The World is a book
|
|||||
เหย้าบาหยัน : บทที่๒ เรื่องโดย แรม๑๓ บทที่ ๒ หลอกหลอน ชายหนุ่มลึกลับที่มากับกลิ่นการเวก บัดนี้..เขายืนอยู่เบื้องหน้าแก้วห่างเพียงแค่สุดแขนเอื้อม ใบหน้าเค้าเปรอะไปด้วยคราบเขม่าดำเปื้อนตั้งแต่หน้าผากพาดไปถึงสันโด่งของจมูก ดวงตาคมสีฟ้าครามคลอน้ำตาความเศร้าอยู่ที่เบ้าจนเอ่อล้น ริมฝีปากแตกเป็นแผลเลือดไหลซึมซิบออกมาอยู่เรื่อยๆ เศษฝุ่นที่เลอะอยู่ตรงกลางกระหม่อมทำให้ผมน้ำตาลดำกลายเป็นสีขาวโพลนราวกับคนแก่ ชุดสไตล์วิคตอเรี่ยนโบราณที่สวมใส่ดูเกรอะกรังเลอะเป็นปื้นสกปรกทั่วทั้งตัว การแต่งกายและหน้าตาออกไปเชิงฝรั่ง แต่ผิวพรรณกลับดูคล้ำเข้มเหมือนคนไทยก็ไม่ปาน หล่อนเห็นฉันใช่ไหม? ชายหนุ่มลึกลับเริ่มต้นบทสทนากับแก้วด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนสะอื้น ค่ะฉันเห็น คุณใช่ไหมคะ...ที่เรียกฉันอยู่ตลอดเวลา? ใช่...ฉันเอง ชายลึกลับแย้มรอยยิ้มที่ริมฝีปากเล็กน้อย แววตายังคงสกาวเป็นวาวด้วยน้ำตาเพราะความดีใจอย่างเอ่อล้น คุณเป็นใคร? และคุณต้องการอะไรจากฉันหรือเปล่าคะ ? ฉันขจร หล่อนจำฉันเสียไม่ได้หรอกหรือแม่แก้วกานดา? ฉันไม่ใช่แก้วกานดา ฉันชื่อกิ่งแก้วกาหลง คุณจำผิดคนแล้วมั้งคะ หล่อนมิใช่แม่แก้วกานดาของฉันดอกหรือ? ทำไมหน้าหล่อนมันช่างละม้ายเสียเหลือเกิน ขจรก้มหน้าเศร้าละห้อยพูดตัดพ้อพึมพำด้วยความผิดหวัง มันคงเป็นการเข้าใจผิดกันหน่ะค่ะ ว่าแต่... ยังไม่ทันที่แก้วจะถามต่อ ขจรก็พูดแทรกขึ้นมาทันที แต่ถ้าหล่อนหาใช่แม่แก้วกานดาของฉันไม่ เหตุใดหล่อนถึงเห็นฉันเล่า ฉันรอเวลามาร้อยกว่าปีอยู่ที่นี้อย่างไร้ตัวตน มิเคยมีใครเลยที่ผ่านมาจะสามารถสื่อสารหรือพบเห็นฉันได้นอกจากหล่อน เดี๋ยวก่อนนะคะ ร้อยกว่าปี! คุณหมายความว่ายังไงคะ ? แก้วถามขจรด้วยความตกใจ จากวันที่เกิดไฟไหม้..จวบจนปัจจุบัน หล่อนคิดคำนวณดูเถิด..ว่ามันล่วงมานานเท่าใดแล้ว นั่นมันร้อยกว่าปีแล้วนะคะ เอ๊ะ ! หรือนี่คือการแสดงโชว์แสงสีเสียงของอันเดอร์การาวทัวร์หรือเปล่าคะ แหม ฉันไม่นึกเลยนะคะว่าเค้าจะมีไกด์สำหรับคนไทยด้วย สมจริงมากๆเลยค่ะ ทั้งฉากจำลอง และนักแสดง มันหาใช่การแสดงอันใดไม่ แต่มันคือเรื่องจริงที่ฉันเจอ แล้วหล่อนก็สามารถเห็นมันผ่านดวงจิตของฉัน ฉันก็มิรู้เหมือนกันว่าทำไม ได้โปรดเถอะ พาฉันกลับบ้านที ฉันคิดถึงบ้าน " น้ำเสียงของขจรเศร้าสั่นเครือเมื่อพูดคำว่าบ้าน ทันใดนั้นป้ายร้านค้าที่ติดเปลวไฟก็หล่นลงมาทับร่างของขจรจนไฟลุกท่วมตัว แรงกระแทกของร้านที่พังถล่มลงมาทำให้ตัวของขจรและแก้วกระเด็นไปคนละทิศ ขจรนอนกลิ้งดิ้นพล่านกับพื้นทุรนทุรายอย่างทรมานด้วยความเจ็บปวด เปลวเพลิงเริ่มเผาเสื้อผ้าไหม้ขาดวิ่นแหว่งเป็นเว้าภายในพริบตา คุณขจรรรรร! แก้วตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ ร้านค้าอาคารรอบด้านพังทลายหล่นลงมาขวางทางระหว่างแก้วกับขจร พายุเพลิงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน ขจรร้องโหยหวนด้วยความแสบร้อนของพิษเพลิงที่กำลังเผาเค้าทั้งเป็น ความสยดสยองของการย่างสดคนเป็นมันทำให้แก้วสะพรึงนิ่งตะลึงไม่กล้าแม้จะขยับม่านตาให้ปิด กลิ่นอบอวลสะอิดเอียดของการเวกที่ผสมกับกลิ่นเนื้อไหม้เรียกสติของเธอคืนมา เธอเริ่มมองหาคนที่จะมาช่วยขจร มีแต่คนวิ่งหนีไปมากันอย่างอลหม่านเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่มีใครเลยสักคนที่จะช่วยกันดับไฟหรือช่วยเหลือคนรอบข้าง แต่แล้ว.....เสียงร้องของขจรก็เงียบลง ขจรนอนแน่นิ่งปล่อยให้เปลวไฟลุกโชนครอกทั้งลำตัว ไฟกำลังลุกไหม้ลามมาถึงต้นคอและใบหน้า มีเพียงกรามกระดูกที่ไร้หนังหุ้มยังคงเกร็งอ้าปากค้างอยู่ หนังชั้นนอกที่หน้าค่อยๆลอกปลิ้นเป็นริ้วใกล้เกรียมขึ้นเรื่อยๆ ผนังพังผืดและเส้นเลือดเริ่มหดตัวละลายกลายเป็นลิ่มผสมไปกับน้ำหนองที่นองอยู่ในหลุมเบ้าตา ลมระลอกที่สองพัดกระหน่ำราบมาที่พื้นทำให้เถ้าธุลีฝุ่นจากไม้ไหม้ฟุ้งกระจายขึ้นท้องฟ้าราวกับเมฆฝนครึ้ม แก้วรีบนั่งก้มหน้าเพื่อหลบมัน แต่เศษละอองฝุ่นก็เข้าตาจนได้ เธอะรีบขยี้ตาด้วยความระคายเคือง ขยี้ตาทำไมแก้ว? เสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ฝุ่นเข้าตา! แก้วลืมตาขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกหายระเคือง คนที่อยู่เบื้องหน้าเธอก็คือ มนตรี มนตรี! ช่วยด้วย! แก้วเขย่าตัวมนตรีด้วยความตื่นตกใจ มีอะไร? เกิดอะไรขี้น? ไฟไหม้! ไฟกำลังไหม้แล้ว! แก้วตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงหน้าตกตระหนื่น ไฟที่ไหนไหม้? อินมากหรือเปล่าเนี้ย ไฟกำลังไหม้หมดเมือง! และก็.....คุณขจร ใช่แล้ว..