โลกนี้มีมาก่อนผู้คน แต่โลกจะทนอยู่ได้นานสักเท่าใด

ถ้าเงินหมื่นแสนล้านถูกผลาญไป ใช้สร้างอาวุธมายัดใส่มือคน
 
 

ต้องรอด.....กับวิธีอยู่กับน้ำและป้องกันน้ำสุดชีวิต

นาทีนี้ตอนนี้แม้แต่ในกทม.เองก็สุ่มเสี่ยงว่าจะโดนน้ำจับตาย เพราะน้ำล้อมไว้หมดแล้วพร้อมทะลวงเข้ามาหักเราได้เสมอ ในคราวนี้จะมาแนะนำวิธีป้องกันน้ำสุดชีวิตกันเลยทีเดียว


1.อาหารมีมากกว่ามาม่าและข้าวสาร


จริงๆตามร้านขายของให้ลองมองออกไปให้กว้างๆอะไรที่มันกินได้ ให้พลังงาน ควรจะซื้อเอาไว้อย่าเจาะจงแค่ข้าวสาร มาม่า อาหารแห้ง เพราะถ้าน้ำท่วมเราๆท่านๆคงได้แต่มองตาปริบๆไม่ได้ใช้พลังงานมากฉะนั้นแค่รอให้น้ำลด ควรหาอาหารให้กินได้นานๆแม้แต่ขนมปังที่ให้ปลาสวาย ถ้ากินได้ก็กินซะเถอะ เส้นสปาเก็ตตี้เอามาหักใส่น้ำต้มใส่ซอสยังอร่อยเลย หรือไม่ก็ข้าวสุกเอาไปตากแห้งแล้วเอามาตำๆเวลากินก็ใส่น้ำร้อนเอา พอแก้หิวได้ มองหาอะไรที่กินได้แต่ยังไม่มีใครหยิบและซื้อไว้ก่อนคนอื่นจะตัดใจจากมาม่าและมาแย่งเรานะ นอกจากนั้นหากเดินผ่านหรือบริเวณนั้นมีผักพื้นบ้านอย่างตำลึง กระถิน  สายบัว ยอดอ่อนมะม่วง(จิ้มน้ำพริกอร่อยนะ)ยอดอ่อนใบมะขาม เป็นต้น ซึ่งถ้าท่านกินได้ขนาดนี้ต่อให้วันสิ้นโลกท่านก็ยังรอดหรือสอบการเอาชีวิตรอดในป่าก็ได้


2.ปลูกผักบ้างไม่ยากหรอก


กรณีน้ำท่วมและดูแล้วมีเเวลว่านานชัวร์ ปลูกผักที่มันโตง่ายๆให้ปริมาณเยอะๆแบบผักบุ้งจีน กวางตุ้ง คึ่นช่าย พวกนี้ขึ้นง่ายและชอบน้ำ  เมล็ดก็หาซื้อได้ที่มุมทำสวนของห้างทั่วไปปลูกใส่อะไรก็ได้วางไว้บนหลังคาโดนแดด โดยเฉพาะผักบุ้งใช้เวลาราวๆ2อาทิตย์ น่าจะพอมีอะไรให้กินมากขึ้น ถั่วงอกด้วยก็ได้ ตำน้ำพริกไว้ถ้วยกินได้นานถ้ามีผักเองก็อร่อยล่ะ


3.กั้นน้ำแบบนอกกรอบอย่ายึดติดกับกระสอบทราย


กระสอบทรายมันก็ดีแต่นาทีนี้แพงและต้องหาแข่งกับคนอื่น มองหาอะไรที่มันหนักและเป็นเหลี่ยมๆแท่งๆมากั้นบ้าง ซึ่งมีขายเยอะมากทั้งทั่วไปและในห้าง อะไรที่มันกันน้ำและแข็งกว่ากระดาษอย่างฟิวเจอร์บอร์ด ซ้อน2ชั้นแปะที่ประตูรั้ว โดยอย่าลืมสิ่งสำคัญว่าต้องมีอะไรรองรับแผ่นพลาสติกกันมันหักงอ จะแผ่นไม้แผ่นอะไรก็ตามแต่ นอกจากนั้นยังมีแผ่นปูนซีแพ็ค เสาเข็มเหลี่ยมๆถึงมันจะสั้นแต่มันหนักมาก อย่างน้อยยังเอาไปวางกั้นน้ำโดยวางซ้อนเป็นแถวคู่หรือแบบพีรามิดโดยมีพลาสติกคลุม นาทีนี้น้อยคนจะเลือกเสาเข็มเน้อ ในเวลานี้เสาเข็ม2-3ต้นอาจจะถูกกว่ากระสอบทรายด้วย กรณีที่วางหน้าบ้านกั้นเพียงไม่กี่จุดหรือมีกระสอบทรายวางอยู่2-3ชั้นแต่น้ำมีทีท่าว่าจะสูงก็วางเสาเข็มทับลงไปเลยให้มันกดไว้และเพิ่มความสูงอย่าลืมว่าหาเสาค้ำด้วยเช่นกัน


หรือมีทรายแต่กระสอบไม่มีใช้ถุงขยะ(ในห้างเพียบถ้ามันไม่แพงซื้อเยอะๆ)ซ้อนซัก2-3ชั้นหรือกี่ชั้นจนกว่าจะพอใจใส่ทรายครึ่งถุงยกไปวาง(ห้ามลากนะ)ก็พอช่วยขัดตาทัพไปได้




