ข่าวฟุตบอล สุดยอดกุนซือชาวฝรั่งเศส ยอมรับว่ายังไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ในขณะที่กำลังจะคุมทีม อาร์เซน่อล ครบ 1,000 นัดเข้าไปแล้ว
ภาพ AFP
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 1996 อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล แทน บรู๊ซ ริออช ในแบบที่ค่อนข้างจะสร้างประหลาดใจ เพราะแม้แต่หนังสือพิมพ์ดังอย่าง "อีฟนิ่ง สแดนดาร์ด" ยังพาดหัวถึงกุนซือคนใหม่ของ "เดอะ กันเนอร์ส" ในตอนนั้นว่า "อาร์แซน คือใคร?" แม้จะมีผลงานผ่านการคุมทีม โมนาโก ใน ลีกฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จมาระดับหนึ่งแล้วก็ตาม
แต่จากวันนั้นถึงวันนี้เผลอแป๊บเดียวเวลาผ่านไปกว่า 17 ปี เวนเกอร์ ในวัย 64 ปี กำลังจะทำหน้าที่คุมทีม อาร์เซน่อล ลงสนามครบ 1,000 นัดแล้ว ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดสำคัญซะด้วย นั่นคือการบุกเยือนรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำศึก "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม นี้
เวนเกอร์ เป็นผู้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสร อาร์เซน่อล ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในแง่ของเกมการเล่น ซึ่งนั่นส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อเกมฟุตบอลในลีกอังกฤษด้วย เรียกว่าตลอดช่วงเวลา 2 ทศวรรษที่ พรีเมียร์ลีก มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สร้างสานความยิ่งใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีกุนซือชาวฝรั่งเศสรายนี้ทยืนหยัดเป็นคู่แข่งบารมีกับ เซอร์ อเล็กซ์ เรื่อยมา
ยอดกุนซือชาวฝรั่งเศส ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวนำ อาร์เซน่อล ประสบความสำเร็จและเผชิญกับความผิดหวังมามากมาย กล่าวว่า "มันทำให้รู้สึกว่าเผลอแป๊บเดียวจริงๆ มันเหมือนกับว่าผมเพิ่งจะเริ่มงานเมื่อวานนี้เอง ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว"
"ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะคุณย่อมมุ่งมั่นไปกับเกมที่จะต้องเล่นในนัดต่อไป แต่พอลองย้อนกลับไปดูคุณถึงจะเห็นว่า เออแฮะ! มันก็่ผ่านมานานพอสมควรเลยละ แต่ก็เอาเถอะ สิ่งที่คุณต้องคิดมันก็ย่อมมีแต่เกมนัดต่อไปที่รออยู่ ใจเราจดจ่ออยู่ที่เกมนัดหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เกมหน้า แรงปรารถนาของคุณก็คือการชนะในเกมที่จะลงเล่นนัดต่อไป"
นอกจากจะนำ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์มามากมาย เวนเกอร์ ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ปลุกปั้นดาวเตะชั้นดีขึ้นมาประดับวงการหลายต่อหลายคน ไล่มาตั้งแต่ยุคของ ปาทริค วิเอร่า, เธียร์รี่ อองรี, เชส ฟาเบรกาส, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาถึงในรุ่นปัจจุบันอย่าง แจ็ค วิลเชียร์ หรือ อารอน แรมซี่ย์
และสิ่งที่ เวนเกอร์ อยากจะฝากถึงผู้เล่น อาร์เซน่อล อีกครั้งหรือรวมถึงนักฟุตบอลทุกๆ คน ก็คือ "คุณย่อมได้เรียนรู้จากทุกๆ เกม และคุณจะยิ่งได้เรียนรู้จากเกมที่คุณแพ้มากกว่าเกมที่ชนะ แน่นอนนั่นเพราะว่าคุณจะต้องพิจารณาให้มากกว่า คุณจะตั้งคำถามกับตัวเองมากกว่า คุณตั้งคำถามกับพวกผู้เล่นมากกว่า และโดยทั่วไปเลย คุณจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อไปถึงระดับที่สูงขึ้น คุณจะได้เห็นขีดจำกัดของทีมและผู้เล่นของคุณชัดเจนขึ้น"
ข้อมูลจาก en.wikipedia.org, dailymail.co.uk
//football.kapook.com/news_inside.php?id=19254&key=news