ปลาหนังลูกผสมบึกสยามปลาเพื่อสุขภาพเลี้ยงง่ายตลาดต้องการ




ปลาบึก




ปลาหนังเป็นปลาในตระกูลที่ไม่มีเกดจึงเป็นที่มาของชื่อตานางตาหลายชนิดในตระกูลนี้มีผิวหนังอ่อนนุ่มแต่มีบางชนิดก็มีร่างกายปัจจุบันตานางลูกผสมเนื้อขาวซึ่งเป็นตาน้ำจืดกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเนื่องจากเป็นปลาเพื่อสุขภาพเพราะมี คุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นโปรตีนวิตามินแร่ธาตุและตลาดไขมันที่ดีมีกลุ่มโอเมก้า 3 ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาทางสมองของมนุษย์ทำให้มีการเพาะเลี้ยงปลาหนังลูกผสมมากคืนแต่เนื่องจากตาลูกผสมในประเทศไทยเมื่อปี 2550 ตลาดในประเทศมีความต้องการตากลุ่มนี้มากถึง3-4พันตันต่อปีส่วนในตลาดต่างประเทศในกลุ่มประเทศแถบยุโรปอเมริกามาเลเซียสิงคโปร์มีความต้องการ 1 -2ล้านตันต่อปีแต่ประเทศไทยไม่สามารถผลิตลูกปลาที่มีสายพันธุ์ได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีจำนวนมากขึ้น
 จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพนับเป็นโอกาสที่ดีของผลิตภัณฑ์อาหารตาแต่เพราะการเลี้ยงและการแปรรูปเพื่อการจำหน่ายชนิดนี้อยู่ในวงแคบรวมทั้งช่องทางการตลาดยังมีข้อจำกัดอยู่มากการวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ปลาเพื่อให้ได้ หนึ่งพันธ์ปลาหนังลูกผสมพร้อมกับส่งเสริมการเพาะเลี้ยงด้วยเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่ดีให้เกิดในเชิงพาณิชย์ลดการนำเข้าและทำตลาดส่งออกเพิ่มปลาหนังลูกผสมจากเหตุผลดังกล่าวนี้เองสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเล็งเห็นความสำคัญของการเพาะเลี้ยงปลาหนังลูกผสมเนื้อขาวในด้านการปรับปรุงสายพันธุ์และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มราคาทางการตลาดจึงได้สนับสนุนทุนการทำกิจกรรมส่งเสริมการวิจัยภาย

