสจับต้องสิ่งของต่างๆ ได้มาก และนั่นก็จะยิ่งเพิ่มพูนความรับรู้ของแกให้มากยิ่งขึ้น (เพราะการเรียนรู้ในช่วงวัยเด็กเล็กนี้ส่วนใหญ่จะเรียนรู้จาการสัมผัสด้วยอวัยวะสัมผัสทั้ง 5 ตาดู หูฟัง มือจับ ปากลิ้มชิมรส จมูกดมกลิ่น

สำหรับเด็ก 15 เดือนนี้ความสามารถในการใช้มือทำงานที่ละเอียดจะดีขึ้นมาก คือสามารถต่อบล็อกได้มากกว่า 2 ชิ้น หยิบเม็ดยาเล็กๆ เม็ดกระดุม ใส่ขวดได้





การเรียนรู้-ลองผิดลองถูก

หนูน้อย 15 เดือนจะเริ่มรู้จักใช้ของหรือเล่นของเล่นอย่างมีความหมาย ในขณะที่เด็ก 12 เดือนริ่มจะใช้ช้อนเพื่อตักอาหารอย่างเดียว เมื่ออายุ 15 เดือนแกจะใช้ช้อนมาคนในกะทะ (ทำท่าผัดข้าวเหมือนคุณแม่) จับไม้กวาดมากวาดพื้น เอาแปรงมาแปรงผม (บางครั้งเด็กที่ใกล้จะครบ 2 ขวบจะเล่นสมมติให้แท่งบล็อกเป็นขนม หรือหมอนรองหัว)

การเล่นของเล่นในเชิงสมมติที่เริ่มปรากฏขึ้นมานี้ มีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการเริ่มใช้คำพูดแสดงความคิด ความต้องการออกมา และมีความสามารถในการทำตามความคิดของตน....หากสังเกตเวลาที่เราให้ของเล่นประเภทลอยน้ำได้ เวลาที่แกอาบน้ำแกก็จะกดให้มันจมน้ำแล้วคอยดูมันลอยตุ๊บป่องขึ้นมาเหนือน้ำ ต่อมาก็จับมันพุ่งไปพุ่งมาในน้ำเหมือนเรือ แทนที่จะคอยแต่กดให้มันจมลงไปท่าเดียว

ปฏิบัติการลองผิด – ลองถูกของหนูน้อยนี้ช่วยเพิ่มพูนทักษะ เด็กน้อยจะเพิ่มทักษะขึ้นมาจากการทำอะไรซ้ำๆ ในที่สุดแกก็จะสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกลับมาเริ่มต้นทดลองทำในขั้นต้นๆ อีก เพราะแกได้ประมวลผลจากการทดลองทำในขั้นต้นๆ อีก เพราะแกได้ประมวลผลจากการทดลองมาเป็นความคิด ความอ่าน ความเข้าใจระดับหนึ่งแล้ว แกจะรู้วิธีและรู้ถึงผลของการกระทำที่เกิดขึ้นจากการลองผิดลองถูกมาแล้วนี่เอง

เด็กวัย 15 เดือนกำลังเรียนรู้เรื่องของระยะรูปร่าง ขนาด และวิธีการของต่างๆ จะเกี่ยวพันกันเวลาเล่นลูกบอลหนูน้อยจะปล่อยลูกบอลลงที่พื้นแล้วผลักให้มันกลิ้งออกไป เมื่อของหายลับสายตาไปหนูน้อยอายุ 11-12 เดือนจะพยายามค้นหาของนั้น โดยการมองจ้องไปยังจุดเดิมที่มันปรากฏขึ้นมาแต่มาบัดนี้ เจ้าหนูของเราชักจะรู้มาก แกก็จะตามไปค้นหาตามใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ (ในทิศทางที่ลูกบอลมันกลิ้งหายเข้าไป) ได้

การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ การรู้จักที่ทางที่ถูกต้อง จากการทดลองเอากล่องจำลองเป็นตู้ไปรษณีย์มาให้เด็กเล่นเมื่อ 12 เดือนแกจะพยายามเปิดฝาข้างบนหรือหาทางเปิดเหมือนเปิดกล่องขนมปัง แต่เด็ก 15 เดือนจะรู้มากกว่านั้นแกจะพยายามสอดกระดาษหรือชิ้นของเข้าทางช่องที่ทำไว้ใส่ หรือถ้าเอาถ้วยพลาสติกที่มีขนาดต่างๆกันตั้งแต่เล็กจนใหญ่มาให้เล่น เด็ก 12 เดือนจะไม่รู้จักใส่เรียงลำดับ แต่เด็ก 15 เดือนจะรู้ว่าจะต้องใส่อันเล็กลงในอันใหญ่และต้องเรียงกันตามลำดับของขนาดด้วย คือจากใหญ่ค่อยๆ ไล่ไปจนอันเล็กสุดงานซ้อนถ้วยนี้จึงจะสำเร็จได้

