The World is a book
|
||||
เหย้าบาหยัน : บทที่ ๘ : แฝดกาฝาก บทที่ ๘ แฝดกาฝาก ฟ้าหลังฝนทิ้งความชื้นเกาะกระจกรถเป็นคราบเม็ดฝน ภิกษุหนุ่มใช้มือลู่ไอน้ำที่กระจกข้างออกแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งถูให้กระจ่างชัด มันก็กลับมาเลือนลางเป็นรอยอีกเช่นเคย อุณหภูมิในรถเย็นราวกับจุดเยือกแข็งทั้งๆที่ปิดแอร์ไปนานแล้ว จีวรที่ห่มอยู่ก็ไม่ได้อุ่นพอที่จะกันความหนาวผิดปกติแบบนี้ได้ ผิวหนังชั้นนอกตึงดึงรั้งขนให้ตั้งลุกชัน การเต้นของจังหวะหัวใจช้าลงจนทำให้หายใจแทบไม่ออกเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ อากาศวิปริตและอาการประหลาดแบบนี้ พระไมค์เคยประสบมาแล้วสองครั้งที่อเมริกาและที่ไทย ครั้งแรกคือการเจอกับวิญญาณขุนขจร และครั้งที่สองคือการพบกับวิญญาณหญิงโบราณที่ยืนอยู่ด้านหลังแก้วตอนสทนาที่ข้างโลงศพ หน้าตาของหญิงโบราณผู้นั้นยังคงติดตาภิกษุหนุ่มให้ครุ่นคิดอยู่เสมอ ทั้งชื่อที่หญิงผู้นั้นที่เรียก กับทั้งท่าทางและสีหน้าอากัปกิริยาที่แสดงออกมาเหมือนกับรู้จักกันมาก่อน มันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า วิญญาณหญิงโบราณที่หน้าคล้ายแก้วคนนั้น เขาเป็นใคร หยงยิหวาเองเจ้าค่ะ เสียงหวานนุ่มของหญิงสาวตอบกลับมาในขณะที่ภิกษุหนุ่มกำลังคิด พอหันไปดูด้วยความตกใจ ก็พบกับวิญญาณหญิงโบราณที่เคยเจอ กำลังนั่งพับเพียบอยู่ที่เบาะด้านหลัง กราบนมัสการพระคุณเจ้า วิญญาณหญิงโน้มศรีษะจรดพุ่มมือพนมไหว้อย่างนอบน้อบ ฝ่ายพระไมค์ทำหน้านิ่งตัวแข็งทื่อเพราะไม่เคยประจันหน้ากับวิญญาณแบบใกล้ขนาดนี้มาก่อน พอรวบรวมสติได้ จึงพูดกลับไปอย่างสุภาพ เจริญพรนะโยม วิญญาณหญิงสาวยิ้มรับ หยงดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ ที่ท่านขรัวเขมชาตินึกถึงเรื่องเมื่อวาน หยงเลยออกมาพบท่านได้ เดี๋ยวก่อนนะ โยมเรียกอาตมาว่าเขมชาติ? โยมหมายถึงใครกัน เห็นเรียกอาตมาชื่อนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว ท่านไงเจ้าคะ ท่านขรัวเขมชาติ อาตมาชื่อไมค์ แต่มีชื่อไทยเป็นชื่อจริงว่าเจมชาติ โยมหมายถึงเจมชาติแต่ออกเสียงผิดเป็นเขมชาติใช่ไหม ไม่ผิดดอกเจ้าค่ะ ท่านคือขรัวเขมชาติ น้องชายของขุนขจรไงเจ้าคะ ขุนขจร!? ขุนขจรสุนทรวานิชท่านเป็นบรรพบุรุษของอาตมา อาตมาไม่ใช่น้องชายท่าน หยงเชื่อว่าท่านคือขรัวเขมชาติ มีท่านเพียงคนเดียวในชาติที่แล้ว แลชาตินี้ที่จะเห็นวิญญาณกรรมเหล่านี้ได้ ชาติที่แล้วท่านเป็นถึงขรัว ชาตินี้ท่านจึ่งมาเป็นพระอีกครา เป็นบุญหนาที่หยงได้นมัสการท่านอีกหน ภิกษุหนุ่มได้ฟังคำบอกเล่าของวิญญาณหญิงสาวก็รู้สึกยังไม่ค่อยเชื่อ ในใจมีถามคำถามอีกมากมาย แต่ก็ยังไม่กล้าซักถามต่อ เพราะรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ของวิญญาณหญิงโบราณ เหมือนมีอะไรมากกว่านั้น แววตาที่ดีใจแฝงด้วยท่าทางร้อนรนอย่างมีพิรุธ คอยมองไปที่หลังกระบะรถและหน้าศาลาวัดเป็นระยะ " โยมมาหาอาตมา โยมต้องการอะไรหรือเปล่า ต้องการเจ้าค่ะ อยากให้อาตมาช่วยเรื่องอะไรก็บอกมาเลย โยมอยากให้ท่านขรัวเขมชาติช่วยแก้วเจ้าค่ะ โยมหมายถึง พระไมค์หันกลับไปที่ศาลาตามสายตาของวิญญาณหญิงที่มองไป ก็รู้เลยทันที่ว่าหมายถึงกิ่งแก้วกาหลง โยมหยงเจอวิญญาณแก้วด้วยเหรอ เราได้พบกันแล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ดวงจิตของแม่แก้วยังคงหลงทางอยู่ มีเพียงแสงสว่างจากล็อคเก็ตของท่านขรัวเท่านั้น ที่จะนำพาดวงจิตกลับไปหาร่าง ล็อคเก็ต? ภิกษุหนุ่มหยุดคิดครู่ใหญ่ ก็นึกออกว่าตนนำล็อคเก็ตเก็บไว้ที่ย่าม เลยรีบเอาออกมาให้วิญญาณหญิงสาวดูเพื่อให้แน่ใจว่าคืออันเดียวกันกับที่กำลังพูดอยู่ ล็อคเก็ตอันนี้น่ะเหรอโยม ใช่เจ้าค่ะ แต่โยมแก้วเสียชีวิตแล้วนะ อาตมาจะใช้ล็อคเก็ตนำวิญญาณมาคืนร่างได้ยังไง แม่แก้วยังไม่ตายเจ้าค่ะ แค่ดวงจิตหลุดออกจากร่าง อาตมายังไม่เห็นโยมแก้วเลย แล้วอาตมาจะช่วยได้ยังไง ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แม่แก้วไม่ใช่วิญญาณที่ตายแล้ว ท่านจึ่งเห็นไม่ได้ บัดนี้แม่แก้วก็ไม่ได้อยู่ไกลจากท่านขรัวดอกนักเจ้าค่ะ วิญญาณหญิงมองไปด้านหลังเพื่อบอกให้ภิกษุฝรั่งรู้ว่าแก้วอยู่ตรงไหน พระไมค์มองไปที่กระบะท้ายรถ ที่มีแต่ความว่างเปล่า แต่เมื่อเพ่งดูชัดๆอีกครั้ง ก็มีรอยน้ำเป็นคราบเหมือนฝ่ามือคนให้เห็นเป็นจางๆอยู่บนแผ่นกระจกรถ ก็เลยเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่วิญญาณหญิงกล่าวอาจเป็นความจริง แล้วอาตมาต้องทำยังไงล่ะ ท่านขรัวจงถือล็อคเก็ตไว้ เพื่อเดินนำดวงจิตแม่แก้วกลับร่าง รีบเถิดเจ้าค่ะท่านขรัว ก่อนที่จะมีคนนำร่างของแม่แก้วไป แม้จะเป็นคำสั่งที่แปลกประหลาด แต่พระไมค์ก็ยอมทำตามที่วิญญาณหญิงสาวกล่าว เพราะดูเหมือนเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังนำศพแก้วเข้ารถเพื่อนำไปส่งที่ห้องชันสูตรศพสถาบันนิติวิทย์ศาสตร์ ภิกษุฝรั่งรีบเปิดประตูรถ เดินถือล็อคเก็ตมุ่งตรงไปที่ศาลาวัด คอยเรียกแก้วในใจหวังว่าจะได้ยิน โยมแก้ว ถ้าได้ยินเสียง ก็ตามอาตมามานะ อาตมาจะพากลับร่าง แก้วที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด ไม่เห็นหรือได้ยินแม้กระทั่งการสทนาระหว่างพระไมค์กับหยงยิหวาก่อนหน้านี้ มีเพียงแสงสว่างเรืองๆจากสร้อยล็อคเก็ตเท่านั้นที่ส่องทางเหมือนหิ่งห้อยในคืนเดือนดับ ให้เดินตามไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางนั้น เธอสัมผัสได้ตลอดเวลาว่า เหมือนมีวิญญาณอีกตนเดินนำหน้าเธอ แต่ก็ไม่ปรากฏชัดว่าเป็นใคร วิญญาณหยงยิหวาเดินนำหน้ามาตลอด คอยปกป้องไม่เห็นผีร้ายหรือสัมภเวสีเร่ร่อนมายุ่งกับดวงจิตของแก้ว ระยะทางจากเจดีย์ไปหน้าศาลาสวดศพห่างกันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ทว่าทุกๆก้าวเดินเต็มไปด้วยมือนับร้อยนับพันที่โผล่มาจากพื้นดินคอยกั้นขวางทางไม่ให้ไป แต่ด้วยบุญบารมีของภิกษุฝรั่ง จึงทำให้รอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายจนมาถึงรถพยาบาลที่จอดด้านหน้าศาลาวัด ทำอย่างไรต่อโยมหยง ภิกษุฝรั่งถามในใจ เพราะไม่กล้าพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่พยาบาลที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย นำสร้อยไปสวมที่คอแม่แก้วเจ้าค่ะ แม่แก้วจะได้เห็นร่างตนเอง แลกลับเข้าร่างได้เจ้าค่ะ วิญญาณหญิงสาวบอก อาตมาเป็นพระ จับต้องตัวผู้หญิงไม่ได้ มันต้องอาบัติ ทำอย่างไรก็ทำเสียเถิดเจ้าค่ะ รีบทำเถิด ก่อนที่จะไม่ทันกาล ภิกษุหนุ่มเดินวนไปมารอบรถพยาบาล พยายามคิดตรึกตรองอยู่นานสองนาน ก็เลยตัดสินใจทำตามที่วิญญาณหญิงสาวบอก โดยอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังกลับเข้าไปในศาลา รีบเปิดกระจกรถด้านข้าง แล้วพยายามโยนสร้อยไปวางทาบไว้ที่คอ ทำอะไรอ่ะหลวงเพื่อน เสียงสารวัตรศรัณย์ทักมาจากด้านหลัง พระไมค์สะดุ้งตกใจเล็กน้อย พยายามสำรวมอาการและหันกลับไปทำหน้าตาปกติ อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ เพราะไม่สามารถโกหกได้ เอ่อ..คือ..อาตมา สารวัตรศรัณย์เห็นพิรุธที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนของภิกษุฝรั่งที่กำลังยืนบังกระจกรถที่เปิดอยู่ เลยขอให้หลบเพื่อเช็คดูความผิดปกติ นิมนต์หลวงเพื่อนเขยิบหน่อยนะครับ พระไมค์ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ และยังคงออกอาการอ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไร แต่ในระหว่างนั้นเอง เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ออกมาด้านนอกพอดี มีอะไรกันหรือเปล่าครับคุณสารวัตร หนึ่งในเจ้าหน้าที่พยาบาลถาม อ่อ ก็ไม่มีหรอกครับ คือผมจะขอดูศพอีกสักครั้งได้ไหม ช่วยเลื่อนออกมาหน่อย พนักงานพยาบาลพยักหน้า วิ่งไปเปิดท้ายรถแล้วเลื่อนศพออกมา ศพอยู่ในถุงพลาสติกทึบรูดซิบอย่างดี แต่ที่บริเวณห่วงตะขอซิบด้านบน มีสายสร้อยเกี่ยวติดอยู่ สารวัตรหนุ่มรีบแกะออกมาดู แล้วมองไปที่ภิกษุฝรั่งด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำถาม ก็ได้ยินเสียงคนหายใจกระหืดกระหอบอยู่ภายใต้ถุงใส่ศพ ทุกคนในที่นั้นตกใจกับเสียงหายใจในถุงใส่ศพ จู่ๆศพก็ดิ้นพล่านไปมาภายใต้ถุง และมีเสียงพูดออกมาอู้อี้ว่า ช่วยด้วย ทั้งสารวัตรศรัณย์ และพนักงานพยาบาลต่างตกใจ มีเพียงพระไมค์ที่มีสติ ดึงที่รูดซิบออกทันที หญิงสาวในถุงใส่ศพลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบสักพัก แล้วก็สลบไปทันที พนักงานพยาบาลมาเช็กสภาพร่่างกายแก้วอีกครั้งอย่างเร่งด่วน ก็พบว่าหัวใจกลับมาเต้นปกติเหมือนคน คนตายยังไม่ตายครับ หนึ่งในเจ้าหน้าที่พยาบาลตะโกนตอบแบบรวดเร็ว พูดผิดๆถูกๆด้วยความงง สารวัตรหนุ่มเอามือเกาหัวด้วยความงงเช่นกัน มีเพียงพระไมค์ที่ยืนนิ่งเฉยเพราะรู้ว่าเหตุการณ์ปาฏิหารย์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ฟื้นแล้วครับ คนตายฟื้นแล้วครับ เจ้าหน้าที่พยาบาลอีกคนตะโกนหลังจากที่ปฐมพยาบาลแก้วได้ไม่นาน พระไมค์ สารวัตรศรัณย์ และทุกคนที่เพิ่งรู้เรื่อง ต่างรีบมามุงดูอาการของหญิงสาวกันอย่างใกล้ชิด คนที่ดีใจพอๆกับพ่อของแก้วก็คือ ยายจรูญ เพราะจะได้หลุดพ้นคำครหาว่าเป็นฆาตกร เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่าหนูแก้วยังไม่ตายก็ไม่มีใครเชื่อ กล่าวหาคนแก่ๆอย่างฉันแบบมั่วซั่ว ฝ่ายศุภจิตไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ยายจรูญพูด เพราะกำลังรู้สึกดีใจมากที่ได้ลูกสาวกลับมา สายตาจับจ้องดูแก้วอย่างเป็นห่วง แก้วลูกพ่อ ปลอดภัยแล้วนะลูก แก้ว หญิงสาวเอ่ยคำแรกออกมา พร้อมค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง เอามือกุมศรีษะเหมือนปวดหัว ค่อยๆลุกสิแก้ว แก้วงั้นรึ ก็แก้วไงลูก ขวัญเอ้ยขวัญมาของพ่อ กลับมาแล้วนะลูก พ่อพูดไปพลางลูบหัวลูกสาวไปด้วยความรัก หญิงสาวทำหน้างง จับร่างกายตัวเองด้วยท่าทางแปลกๆ หันไปมองเงาสะท้อนที่กระจกรถพยาบาลอยู่ครู่หนึ่ง และตอบกลับพ่อ ค่ะ แก้วกลับมาแล้ว ++++++ แก้วกลับมานอนพักฟื้นที่บ้านหลังจากให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จแล้ว ผลสรุปคือไม่เอาความใดๆทั้งสิ้น แต่ยายจรูญยังถูกคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับนำสารเสพติดเข้ามาใช้ในวัด และเมื่อคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ทางหน่วยเลยส่งสารวัตรศรัณย์ไปจัดการคดีอื่น โดยส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอื่นมาจัดการเรื่องนี้แทน เป็นอย่างไงบ้างลูก หายปวดหัวหรือยัง ศุภจิตเดินเข้ามาในห้องนอนลูกสาว ถือกระติกน้ำร้อน และชุดชามาวางไว้ที่โต๊ะรับแขกข้างเตียง ค่ะ หญิงสาวตอบสั้นๆโดยไม่ได้สนใจพ่อที่เดินเข้ามา ตายังคงมองที่กระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง อมยิ้มเล็กๆด้วยความพอใจ จริงๆพ่อไม่อยากให้ลูกดื่มชาจีนนี่หรอกนะ เพราะมันจะทำให้นอนไม่หลับ แต่ก็เอาเถอะ ดื่มพอให้ร่างกายอุ่นๆล่ะกันนะ ศุภจิตเดินมาหาลูกสาวที่โต๊ะเครื่องแป้ง และจับที่หน้าผากลูกสาวเพื่อเช็กอาการอีกครั้ง หนูหนาวไหมลูก ดูซิตัวยังเย็นเฉียบอยู่เลย ไม่เจ้าค่ะ ไม่เลย ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณพ่อ หญิงสาวหันมาตอบ มือยังคงใช้หวีสางผมเล่นอย่างเพลิดเพลิน แก้ว
