KatieKat... Let's share your thought
 
9 วันกับ Swiss Adventure (8)


วันที่ 8 - 9

วันสุดท้ายของการเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ วันนี้ออกแต่เช้าอีกแล้ว เพราะมีโปรแกรมจะเที่ยวส่งท้ายที่เมืองแห่งศาสนาและวัฒนธรรม St. Gallen และ Appenzell ออกจากที่พักเช้าก่อนที่ Reception จะเปิด เพราะฉะนั้นก็ต้องทิ้งกุญแจห้องไว้ที่กล่องรับจดหมายหน้าห้อง reception จากนั้นก็หยิบแผนที่ route map เส้นทางเดินรถในซูริคที่ขอมาจาก reception ตั้งแต่เมื่อตอนเข้ามาเช็คอินเพื่อดูว่ารถรางสายไหนจะผ่านไปสถานีรถไฟ เพราะเช้านี้เราคงไม่ลากกระเป๋ากลับไปอย่างขามาอีกแล้ว รถรางที่ผ่านหน้าถนน Limmat-quai ไป Bahnhof มีสายเดียวก็คือสาย 4 นั่งจากป้าย Rathaus หรือศาลาว่าการเมือง พอถึง Bahnhof ก็จัดแจงฝากกระเป๋าทั้ง 2 ใบไว้ที่ล็อคเกอร์ ล็อคเกอร์จะอยู่ชั้นใต้ดิน จากบริเวณกลางๆสถานีจะมีบันไดเลื่อนให้ลงไปชั้นใต้ดิน พอลงไปก็จะเห็นตู้ล็อคเกอร์อยู่เยอะมากมายด้านขวามือ


วันนี้เราปรับแผนกันให้เร็วขึ้นจากเดิมอีกแล้ว โดยออกจากซูริคไป St. Gallen ด้วยรถไฟเที่ยว 8.39 น. ก่อนขึ้นรถไฟ ลองซื้อช็อคโกแลตจากร้าน Springli ที่ในสถานีรถไฟไปกินด้วย ราคาแพงอยู่แต่รสชาติก็สมราคา ไม่หวานมาก ที่สำคัญคงแพงที่ package ด้วยเหมือนกัน ซื้อแค่ 6 ชิ้นกลมๆเล็กๆ ก็ห่อให้อย่างสวยงาม ทำเอาแทบไม่กล้ากินเหมือนกัน พอถึง St. Gallen ก็รู้สึกว่าที่นี่หนาวมาก เสื้อผ้าที่ใส่ไปแทบเอาไม่อยู่ ต้องคอยเดินๆ บริหารกล้ามเนื้ออยู่ตลอดจะได้คลายความหนาวไปบ้าง อากาศและท้องฟ้าวันนี้สวยมากๆ ไม่มีเมฆเลย ฟ้าใสเป็นสีฟ้าจัด สีสันในเมืองนี้ก็ดูสดใสตัดกับสีท้องฟ้ามาก เริ่มต้นการท่องเที่ยวใน St. Gallen ด้วยการเดินตามแผนที่ไปที่ Markt Platz ก่อน ที่นี่จะมีตลาดนัด ทุกวันพุธและวันเสาร์เหมือนที่เจนีวา แต่ส่วนใหญ่ที่นี่จะเน้นขายอาหารเสียมากกว่า หลังจากเดินชิวๆได้สักพัก ก็ให้เดินย้อนขึ้นไปตามถนน Marktgasse ก็จะเจอลานสนามหญ้ากว้างมากกกกกกก รายล้อมด้วยตึกยาวและโบสถ์ St. Gallen ซึ่งมีลักษณะเป็นหอคอยคู่ (ทำให้นึกถึง the two tower ใน the Lord’s of the ring) สวยงามมากกกกก สวยงามมากจริงๆ ประทับใจที่นี่มากๆ รอบๆบริเวณก็จะมีบ้านเก่าโบราณทาสีสันสวยงาม หันไปทางไหนก็น่ารักไปหมด ทำให้กดชัตเตอร์กันไม่ยั้งเลยทีเดียว พอเดินเข้าไปภายในโบสถ์ St. Gallen ก็ยิ่งตกตะลึงในความงดงามของสถาปัตยกรรมภายใน เป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมาเลย ข้างในจะเน้นสีขาว ไม่รู้ว่าทำจากหินอ่อนหรือเปล่า ลวดลายการแกะสลักนั้นวิจิตรบรรจงและตระการตามากๆ ต้องเข้าไปชื่นชมอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะซึ้ง










ออกจากโบสถ์ St. Gallen ภายในบริเวณเดียวกันก็จะเป็นหอสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ชื่อตามภาษาเยอรมันว่า Stiftsbibliothek หรือภาษาอังกฤษว่า Abbey Library หอสมุดแห่งนี้เป็นหอสมุดที่มีความสำคัญระดับโลกเนื่องจากเป็นสถานที่เก็บเอกสารและหนังสือสำคัญของยุโรปตั้งแต่ยุคแรกสุดที่ใช้ลายมือเขียนกัน จนได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก (รวมทั้งโบสถ์ St. Gallen และบริเวณโดยรอบ) ราคาค่าเข้าชมคนละ 7 ฟรังซ์ บริเวณภายในหอสมุดไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ก่อนจะเข้าไปภายในจะต้องสวมรองเท้าทำจากสักหลาดที่เขาเตรียมไว้ให้ ไม่ต้องถอดรองเท้าที่เราใส่มา แค่สวมรองเท้าสักหลาดที่ลักษณะเหมือนรองเท้าแตะทับอีกที รองเท้าสักหลาดนี้จะทำให้เดินยกขาไม่ได้สะดวก จึงทำให้ต้องเดินช้าๆ ลากๆพื้น นอกจากหอสมุดจะเป็นที่เก็บรักษาเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งแล้ว สถาปัตยกรรมภายในหอสมุดก็งดงามน่าทึ่งไม่แพ้กัน ทำจากไม้ เพดานโค้งมนเหมือนโดม แกะสลักได้งดงามมาก ระหว่างที่เดินดูภายในหอสมุดนี้ หนังสือเก่าและเอกสารสำคัญจะอยู่ในตู้โชว์ มีหมายเลขบอกให้อ่านคู่กับคู่มือที่เขาแจกให้ตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วเข้าชม แนะนำให้เดินเรียงตามหมายเลขที่บอก จะได้ความรู้มากมาย ถ้าชอบและสนใจแนวนี้ควรเผื่อเวลาให้กับที่นี่อย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่่งถึง 2 ชั่วโมง



มัวแต่ชื่นชมความอลังการงานสร้างของทั้งโบสถ์ St. Gallen หอสมุด รวมถึงบริเวณโดยรอบ ทำให้สายเกินรอบรถไฟตอน 12.37 น. แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะรอบรถไฟจาก St. Gallen ไปยัง Appenzell นี้ออกทุกครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว สถานีรถไฟที่จะไปเมือง Appenzell นี้ไม่ใช่สถานี St. Gallen ฝั่งที่เรามาถึงนะ แต่เป็นฝั่งตรงกันข้าม เยื้องๆกันแค่นิดเดียว ให้ข้ามถนนมารอที่สถานีรถไฟฝั่งนั้น จะมีป้ายบอกทางว่ารถไฟที่จะไป Appenzell ให้มารอที่นี่ ระหว่างรอรถไฟ ก็มองเห็น Migros Take away ที่ฝั่งตรงกันข้าม (คนละฝั่งกับสถานี St. Gallen ใหญ่นะคะ) ก็เลยรีบจ้ำอ้าวไปซื้อ Bratwurst ไส้กรอกเนื้อลูกวัวย่าง ขายพร้อมกับขนมปังฝรั่งเศสแข็งๆ ราคา 5 ฟรังซ์ รสชาติอร่อยดีใช้ได้ ระหว่างทางไป Appenzell ก็ได้สัมผัสบรรยากาศชนบ๊ท ชนบทของสวิตเซอร์แลนด์ ทุ่งหญ้า วัว แกะ พบเห็นได้เต็มไปหมด อย่างที่บอกว่าวันนี้อากาศดีมาก ถ่ายรูปห่วยยังไงก็ออกมาสวย






ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงดีก็ถึงเมือง Appenzell เมืองเล็กๆที่ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้จักและไม่มีอะไรโดดเด่นเลย จะว่างั้นก็ได้ล่ะ เพราะเมืองเขาเล็กจริงๆ เดินแค่ชั่วโมงเดียวก็วนครบ 3 รอบแล้ว หลังจากออกสถานีรถไฟ ไม่ต้องใช้แผนที่ใดๆ แค่เดินเข้าไปในที่ที่มีผู้คนเยอะๆหน่อย ก็จะถึงตัวเมือง Appenzell แล้ว แต่ถึงจะไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เมืองนี้ก็เป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักมากๆ ที่หน้าบ้านและร้านค้าโดยทั่วไปจะมีป้ายยื่นออกมานอกตัวร้านเป็นลวดลายแตกต่างกันเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน บางร้านแอบฮาเอากางเกงยีนส์ขาสั้นมาห้อยไว้หน้าร้าน ไม่รู้พอฝนตกจะเก็บเอาไปซักบ้างป่าวเนี่ย รู้สึกว่าที่ Appenzell นี่จะขึ้นชื่อเรื่องชีสและเบียร์มาก เห็นแต่ละร้านวางขายชีสอยู่เต็มไปหมด ที่นี่เราได้แวะลิ้มลองขนม Warmer Kaesezwiebelfladen จากร้าน Drei Koenige (ไตรเคอนิเกอะ แปลว่าสามกษัตริย์) ตามที่มดเอ็กซ์แนะนำด้วย ก็เป็นขนมหน้าตาเหมือนพายสามเหลี่ยม รสชาติชี้ส ชีส อร่อยดี คนไม่ชอบกินชีสก็น่าจะกินได้ ไม่เลี่ยนเท่าไหร่ ราคาชิ้นละ 7 ฟรังซ์ การเดินหาร้าน Drei Koenige ก็หาไม่ยาก เดินวนในเขตเมืองเก่า มองหาป้ายยื่นหน้าร้านที่เป็นรูปผู้ชายสามคน (แต่รู้สึกว่าสามกษัตริย์ในที่นี้น่าจะเป็นสามโหราจารย์ ผู้ที่นำเครื่องบรรณาการมาถวายพระเยซูในวันประสูติมากกว่า)





นั่งรถไฟจาก Appenzell กลับสู่ซูริคในช่วงเย็นๆ ยังพอมีเวลาให้เดินเล่นเก็บตกที่ Bahnhofstrasse อีกนิดหน่อย แต่ร้านรวงที่ยุโรปนี่ก็อย่างว่า ปิดเร็วซะเหลือเกิน 6 โมงเย็นทุ่มนึงก็แทบไม่เหลือแล้ว จะเหลือก็แต่ร้านสะดวกซื้อแล้วก็ห้างสรรพสินค้านิดหน่อยเท่านั้น แต่ถึงตอนนี้เราก็ไม่อยากเดินไปเที่ยวไหนอีกแล้วล่ะ เตรียมตัวเอากระเป๋าออกจากล็อคเกอร์แล้วก็จับรถไฟรอบไหนก็ได้ที่เขียนว่า Flughafen และมีรูปเครื่องบินอยู่ด้วย นั่นหมายถึงเป็นขบวนที่จะผ่านสนามบินซูริค ถึงสนามบิน ตรวจตราโหลดกระเป๋าทุกอย่างเรียบร้อย หาข้าวกินในสนามบินนั่นล่ะ ได้เบอร์เกอร์คิงช่วยชีวิตไว้ ก่อนขึ้นเครื่องลืมอีกแล้วว่าพกของเหลวมา 2 อย่าง นั่นก็คือนมกล่องที่ได้มาตั้งแต่กินแมคโดนัลด์มาเมื่อวันที่ไปเจนีวา (มันยังไม่หมดอายุอีกเหรอเนี่ย !?!) กับมายองเนสหลอดที่พกไว้กินตลอดทาง สุดท้ายก็ต้องสังเวยของสองอย่างนี้ให้คุณเจ้าหน้าที่สนามบินไป เครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์ออกจากซูริคช้ากว่าที่กำหนดไปเป็นชั่วโมง คุณกัปตันบอกว่าตรวจสอบอะไรไม่ผ่านซักอย่าง ต้องรอช่างมาแก้ไขแล้วตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ตอนแรกกังวลมากๆว่าจะทำให้ไปต่อเครื่องที่ดูไบไม่ทัน เพราะนึกว่าจะต้องขึ้นรถชัตเทิลบัสต่อจากเทอร์มินัลนึงไปอีกที่นึงเหมือนขามา แต่สุดท้ายก็ไม่ต้องทำอย่างนั้น เหมือนทางสายการบินจัดการให้ ก็เลยไม่ต้องขึ้นรถ ออกจากงวงช้างก็มาโผล่ที่อาคารผู้โดยสารเลย กลับถึงกรุงเทพอย่างสวัสดิภาพและตรงเวลา ต้องขอบคุณเอมิเรตส์ ขอบคุณสวิตเซอร์แลนด์ และขอบคุณตัวเองที่ทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากมาย เป็นแรงผลักดันให้เกิดความอยากที่จะมีทริปหน้าแบบนี้อีก ว่าจะไปเกาหลีใต้ดีกว่า ดอกซากุระและซูเปอร์จูเนียร์รอกันก่อนนะ แล้วจะรีบเก็บตังค์ไปให้ได้เลย