เจ้าตัวเล็กของคุณตอนนี้จะเป็นเด็กที่รู้จักใช้ความคิดมากกว่าจะมองและจับอย่างเดียว และมีวิธีการที่ซับซ้อนขึ้น แกเริ่มจะสะสมความรู้เกี่ยวกับชนิดของสิ่งของต่างๆ ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ และความรู้เหล่านี้ได้รับการบรรจุไว้ในธนาคารความจำเรียบร้อยแล้ว แกสามารถเก็บสะสมขั้นตอน ลำดับขั้นของการกระทำ (ว่าควรจะทำอะไรก่อนอะไรหลังจึงจะได้ผลสำเร็จออกมา) สามารถนึกถึงและเปรียบเทียบเหตุการณ์ต่างๆ แกชอบฟังเพลงที่มีจังหวะจะโคน ฟังบทกลอน โคลงฉันท์ต่างๆ และชอบฟังเพลงซ้ำไปซ้ำมา

ถึงช่วงนี้หนูน้อยจะใช้คำพูดแสดงความต้องการมากขึ้นกว่าการแสดงท่าทางดังแต่ก่อนและมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีแผนการ (เช่น ถ้าจะเอาของที่อยู่บนหิ้งสูงต้องไปลากเก้าอี้มาและปีนขึ้นไปเอา ถ้ายังไม่ถึงแกก็จะมองหาไม้มาเขี่ย หรือลูกบอลกลิ้งหายไปใต้เตียง แกจะพยายามหาอะไรมาเขี่ย) ความสามารถนี้ก็ได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์ การสำรวจทดลอง การลองผิดลองถูกมานั่นเอง



จินตนาการ

จินตนาการหรือความคิดฝันนั้นสามารถผันแปรกิจกรรมธรรมดาๆ ของมนุษย์ให้กลายเป็นเรื่องวิเศษมหัศจรรย์ไปได้ แต่ทุกคนก็อยากจะฝันอยากจะทำในสิ่งที่ไกลไปกว่าความจริงตอนนี้มิใช่หรือ จินตนาการมิใช่เป็นเพียงความคิดเพ้อฝันและเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ ไร้สาระทั้งหมด ความคิดฝันและจิตนาการที่เกิดขึ้นในเด็กนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มพูนสติปัญญา ก็ดูเอาเถิดมนุษย์สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมามากมายมหาศาลจนทุกวันนี้ก็มิใช่มาจามความคิดฝันนี่หรอกหรือ

การที่คุณเปิดโอกาสหรือสร้างโอกาสให้ลูกน้อยของคุณได้สำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว ก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกเกิดจินตนาการ และสิ่งที่คุณจะบรรจุ หรือถ่ายทอดจินตนาการให้กับลูกได้มากก็คือดนตรีเสียงเพลง บทกลอน นิทาน ชวนลูกฟังและจำแนกสรรพสำเนียงต่างๆ เสียงน้ำไหล เสียงกบร้อย ฯลฯ รวมทั้งการได้เห็นได้ฟังเรื่องราวต่างๆก็ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่สั่งสมและก่อให้เกิดจินตนาการในสมองน้อยๆ ของลูกและก็เป็นการสร้างที่สำคัญ เพราะนี่คือช่วงหนึ่งของพัฒนาการการคิดที่กำลังก่อรูปขึ้นมา


ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5

ถึงแม้ว่าหนูน้อยวัย 15 เดือนจะยังพูดไม่ค่อยเก่ง หรือบางคนก็ยังไม่พูดเลยก็มี แต่ระบบประสาทสัมผัสทุกส่วนของแกสามารถรับและทำการย่อยประสบการณ์ที่พบเห็นได้ดีมาก

งานของคุณพ่อคุณแม่ในฐานะผู้บริการหรืออำนวยความสะดวกและโอกาสให้แก่ลูกนั้น ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่วัยแรกเกิดของลูก เมื่อลูกน้อยเริ่มแยกเสียงที่แตกต่างออก คุณก็ต้องกระตุ้นให้แกได้มองตามวัตถุที่เคลื่อนที่ หรือมองหาแหล่งที่มาของเสียง ต้องคอยเปลี่ยนของต่างๆ มาให้ลูกได้ดู พาไปดูโน่นดูนี่ การกระตุ้นหรือให้โอกาสลูกได้ดู ได้เห็นสิ่งต่างๆ นี้ ทำให้หนูน้อยมีพัฒนาการในการใช้สายตามมองได้ดีและมีความกระตือรือร้นที่อยากจะดูอยากจะสำรวจอยู่ตลอดเวลา พอถึงช่วงใกล้ๆ ขวบ แกจะชอบดูเงาตัวเองในกระจก ชอบดูรูปภาพในหนังสือ การเก็บรายละเอียดต่างๆ นี้เป็นสิ่งที่มีผลมาจากกิจกรรมการเรียนรู้ในวันต้นของชีวิต โดยเฉพาะ 2 ปีแรกที่เด็กทารกและเด็กน้อยมีความสนใจทุกสิ่งได้ไวและคมชัดที่สุดเด็กน้อยต้องการคุณพ่อคุณแม่มาคอยกระตุ้นและชี้ชวนให้ดูโน่นนี่ ให้มองเห็นเปรียบเทียบความแตกต่าง ค้นหาสิ่งที่ซ่อนเร้น หรือถูกปิดบังอยู่ เช่นดูนกสีขาว นกสีดำ นกสีเทา ดูตัวแมงมุมชักใย ดูท่าทางเดินของสัตว์ที่ต่างกัน