ใต้โครงการความร่วมมือและการถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำปี2555แก่คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดทำโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงปลาหนังลูกผสมเนื้อขาว “ปลาบึกสยามเพื่อสร้างคุณค่าและราคาเพิ่มขึ้นที่ยั่งยืน” ให้กับเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือจังหวัดเชียงราย 
รศ.ดร.เกียงศักดิ์ เม่งอำพันคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำมหาวิทยาลัยแม่โจ้จังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่าจากการที่วิจัยการปรับปรุงพันธุ์ปลาหนังลูกผสมเนื้อขาวมาอย่างต่อเนื่องจนได้มาเป็น “ปลาบึกสยาม” ที่ให้รสชาติดีคล้ายกับในต่างประเทศอย่างปลาดอลลี่เริ่มจากการรวบรวมและเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาบึกมาตั้งแต่ปี 2 ห้าสาม 4 จนถึงปัจจุบันผลจากการวิจัยดังกล่าวทำให้สามารถเพาะพันธ์ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาที่เกิดจากพ่อปลา อยู่ 5 ปีรุ่นที่ 2 จากพ่อแม่ปลาบึกบดินทร์อายุ 10 ปีและแม่ปลาสวายอายุ 3 ปีได้เป็นพ่อแม่ปลาบึกผสมรุ่นที่ 1 ที่สามารถเจริญพันธุ์ได้และจากนั้นก็นำพ่อแม่ปลาบึกลูกผสมในรุ่นที่ 1มาผสมผสานกันได้เป็นโลนลูกปลาลูกผสมรุ่นที่ 2 หรือปลาบึกสยามในปี 2554 โดยปลาบึกสยามนี้จะให้เนื้อที่มีคุณภาพสามารถเจริญเติบโตและต้านทานโรคดีมีน้ำเชื้อมากมีความดกของไข่เจริญพันธุ์ได้รวดเร็วปลาบึกสยามนับเป็นปราชญ์ร่วมลักษณะที่ดีของปลาบึกและปลาสวายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว 4 ของๆเขาอมชมพูไม่เหลืองเหมือนเนื้อปลาสวายลักษณะเนื้อแน่นและปีปริมาณน้ำมากซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศมีลักษณะทางพันธุกรรมเป็นปลาหรือยังและมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากปลาบึกและปลาสวายหลังจากที่เกษตรกรและภาคเอกชนหรือยังเบื้องต้นพบว่าปลาบึกสยามสามารถเจริญเติบโตดีเลี้ยงนานๆได้และที่สำคัญสามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดินและในกระชัง จากการเปรียบเทียบการเลี้ยงปลาบึกสยามและการเลี้ยงปลาบึกในบ่อดินที่บ้านน้องมากจากอำเภอสันทรายจังหวัดเชียงใหม่ไรบ่ดีขนาด 300 ตารางเมตรหรือ 1.8m. ในอัตราการตายปลาขนาด  2 ตัวต่อตารางเมตรให้อาหารประดิษฐ์เองที่โปรตีนระดับ 30% อัตราการให้อาหาร 2% ต่อหวานโดยปล่อยปลาบึกสยามน้ำหนักเฉลี่ย 16g ในบ่อที่หนึ่งหลังจากเลี้ยงนาน 4 เดือน 2 สัปดาห์พบว่าปลาบึกสยามมีน้ำหนักเฉลี่ย 250 กรัมส่วนบ่อที่2 ปล่อยปลาบึกสยามน้ำหนักเฉลี่ย 16 กรัมร่วมกับปลาบึกน้ำเฉลี่ย 22 กรัมเลี้ยงนาน 4 เดือนพบว่าปลาบึกสยามมีน้ำหนักเฉลี่ย182กรัมส่วนบึกน้ำมีน้ำหนักเฉลี่ย 180 กรัมอัตราการเจริญเติบโตต่อวันประมาณ 2กรัมและไม่พบการตายของปลา ส่วนการเปรียบเทียบในการเลี้ยงในกระชังที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นการเลี้ยงปลาบึกสยามในกระชังธีการในบ้านตีนขนาด 30 ตารางเมตรลึก 1.5m อัตราการปล่อยปลาขนาดประมาณ4นิ้วเท่ากับ30 ตัวต่อตารางเมตรให้อาหารเม็ดเบอร์ 9551จำนวนนับหมื่นตาหวานอัตราการเศษอาหารประมาณ 4.5% ต่อวันหลังจากเลี้ยงนาน 6 เดือนพูดว่าปลามีน้ำหนักเฉลี่ย 720 ตามอัตราการเติบโตต่อวัน 4 กรัม ไม่อัตราการตายเนื้อตามีสีเหลืองอ่อนอมชมพู รศ.ดร.เกียงศักดิ์กล่าวอีกว่าจากการเปรียบเทียบทางเกาเห็นได้ชัดว่าปลาบึกสยามเป็นปลาที่มีอัตราการเจริญเติบโตและให้น้ำหนักดีถึงหมอกจะเป็นตาทางเลือกให้กับเกษตรกรที่ตอบสนองความต้องการของตลาดปลาเพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดีโดยมีปัจจัยที่จำเป็น ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงปลาคือการเลือกสถานที่ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำความลึกประมาณ 2-3m พาเลี้ยงในกระชังขนาด 60 ตารางเมตรขึ้นไปอยากมีการไหลเวียนของน้ำที่ดีมากถึงการคัดเลือกพันธุ์จากฟาร์มที่ได้มาตรฐานการปล่อยปลาควรเตรียมบ่อ