Create Date : 11 ธันวาคม 2551
Last Update : 16 ธันวาคม 2551 8:02:10 น. 11 comments
Counter : 1289 Pageviews.  
 
 
 
 
แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนครับ อ่านแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวเอง (อิอิ) ดีจังครับได้ไปท่องทริปสวิตเซอร์แลนด์แบบนี้ อยากไปเดินถนนที่นั้นจริงๆ เห็นภาพแล้วน่าไปมากครับ

ขอบคุณที่นำประสบการณ์ดีๆ มาแบ่งปันกันนะครับ
 
 

โดย: หมื่นทิพ (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:20:29:00 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวสวิสบ้างจังเลย ต้องหาโอกาสไปให้ได้เลยย
 
 

โดย: ayuruka วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:2:04:18 น.  

 
 
 
สวยจังเลย
 
 

โดย: NuAeaw วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:9:01:14 น.  

 
 
 
เจ๋งค่ะ เป็นการเดินทางที่คุ้มมากๆ

รูปก็สวยมากๆ ชอบหลายรูปเลย

ไว้คราวหน้ามีทริปไหนอีก อย่าลืมมาตามไปอ่านนะคะ 55+

 
 

โดย: MaRiMeKKo วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:1:18:38 น.  

 
 
 
ถ่ายรูปได้สวยจังค่ะ เดินเที่ยวเองแบบนี้ก็สบายดีนะคะ ไม่ต้องรีบร้อน

เย็นย่ำร้านรวงต่างก็ปิด แต่บาร์น่าจะเปิด ชอบดริ้งนะค่ะ ไม่รู้เบียร์สวิตรสชาดเป็นไงหนอ
 
 

โดย: ostojska วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:3:46:26 น.  

 
 
 
 
 

โดย: ปูเป็น วันที่: 29 ธันวาคม 2552 เวลา:13:25:10 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ปลื้ม ^^
 
 

โดย: katiekat วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:20:23:37 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลการเดินทางต่างๆ ค่ะ

อ่านแล้วเพลินดีมากเลยค่ะ
 
 

โดย: แตงโม IP: 124.121.151.138 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:23:05:52 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณแตงโมด้วยค่ะ ^^
 
 

โดย: katiekat วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:13:17:56 น.  

 
 
 
คุณkatiekat คะ trip ทั้งหมดรวมเท่าไรคะ
 
 

โดย: namtarn IP: 115.87.54.206 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:22:44:05 น.  

 
 
 
K. Namtarn
โทษทีนะคะ ตอบช้าไปหน่อย ทริปนี้ทั้งหมดตกคนละ 71,362.78 บาท รวมทุกอย่างแล้ว ค่าตั๋ว ที่พัก เที่ยว กิน และของจิปาถะอื่นๆเช่นพวกโปสการ์ด ค่าเงินตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 31 บาทค่ะ
 
 

โดย: katiekat วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:18:43:10 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

katiekat
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางทริปต่างๆที่แคทไปแล้ว ให้ติดต่อผ่านอีเมล์ chayadak@hotmail.com หรือ chayadak@yahoo.com นะคะ เพราะว่าหลายคนทิ้งไว้ในกล่องข้อความของ bloggang แต่แคทไม่ค่อยได้เปิดเลย ทำให้พอมาเปิดอีกที เวลาผ่านไปเกือบปี (แป่ววว!! เค้าจะรอหล่อนตอบมั้ยเนี่ย เค้าไม่โบยบินไปถึงไหนต่อไหนแล้วรึ)... ยินดีและเต็มใจตอบทุกคำถามที่พอจะช่วยได้ค่ะ
New Comments
[Add katiekat's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com