คุณขจร! เร็วเข้ามนตรี! ไฟกำลังคลอกคุณขจร! เดินไปที่ร้านนั้นเร็ว! แก้วรีบลุกขึ้นจากพื้นเพื่อวิ่งออกไปช่วยขจร แต่บรรยากาศรอบตัวทำให้เธอต้องชะงัก เพราะมันไม่มีร้านหรือเพลิงไหม้ที่ไหนเลย มีเพียงแต่ซากปรักหักพังและกำแพงอิฐเก่าๆของเมืองใต้ดินกองอยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น นี่ฉันอยู่ไหนเนี้ย? อ้าวถามได้ ก็เรายังอยู่โซนที่หนึ่งของเมืองใต้ดินอยู่เลยไง แกเป็นอะไรหรือเปล่าเนี้ย ท่าทางจะอินเรื่องไฟไหม้ที่ไกด์เล่าใช่มะ ฉันไปตรงโน้นแวบเดียว กลับมาก็เห็นแกนั่งขยี้ตาอยู่ข้างกำแพง ไหนบอกจะถ่ายรูปตรงสกายไล้ท์ไง ถ้ายังไม่เสร็จก็รีบหน่อยนะ เดี๋ยวเค้าจะออกกันแล้ว ออกไปไหน? ก็ทัวร์จบแล้วนิจะอยู่ทำไม อะไรกัน! แล้วโซนอื่นๆหล่ะ เรายังไม่ได้ไปเลยนะ เค้าปิดปรับปรุงชั่วคราวน่ะ จู่ๆทางเดินกับไฟมันก็ชำรุด ฉันอยากไปดูโซนที่เป็นซากโรงแรมร้าง แกพาฉันไปก่อนที่จะออกจากที่นี่ได้ไหม โรงแรมร้างมันไม่ได้อยู่โซนนี้นะ มันอยู่โซนที่ปิดปรับปรุงนั่นแหล่ะ มันต้องอยู่ที่นี้สิ ก็ฉันเพิ่งไป... แก้วนึกขึ้นได้ว่าตราบใดที่สิ่งที่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่ควรพูดต่อเพราะมันจะให้มนตรีคิดว่าเธอเพ้อเจ้อ ไปอะไร ? ป่าวไม่มีอะไร ช่างมันเถอะ เออ...ว่าแต่ ไอ้โรงแร้มร้างมันชื่อว่าอะไรนะ ใช่Orientalหรือเปล่า ฉันไม่แน่ใจ ? Ocidentalไม่ใช่Oriental แหม ดูท่าทางเธอจะสนใจที่นี่ขึ้นมาเชียวนะ ฉันบอกแล้วไงว่าอันเดอร์กราวทัวร์เนี้ยไฮไล้ท์ของซีเแอตเทิ้ล ถ้าอยากดูให้ครบจริงๆก็มาพรุ่งนี้ใหม่สิ่ แต่ฉันไม่มาด้วยแล้วนะ แต่ตอนเนี้ยถ้าไม่คิดจะถ่ายรูปต่อก็ไปเถอะ กรุ๊ปของเรากำลังทยอยออกจนจะหมดแล้ว ไกด์ทัวร์เดินมาตามเพื่อเร่งให้แก้วและมนตรีขึ้นมาจากเมืองใต้ดิน เพราะอีกไม่นานก็จะมีกรุ๊ปอื่นลงไปทัวร์เหมือนกัน ไม่มีรอบไหนของอันเดอร์กราวทัวร์ที่จะมีการแสดงโชว์ประกอบประวัติศาสตร์ ในทุกรอบๆ ไกด์ก็จะพาผู้ชมลงไปสำรวจซากเมืองร้างที่ถูกไฟไหม้เท่านั้น จุดPioneer Squareที่เกิดเหตุไฟไหม้เมื่อร้อยปีก่อน ปัจจุบันบริเวณนั้นก็ถูกล้อมรอบไปด้วยตึกอาคารสูงใหญ่เต็มไปหมดแล้ว เรื่องราวและร่องรอยทั้งหมดถูกกลบเก็บไว้ใต้ดินเพื่อเป็นอนุสรณ์และประวัติศาสตร์ให้ผู้สนใจเค้ามาชมและเรียนรู้เท่านั้น ++++++++++++ มนตรีพาแก้วมาที่ร้านPronto pizza & pastaตามสัญญา มันเป็นร้านพิซซ่าเล็กๆที่อยู่ติดกับจุดขายตั๋วอันเดอร์กราวทัวร์ ปกติร้านนี้คนเยอะหรือเปล่า? ไม่ค่อยอ่ะ แล้วแกพาฉันมาทำไมเนี้ย แทนที่จะไปกินอาหารอร่อยๆที่ร้านอาหารไทย ก็ฉันชอบร้านนี้นี่หน่า อร่อยดี พิซซ่าโฮมเมดแบบดั้งเดิมมีไม่กี่เจ้าหรอกในเมืองเนี้ย คนที่นี้ไม่ชอบกินพิซซ่าโฮมเมดกันเหรอ ร้านถึงได้เงียบเหงาขนาดเนี้ย ครึ่งๆอ่ะ แต่คนส่วนใหญ่ชอบไปกิน Mods Pizza เพราะมันมีหน้าหลากหลายกว่า เดี๋ยวฉันไปเอาพิซซ่าให้นะ น่าจะอบเสร็จแหล่ะ มนตรีเดินถือพิซซ่ามาพร้อมกับสลัดจานใหญ่ กลิ่นพิซซ่าแบบโฮมเมดร้อนๆจากเตามันหอมกรุ่นเรียกอาการท้องร้องหิวได้เลยทีเดียว เมื่อมนตรีวางอาหารลงบนโต๊ะ แก้วกลับทำหน้าผงะทันที ฉันว่าฉันกินไม่ลงแล้วหล่ะ ทำไมอ่ะ!? ไม่ชอบหน้าPepperoniเหรอ อร่อยนะ มนตรีหยิบพิซซ่าออกมาจากถาดแล้วราดด้วยซอสมะเขือเทศ วันนี้ฉันไม่อยากกินอะไรทำนองเนี้ยอ่ะ แล้วแกก็ช่วยหยุดราดซอสไปบนพิซซ่าได้ไหม แผ่นเป็ปโปโรนี่สีแดงสดบนพิซซ่ามันทำให้แก้วนึกภาพเนื้อบนหน้าของขจรที่เพิ่งถูกไฟเผาสุก ต่อให้พิซซ่ากลิ่นหอมแค่ไหน มันก็ยากที่จะลืมภาพสยองขวัญแบบนั้นไปได้ ไม่สนจริงเหรอ ขอบแป้งกรอบๆเลยนะเนี้ย เอ..ตรงนี้เกรียมไปหน่อยเนอะ ดูซิชีสที่โรยหน้าพิซซ่าละลายกับซอสมะเขือเทศอร่อยมากๆ ทำไมไม่ลองซะหน่อยหล่ะ ฉันว่ามันดูหยะ..เอ่อมแหยะไปหน่อยนะ ใจของแก้วเกือบจะหลุดพูดคำว่าหยะแหยง แต่ก็ดีที่เธอระงับคำไว้ทัน เยิ้มสิ่อร่อย มันเยิ้มๆจากเนื้อเป็ปโปโรนี่มันฉ่ำอร่อยคู่กับชีสมากๆเลยนะ มนตรีใช้มือห่อพิซซ่าให้กระชับเพื่อสะดวกตอนเข้าปาก แต่พอห่อแล้ว น้ำซอสและชีสมันก็ไหลเยิ้มย้อยตกหยดลงมานองบนจาน เหมาไปให้หมดเลยนะพิซซ่าถาดเนี้ย ฉันกินสลัดดีกว่า เออ..มน ฉันถามอะไรหน่อย อืมว่ามา ตอนเหตุการ์ณไฟไหม้ มีคนตายหรือเปล่า? รู้สึกจะไม่มีนะ ทุกคนในเมืองปลอดภัย จะมีก็แค่พวกม้ากับสัตว์เลี้ยงเท่านั้นแหล่ะที่ตาย ไม่มีคนตายเลยหรอ!? ใช่ ถามทำไม? กลัวเจอผีเหรอไง? ฮ่าๆๆ ป่าววว ก็แค่อยากรู้ ถึงจะไม่มีคนตาย แต่คนหายนี่ฉันไม่รู้นะ เพราะจะว่าไปแล้ว คนก็เจอผีกันที่นี่บ่อยเหมือนกัน รายการพวกGhost Hunterยังเคยมาถ่ายที่นี่เลย แต่ก็ไม่เจออะไร เจอแต่เสียงกับเงา เร็วๆนี้จะมาถ่ายอีกรอบ สนใจไปไหมหล่ะ? เรื่องนั้นไว้ทีหลัง เรื่องที่ฉันอยากรู้มากกว่าก็คือผีที่เค้าเจอมันเป็นผีผู้ชายหรือผู้หญิง? ผีที่เค้าเจอส่วนใหญ่ก็เป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ก็คงเป็นคนเก่าคนแก่หล่ะมั้ง คงไม่ใช่ผีที่ตายจากไฟไหม้หรอก ตามบันทึกเค้าบอกว่าไม่มีคนตาย แต่ฉันก็เชื่อว่ามันต้องมีบ้างหล่ะนะ เพราะคิดดูหล่ะกัน ไหม้ติดกันทั้งถนนเป็นบล๊อกๆเลยนะ ตั้งแต่บ่ายโมงยันมืด ไฟก็ยังไม่ดับ มันต้องมีคนที่หนีไม่รอดมั้งสิ่ว่ามะ ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหล่ะ เอ่อ...แล้วนายรู้จักไอ้ Frye Opera Houseอะไรนี่มะ อ๋อ ก็คนเห็นว่าไฟไหม้จากจุดนั้นเป็นจุดแรก อันนี้ตามคำบอกเล่าของคนในเมืองอ่ะนะ แล้วตกลงต้นเพลิงมันมายังไงกันแน่? และใครเป็นคนทำ? รู้สึกว่าต้นเหตุจะมาจากคนที่ชื่อJohn Back ตาคนนี้ทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ร้านไม้ แกอุ่นกาวจนเดือดแล้วทะลักออกมา ไอ้สะเก็ดไฟและกาวก็เลยไปหล่นที่พื้น ไอ้พื้นเนี้ยก็ดันมีขี้เลื่อยและหยดน้ำมันสนอยู่เต็มไปหมด ชั้นสองก็เป็นร้านสี งานนี้ไฟก็เลยลุกลามไปใหญ่โต ครั้งนั้นอ่ะมันถือว่าเป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่มากเลยนะ เค้าก็เลยเรียกกันว่าGreat Seattle Fireไงหล่ะ โอยแก้ว! ตอนนี้ฉันหิวอ่ะ ขอกินพิซซ่าก่อนนะ อยากรู้อะไรเพิ่มเติมรอฟังไกด์พรุ่งนี้แล้วกันเนอะ อ้าวหยุดเล่าซะงั้น ฉันรอถามไกด์พรุ่งนี้ก็ได้ แต่ขออีกคำถามนึงสิ คนชื่อจอห์นที่นายว่า หน้าตาเค้าเป็นยังไง? เป็นคนไทยป่ะ? ฮ่าๆๆๆๆ จะบ้าเหรอแก้ว นายจอห์น แบ็คเป็นคนอเมริกันแท้เลยนะ และอีกอย่างคนไทยจะมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ฉันก็แค่สงสัย ช่างมันเถอะ แล้วเรากินเสร็จจะไปไหนต่อล่ะ? ไปPike Place Market แกอยากได้ดอกไม้สดๆไปถวายพระพรุ่งนี้ไม่ใช่หรอ ตลาดนั่นมีสดๆเพียบเลย ราคาดีด้วย ไพ๊ค์เพลซมาร์เก็ตหรอ ดีเหมือนกันนะ เมื่อวานไปวัดก็ไม่มีดอกไม้ไปถวายพระเลย พรุ่งนี้ฉันว่าฉันจะทำบุญใหญ่ซะหน่อย ++++++++ รออ่านตอนต่ออยู่นะครับ ว่าแต่ผมยังเคยแอบเห็นบางคนพิมพ์แล้วมาวางที่บล็อกแก๊งได้ตั้งสามสิบหน้าเวิร์ดเลย
โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 5 มิถุนายน 2556 เวลา:22:36:23 น.