เจ้าคะ หญิงสาวมองพ่อผ่านกระจกและยิ้มให้ หนูไม่เป็นอะไรแน่นะลูก พ่อถามลูกสาวอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้อง เพราะรู้สึกได้ถึงอาการแปลกประหลาดของลูกสาวหลังจากฟื้น ทั้งสีหน้าท่าทาง แววตา และการใช้คำพูด ดูไม่เหมือนกับไม่ใช่แก้วคนเดิมที่เคยรู้จัก เจ้าค่ะ หญิงสาวตอบสั้นๆเช่นเคย งั้นพักผ่อนเยอะๆนะลูก พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่น พ่อไปนอนล่ะนะ ฝันดีนะลูก เจ้าค่ะ เมื่อพ่อปิดประตู หญิงสาวก็มองตัวเองที่กระจกอีกครั้ง และแสยะยิ้มประหลาดออกมา แต่ในมิติมุมหนึ่งในความมืดมิด มีดวงจิตของกิ่งแก้วกาหลงยังคงยืนร้องไห้อยู่ด้านหลังโต๊ะเครื่องแป้ง พยายามร้องเรียกผู้ที่นั่งอยู่ แต่ก็ดูเหมือนไร้ความหมาย เพราะเหมือนบุคคลนั้น ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆตั้งแต่สวมรอยเข้าสิงร่างเธอที่หน้าศาลาวัด คุณหยงยิหวา เอาร่างฉันคืนมา ดวงจิตหญิงสาวร้องตะโกนบอก เมื่อออกมานอกห้อง บรรยากาศรอบด้านก็กลับมามืดสนิทอีกครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ แก้วเลยเดินตามเสียงสวดมนต์ไปเรื่อยๆ เดินไปไกลเป็นเวลานาน เสียงสวดมนต์ภาษาบาลีบทไม่คุ้นหูยังคงดังอยู่ แต่ยังหาต้นเสียงไม่ได้ ในขณะที่เดิน ก็มีความรู้สึกว่า ภายใต้เงามืดรอบด้าน มีบางอย่างกำลังจับจ้องอยู่ตลอดเวลา และเหมือนสิ่งนั้นกำลังตามมาไม่ห่าง
ฮืออออออออออออออ เสียงฮือลากยาวดังแทรกเข้ามา ฮืออออออออออออออ เสียงฮือลากยาวดังเพิ่มเข้ามาอีกเสียง ฮืออออออออออออออ เสียงฮือลากยาวดังเพิ่มเข้ามาอีกเป็นเสียงที่สาม ฮืออออออออออออออ เสียงทั้งสามร้องดังขึ้นสั่นเครือดูโหยหวน แก้วไม่รู้ว่าเสียงทั้งสามนั้นมาจากทางไหน ได้แต่วิ่งวนไปมาอย่างไร้จุดหมาย แต่แล้วเสียงฮือลากยาวก็ดังเข้ามาอีกเป็นกลุ่มใหญ่ ฮืออออออออออออออออออออ และทันใดนั้น เสียงฮือร้องครางอย่างโหยหวนนับร้อยก็ดังเข้ามาพร้อมกัน และเหมือนกำลังวิ่งกรูมาที่แก้ว ฮืออออออออออออออออออออออ สิ่งที่กำลังเข้ามาไม่รู้คืออะไร วิ่งหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ แก้วเลยตั้งหลักตัดสินใจต่อสู้กับศัตรูในความมืด สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างกับการปิดตารบกับคนนับร้อยที่ล่องหน เข้ามาเลย! เข้ามา! อยากได้อะไรก็เข้ามา! แก้วตะโกนท้าทายออกไปเพื่อเรียกความกล้าให้กับตัวเอง เพราะไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว และในเพียงไม่กี่วินาที ก็มีมือนับร้อยมาจับแขนขาแก้วไว้ ดึงทึ้งร่างราวกับนกแร้ง ยื้อแย่งกันไปมาเหมือนสุนัขป่าผู้หิวโหยเนื้อ อ้ายยยย แก้วกรีดร้องด้วยความกลัว แต่ก็กัดฟันตั้งสมาธิตั้งจิตแผ่เมตตา สัพเพสัตตา.. ถึงแม้จะพยายามแผ่เมตตาจนจบบทก็แล้ว ศัตรูนับร้อยในเงามืดก็ไม่หยุดหรือหนีหายไปไหนเลย กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะฉีกร่างแก้วให้แหลกออกเป็นชิ้นๆ ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ไป แก้วเลยโกรธจัด จึงใช้วิธีสาปแช่งกลับไป เอาเลย อยากทำก็ทำเลย ชาตินี้ก็ไม่ต้องไปผุดไปเกิดหรอก ฉันจะสาปแช่งให้ทุกตัวตกนรกหมกไหมเ ให้มันทรมานไปอย่างงี้แหละ เอาเลย! หลังจากสาปแช่งไป มือนับร้อยก็ค่อยๆคลายออกไป และปล่อยแก้วให้เป็นอิสระอย่างง่ายดาย เหลือไว้เพียงความมืดที่ว่างเปล่าเช่นเคย ไม่มีเสียงครวญครางจากวิญญาณนับร้อยอีก หรือแม้กระทั่งเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีก่อนหน้านี้ แต่มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา โยมแก้ว โยมแก้วอยู่ที่ไหน ได้ยินอาตมาไหม เสียงพระไมค์ดังก้องมาจากด้านหน้า พร้อมกับแสงสว่างสีทองที่ส่องนำทาง เมื่อเดินตามแสงไปก็ไปพบพระไมค์นั่งสมาธิอยู่หน้าโบสถ์เก่าที่กำลังซ่อมแซม ภายในมีพระประธานขนาดใหญ่สององค์ตั้งเรียงติดกัน แก้วอยู่นี่ค่ะท่านไมค์ หญิงสาวดีใจที่เห็นภิกษุหนุ่มอยู่เบื้องหน้า เลยอดกลั้นน้ำตาไม่ได้ พระไมค์ค่อยๆลืมตา และมองไปที่แก้วด้วยความดีใจเช่นกัน อาตมาคิดอยู่แล้ว ว่าโยมต้องมา ท่านไมค์รู้เหรอคะ ว่าแก้วยังไม่ได้กลับเข้าร่าง รู้สิ ก็อาตมาเป็นคนเห็นตอนโยมหยงยิหวาสิงร่างโยมแก้วต่อหน้าเลย แต่ยังไม่กล้าพูดอะไร ถ้าอย่างงั้น ท่านไมค์ก็คงรู้เรื่องหมดแล้ว ก็อาจไม่หมดซะทีเดียว แต่อาตมาต้องขอโทษโยมแก้วด้วยนะ อาตมาไม่นึกว่า วิญญาณหยงยิหวาจะหลอกให้อาตมาใช้สร้อยล็อคเก็ตนี้ นำพาดวงวิญญาณของหยงยิหวาเข้าร่างโยมแก้ว พระไมค์วางสร้อยล็อคเก็ตที่พื้น มันยังคงส่องแสงเรืองรองเล็กน้อยเหมือนหิ่งห้อย