การจับหรือสัมผัส

การจับต้องนี้เป็นระบบประสาทสัมผัสที่พัฒนาได้เร็วมาก ธรรมชาติได้สร้างให้เด็กแรกเกิดมี “รีเฟล็กซ์-ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ” แกจะกำนิ้วมือที่คุณแตะไปที่ฝ่ามือน้อยของแกทันที และการที่แกเอากำปั้นหรือนิ้วมือใส่ปากก็ทำให้แกได้ค้นพบและรู้จักกับอวัยวะสำคัญคือมือ พามาถึงช่วงที่เดินได้แล้วนี่ หนูน้อยก็จะเคลื่อนไหวไปตลอดเวลา และมือก็ป่ายเปะไปเรื่อย ผ่านอะไรก็ต้องเที่ยวไปจับไปดึงไปแตะเสียหมดทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะยอมรับพฤติกรรมที่กำลังอยู่ในระหว่างการ “สัมผัสรู้สึก” เช่นนี้ บางครั้งคุณอาจจะต้องยอมให้ลูกเลอะเทอะบ้าง ปล่อยให้แกเดินเท้าเปล่าเดินบนดินทรายดินโคลนบ้าง

ลูกมักจะสร้างความหน่ายหรือหงุดหงิดให้แก่คุณอยู่เสมอ เพราะความที่แกอยากจะจับสัมผัสสิ่งของทุกสิ่งที่ผ่านตา บางครั้งคุณก็ต้องเห็นแก่ลูก (นอกจากเหลืออดหรือดูน่ากลัวเกินไปที่จะปล่อยให้แกจับของที่เป็นอันตราย) เพราะเด็กต้องสัมผัสและรู้สึกต่อสิ่งของก่อนที่จะสร้างความคิดขึ้นมาในคลังแห่งความจดจำ ควรจะช่วยให้ลูกได้รู้เป็นอิสระที่จะสัมผัสจับต้องเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้และความอยากรู้อยากเห็น คุณควรจะหลีกเลี่ยงคำว่า “ไม่” ให้มากที่สุด แทนที่จะห้ามคุณก็หาเวลามาเล่นเกมกับลูกดีกว่า โดยเอาถุงผ้ามาหนึ่งใบ แล้วใส่ผ้า ใส่เม็ดข้าวสาร ก้อนหิน แท่งไม้ สำลี และอื่นๆ เข้าไปในถุงทีละอย่างแล้วให้ลูกล้วงเข้าไปคลำไปจับดูแล้วทายว่าเป็นอะไร ถ้าแกไม่รู้จัก คุณกจะบอกชื่อให้แกรู้ จากนั้นก็ใส่ของทั้งหมดลงไปพร้อมกัน แล้วบอกให้แกล้วงเข้าไปคลำหาสำลีหรือหาก้อนหิน ฯลฯ

ถึงแม่ว่าจะเปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัสจับต้องสิ่งต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ แต่เราก็ควรจะมีเงื่อนไขหรือกฎข้อตกลงกับลูกสักเล็กน้อยเพียง 2-3 อย่าง (อย่ามากเกินไปล่ะลูกจำไม่ได้หรอก) เช่น เล่นดิน โคลน ดินทรายมาแล้วต้องล้างมือนะ ถ้าจะจับกระเป๋าของคนอื่นต้องขอเขาก่อนนะ อยากจับน้องได้จ้ะ แต่ต้องจับเบาๆ นะ... ลูกก็จะค่อยๆ พัฒนาความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำขึ้นมา ไม่ใช่จับโดยไม่ระวังหรือมีโอกาสก็ทำลายเสียหายหมด (อย่างที่ผู้ใหญ่นึกกลัวกัน

การฟังเสียงสรรพสำเนียง

ลูกน้อยเริ่มได้ยินเสียงเร็วมากตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ได้เพียง 5 เดือน ทั้งนี้จากการทดลองของนักวิจัยพบว่าเด็กในครรภ์มารดาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงทุกชนิด การได้ยินก็เป็นความสามารถที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของเด็กแรกเกิด นักวิจัยเชื่อกันว่านักดนตรีที่ทำการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาที่ตั้งครรภ์อยู่จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ไวต่อจังหวะและเสียงเพลงให้กับลูกน้อยโดยธรรมชาติ และแกก็มีความสามารถในการรับฟังและจำแนกเสียงต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องของตนเองเสียงของคุณแม่ เสียงปลอบโยนหรอเสียงเพลงกล่อมเด็กที่คุณแม่ร้อง และคุณเองก็อาจจะเปิดเพลงจากเทป จากวิทยุให้ลูกฟัง พาลูกฟังนาฬิกา เสียงกระดิ่ง เสียงโทรศัพท์ กล่องเพลง เสียงสุนัขเห่า