มาอ่านต่อกันเลยค่ะ>>>>
How much is it? แก้วทำไรอยู่ มนตรีเดินมาสะกิดแก้วจากด้านหลัง ฉันกำลังซื้อตระกร้ายายคนนี้อยู่นี่ไง ฉันว่ามันสวยแปลกตาดีอ่ะ ไหน? ตระกร้าอะไรของเธอจ๊ะ นี่ไง อ้าว...ไปไหนแล้วหล่ะ เมื้อกี้ยายเค้ายังนั่งตรงนี้อยู่เลย แก้วพยายามมองหาว่ายายอาจหลบไปตรงจุดอื่น แต่ตรงนี้มันคือทางตัน ไม่มีทางที่ยายคนนั้นจะหลบซ่อนตัวได้ที่ไหนเลย ยายไหน? ก็ยายคนเมื่อเกี้ย ที่หน้าเหมือนพวกNative Americanอ้ะ เดินไปไหนแล้วเนี้ย" ยายหน้าแบบอินเดี้ยนแล้วขายตระกร้า? ใช่ แกลองช่วยฉันหาสิ อ้าวนิ่งไปทำไม ยายที่ตัวเล็กๆแล้วโพกผ้าสีแดงที่หัว ส่วนตัวก็คลุมด้วยผ้าห่มสีแดงเหมือนกันใช่ป่ะ" เออใช่ ไหน? ไหน? อยู่ไหนหล่ะ? มนตรีหน้าซีดเผือดลงทันทีเมื่อสิ่งที่แก้วเห็นมันตรงกับที่เขาอธิบาย ฉันว่าที่แกเห็นน่าจะเป็น คุณยายPrincess Angeline คุณยายPrincess Angeline ? คุณยายเป็นเจ้าหญิงชื่อแอนเจลีนงั้นเหรอ? " มีคนเห็นบ่อย แต่ไม่เห็นมานานแหล่ะ ทำไมหล่ะ? ก็ยายแอนเจอลีนตายไปร้อยกว่าปีก่อนตลาดนี้จะเกิดซะอีก คนต่างถิ่นที่มาเที่ยวจะเห็นกันบ่อย คนที่นี้เค้าคิดว่ายายยังชอบมาวนเวียนอยู่ที่ตลาดอยู่เป็นประจำไม่ไปไหน แกจะบอกว่าฉันเห็นผีงั้นเหรอ ถ้าที่แกเล่ารูปร่างมาก็ใช่เลยอ่ะ หึยขนลุก! แล้วทำไมเค้าต้องมาให้ฉันเห็นด้วยหล่ะ ฉันไม่ได้มีญาติเป็นคนอินเดียนแดงนะ คนเห็นผีมีอยู่สองกรณีคือมีบุญ หรือไม่ก็มีกรรมร่วมกับผี ฉันว่าคงไม่ใช่กรรมหรอกนะ เอ๊ะ!หรือว่าเค้ารู้ว่าฉันจะไปทำบุญเลยมาขอส่วนบุญ อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะ แล้วผีที่เป็นเนทีฟอเมริกันด้วย ผีแบบนี้จะต้องการบุญจากเราด้วยเหรอ เอาไว้ถามหลวงพ่อที่วัดพรุ่งนี้หล่ะกันแก้ว ฉันว่าเราไปเดินรอบนอกตลาดดีไหม ตรงนี้มันเริ่มวังเวงแล้วหล่ะ รอบนอกของตลาดเสมือนลานแสดงศิลปะเล็กๆของนักศิลปินอิสระ บางคนก็เอางานหัตถรรมทำมือมาวางขายในราคาถูก บางคนก็มาแสดงดนตรีเปิดหมวกสลับกับการเต้น นี่มน ตกลงฉันก็ยังประหลาดใจเรื่องยายคนนั้นอยู่ดี มันเป็นไปได้ไง อยากพิสูจน์ป่ะหล่ะว่าใช่คนเดียวกันกับที่เธอเห็นไหม ยังไง ? พรุ่งนี้หลังไปวัด ก็ไปที่MOHAIกับฉัน ที่นั้นมีนิทรรศการประวัติศาสตร์เมืองซีแอเทิ้ล ซึ่งปริ๊นเซสแอนเจลีนถือว่าเป็นส่วนนึงของประวัติศาสตร์เลยนะ และที่นั่นมันก็มีรูปคุณยายอยู่ด้วย ฉันอยากไปวันนี้ พาฉันไปเลยได้ไหม ไปก็ได้ถ้าเธอไม่เหนื่อยนะ แต่ก่อนไปฉันขอไปซื้อสตาร์บั๊คมาจิบก่อนนะ ร้านเนี้ยร้านแรกของโลกเลยนะ เห็นโลโก้มะ? ยังเป็นสีน้ำตาลและตัวนางเงือกก็ยังไม่สวยเลย ยังไงแกก็ต้องลอง โหย แถวยาวขนาดนั้น ฉันไม่ไปต่อแถวหรอก เดี๋ยวฉันต่อให้ค้าบบนายหญิงงงง รออยู่แถวนี่แหล่ะขอรับ เอางี้นั่งให้เค้าวาดรูปฆ่าเวลาไหมหล่ะ 15นาทีก็เสร็จนะ คนวาดคนนี้ดังมากเลยนะ ไม่ได้ทำเป็นอาชีพแต่ทำเป็นศิลปะติสท์ๆไปงั้นอ่ะ ที่ดังก็เพราะเค้าวาดรูปได้เหมือนและเร็วมาก อืมก็น่าสนนะ ตามนั้นหล่ะกัน อยากรู้เหมือนกันว่าสิบห้านาทีจะทำออกมาดีไหม +++++++ คนที่วาดรูปให้แก้วเป็นผู้ชายเนทีฟอเมริกัน หน้าตาดูเผินๆคล้ายกับคนจีนผสมไทย แต่สิ่งที่ทำให้ดูรู้ว่าเป็นเนทีฟอเมริกันก็เพราะผมเปียยาวทั้งสองข้างกับผิวของเขาที่ออกสีดำแดง คนวาดรูปไม่พูดอะไรเลย เอาแต่ขะมักเขม้นกับรูปที่กำลังวาด Finish yet? แก้วถามคนวาดรูปเพราะเริ่มรู้สึกเมื่อยและอีดอัด Almost done,lady ชายวาดรูปตอบแก้วด้วยน้ำเสียงสุภาพ How long have been drawing? แก้วเริ่มชวนคุยต่อเพื่อคลายความน่าเบื่อ Ive been drawing since I was student in High School What was your first drawing ? Portrait or Landscape? My first drawing is portrait. It's young Princess Angeline 's portrait , not old one Princess Angeline !? Do you know her? Of course ! She known as a mystery spirits for tourist , right? hahaha Is it true that people still see her around Pike Place market? คุยอะไรกันอยู่แก้ว กาแฟได้แล้ว ใกล้เสร็จยังเนี้ย มนตรีเดินมาข้างหลังแก้วและยื่นกาแฟมาให้ เค้าบอกว่าใกล้แล้วนะ ฉันกำลังคุยเรื่องปริ๊นเซส..!!โอ้ย เด็กเล่นสเก็ซบอร์ดแล่นเข้ามาชนแก้วจนทำให้กาแฟหกเลอะที่ผ้าพันคอขณะกำลังจะจิบ เปื้อนหมดเลยอ่ะ ของป้าฉันด้วย สีขาวซักยากด้วย ฉันรีบไปล้างให้คราบกาแฟมันจางหน่อยดีกว่า บอกคนวาดนะว่าเดี๋ยวฉันมา แต่ถ้าเสร็จแล้วก็ตามมาให้ฉันนะ ++++++ แก้วเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจอมนตรียืนคอยอยู่หน้าประตูและกำจ้องรูปด้วยความสีหน้าประหลาด อ้าวเสร็จแล้วหรอ ไหนดูซิ เมื่อแก้วเห็นรูปก็ถึงกับอุทานด้วยความตกใจ เพราะรูปที่เห็นมันเป็นภาพหญิงสาวใส่ชุดไทยสไบเฉียงทับกับเสื้อแขนยาว ผมสั้นเสยเป็นทรงกระทุ่มกลาย ใบหน้าเล็กเรียวสวยเป็นรูปไข่ คิ้วเค้มสวยเป็นโค้งรับกับหน้า ส่วนตาก็คมกลมหวานย้อยเหมือนนัยน์ตาแขก จมูกจรดปากดูกระจิดริดน่ารักจิ้มลิ้ม โหนกแก้มเป็นโนนเหมือนกลีบดอกบัว ผู้หญิงในรูปสวยคมเหมือนลูกครึ่งไทยกับแขกขาวผสมกัน คนในภาพนี้แก้วคุ้นตาดี เพราะทุกครั้งที่ไปหาคุณย่า เธอจะเห็นภาพของผู้หญิงลักษณะหน้าตาแบบนี้อยู่ที่โถงรับแขก เหมือนมาก! เหมือนใคร? เหมือนคุณเทียดบาหยัน เหมือนกันเป๊ะกับภาพที่อยู่ห้องโถงบ้านย่าฉัน เฮ้ย! จะเป็นไปได้ไง ตาคนวาดรูปนั่นเค้าวาดรูปแกนะ ไม่ใช่รูปเทียดแก ก็นั่นน่ะซิ ฉันขอไปคุยกับคนวาดรูปหน่อยนะ ไม่ต้องไปแล้วล่ะแก้ว คนนั้นเค้ากลับบ้านไปแล้ว เพราะเมื่อกี้ฝนลงเม็ด ก็เลยรีบแยกย้าย งั้นพรุ่งนี้ฉันจะมาหาเค้าใหม่ ฉันไม่อยากไปไหนต่อแล้วหล่ะวันเนี้ย ฉันเพลียมากและก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี วันนี้ทังวันฉันเจอเรื่องบ้าๆอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ฉันขอกลับโรงแรมนะ โอเค กลับไปนอนก่อน เดี๋ยวตอนหัวค่ำฉันมารับแกไปกินข้าว +++++++++++++ พออาบน้ำเสร็จแก้วล้มตัวลงนอนที่เตียงทันทีด้วยความเหนื่อยล้า เธอหลับตาเพื่อนึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ ไม่ว่าจะเรื่องกลิ่นการเวกกับคุณขจรที่เมืองไฟไหม้ หรือจะเป็นปริ๊นเซสแอนเจอลีนที่ตลาด แล้วไหนจะรูปวาดคุณเทียดบาหยันอีก ทุกสิ่งที่เจอแทบจะหาจุดเชื่อมโยงหรือรอยต่อซึ่งกันและกันไม่ได้เลย " น่อย น้อย หน้อยย...น๋อย น่อย นอย...น่อย น้อย หน้อยย...." จู่ๆเสียงเอื้อนทำนองเพลงไทยเดิมที่แก้วเคยได้ยินก็ลอยแว่วมา แต่ว่าครั้งนี้มันสำเนียงดูแปร่งและผิดเพี้ยน อีกทั้งฟังแล้วเหมือนเสียงคนแก่ที่พูดไม่ชัด อยู่ดีๆแก้วก็เกิดอาการเกร็งและขยับตัวไม่ได้ เธอพยายามลืมตาแต่ก็ลืมไม่ขึ้น สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือการฟัง " น่อย น้อย หน้อยย...น๋อย น่อย นอย...น่อย น้อย หน้อยย...." เสียงนั้นยังคงดังขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆลอยไล่มาจากระเบียง จังหวะของเสียงดูช้าลง... ช้าลง....ช้าลง........ช้าลง เสียงมันเริ่มยานยืดจนฟังแทบไม่ชัด เสียงนั้นเคลื่อนย้ายมาหยุดที่ปลายเตียง. แล้ว....เสียงก็เงียบไป....................... เพียงแค่ความเงียบเสี้ยววินาที จู่ๆก็มีนิ้วมือสากกร้านมาลู่ที่หลังสันเท้าทั้งสองข้างของแก้ว ความกร้านของมันเหมือนกระดาษทรายที่ขุยโดนฝนจนยับยุ่น ทันใดนั้นมือคู่นั้นก็ย้ายมาจับที่หัวแก้วและก็ใช้มือค่อยๆสางสาวผมแก้วสยายแสกแหกออกมาสองข้าง จากนั้นก็กำผมแก้วรัดแน่นตึงและดึงราวกับจะให้หลุดออกจากหัวกระโหลก แรงหน่วงที่ดึงหัวมันเริ่มทวีความเจ็บขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มดึงแรงขึ้น แรงขึ้น โยกกระตุกผมไปมาราวกับเชือก แม้ตาแก้วจะปิดตาอยู่แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด ออกไป! นี่ไม่ใช่ที่ของเอ็ง อย่ามายุ่งกับแม่แก้วของฉัน เสียงดุเกรี้ยวกราดดังขึ้นมาอีกมุมนึงของห้อง เสียงนั้นแก้วจำได้ดี ...มันคือเสียงของ "คุณขจร" ++++++จบบทที่ ๒ ++++++++ โดย: ม้าสามศอก วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:1:56:36 น.
มาต่อให้แล้วนะคะ
ขอบคุณคุณน้ำที่แนะนำ ขอบคุณคุณอาณาจักรแห่งเราที่ติดตาม ขออภัยถ้าFontตัวเล็กไปหน่อยในช่องComment โดย: ม้าสามศอก วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:1:58:04 น.
|
ม้าสามศอก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] มะลิรายงานตัว สวัสดีค่ะ
Group Blog All Blog Friends Blog |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ตัวหนังสือใหญ่ขึ้นแล้ว ดีจัง