งั้นแสดงว่า วิญญาณคุณหยิงยิหวา ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างจากแก้ว ที่มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากความมืดมิด อาศัยหาคนที่เชื่อมต่อ นำพาตัวเองให้หลุดพ้นใช่ไหมคะ มันก็คงจะเป็นอย่างงั้น โลกที่สามเป็นอย่างไร อาตมาว่าโยมแก้วก็คงจะรู้ดีแล้วสินะ ค่ะ แก้วรู้ดี ว่ามันหนาวและมืด น่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน ในขณะที่อาตมานั่งวิปัสสนาอยู่ ก็เกิดได้ยินเสียงร้องของโยมแก้ว อาตมาก็เลยสวดมนต์ภาวนา เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง และก็ร้องเรียกโยมดู ซึ่งโยมก็มาจริงๆ แก้วกราบขอบพระคุณท่านไมค์มากเลยนะคะที่ช่วยมาตลอด ดวงจิตหญิงสาวก้มลงกราบขอบคุณอย่างนอบน้อบ ไม่เป็นไรหรอก มันคงมีบางอย่างกำหนดไว้แล้ว เอาล่ะ โยมแก้วลองเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้ค่ะ แก้วจะเล่าทุกอย่างให้ท่านไมค์ฟัง ตั้งแต่ที่ซีแอตเทิ้ลเลยนะคะ ++++++++ หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภิกษุฝรั่งก็ยังจับต้นชนปลายถึงสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมวิญญาณหยงยิหวาและอำแดงดวงถึงอาฆาตแค้นแก้วถึงขนาดนั้น และใครเป็นคนซ่อนศพย่าสังวน จากที่โยมเล่ามาทั้งหมด อาตมาว่า มันคงไม่ใช่แค่ผีที่จะทำบางเรื่องได้ อาตมาว่ามันต้องคนที่อยู่เบื้องหลังนี้แน่ๆ จากที่ท่านไมค์เล่าเพิ่มมา และดูจากหลักฐาน แก้วเชื่อว่ายายจรูญไม่ใช่คนผิด เพราะแก้วเห็นกับตาและได้กลิ่นกับตัวเองว่าตะเกียงที่จุดเป็นตะเกียงกำยานกลิ่นการเวก เสียดายนะ ที่มีการยอมความกันไป สารวัตรศรัณย์โยมเพื่อนอาตมาเลยไม่ได้มาช่วยสืบคดีจากหลักฐานต่อ แต่ท่านไมค์บอกแก้วว่า เทปที่บันทึกภาพหายไปนี่คะ ใช่ หายไป ยังหาไม่เจอเลยนะ ที่ตำรวจเก็บหลักฐานไปก็มีแต่พวกยาเสพติด และเครื่องมือของโยมยายจรูญนั่นแหละ แล้วลุงโชคที่เป็นสัปเหร่อให้การเพิ่มว่ายังไงคะ โยมลุงโชคแกก็ให้การว่า แกเมาหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่อาตมาไปพบศพโยมนั่นแหละ ตกลงลุงแกเมาเพราะเหล้า หรือเมาเพราะสลบควันจากสารเสพติดที่ตำรวจบอกว่ายายจรูญจุดกันแน่คะ นั่นน่ะสินะ ถึงศาลาจะใหญ่ แต่ก็ปิดหน้าต่างทึบทุกบานแบบนั้น อย่างน้อยกลิ่นก็ต้องกระจายไปทั่วสิ ถ้าสารเสพติดที่วินิจฉัยตอนแรกว่าทำให้โยมแก้วตายเพราะสูดดมมากเกินไป แล้วทำไมโยมยายจรูญกับโยมลุงโชคไ่ม่ได้เป็นอะไรเลย ตอนที่ท่านไมค์พบศพแก้ว ท่านไมค์เห็นยายจรูญอยู่ในสภาพสลบเหมือนกันใช่ไหมคะ ใช่ โยมยายจรูญสลบ อ่อ และก็ไม่มีอะไรปิดหน้าหรือจมูกด้วยนะ งั้นก็ยิ่งมั่นใจได้เลยค่ะ ว่ายายจรูญไม่ใช่คนผิด แต่คนที่อยู่เบื้องหลังตั้งใจป้ายความผิดไปให้ยายจรูญ งั้นการที่วิญญาณโยมแก้วกลับเข้าร่างไม่ได้ ก็คงเป็นเพราะวิญญาณหยงยิหวาใช่ไหม ค่ะ แก้วเชื่อว่าไม่ได้เกี่ยวกับสารเสพติดอะไรนั่นหรอก คงมีคนมาใส่ไว้ตอนที่แก้วและยายจรูญสลบไปแล้ว เพื่อเลี่ยงประเด็น แก้วว่า งานนี้มีคนบางคนร่วมมือกับผีค่ะ แล้วคนคนนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับวิญญาณหยงยิหวาและวิญญาณดวงล่ะ แก้วไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่แก้วเชื่อว่าอดีตอาจมีคำตอบให้เรา อดีตงั้นเหรอ แล้วเราจะหาคำตอบจากอดีตได้ยังไง ถ้าแก้วอยู่ในร่างคน แก้วคงใช้วิธีเดิมจากยายจรูญอีกครั้ง แต่ตอนนี้เป็นแค่ดวงจิต แก้วไม่กล้าไปไหนแล้วค่ะ แก้วกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาอีก อืม...งั้นลองวิธีอาตมาไหม วิธีไหนคะ นั่งวิปัสสนากรรมฐาน มันจะได้ผลเหรอคะ อาตมาไม่รู้หรอก แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอ อาตมามีความรู้สึกว่า สร้อยล็อคเก็ตอันนี้จะพาเราไปพบความจริงบางอย่างในอดีตได้ ภิกษุหยิบสร้อยมาดูอีกครั้ง มีคนเคยบอกแก้วว่า ที่ที่เราเคยมาหรือสิ่งของที่เราเคยใช้ในอดีต เมื่อเรากลับมาเจอมันอีกครั้ง เราจะรู้สึกเหมือนกับอาการเดจาวู ท่านไมค์รู้สึกแบบนั้นไหมคะ กับสร้อยนี่น่ะเหรอ ไม่ใช่ค่ะ แก้วหมายถึงที่นี่ค่ะ โบสถ์นี้น่ะเหรอ ค่ะ แก้วรู้สึกคุ้นกับที่โบสถ์นี้อย่างบอกไม่ถูก ที่โยมคุ้น เพราะโยมเคยมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า โบสถ์นี้ก็อยู่ใม่ไกลจากวัดที่โยมจัดงานศพย่าสังวนเลยนะ เหรอคะ ทำไมแก้วไม่เคยมาเลยล่ะคะ อาจจะเป็นเพราะบ้านโยมอยู่ใกล้วัดอีกฟากนู้น วัดฝั่งนี้เลยไม่ค่อยได้มา ก็อาจจะจริง แล้วทำไมจู่ๆท่านไมค์ถึงมานั่งสมาธิอยู่ที่โบสถ์วัดนี้ล่ะคะ เมื่อตอนเย็นอาตมามาเดินจงกรมแถวริมน้ำ แล้วก็ได้ยินเสียงคนจุดประทัดฝั่งตรงข้าม พอหันไปดู ก็เห็นโบสถ์นี้ ก็เลยอยากมาดู เห็นมันเก่าดี พอมาถึง ก็รู้สึกเหมือนเดจาวูอย่างที่โยมว่านั่นแหละ แก้วชักเริ่มเชื่อแล้วสิคะ ว่าบางอย่างคงกำหนดให้เราได้เป็นแบบนี้ กรรมไงล่ะที่กำหนดเรา มันคงถึงเวลาชดใช้กรรมแล้วล่ะมั้ง เอาล่ะ เรามาเริ่มนั่งวิปัสสนากันเลยนะ เริ่มจากนั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาหงาย ทับด้วยมือซ้าย แล้วค่อยๆหลับตาลง ตั้งจิตให้มั่นคง นั่งนิ่งตรง สติจับนับลมหายใจทีกำลังเข้าออก แล้วตามดูสติไปเรื่อยๆ +++++++ โดย: ม้าสามศอก วันที่: 12 ตุลาคม 2556 เวลา:7:49:29 น.
แก้วนั่งวิปัสสนากับภิกษุเป็นเวลานานจนรู้สึกว่าดวงจิตอยู่นิ่งมั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่ได้ยินเสียงใดๆ หรือสัมผัสอะไรเลยทั้งนั้น เหมือนตัวเองกำลังเป็นขนนกที่ลอยพริ้วลิ่วลมหลับไหลลอยไปในอากาศแบบอิสระ
อธิษฐานเสร็จรึยัง เสียงชายชราดังเข้ามาในภวังค์ ปลุกให้แก้วตื่น เมื่อลืมตาขึ้น ก็รีบหันไปดูผู้ที่เรียกจากด้านขวา และขานตอบรับกลับไปแบบไม่รู้ตัว เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ ชายที่อยู่ด้านขวาคือหลวงเจริญจิตโอสถ คนที่เคยเห็นในอดีตมาแล้วสองครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาดูแก่ลงไปเยอะ รูปร่างดูผอมโกรก ใบหน้าเหี่ยวย่นที่หน้าผากแสดงถึงความชราภาพที่มากขึ้นตามอายุ ถ้าเสร็จแล้วลูกก็ไปเที่ยวงานวัดเถิด เดี๋ยวพ่อจะอยู่คุยกับท่านเจ้าสัวสุ่นต่อเสียหน่อย หญิงสาวหันไปดูด้านซ้ายของตน ก็พบกับชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วน หน้ากลม ตาตี่ ไว้ผมทรงมหาดไทย มีหนวดเครายาวเลยคาง ใส่ชุดไหมคอจีนสีแมลงทับ นุ่งโจงกระเบนสีเปลือกมังคุด บุรุษคนจีนยิ้มทักแก้วอย่างเอ็นดู และพูดด้วยคำไทยแต่สำเนียงจีน ยิ่งโตยิ่งงาม เสียดายจริงๆ ที่ลูกชายลุงคนโตติดราชการกับเจ้านาย มิเช่นนั้น จะให้ทำความรู้จักกันเสียหน่อย ชายชราหน้ากลมยิ้มแก้มแทบปริ มองหญิงสาวด้วยความชื่นชม ท่านเจ้าสัวสุ่นเองก็มีลูกชายที่หน้าตาสะสวยกันทั้งสามคน สาวๆจังหวัดธนบุรี แลจังหวัดพระนคร ได้เห็น ก็คงไม่แคล้วคิดว่าเป็นเทพบุตรล่ะกระมัง โดยเฉพาะเจ้าลูกชายคนกลาง หน้าตาสวยเหมือนแม่ไม่มีผิดแผกสาแหรกเลยสักนิด ไอ้หน้าตางามก็งามดอกขอรับคุณหลวง แต่ไอ้เจ้าคนกลางมันสำราญเกเรยิ่งนัก ไม่เอาการไม่เอางานเหมือนคนพี่ กระผมน่ะระอาใจเสียเหลือเกิน เฮ้อ ชายชราหน้ากลมถอนหายใจ พลางใช้พัดขนนกกระจอกเทศพัดไปมาให้หายร้อน แล้วนี่อยู่ไหนเสียแล้วล่ะ เมื่อตะกี้ยังเห็นเข้ามาในโบสถ์ด้วยกัน โน่นแน่ะขอรับ นั่งคุยอยู่กับท่านเจ้าอาวาสอยู่ที่อาสนะสงฆ์ แก้วมองไปที่อาสนะสงฆ์ เห็นบุรุษหนุ่มหน้าละอ่อน กำลังนั่งสทนากับเจ้าอาวาสอย่างออกรสออกชาติ หน้าตาผิวพรรณขาวผุดผ่อง ดวงตาโตกลม ปากเล็กบางจิ้มลิ้มพริ้มเพราคล้ายผู้หญิง พอแอบมองอยู่นานจนอีกฝ่ายรู้ตัว เลยโดนมองกลับ แก้วกลัวเลยรีบหลบสายตาไปทางอื่นทันที และฟังที่เจ้าสัวสุ่นพูดต่อ ที่มีดีก็คงมีแต่เรื่องนี้ล่ะขอรับ รู้จักเข้าหาพระหาเจ้า มาเรียนเขียนเรียนอ่านที่วัด นี่เห็นคุยอยู่เป็นนานสองนาน เกรงใจท่านเจ้าอาวาสนัก เดี๋ยวกระผมขอตัวไปเรียกไอ้เจ้าลูกชายก่อนนะขอรับ เจ้าสัวสุ่นค่อยๆคลานไปที่อาสนะสงฆ์ ก้มลงกราบก้นโด่ง ทำมือคาราวะไหว้แบบคนจีน จนทำให้คนอื่นๆในวัดต่างหัวเราะ ฝ่ายลูกชายก็ชักสีหน้าทันที รีบไหว้บอกลาเจ้าอาวาสอย่างลวกๆ และรีบคลานตามมาพ่อมานั่งสทนาหน้าพระประธาน แต่พอมานั่งได้สักพัก ลูกชายก็โดนพ่อเอ็ดตะโรด่าเสียงดังต่อหน้าหลวงเจริญจิตโอสถและแก้ว ไอ้เจ้าเขม คุยอะไรนักหนากับท่านเจ้าอาวาส วันนี้วันดี มีคนมารอพรมน้ำพระพุทธมนต์กับท่านอีกตั้งเยอะ ไม่เกรงใจท่านเจ้าอาวาส ก็มีมรรยาทกับคนอื่นที่เขามารอบ้าง กระผมไม่ได้ไปขอน้ำพระพุทธมนต์ดอกขอรับ กระผมแค่ไปขอฤกษ์งามยามดี เพื่อที่ไปชนไก่ที่หลังวัด หึ แล้วท่านให้ฤกษ์เจ้ามาไหมเล่า ก็มิให้สิขอรับ ท่านบอกว่า วันนี้เป็นวันดีวันสงกรานต์ กระผมจึ่งไม่สมควรทำร้ายสัตว์ตัดชีวิตใดๆในวันนี้ ก็นั่นน่ะซี เจ้านี่มันไม่รู้ความเสียจริง วันดีๆใครเขาจะทำบาปกันเล่า เขาเข้าวัดทำบุญกันทั้งนั้น เดี๋ยวเถอะ! กลับไปจะไปลงหวายให้หลาบจำ เอาน่าท่านเจ้าสัว เจ้าเขมชาติมันยังเด็กนัก หาได้รู้ความตามประสาไม่ คุณหลวงขอรับ ไอ้เจ้าเขมมันอายุสิบห้าปี รุ่นราวคราวเดียวกับแม่บาหยันนั่นแหละขอรับ ดูแม่บาหยันเถิดเจ้าเขม กิริยาเรียบร้อย วาจาอ่อนหวาน สมแล้วที่ร่ำเรียนในโรงเรียนแหม่ม แลเห็นเป็นกุลสตรีศรีวังยิ่งนัก เครือไหนได้แม่บาหยันไปเป็นแม่เหย้าแม่เรือน ก็คงสุขเกษมนิรันด์เลยนะขอรับ ฮ่าๆ หญิงสาวก้มหน้ายิ้มด้วยความเขินอายจากคำชื่นชมจากเจ้าสัวสุ่น ส่วนเขมชาติก็ส่ายหน้า และทำหน้าตาทะเล้นใส่แก้วในจังหวะที่เจ้าสัวสุ่นหัวเราะตาปิด อันนี้ก็คงต้องยกความดีความชอบให้แม่เกดน้องสาวฉันด้วย ที่ช่วยอบรมบ่มนิสัยได้ถึงเพียงนี้ คุณแก้วการะเกดก็รักแม่บาหยันปานน้องสาวแท้ๆ ถึงขนาดตั้งชื่อว่าแก้วบาหยันเลยมิใช่หรือขอรับ ว่ายังไงล่ะแม่บาหยัน ชอบให้ลุงเรียกแก้ว หรือเรียกบาหยันล่ะ หญิงสาวเงยหน้า และยิ้มเล็กน้อย แล้วแต่สมควรเถิดเจ้าค่ะ ลุงเรียกบาหยันตามความเคยชินล่ะกันนะ เจ้าค่ะ พ่อเขมมาก็ดีล่ะ เดี๋ยวพาแม่บาหยันไปดูตัวสงกรานต์สิ น่าจะไหลมาตามน้ำแล้วนะ เจ้าสัวสุ่นสะกิดไหล่เบาๆบอกลูกชาย ฝ่ายหลวงเจริญจิตโอสถที่รู้กันกับเจ้าสัวสุ่น ก็พูดจาโน้มน้าวลูกสาวอีกเสียง บาหยันไปกับเขมชาติสิลูก หนูไม่เคยเห็นตัวสงกรานต์เลยไม่ใช่รึ อยู่โรงเรียนของแหม่มมาหลายปี ไม่ค่อยได้ออกมาพบมาเจออะไรเทือกนี้เท่าไหร่นี่หนา เจ้าค่ะคุณพ่อ ลูกอยากเห็นตัวสงกรานต์มานานแล้ว เดือนเมษายนทีไร ลูกก็มิได้กลับบ้านริมน้ำเสียที โชคดีที่ครูแหม่มกลับอเมริกา ทางสกูลก็เลยหยุดให้ลูกได้มาเยี่ยมเจ้าคุณพ่อได้ ดีแล้วล่ะที่ลูกกลับมา พ่อแลแม่เกดถวิลหาหนูเหลือเกิน ไม่ได้เจอตั้งนานนมน่ะขอรับ คุณหลวงเจริญจิตโอสถ สำเนียงพูดไทยไม่ชัดดังมาจากทางประตูโบสถ์ ชายที่เดินเข้ามา ไว้ผมเปียหางยาว ใส่ชุดจีนแพรสีน้ำเงิน กางเกงขาก๊วยสีดำ ดูสภาพแล้วเหมือนเจ๊กลากรถ เมื่อเข้ามาถึงก็เดินตรงมาหาหลวงเจริญจิตโอสถเป็นคนแรก เอ๊ะ..