การดมกลิ่น

เด็กๆ มีความสามารถในการรับรู้กลิ่นมาตั้งแต่เกิดและแกก็แยกกลิ่นที่หอม-เหม็นได้แล้วด้วย เมื่อหนูน้อยคลอดออกมาภายในห้องคลอดก็จะมีแต่กลิ่นยาต่างๆ นักจิตวิทยาแนะนำว่าทางที่ดีควรจะพาลูกมาอยู่กับคุณแม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะความใกล้ชิด แม่ได้โอบกระชับลูกน้อยจะทำให้ลูกรู้สึกถึงสัมผัสของแม่และได้กลิ่นกายของคุณแม่ซึ่งจะทำให้ลูกจำคุณแม่ได้เร็วและเป็นการสร้างความผูกพันขึ้นมาโดยไม่ขาดช่วงนานเกินไป

เมื่อลูกโตขึ้นก็ควรจะพาแกไปดมกลิ่นต่างๆ กลิ่นดอกไม้ (ที่ไม่มีพิษ) กลิ่นไข่เจียว กลิ่นไก่ต้มซุป กลิ่นขนม น้ำหอม แป้ง ฯลฯ ขณะเดียวกันก็เป็นการสอนให้ลูกรู้จักชื่อสิ่งของต่างๆ เพิ่มขึ้น รู้จักจดจำลักษณะความแตกต่างของวัตถุต่างๆ ทั้งทางรูปร่างที่มองเห็น กลิ่น และการสัมผัสจับต้อง


การลิ้มรส

การลิ้มรสเป็น “การศึกษา” ที่ใช้เนื้อที่น้อยที่สุดและทำได้ทุกเวลา โดยธรรมชาติเด็กๆ ก็เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยการชิมลิ้มรสอยู่แล้ว เมื่อลูกโตเข้าขวบที่สอง แกก็มีภูมิต้านทานเชื้อโรคเกือบเท่าเทียมผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นเราก็สามารถให้แกลองลิ้มรสอาหารหลายอยาง (ที่รสไม่จัดมาก) ได้เช่นเดียวกับการดม สัมผัส การดู แล้วถามแกว่านี่อะไร (ถ้าแกไม่รู้บอกให้แกรู้ก่อนก็แล้วกัน) แต่การกระตุ้นทางประสาทรับรสควรจะมีขั้นตอนที่ค่อยเป็นค่อยไป เพราะเด็กอายุ 15 เดือนมักจะติดใจกับรสอาหารบางรสและมักจะติดไปแทบตลอดชีวิต สิ่งที่ควรระวังคือพวกอาหารรสหวาน เช่น ท๊อฟฟี่ ขนมหวาน หรือพวกของกินกระจุกกระจิก เพราะเด็กๆ มีแนวโน้มที่จะชอบของหวานอยู่แล้ว อุปนิสัยการกินของคุณพ่อคุณแม่เองก็มีส่วนอย่างมาก ถ้าหากคุณเป็นคนชอบกินจุบกินจิบ กินของหวาน ของไม่ค่อยมีประโยชน์ ลูกก็มีแนวโน้มจะมีอุปนิสัยเช่นนั้นได้ง่าย

การมอง สัมผัส ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส คือความสามารถที่ติดตัวและพัฒนาขึ้นมาตามลำดับอายุ แต่ลูกจะลับประสาททั้ง 5 ได้แหลมคมไวชัดแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่ว่าได้รับการกระตุ้นได้รับโอกาสมาน้อยแค่ไหน

เมื่อลูกได้ผ่านการลับคมประสาทให้แหลมและฉับไวแล้ว แกก็จะมีความสามารถในการรับรู้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ฉับไว เมื่อเครื่องรับไวและมีประสิทธิภาพแล้วสิ่งที่รับเข้าก็ย่อมแจ่มชัดและก็เป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความรับรู้สติปัญญาของลูกน้อยได้เป็นเลิศด้วยเหมือนกัน



การเล่นและของเล่นของลูก

การเล่นของลูกในวัยนี้ต้องการเล่นกับคุณพ่อคุณแม่อยู่ แต่แกก็เริ่มที่จะเล่นอะไรบางอย่างคนเดียวได้บ้าง เช่น การเล่นลากรถ ถีบจักรยานสามล้อ ขี่ม้าโยก การถอดแกะ ขว้างปา เขย่า แต่ถ้าจะให้การเล่นของลูกได้ช่วยพัฒนาความรับรู้ พัฒนาความคิดและฝึกการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะเลือกสรรหาของเล่นและคอยแนะนำวิธีการเล่นให้ลูกอย่างเหมาะสมด้วย