ให้พร้อมก่อนการขนย้ายเพื่อป้องกันปลาบอบช้ำมาก ปล่อยปลาที่มีขนาดความยาว 3 ถึง 5 นิ้ว ในอัตราบ่อดิน 1600-3200 ตัวต่อไร่ ในกระชังปล่อย 10 ตัวตลอดตารางเมตร ส่วนการจัดการคุณภาพปั๊มน้ำและน้ำในบ่อเลี้ยงกลางวันดูน้ำใสมีสภาพเป็นกฎที่อาจเกิดจากฝนตกและอากาศปิดจะทำให้ออกซิเจนตามสังเกตได้จากปลามีอาการลอยหัวเลยขึ้นมาควรรีบถ่ายน้ำเติมอากาศซึ่งคุณสมบัติของน้ำที่เหมาะสมประกอบด้วยออกซิเจนละลายน้ำ 4-6 มิลิกรัมต่อลิตรคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 30 มิลิกรัมต่อลิตรอุณหภูมิของน้ำ 15-32C ค่าความเป็นด่าง 150-200 มิลิตามต่อลิตรความเป็นกรด 7.5-8.5 แอมโมเนียไม่เกิน 0.02 มีกิจกรรมต่อลิตรความขุ่น 60-80cm สีของน้ำน้ำตาลกลมเชียว สำหรับการให้อาหารจะให้วันละประมาณ 3-5% ของน้ำหนักตาโดยแบ่งให้ 2-3มื้อต่อวันกลับอาหารตามการเจริญเติบโตของตาถ้าสีน้ำมีสีเขียวเข้มหรือน้ำตาลดามแสดงว่าให้อาหารมากเกินไปควรลดอาหารลงและส่งชั่งน้ำหนักเพื่อคำนวณอาหารที่จะให้ 2 เดือนต่อครั้งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงส่วนการจัดการอื่นๆได้แกการเตรียมพร้อมเรื่องบุคลากรวัสดุอุปกรณ์ทำบัญชีฟาร์มป้องกันโลกและสัตว์ครูปลาเป็นต้น อย่างไรก็ตามจากองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยในครั้งนี้คณะผู้วิจัยมีความพร้อมในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงปลาหนังลูกผสมเนื้อขาวครบวงจรพร้อมกับการแปรรูปทางการตลาดซึ่งในขณะนี้ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงปลาดังกล่าวให้กับ สมาชิกของสหกรณ์ประมงพานจำกัด Rt ความสนใจในการเพราะหรือยังประกอบกับสมาชิกในกลุ่มนี้มีการเพาะเลี้ยงปลานิลเป็นอาชีพอยู่แล้วแต่เนื่องจากตานี้ประสบปัญหาด้านการตลาดและต้นทุนการผลิตสหกรณ์จริงให้ความสนใจในการเลี้ยงปลาบึกสยามหนังขาวลูกผสมที่เลี้ยงง่ายตลาดต้องการต้นทุนต่ำและมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ด้าน ศาสดาจารย์นายแพทย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งกล่าวว่างานในครั้งนี้ได้ร่วมกับคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรน้ำมหาวิทยาลัยแม่โจ้จังหวัดเชียงใหม่และสหกรณ์ประมงผ่านรักโดมกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในอำเภอพานจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหลังเลี้ยงปลาขนาดใหญ่และมีคุณภาพโดยกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็งเป็นสหกรณ์ที่สามารถประสานงานกับภาคธุรกิจได้ดีประกอบกับกลุ่มดังกล่าวเลี้ยงปลานิลเป็นอาชีพอยู่แล้วดังนั้นการเข้าไปส่งเสริมการเลี้ยงปลาบึกสยาม จึงเป็นอีกทางเลือก 1 ในการทำตลาดหลังจากที่มีปัญหาตลาดขายไม่ได้ราคาเช่นที่ผ่านมาพร้อมกันนั้นก็มีการส่งเสริมการแปรรูปเนื้อปาควบคู่กับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางอากาศต่างประเทศและในประเทศเพราะปัจจุบันไทยยังต้องนำเข้าตาดาร์ลี่จากประเทศเวียดนามเพื่อการบริโภคปีละไม่ต่ำกว่า 8000 ล้านบาทกลุ่มเกษตรกรไทยสามารถผลิตปลาบึกสยามได้ดีนอกจากช่วยรถการนำเข้าปาดัง 901 คนไทยก็จะได้มีโอกาสบริโภคอาหารที่มีคุณค่าในราคาไม่แพงอีกด้วย 