นี่มัน..เจ้าสัวเอี่ยมใช่หรือไม่ ขอรับ กระผมเจ้าสัวเอี่ยมเองขอรับ หายไปสิบกว่าปี ไม่ติดต่อมาเลย ฉันนึกว่าจะไม่เจอเจ้าสัวอีกแล้ว กระผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคุณหลวงอีกแล้วเหมือนกันน่ะขอรับ คงเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อผุดเป็นแน่แท้ ที่เมตตาให้ผมได้มาพบปะท่านอีกครา ขอตัวสักครู่นะขอรับ ชายชราผมเปียกราบพระประธานสององค์สามครั้ง พร้อมภาวนาบางอย่างเป็นเวลาครู่ใหญ่ เสร็จแล้วก็วางถาดพวงมาลัยและเครื่องสักการะเครื่องคาวหวานใกล้ๆแท่นบูชา เลือกหยิบประทัดสีแดงยาวเป็นตับออกมาจากถาด แล้วยื่นให้เด็กวัดไปจุดข้างโบสถ์จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อเสียงสงบลง ก็มานั่งคุยกับหลวงเจริญจิตโอสถต่อ ผมเคยบนกับหลวงพ่อผุดไว้น่ะขอรับ แต่ไม่ได้แก้บนเสียที วันนี้โอกาสดีเลยมาทำเสียให้หมดเรื่องหมดราว เจ้าสัวคงบนเรื่องทำมาค้าขายไว้นะซิ เลยหายไปนานเลย ฉันนึกว่าเจ้าสัวได้ดีมีอันจะกินร่ำรวยเงินทองที่อเมริกาแล้วนะซี เลยลืมฉัน ไม่ยอมติดต่อกันมาบ้างเลย ตอนแรกมันก็ร่ำรวยดอกขอรับ แต่สี่ห้าปีที่ผ่านมา มันกลับล่มจม หมดเนื้อหมดตัว กระผมเลยต้องอพยพกลับมาสยาม โธ่เอ้ยเวรกรรม แล้วนี่เจ้าสัวพาแม่หยงยิหวามาด้วยหรือไม่ หลวงเจริญจิตโอสถถามด้วยความตื่นเต้น พามาขอรับ แต่ไม่ได้มาที่วัดนี้ด้วย ผมจอดเรือสำเภาไว้ที่สันดอนแม่เจ้าพระยา แลมาอาไศรยเรือนแพเก่าๆอยู่ชั่วคราวอยู่แถวๆวัดประยูรน่ะขอรับ ฉันไม่นึกเลยว่าเจ้าสัวเอี่ยมจะตกระกำลำบากถึงเพียงนี้ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกเถิดหนา ฉันยินดีช่วยทุกประการ ชายชราผมเปียมองไปที่หญิงสาวที่นั่งๆข้างหลวงเจริญจิตโอสถ และยิ้มให้ นี่ใช่ไหมขอรับ แม่บาหยัน สวยกว่าตอนเล็กๆเสียอีก เกือบลืมไป แม่บาหยัน กราบเจ้าสัวเอี่ยมเสียสิ จำท่านได้หรือไม่ กราบเจ้าสัวเอี่ยมเจ้าค่ะ แก้วจำได้เจ้าค่ะ ดูผิวพรรณแล้ว อยู่ดีกินดีนะหนู หนูอยากเจอพี่สาวหนูไหม เจ้าสัวเอี่ยมถาม พี่หยงยิหวาน่ะหรือเจ้าคะ แก้วอยากเจอมากเจ้าค่ะ เจอครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนเด็กๆ ตอนที่ท่านเจ้าสัวเอี่ยมเอาโต๊ะคันฉ่องมาให้ ถ้าหนูสองคนได้อยู่ด้วยกันก็คงดีสินะ เจ้าสัวเอี่ยมพูดเสร็จก็มองไปทางคุณหลวง หลวงเจริญจิตโอสถเห็นแววตาของเจ้าสัวสุ่นที่ส่งมา ก็รู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร นี่หรือไม่ ที่เจ้าสัวเอี่ยมจะขอให้ฉันช่วย ขอรับ คุณหลวงช่วยสมเคราะห์เลี้ยงดูแม่หยงยิหวาเป็นลูกสาวอีกคนเถิดขอรับ กระผมไม่ปัญญาหาเลี้ยงอีกแล้วขอรับ ทุกวันนี้ก็มีแต่โรครุมเร้า จะตายวันนี้หรือวันมะรืนก็หารู้ไม่ มีเพียงคุณหลวงเท่านั้นแหละขอรับ ที่จะการุณย์ผมได้ ได้สิ ฉันยินดี เพราะยังไงเสีย แม่หยงยิหวากับแม่บาหยันก็เป็นพี่น้องท้องเดียวกันอยู่แล้ว ขออภัยนะขอรับ เจ้าสัวสุ่นแทรกเข้ามา เห็นทีคุณหลวงคงมีเรื่องคุยอีกเยอะ งั้นกระผมกับลูกขอตัวออกไปที่งานวัดก่อนนะขอรับ ขออภัยนะท่านเจ้าสัว ยังไงงานรับตำแหน่งโชฎึกราชเศรษฐีของท่านในวันมะเรื่อง ฉันไปเป็นแน่แท้ แล้วเราค่อยคุยกันต่อนะ อ่อ..บาหยัน ลูกอยากไปดูตัวสงกรานต์มิใช่รึ ออกไปกับเจ้าสัวสุ่น และเขมชาติสิ เจ้าค่ะ +++++ เจ้าสัวสุ่นพาหนุ่มสาวทั้งสองออกมานอกโบสถ์ แต่บังเอิญเจอคนรู้จักจึงเข้าไปคุยทักทาย เลยปล่อยให้เขมชาติพาบาหยันไปดูตัวสงกรานต์ที่ริมน้ำกันเอง หนุ่มน้อยเดินเร่งฝีเท้าเร็วไม่รอผู้ตามเลยสักนิด โดยหวังว่าจะแกล้งด้วยความหมั่นไส้ เดินมาให้ไวซีแม่บาหยัน เดี๋ยวตัวสงกรานต์ก็ถูกช้อนหมดคลองดอก คุณเขม รอแก้วด้วยสิจ้ะ ถ้าหล่อนตามฉันไม่ทัน ก็อดดู ช่วยมิได้ดอกหนา ฮ่าๆ เขมชาติวิ่งหนีหายไปท่ามกลางฝูงชนที่มาเที่ยวงานวัดนับร้อยคน แก้วบาหยันวิ่งตามหาก็ไม่เจอ และด้วยความที่ไม่เคยมาที่วัดแห่งนี้มาก่อน จึงเดินพลัดหลงไปอีกฟากวัดหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ จนไปเจอโบสถ์แห่งหนึ่ง หลังคาประดับด้วยเครื่องถ้วยชามจีน มองดูด้านนอกเข้าไปในหน้าต่าง ก็เห็นพระยืนองค์ใหญ่ หญิงสาวมองดูซะจนเพลิน เลยเดินมาชนกับสิงโตหินตัวใหญ่หน้าดุ จึงกรีดร้องออกมาแบบไม่ตั้งใจ และล้มลงไปเข่าทรุดอ่อนกับพื้น ปิดตาด้วยความกลัวไม่กล้ามอง นี่หล่อนเบาเบาสิ เสียงชายผู้หนึ่งดังมาจากบันไดหน้าโบสถ์ข้างสิงโตหินตัวใหญ่ หญิงสาวลืมตา และหันมองขึ้นไปที่บันไดหน้าโบสถ์ เห็นชายรูปร่างสูงโปร่ง นุ่งโจงกระเบนสีกรมท่า ใส่เสื้อไหมคอจีนแขนยาวสีเขียวขี้ม้า กำลังมองมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด นี่มันวัดหลวงนะ เขาห้ามใช้เสียง พระท่านกำลังสวดเจริญน้ำพระพุทธมนต์อยู่ นี่หล่อนไม่รู้หรอกรึ ก็ฉันมิรู้นี่หนา ว่าพระท่านเจริญน้ำพระพุทธมนต์ด้านใน คุณนี่ก็หาได้สมชายชาติบุรุษไม่ ผู้หญิงล้มเยี่ยงนี้ ก็หาได้ช่วยพยุงขึ้น หญิงสาวลุกขึ้น ปัดเนื้อตัวที่เลอะดินอย่างอารมณ์เสีย เพราะฉันเป็นบุรุษไทย ถือธรรมเนียมไทย หาได้แตะต้องแม่หญิงที่ไม่รู้จักไม่ ฉันถือธรรมเนียมฝรั่ง ที่บุรุษทุกคนพึงให้เกียรติผู้หญิงก่อนเสมอ ฉันก็อยากช่วยอยู่ดอก แต่เห็นหล่อนลุกขึ้นเองได้ ก็ดูแล้วคงไม่เป็นอันใด เป็นความการุณย์ยิ่งนักที่ถามนะเจ้าคะ หญิงสาวพูดประชดทิ้งท้าย สะบัดหน้าใส่ และเดินออกไป เดี๋ยวก่อนซี แล้วนี่หล่อนเข้ามาในโบสถ์พระยืนนี่ได้อย่างไร มิรู้หรอกรึ ว่าเจ้านายองค์ในท่านมาทำบุญที่วัดนัี้ มีแต่ขุนน้ำขุนนางเท่านั้นที่เข้ามาได้ หญิงสาวชักสีหน้า ตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดเช่นเคย ฉันก็มิรู้ดอกเจ้าค่ะ ก็เดินเดินมา จากโบสถ์วัดหลวงพ่อผุด ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่เสียหน่อย ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าวัดแถวนี้มันเยอะเสียจริง โบสถ์หลวงพ่อผุุด ไกลมากเลยหนา เดินมาได้เยี่ยงไร ฉันก็เดินมาเรื่อยๆ ตั้งใจจะมาดูตัวสงกรานต์ ดูตัวสงกรานต์งั้นรึ หล่อนนี่ยังไม่โตเสียจริง ชายสูงโปร่งแอบอมยิ้ม เอ๊ะ! ก็ฉันมิเคยเห็นว่าตัวสงกรานต์เป็นเยี่ยงไร ก็อยากจะดูให้รู้ก็เท่านั้น มันก็แค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆสีเลื่อมพรายคล้ายไส้เดือน แต่เล็กกว่า เล็กเท่าเส้นด้ายได้กระมัง เวลาลอยมาก็ว่ายกันเป็นฝูงในน้ำ มีแต่เด็กเท่านั้นดอก ที่ตื่นตากับความประหลาดของมันที่เปลี่ยนสีได้ มันมาแค่ปีละครั้งในช่วงสงกรานต์ ถ้าหล่อนอยากดูนัก เดี๋ยวฉันจะพาไป หญิงสาวฟังที่ชายแปลกหน้าเล่าลักษณะตัวสงกรานต์ด้วยความตื่นเต้น จนลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ไปสนิท และพยักหน้าตอบรับคำชวน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าชายสูงโปร่งนี้เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน เลยถามชื่อ ว่าแต่คุณเป็นใคร ฉันยังไม่รู้จักมักคุ้นคุณเลย เฮ้อแม่หญิงสมัยนี้ ถามชื่อผู้ชายก่อน ชายแปลกหน้าถอนหายใจและอมยิ้ม เอ๊ะคุณ ฉันถามชื่อคุณก่อน แล้วมันจะผิดอะไรนักหนา ขนาดที่สกูลฉันก็ไม่ได้ถืออะไรกับเรื่องเยี่ยงนี้เลยสักนิด เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งโมโหโทสะนะแม่สาวสกูล หล่อนแนะนำตัวมาก่อนสิว่าชื่ออะไร ฉันชื่อแก้ว หญิงสาวตอบไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แก้วเฉยๆงั้นรึ หญิงสาวนิ่งไป ไม่ต้องการบอกชื่อเต็มๆ เพราะชายคนนี้ดูท่าทางเหมือนคนมีสกุลรุณชาติ และน่าจะทำงานราชการ ก็อาจจะรู้จักหลวงเจริญจิตโอสถ เธอเลยไม่ต้องการบอกให้รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ใช่ ฉันชื่อแก้ว แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร ฉันชื่อขจร ++++++จบบทที่ ๘ +++++++ โดย: ม้าสามศอก วันที่: 12 ตุลาคม 2556 เวลา:7:50:16 น.
|
ม้าสามศอก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] มะลิรายงานตัว สวัสดีค่ะ
Group Blog All Blog Friends Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ฉันรู้นะว่าคุณได้ยินและเห็นฉัน ได้โปรดเถอะค่ะ คืนร่างฉันมา
หยงยิหวายังคงไม่ตอบอะไร เดินไปนั่งที่โซฟา หยิบผงชาเป็นกำมือแล้วเทลงไปในกระติกน้ำร้อน แล้วดื่มไปทันทีอย่างคนหิวกระหาย โดยไม่ได้สนใจว่ารสชาติจะเป็นยังไง หรือว่าน้ำมันจะร้อนแค่ไหน พอดื่มจนหมด ก็หัวเราะออกมาเบาๆ มองเงากระจกของหน้าต่างที่สะท้อนภาพด้านหลัง และพูดออกมาเหมือนจงใจให้แก้วได้ยิน ตราบใดที่กายนี้ยังคงตื่น ฉันก็คงยังอยู่เยี่ยงนี้ หึหึ
ทำไมคุณต้องทำแบบนี้! เอาร่างฉันขึ้นมา! เอาร่างฉันคืนมา! แก้วตะคอกใส่ด้วยความโกรธ
หยงยิหวาหันหลังกลับไปมองตรงจุดทีแก้วยืนอยู่ และตะเพิดไล่ดวงจิตของแก้ว ออกไป! ออกไป! อย่ามายุ่งกับฉัน ออกไป!
คุณนั่นแหละออกไป! อย่ามายุ่งกับร่างของฉัน!
ฉันไม่ออก! แกนั่นแหละนังแก้ว ออกไป! หยงยิหวาเริ่มชี้หน้า และใช้น้ำเสียงดังตวาดดังใส่ แสดงถึงธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริงออกมา
ร่างฉันไม่ใช่ร่างของคุณ ยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ได้นานหรอก ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะติดตามเฝ้าร่างฉันแบบนี้ตลอดไปจนกว่าคุณจะออก
นังแก้ว! อยากลองดีกับฉันรึ ได้! อีดวง! เอ็งออกมาได้แล้ว!