เล่นเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อลำตัวแขนขา

ในตอนต้นเราก็ได้พูดถึงพัฒนาการทางด้านร่างกายทั้งกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กมาแล้วหนูน้อย 15 เดือนนั้นเป็นเด็กที่แอ๊กทีฟมากเพราะมีแรงหรือพลังงานในร่างกายเหลือล้นและกล้ามเนื้อใหญ่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แกจะทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา ยกโน่นปีนนี่ จนกระทั่งแม้แต่นักกรีฑาเหรียญทองต้องยอมแพ้ดังนั้นของเล่นที่ควรจะจัดหาให้ลูกก็ควรจะเป็นของเล่นที่แกจะได้ฝึกทักษะของกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น ม้าโยก จักรยานสามล้อ หมอนหรือเบาะใหญ่ๆ วางเป็นที่ให้ลูกกระโดดหรือกลิ้งตัวไปมา รถบรรทุกสี่ล้อ สามารถใช้ของเล่นเพื่อลูกจะได้ดึง ลาก ไสเก้าอี้เล็กเพื่อให้ลูกใช้ปีนทำอะไรต่างๆ ได้ (เช่น ยืนล้างมือที่อ่างล้างหน้า ปีนหยิบของบนชั้นวางของ) ของเล่นประเภทลากดึงด้วยเชือก ลูกบอลไว้โยน เตะ ขว้าง ปา

เล่นเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อเล็กและความคิด

การเล่นเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อเล็กเช่นการใช้มือและการเล่นเพื่อพัฒนาความคิดสติปัญญานั้นก็มีหลายอย่าง หนูน้อยวันนี้มักชอบเล่นของเล่นที่ท้าทายความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อมือของเล่นที่จะช่วยพัฒนาการใช้มือประสานกับสายตาได้ดีก็เช่น ค้อนตอกหมุด แป้นเสียบหมุดใหญ่ๆ ลูกปัดที่ร้อยกับเชือกเส้นใหญ่ๆ (ทำด้วยไม้หรือพลาสติกลูกใหญ่ๆ หน่อย) ของเล่นที่เอามาประกอบต่อถอดออกจากกันได้ (แบบง่ายๆ) ภาพต่อปริศนา (JIGSAW PUZZLES อย่างง่ายๆ) แท่งสกรูใหญ่ๆ
แต่ช่วงนี้ยังไม่ให้ให้แกเล่นบล็อกไม้โครงสร้าง (ซึ่งต่อเป็นรูปทรงเรขาคณิตแบบต่างๆ) เพราะแกจะยังเล่นไม่ค่อยเป็น แต่จะให้แกดูหรือรู้จักกับรูปทรงต่างๆ ไปก่อนก็ได้ ของเล่นของลูกวัยนี้ควรจะมีชิ้นส่วนประกอบที่แข็งแรงมั่นคงสักหน่อยและไม่ควรจะซับซ้อนมากเกินไป เพราะลูกชอบแกะชอบรื้อ ชอบขว้าง โยน ปา และของเล่นที่มีส่วนประกอบยุ่งยากหรือการเล่นที่ซับซ้อนมักจะทำให้ลูกเกิดความคับข้องใจกับมันได้ง่าย เพราะแกไม่รู้วิธีที่จะเล่นกับมันนั่นเอง

ของเล่นที่จะแนะนำเป็นตัวอย่างต่อไปนี้เป็นของเล่นที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ไปจนกระทั่งถึง 2 ขวบหรือกว่านั้น ไม่ควรจะเป็นของเล่นที่ใช้ประโยชน์ได้เพียงอย่างเดียว (เช่น ใช้ดู หรือตั้งไว้ดูสวยๆ งามๆ เท่านั้น) และควรจะเป็นของที่สามารถแลกเปลี่ยนกันเล่นได้ (เผื่อไว้เมื่อลูกโตแล้ว เราอาจจะนำไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนฝูงที่มีลูกเล็กกว่า

- พวกแท่งไม้สี่เหลี่ยมรูปทรงกระบอกหลายๆแท่ง (คุณพ่อที่ขยันอาจจะซื้อไม้มาเลื่อยมาตัดให้ลูกก็ได้ ลบเหลี่ยมลบคมให้เรียบ ซื้อสีที่ไม่มีสารพิษมาทา จะได้ราคาไม่แพงนัก

- ม้าโยก



- พวกรูปทรงเรขาคณิตสวมหลักแบบต่างๆ

- หนังสือรูปภาพปกหนาสีสันสดใสเป็นรูปเกี่ยวกับสัตว์ รถ บ้าน พ่อแม่ ฯลฯ

- รถบรรทุกคันเล็กที่ทำด้วยไม้ มีล้อเลื่อนที่แข็งแรง สำหรับลากดึงและควรจะทำให้ลูกบรรทุกของเล่นของแกได้ด้วย

- แป้นไม้กลมสวมหลักที่เรียงขนาดจากใหญ่ไปเล็ก

- กล่องเปล่าที่ไม่ใช้แล้วหลายๆใบ (สำหรับนักสะสม รื้อค้น)

- หม้อ ไห จาน ชาม ที่ทำด้วยอลูมิเนียมหรือพลาสติกที่เป็นของเด็กหรือจะเป็นของที่ใช้ในครัว คุณอาจจะแบ่งมาให้ลูกยืมไปเล่นสักหน่อยคงจะดีไม่น้อยทีเดียว