ปลาบึกสยามสามารถเป็นตาอีกชนิดที่สามารถนำมาแปรรูปมุรธาได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นไส้กรอกตาไส้อั่วตาปลาแดดเดียวปลาลวกจิ้มๆรสชาติที่อร่อยและมีคุณค่ามากเลยทีเดียวเกษตรกรท่านใดที่สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่รศ.ดร.เกียวศักดิ์เม่ง

อำพันคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำมหาวิทยาลัยแม่โจ้จังหวัดเชียงใหม่เบอร์โทร 053-873-470ต่อ 505หรือ601 ในวันและเวลาราชการ




 

Create Date : 05 กันยายน 2559    
Last Update : 5 กันยายน 2559 13:31:55 น.
Counter : 2964 Pageviews.  

น่าเห็นใจ! ชาวสวนยางนครศรีฯ หารือหันปลูกกล้วยหอมทอง ส่งออกญี่ปุ่น

ชาวสวนยางพารา เชิญชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อน รวมตัวกันพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด แก้ปัญหาราคายางตก หันปลูกกล้วยหอมทอง ส่งขายญี่ปุ่น ในวันที่ 6 ม.ค. 59 หลังร้านสะดวกซื้อตลาดถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช 

วันที่ 5 มกราคม 2559 นายมนัส บุญพัฒน์ เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 ม.ค.59 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยจะรวมตัวกันร่วมคิดร่วมหาทางออกอีกครั้ง เราจะไม่เคลื่อนตัวในนามชมรม หรือ สมาคม แต่จะเชิญตัวเป็นๆ และเป็นชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ ในบางพื้นที่ กก.ละ 16 บาท ใครที่สนใจก็เชิญ พึ่งใครไม่ได้อีกแล้วหลังจากหารือกันแล้วเราจะออกแถลงการณ์ และลงมือปฏิบัติกันทันที เจอกันที่ หลังร้านสะดวกซื้อตลาดถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช

“โปรดเข้าใจ ไม่ใช่การชุมชุม ไม่ใช่ม็อบ ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย แค่หารือกันเบาๆ ว่า..เราจะปลูกกล้วยหอมทองส่งขาย Japan กันดีหรือไม่? ”

นายมนัส กล่าวอีกว่า พวกตนจะไม่พูดถึงสต๊อกยาง จะไม่ถามถึงสิ่งที่ไกลตัว เพราะเป็นเรื่องของการเมือง ตนไม่อยากเกี่ยวข้อง แต่จะคุยกันเรื่องใกล้ตัว ต้องไม่ลืมว่าความต้องการใช้ยางพารายังคงอยู่ในเพดานที่มีมาตรฐานอยู่แล้ว รายย่อยไม่สนใจและไม่สอบถามกันอีกแล้ว

ที่มา //www.thairath.co.th/content/558430




 

Create Date : 06 มกราคม 2559    
Last Update : 6 มกราคม 2559 10:42:08 น.
Counter : 620 Pageviews.  

9 มกราคม กระทรวงเกษตรฯ จัดยิ่งใหญ่ ‘เด็กไทยหัวใจเกษตร’

นายโอภาส กลั่นบุศย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ มกราคม 2559ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ มีนโยบายที่จะให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพด้านการเกษตร

สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้นได้จัดงานวันเด็กแห่งชาติติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ถึงปี 2559 รวมเป็นเวลา 13 ปี โดยในปี 2559 นี้ จัดที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ติดกับตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยใช้ชื่องานว่า “เด็กไทยหัวใจเกษตร 13”

ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกฝังให้เด็กไทยได้รับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของอาชีพเกษตรกรรม อันเป็นอาชีพหลักของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย ทำให้ประชากรของประเทศมีอาหารเพียงพอในการบริโภคอย่างสมบูรณ์ และส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศในลำดับต้น ๆ ที่ส่งผลผลิตทางการเกษตรไปหล่อเลี้ยงชาวโลก จึงถือว่าอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มีความสำคัญและน่าภาคภูมิใจไม่น้อยกว่าอาชีพอื่น ๆ