เมื่อได้ยินชื่อดวง แก้วก็เกิดอาการกลัว ถอยหลังห่างออกไปทันที เพราะขนาดตอนเป็นคนยังเคยเจอทำร้ายหนักปางตาย แล้วตอนนี้เป็นแค่ดวงจิตไร้ร่าง ก็อาจจะถูกทำร้ายได้มากขึ้นกว่าเดิม
เพียงแค่ชั่ววินาทีที่หยงยิหวาเรียกวิญญาณอำแดงดวง ไฟในห้องก็ดับสนิท หน้าต่างบานใหญ่เปิดออก ลมจากด้านนอกกรรโชกแรงเข้ามาพร้อมกับกลิ่นคาวคลุ้งเลือดน่าสะอิดสะเอียน เสียงหัวเราะใหญ่หนาแหบพร่าดังลั่นไปทั่วทิศ
ฮ่าๆๆๆๆๆ
แก้วรู้สึกไม่ปลอดภัยและเตรียมตัวหนี แต่ทันใดนั้นวิญญาณอำแดงดวงก็ปรากฏตัวขึ้นจากเพดานด้านบน ใช้มือเหี่ยวๆจิกหนังหัวรั้งไว้ไม่ให้ไปไหน เอ็งจะหนีข้ารึ อีแก้ว!
โอ้ยยยย! ดวงจิตหญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หนังกบาลเอ็งมันน่าทำเครื่องแขวนนัก ฮ่าๆ ผีร้ายหัวเราะชอบใจ
ใจเย็นก่อนเถิดอีดวง มันก็แค่ดวงจิต หาได้มีหนังหัวให้เอ็งไม่ ถ้าเอ็งอยากได้ ข้าจะค่อยๆเลาะหนังหัวร่างนังแก้วไปให้เอ็งทีหลัง ไม่ดีกว่ารึ หยงยิหวาจับผมมาม้วนที่ปลายนิ้วทั้งห้า และดึงกระตุกไปมาด้วยความสะใจ
เจ้าค่ะคุณหยง ผีร้ายก้มหัวและยิ้มตอบรับ
อย่านะคุณหยง อย่าทำอะไรร่างแก้ว อย่านะ! ดวงจิตแก้วตะโกนอ้อนวอน
กลัวเจ็บงั้นรึ หยงยิหวาเดินเข้ามาใกล้แก้ว ไม่ต้องกลัวดอกน้องแก้วบาหยัน น้องจะเจ็บได้เยี่ยงไร ในเมื่อน้องไม่ได้อาไศรยร่างนี้อยู่เสียหน่อย พี่ต่างหากเล่าที่จะเจ็บแทนน้อง ฮ่าๆ
พอพูดเสร็จ หยงยิหวาก็หยิบกรรไกรตัดผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วปักไปที่มือตัวเองอย่างไม่คิด ไม่มีเสียงร้องหรือน้ำตาไหลจากหยงยิหวาในร่างแก้วเลย ทั้งๆที่ตอนนี้เลือดไหลออกมาไม่หยุด มีแต่เสียงหัวเราะแบบสะใจ ฮ่าๆ มิเห็นเจ็บเสียหน่อย ถ้ามากกว่านี้ ก็คงจะไม่เจ็บปวดเลยสักนิด จริงรึไม่จริง ฮ่าๆๆ เพราะมันหาใช่ร่างพี่ไม่ จริงรึไม่จริง ฮ่าๆ
แก้วโกรธสุดขีดแต่ทำอะไรไม่ได้ ตัวยังคงห้อยโตงเตงเหนืออากาศ เลยได้แต่พูดตอกกลับไปด้วยอารมณ์ที่ดุดันมากกว่าเดิม คุณหยงยิหวา! ถ้าคุณคิดจะแฝงร่างแก้ว แล้วคิดจะทำร้ายมากกว่านี้ สภาพร่างกายก็จะไม่สามารถทนได้ ในที่สุดก็จะตาย! คุณเองก็จะกลับมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนไร้ร่างเหมือนเดิม
พิโธ่เอ้ย แม่แก้วบาหยันน้องพี่ พี่รู้ดีดอกหนา ว่าวิญญาณพี่หาได้อาไศรยในร่างน้องจวบนิจนิรันดร์ไม่ พอพี่พอใจ แลเห็นน้องแก้ววายวอดบรรลัย พี่ก็จะคืนร่างให้น้องเอง ไม่ต้องห่วงดอก น้องเอ๋ย
แก อีผีชั่ว! ไม่ต้องนับญาติเรียกพี่เรียกน้องกับฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้
จุ๊ๆ กิริยามิงามเลยหนาน้องแก้วบาหยัน เป็นถึงบุตรีบุญธรรมของหลวงเจริญจิตโอสถ ทำไมพูดจาหยาบเหมือนหนังหลังเท้าเยี่ยงนี้เล่า
ฉันไม่ใช่แก้วบาหยัน
ฉันก็ให้แกดูอดีตแล้วมิใช่รึ หากหล่อนหาใช่แม่แก้วบาหยันไม่ ดวงจิตหล่อนจะเชื่อมอดีตมายังฉันได้อย่างไรเล่า หยงยิหวาดึงกรรไกรออกจากมือ และชี้ไปที่ดวงจิตแก้ว
ถ้าฉันเป็นแก้วบาหยันกลับชาติมาเกิด แล้วทำไมเวรกรรมไม่จบให้หมดสิ้นตั้งแต่ชาติที่แล้วล่ะ ทำไมคุณต้องจองล้างจองผลาญฉันมาถึงชาตินี้ด้วย
มึงคิดว่ากูไม่อยากหลุดพ้นจากความทรมานอันนี้งั้นรึ อีแก้ว! หยงยิหวาเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง และมองแก้วด้วยแววตาอาฆาตแค้น น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเหมือนจะร้องไห้
คุณหยง เลิกแล้วต่อกันได้ไหม อโหสิกรรม แล้วฉันจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คุณไปเกิด
เกิด! เกิดงั้นรึ ถ้ากูไปเกิดได้ กูคงไม่มาอยู่เยี่ยงนี้หรอกอีแก้ว! หยงยิหวาพูดไปร้องไห้ไป และปากรรไกรใส่ดวงจิตไร้ร่างของหญิงสาว
เชื่อฉันเถอะนะคะ เชื่อฉัน แล้วฉันจะหาทุกวิถีทางให้คุณไปเกิดในภพภูมิที่ดี
เชื่อ! หยงยิหวาตวาดใส่ เชื่องั้นรึ เพราะกูเชื่อมึงไงเล่า กูถึงต้องเป็นเยี่ยงนี้
ฉันไปทำอะไรให้คุณหนักหนา คุณก็บอกมาสิ ฉันจะชดใช้ให้ทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียว อย่าชดใช้ด้วยชีวิตก็พอ เพราะถ้าฉันตายไป ฉันก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้อีกแล้วนะคะ
มึงจะอยู่หรือตาย หาได้สำคัญกับกูไม่ ถ้ามึงตาย กูก็จะลากมึงลงนรกกับกู ถ้ามึงอยู่ กูก็จะทำให้มึงวายวอดไม่มีความสุข
แต่ว่า..
หยุด! หมดเวลาพรรณาของมึงแล้วอีแก้ว! ได้เวลาพามึงกลับสู่เรือนหอที่รักของมึงแล้ว
เรือนหอ!?
อีดวง!
เจ้าคะคุณหนู!
พาอีแก้วไปเยี่ยมเหย้าเยี่ยมเรือนอันเป็นที่รักยิ่งของมัน แลจองจำมันไว้ที่นั่นอย่าได้ออกมาจนกว่ากูจะพอใจ
เจ้าค่ะคุณหนู! ผีร้ายยิ้มรับคำสั่ง
ยังไม่ทันที่อำแดงดวงจะลากแก้วออกไป ก็มีเสียงสวดมนต์จากพระสงฆ์ดังเข้ามากังวานในห้อง ทำให้วิญญาณร้ายทั้งสองตนรู้สึกอ่อนแรงลง ในจังหวะนั้นเอง แก้วก็ได้โอกาสหนีออกจากห้องไป โดยมีเสียงกรีดร้องลั่นของวิญญาณทั้งสองตามหลังมา
++++