- ของเล่นประเภทลากจูง ตุ๊กตาสัตว์ที่มีขนอ่อนนุ่มซึ่งสามารถซักได้ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้กับลูก

- พวกตุ๊กตายาง (ที่ไม่มีสารพิษเจือปน) ให้ลูกลอยเล่นในน้ำได้

- สีเทียนแท่งใหญ่ กระดาษขาวแผ่นใหญ่ๆให้ลูกได้ลองขีดๆ เขียนเล่น

ข้อแนะนำเล็กๆน้อย เกี่ยวกับของเล่นลูก

- ถ้าลูก เบื่อหรือไม่พอใจกับของเล่นบางอย่างแสดงว่าของเล่นอันนั้นอาจจะเก่าซ้ำซากสำหรับลูกหรือไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรให้ลูก คือเล่นแล้วก็งั้นๆ (ประเภทลิงตีกลอง ซึ่งลูกดูแล้วครั้งแรกๆ ก็ตื่นเต้นดีแต่ต่อไปมันก็ตีป๊อกๆ อยู่นั่นแหละ จะแกะ จะทำอะไรกับมันก็ไม่ได้ แกจึงนึกเบื่อขี้หน้าเจ้าลิงตัวนั้นเสียเต็มประดา) หาของเล่นให้ลูกอ่างอื่นดีกว่าเพราะของเล่นที่ไม่เหมาะสมกับวัย กับความสนใจของลูกมักจะทำให้แกไม่ค่อยมีความสุขหรือสนุกกับมันนัก

- ถ้าของเล่นบางอย่างแตกหัก ฟัง ควรจะเอาออกมาอย่างให้ลูกเล่นจนกว่าคุณจะซ่อมแซมได้ดีเหมือนเดิม หากซ่อมไม่ได้ก็ควรจะทิ้งไปเสียเพราะอาจจะเป็นอันตรายแก่ลูกได้ถ้าแกนำมาเล่นต่อ

- หากคุณซื้อของเล่นให้ลูกมากเกินไปอาจจะทำให้แกสับสนเพราะมันมากกระทั่งไม่รู้ว่าจะเล่นอะไรดี ทางที่ดีควรจะหมุนเวียนของเล่นบางอย่างที่ลูกชอบมาให้แกเล่นทีละไม่มากนัก พอเริ่มเพื่อ ก็เอาอย่างอื่นมาเปลี่ยนและก็เวียนสลับกันไปเรื่อยๆ จะช่วยให้กิจกรรมการเล่นมีความใหม่และได้พัฒนากิจกรรมการเล่นได้มากกว่า ของเล่นที่คุณอุตส่าห์ซื้อหามาให้ลูกก็จักได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่ากว่า

- ควรเลือกของเล่นที่ไม่มีส่วนประกอบที่แหลมคมหรือบาง หรือเป็นเส้นด้าย เส้นเชือกที่อาจจะมาพันคอ พันมือหรือสะดุดหกล้มได้

- ของเล่นประเภทขี่ หรือโยก ควรจะแน่ใจว่ามีความแข็งแรงมั่นคงพอที่จะรับกับการกระแทก โยก ขี่ ลากไสของลูกได้

- ของเล่นที่น่าพอใจควรจะเป็นของเล่นที่ลูกสามารถเล่นได้ตลอดช่วงวัยเด็กเล็กสามารถใช้ทำอะไรต่ออะไรได้หลายๆ อย่างหลายวิธี น่าสนใจและให้ความสนุกสนานแก่ลูก

- ของเล่นประเภทดนตรี ช่วงนี้หนูน้อยมักจะคลั่งไคล้เสียงแพลง จังหวะดนตรี การเต้นยักเอวยักไหล่กันมาก เมื่อได้ยินเสียงเพลงแกมักจะขยับเนื้อขยับตัวให้เข้ากับจังหวะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เราควรจะส่งเสริมให้ลูกได้ฟังเพลงได้เล่นเครื่องดนตรีแบบง่ายๆ เช่น กลอง ปี่ ออร์แกนของเด็กๆ นิ้งหน่อง ถ้าคุณมีกีตาร์ มีเปียโนอยู่แล้วจะให้ลูกลองเล่นดูจะเป็นไรไป ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นเพลงเป็นเรื่องเป็นราว แต่ลูกก็ได้สนุกสนานและได้รู้จักกับดนตรี รู้จักจังหวะ และเสียงเพลง


นอกจากนี้ถ้าคุณสามารถหาเทปเพลงเด็กๆหรือเพลงทั่วๆ ไปมาเปิดให้แกฟัง แกมักจะชอบและชอบให้เปิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งเป็นลักษณะประจำของเด็กๆ ที่เรียนรู้โดยอาศัยการทำซ้ำๆ ทำบ่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ในความทรงจำของแก แกจะชอบเต้นหมุนไปหมุนมา ชอบฟังเพลงที่แกชอบซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างไม่รู้จักเบื่อกันง่ายๆ