ซึ่งการจัดงานในแต่ละปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากเด็ก ๆ เยาวชน ยุวเกษตรกร และผู้ปกครองเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 28,000 คน และในปี 2559 นี้รูปแบบในการจัดงานจะมุ่งเน้นการสร้างความสุข สนุกสนาน รื่นเริง ที่แฝงไปด้วยสาระความรู้ด้านการเกษตร ผ่านกระบวนการละเล่นและนิทรรศการในรูปแบบต่าง ๆ ที่เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย

อันเป็นการเสริมสร้างทักษะและปลูกฝังคุณค่าอาชีพเกษตรกรรมในทางอ้อม เพื่อให้เกิดการรับรู้และความรู้สึกดี ๆ ต่อการเกษตรตั้งแต่เยาว์วัย รวมทั้งให้ตระหนักถึงบทบาท ภารกิจ และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานของหน่วยงานในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกด้วย

ส่วนนิทรรศการ ภายในงานจะประกอบด้วย เรื่องของการชลประทาน ฝนหลวง โครงการแก้มลิง การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและเรื่องการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ในวงการเกษตร เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสรับรู้นอกเหนือจากจะมาสนุกสนานแล้ว เขาจะได้เรียนรู้เรื่องของการเกษตรไปด้วย นับเป็นการปลูกฝังผู้ที่จะทำหน้าที่สืบทอดเจตนา รมณ์ด้านการเกษตรต่อไปในอนาคต

โดยทั้ง 18 หน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมาร่วมกันจัด พร้อมทั้งมีอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ มีการแจกกล้าไม้ แจกอุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ที่เด็ก ๆ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

ที่สำคัญในการจัดงานวันเด็กครั้งนี้เป้าประสงค์อีกประการคือ ต้องการให้เด็กและเยาวชนได้รู้จักและเรียนรู้เรื่องของสหกรณ์ ว่า ขบวนการสหกรณ์ และระบบสหกรณ์นั้น สามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้ในทุกระดับ และสามารถใช้เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ทั้งการเกษตร และสังคมได้เป็นอย่างดี และที่ผ่านมาในห้วงที่เกิดปัญหาทางสังคมและระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะเรื่องของการผลิตและผลผลิตทางการเกษตรที่ขาดแคลนหรือล้นตลาด ระบบสหกรณ์สามารถเข้ามาเกื้อหนุนให้มีการแก้ไขปัญหาได้อย่างลุล่วงด้วยดี ยังมาซึ่งความมั่งคั่งและมั่นคงของวงการเกษตรไทย ซึ่งการจัดงานวันเด็กปี 2559 นี้จึงได้จัดที่ สำนักงานสหกรณ์ จังหวัดปทุมธานี

ซึ่งในเรื่องของการสหกรณ์นั้นภายในงานจะมีทั้งนิทรรศการ การสหกรณ์อาชีพพระราชทานของเกษตรกรไทย และอาหารการกินตลอดถึงเครื่องดื่ม ที่ผลิตโดยสหกรณ์ต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามาร่วมงานด้วย

“ต้องการให้เด็กไทยได้รู้จักการอยู่ร่วมกันตามวิถีทางสหกรณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคม ตั้งแต่การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา การรู้จักเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เหล่านี้ก็จะประมวลรวมอยู่ในการจัดนิทรรศการต่าง ๆ ภายในงานที่หน่วยงานทั้ง 18 หน่วยของกระทรวงฯ จะสอดแทรกความรู้ให้เด็ก ๆ ได้รับทราบ ตลอดถึงแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศ์ ที่ทรงห่วงใยเกษตรกรไทยโดยพระราชทานพระราชดำริให้มีการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรไทยได้ประกอบอาชีพอย่างมั่นคง จวบจนทุกวันนี้อีกด้วย” นายโอภาส กลั่นบุศย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว.