- การเล่นสมมติ ถึงแม้ว่าการเล่นของหนูน้อยวัย 15 เดือนจะยังไม่เป็นการเล่นแบบจินตนาการหรือสมมติมากนัก แต่แกก็เริ่มที่จะชอบเล่นกับตุ๊กตามากขึ้น ชอบเอาไปนอนกอดด้วยแทนที่จะดึงทึ้งลูกกะตา หรือดึงเส้นผมออกอย่างแต่ก่อน และยิ่งเมื่อใดที่แกมีพัฒนาการทางภาษามากขึ้น การเล่นแบบจินตนาการ หรือการแสร้งทำ สมมติ ติ๊ต่าง ก็จะเพิ่มมากขึ้นระยะนี้แกอาจจะเริ่มยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาทำท่า “ดื่ม” หรือเอาแท่งไม้บล็อกสมมติเป็น “อาหาร” การเล่นสมมติของแกมักจะเกี่ยวกับการกระทำของตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ติ๊ต่างว่า “กิน” “นอน” “เที่ยว” เมื่อเด็กโตขึ้น 2 ขวบขึ้นไปการเล่นสมมติของแกจะใช้สัญลักษณ์แทนมากขึ้น และไม่ติดอยู่กับการกระทำของตัวเองเท่าไร แกจะติ๊ต่างแท่งบล็อกว่าเป็น “รถ” โปรยดิน โปรยทรายลงมาว่าเป็น “สายฝน” ขี่ไม้กวาดเป็น “ม้า” โลกแห่งจินตนาการของเด็กๆ วัยก่อนเรียนก็มักจะเล่นสมมติเป็นสิ่งของหรือเป็นคนโน้นคนนี้มากกว่าจะเป็นตัวเอง หรือการกระทำของตนเองอย่างในระยะนี้ ยิ่งโตขึ้นจินตนาการของเด็กก็จะยิ่งซับซ้อน ละเอียดลึกซึ้งและผูกติดกับเหตุการณ์จริงน้อยลงทุกที

- เกมการเล่น สำหรับเด็กที่เดินได้แล้วแกมักจะชอบเล่นอะไรกับพ่อแม่หรือคนอื่นๆ เช่น เล่นจ๊ะเอ๋ เล่นโยนรับของ (แกชอบโยนให้คุณแม่รับมากกว่า แต่ไม่ชอบรับเสียเอง) เกมซ่อนของ เก็บของใส่ตะกร้า ใส่กล่องหรือการเล่นเกมประเภทวางของใส่ให้ถูกช่อง ถูกรูปร่าง ซึ่งบางครั้งแกก็ยังทำไม่ค่อยได้แต่แกก็มีความพยายามเพราะเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของแกมาก

-การเล่นกับลูก ควรจะมีการพูดคำประเภท ของหนู ของแม่ แม่ให้หนู ขอแม่หน่อย เพื่อให้แกรู้จักแยกความแตกต่างของคำพวกนี้ดียิ่งขึ้น


การพัฒนาการทางสังคม
การเล่นและการทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปทำโน่นทำนี่ หยิบจับอะไรต่อมิอะไร เป็นพฤติกรรมเพื่อการสำรวจค้นคว้าทั้งสิ้น แต่ในส่วนที่ลูกจะขาดเสียมิได้ก็คือการติดต่อสมาคมกับผู้อื่น เพราะสิ่งนี้ก็คือการสำรวจค้นคว้าอย่างหนึ่งเหมือนกัน หนูน้อยจะค่อยๆเพิ่มความสนใจมากขึ้นๆ กับผลที่เกิดขึ้นเมื่อแกออกไปติดต่อกับผู้อื่น แกอาจจะเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นโดยการร้องตะโกน แสดงอวด หรือทำท่าทำทางเลียนแบบคนอื่น แกอาจจะพยายามทำให้ผู้ใหญ่สนใจโดยการหยิก กัด กระทุ้ง ผลัก ดัน หรือกอดรัด แกอาจจะทำให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่แกต้องการโดยการดึงแขนดึงตัว ตี คราง ร้องไห้ หรือยิ้ม

การเรียนรู้ของเด็กเกี่ยวกับเรื่องการแสดงออกทางสังคมจะเป็นไปได้ดี ต้องขึ้นอยู่กับความคงเส้นคงวา และการกำหนดขอบเขตที่มีเหติมีผลของพ่อแม่ด้วย เพราะเด็กๆ จะเรียนรู้ถึงเทคนิคต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากผู้ใหญ่ได้เร็วมาก แกรู้ว่าเมื่อร้องไห้แล้วจะได้อะไรตามที่ต้องการทันที รู้ว่าผู้คนจะให้ความสนใจแกเมื่อแกหัวเราะมากกว่าตอนกรีดร้อง และเด็กบางคนก็อาจจะเรียนรู้ว่าคนแต่ละคนก็มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเดียวกันต่างกันออกไป เช่น การร้องไห้อาจจะได้รับความเห็นอกเห็นใจได้รับการโอ๋ทันทีจากคุณยาย แต่คุณแม่จะไม่เข้ามาโอ๋ เมื่อแกตีคุณพ่อคุณพ่อจะหัวเราะชอบใจ แต่คุณแม่อาจจะโกรธ

ดังนั้นทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ควรจะมีท่าทีต่อแกให้เหมือนๆ กัน เพื่อที่แกจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งหรือการกรทำที่สังคมยอมรับ โดยไม่สับสน เดี๋ยวคนโน้นว่าอย่างนี้ เดี๋ยวคนนี้ว่าอย่างนั้น และแกก็อาจจะเลือกที่จะทำเพื่อให้ได้มาถึงซึ่งสิ่งที่ต้องการ (ซึ่งอาจจะไม่ถูก้อง) กับอีกคนหนึ่งที่แกรู้ว่าเขาต้องตอบสนองแกแน่ๆ จึงเกิดเรื่องที่เราเรียกว่าเสียเด็กได้ง่าย เพราะมีคนหนึ่งตามใจ อีกคนหนึ่งไม่ตามใจ เด็กก็มักจะหาที่พึ่งกับคนที่ตามใจเขาเสมอ จึงควรที่จะตกลงขอบเขตหรือข้อห้ามปรามให้เหมือนๆกันเข้าไว้

อารมณ์ขันของลูก ในวัยนี้ลูกมักจะทำอะไรๆได้ตั้งหลายอย่างท่าทางก็ดูตลกสิ้นดี แกจึงกลายเป็นตัวตลกประจำบ้านไปได้ ไม่ว่าจะพูดอะไรหรือทำอะไร บางครั้งหรือหลายครั้งผู้ใหญ่ก็อดจะหัวเราะขันท่าทางแกไม่ได้และลูกก็รู้ตัวด้วยว่าแกเป็นศูนย์กลางของบ้านที่ใครๆก็ให้ความสนใจเอ็นดูรักใคร่ แกจะชอบเต้นรำเพราะรู้สึกพอใจกับเสียงปรบมือเสียงเชียร์ของผู้ใหญ่และในขณะเดียวกันความดีใจความพอใจนี่ก็จะเพาะอารมณ์ขันหรือนิสัยของความสนุกขบขันให้ลูกไปด้วย คุณพ่ออาจจะเต้นรำไปกับลูกแล้วทำท่าทางตลกๆ ยักเอว ยักไหล่ ทำหน้าตาให้ตลก ลูกก็จะหัวเราะงอหายได้เหมือนกัน เวลาที่คุณลงไปคลานสี่เท้าแกจะหัวเราะชอบใจ เพราะแกเริ่มรู้ว่าผู้ใหญ่เขาไม่คลานกันแล้วมีแต่เจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกเท่านั้นที่คลาน แกจึงเห็นเป็นเรื่องที่น่าขันเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่รู้จักเล่นกับลูก หยอกล้อแกบ้าง ทำท่าทำทางตลกๆ ให้แกดูบ้าง ก็จะช่วยเพาะอารมณ์ขันให้แก่ลูกได้มากทีเดียว คุณเองก็สนุกสนานด้วยใช่มั้ยล่ะ




คิดว่าเพื่อนเพื่อนที่มีลูกในวัยเดี่ยวกันคงได้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจลิงน้อยกันมากขึ้นนะค๊ะ ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจากพญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์คลินิกเด็ก.คอม และ หนังสือคู่มือพัฒนาการเด็กจากสำนักพิมพ์รักลูกค่ะ

Smiley






 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 1:08:25 น.
Counter : 2011 Pageviews.  

น้องทะเลและเพื่อนร่วมแก๊งค์



Click to play Gymboree Gang Team
Create your own scrapbook - Powered by Smilebox
Make a Smilebox scrapbook



May 15, 2008

คุณแม่จะพาน้องทะเลไปหาเพื่อนร่วมแก๊งค์ มีนัดเจอกันสัปดาห์ละหนึ่งวัน ที่ Gymboree มีเพิ่อนหลายคนมากเราเจอกันที่นั่น วันนี้ทะเลเล่นกับ Mason เราเล่นของเล่นต่างต่างด้วยกัน โดยมีพี่ Kayla เป็นผู้นำการเล่นและร้องเพลง มีการเป่าBubbleให้พวกเราไล่จับกันอย่างสนุกสนาน เมื่อก่อนทะเลไม่ชอบลอดอุโมงค์ ตอนนี้ทะเลชอบซะแล้วคับผม แต่การเล่นกับเพื่อนหลายคนทะเลก็เริ่มชินบ้างแล้ว แต่ยังมีบางครั้งที่ทะเลยังชอบที่จะเล่นคนเดียวอยู่ วันนี้ทะเลเป็นเด็กดีไม่งอแง แต่ตอนนี้ทะเลเง่วงนอนแล้วคับผม ขอทะเลไปงีบก่อนนะคับ แล้วเจอทะเลบ่อยบ่อยนะครับ .. บ๊ายบายคับผม..




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 1:07:03 น.
Counter : 797 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

Napassawan
Location :
Smiling Faces Beautiful Places United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]






MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Napassawan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.