ที่มา //www.mozaaf.com/post/3961021




 

Create Date : 05 มกราคม 2559    
Last Update : 5 มกราคม 2559 11:47:21 น.
Counter : 568 Pageviews.  

เคล็ดลับปลูกผักหวานให้ได้ผลผลิตดี


เคล็ดลับการปลูกผักหวาน ไร่ลุงแอว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ที่มีทั้งการตอนกิ่ง เด็ดยอดในช่วงเช้า การพักยอดดูแลต้น ทำให้มีผลผลิตป้อนตลาดอย่างสม่ำเสมอ

24 27

25 23

หลังจากลุงแอว ปลูกลำไยมานานหลายปี เมื่อไม่ได้ผลดีนักจึงออกไปหาความรู้ที่บ้านหมอ จังหวัดสระบุรี หันมาปลูกผักหวานบนเนื้อที่ 8 ไร่ โดยปล่อยให้ต้นลำไย มะขามเทศ และกล้วย คอยให้ร่มเงากับผักหวาน

28 31

30 32

นอกจากการขายยอดผักหวานแล้ว ลุงแอวยังหารายได้เพิ่มจากการตอนกิ่ง เพราะขายได้ในราคาดี โดยการเลือกกิ่งที่อายุแก่พอประมาณ จากนั้นใช้คีมที่ทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการตอนกิ่งเปิดเปลือกไม้ออก จากนั้นนำขี้เลื่อยที่แช่น้ำประมาณ 1 สัปดาห์ ผสมน้ำยาเร่งราก ผ่าถุงด้านข้าง บีบน้ำออกให้หมาดๆ แล้วนำไปห่อบริเวณเปิดแผลกิ่งตอน มัดให้แน่น

33 34

36 37

จากนั้นคอยดูแลความชื้นให้สม่ำเสมอด้วยการฉีดน้ำผ่านสลิ้ง เมื่อกิ่งตอนอายุได้ 3-4 เดือน กิ่งตอนจะเริ่มออกราก จึงตัดมาเพาะลงในถุงดำ ขายได้ในราคา 200-500 บาทต่อกิ่ง หากเป็นต้นกล้าเพาะเมล็ดขายได้ในราคาเพียงลุงละ 30 บาท เนื่องจากต้นกล้าต้องใช้เวลาเพาะถึง 3 ปี จึงเก็บยอดได้ แต่หากเป็นกิ่งตอนต้องแข็งแรง สามารถเก็บยอดรับประทานได้ในเวลาไม่นาน

39 38

การดูแลต้นผักหวานเมื่อเติบโตแล้วรดน้ำเพียงสัปดาห์ละครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกครั้งละครึ่งกิโลกรัม ห้ามฉีดสารเคมี เพราะผักหวานเป็นพืชปลอดสารพิษ หากใส่สารเคมีจะไม่เติบโต โดยต้องให้ร่มเงารำไรจากต้นไม้อื่นประมาณ 50% จึงจะผลิใบอ่อน เก็บยอดป้อนสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปี.

ที่มา //www.tnamcot.com/content/369218




 

Create Date : 04 มกราคม 2559    
Last Update : 4 มกราคม 2559 13:51:13 น.
Counter : 4127 Pageviews.  

ถั่วฝักยาว - เรื่องน่ารู้

ถั่วฝักยาว

เป็นผักที่มีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ๆ  หลายชนิด อาทิ วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก ซัลเฟอร์ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินซี โฟเลต แมกนีเซียมและแมงกานีส มีสรรพคุณช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน ส่วนฟอสฟอรัสมีส่วนช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน  ในชนบทไทยเมื่ออดีตนิยมนำมาใช้ประโยชน์เพื่อช่วยแก้อาเจียน ด้วยการใช้เมล็ดแห้งหรือสดนำมาคั้นสดหรือต้มกินกับน้ำ เป็นต้น.

อ่านต่อที่ : //www.dailynews.co.th/agriculture/321188




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2558 9:42:18 น.
Counter : 524 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

สมาชิกหมายเลข 1556306
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










เครื่องปั่นไฟ เครื่องพ่นยา
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1556306's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.