นอกจากนั้นท่านที่ก่ออิฐถือปูน ปูนมันใช้เวลาหากท่านต้องแข่งกับเวลาควรหาน้ำยาเร่งให้ปูนเเข็งไวหรือน้ำยาประสานปูนใหม่กับปูนเก่า ซึ่งหาได้ตามโฮมโปร ข้อควรจำยิ่งสร้างแนวกั้นน้ำสูงมากเท่าไรยิ่งอันตรายควรหาเสาค้ำเพื่อกันน้ำดันพัง


หรือถ้าน้ำแรงพัดกระสอบทรายพัง ใช้ท่อปูนวางแนวตั้งชิดๆกันใส่ดินหรือทรายให้มันหนักเข้าไว้


4.ถ้าต้องยอมให้รถจมน้ำ


ถือว่าด่านสุดท้ายหากไม่มีที่ไว้รถ ต้องยืนมองรถจมน้ำอุดท่อไอเสีย ไอดี เพื่อกันน้ำเข้าเครื่อง เอาซิลลิโคนยาขอบประตูรถและจุดไหนที่คิดว่าน้ำจะซึมเข้า


5.บ้านคือปราการด่านสุดท้าย


หากเป็นบ้านที่มีรั้วรอบทิศก็หาท่อน้ำที่ออกจากบ้านอุดให้หมด ใช้ปั๊มน้ำสูบเอาน้ำออกจากบ้าน หรือรั้วเปิดต้องถอยร่นเข้ามาในตัวบ้านก็ปิดแนวประตูให้หมดเหลือออกทางหน้าต่าง จะอาบน้ำ ล้างจานควรมารวมที่จุดเดียวเพื่อใช้ปั๊มสูบออก


6.ทุกอย่างต้องลอยน้ำได้


คือไม่มีเรือนั้นเอง แต่ทำแพได้นะ หาซื้อท่อพีวีซีขนาดใหญ่6-8นิ้วมาหั่นเป็นท่อนยาวซัก1-2เมตร อุดหัวท้ายอย่าให้น้ำเข้าไปเด็ดขาดและจึงมัดหรือยึดให้เป็นแพ นอกจากนั้นยังมีขวดพลาสติกขนาด1-2ลิตร รวมได้มากๆเอามัดรวมกันให้ดีก็ได้แพย่อมๆวางของหรือเอาไว้ไปรับของนะ


7.มีสติและคิดให้กว้าง


ต้องมีสติตลอดเวลาแม้น้ำจะสูงและคิดมองหาวิธีอยู่ตลอดถึงแม้จะต้องยอมจำนน มองหาสิ่งที่คนมองข้ามหรือคิดไม่ถึงมาเป็นตัวช่วยให้เราเองซะ


เพราะเราเข้าใจบ้านเราต้องลำบากเท่าไรกว่าจะมีบ้านมีข้าวของเครื่องใช้ ถ้าป้องกันได้ก็ต้องกันให้สุดชีวิตกันเลยนะครับ เป็นกำลังใจให้ถ้าเราพึ่งใครไม่ได้ ก็ต้องลุยด้วยตัวเอง



 


 





 

Create Date : 22 ตุลาคม 2554   
Last Update : 22 ตุลาคม 2554 20:34:19 น.   
Counter : 1904 Pageviews.  


นักเรียนตีกัน แก้ง่ายๆแต่ไม่คิดจะแก้ !!!

นักเรียนตีกัน แก้ง่ายๆแต่ไม่คิดจะแก้


เผอิญได้อ่านหลายบทความเกี่ยวกับนักเรียนนักเลง ว่ามันเกินจะแก้ เกินจะเยียวยา  ซึ่งตรงนี้ทำให้ขอนำมาพูดซะหน่อย


ผู้เขียนเองก็จบช่างกลทั้งระดับ ปวชและปวส. รวมแล้ว5ปีในชีวิตเด็กช่างผ่านอะไรมาเยอะโดนตีกันโดนจับก็เคย ซึ่งตรงนี้ไม่ได้อวดว่าข้าแน่ ข้าเจ๋ง แต่ผมจะอธิบายให้ฟังว่าสิ่งที่ผมได้เคยทำไปและรับมา(ช่วงวัยรุ่นก็คะนองเป็นธรรมดาหากผู้อ่านคิดว่าจะว่าก็นะ) ต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร


ไอ้ศักดิ์ศรีสถาบัน อะไรเนี้ยตอนเข้าใหม่ๆก็เห็นอยู่ พลังเหลือเกินปกป้อง คลั่งในสีเสื้อ แต่ปัญหาเนี้ยมันเกิดมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ลุงป้าแล้ว  ดังๆสมัย2499 เป็นต้นมา หลายสถาบันเก่าแก่โดนปิดไปก็เยอะเพราะปัญหานี้ มันต่างจากเทคนิคต่างจังหวัดที่มีแห่งเดียว เสื้อสีเดียวกัน ชื่อเดียวกัน แต่กรุงเทพถนนๆนึงมีเพียบ2-3สถาบันแล้ว  สรุปคือไอ้เรื่องชื่อสถาบันนั้นคงแก้ไขไม่ได้ เพราะมันถูกปลูกฝังมานานล่ะ


ถามว่าไล่ปิดสถาบันมันคงจบหรอกครับ ในอดีตมีหลายสถาบันดังๆโดนปิดไปเยอะ แต่ปัญหาจบที่ไหน เพราะตราบใดที่ตลาดยังต้องการแรงงานช่าง ปวช. ปวส. ก็ต้องมีคนมาลงทุนอยู่ดี  บางทีเรียกตัวแทนจากนักเรียนแต่ล่ะสถาบันไปร่วมพูดคุย ขอโทษเลือกแต่ล่ะคน เด็กดีๆไม่มีประวัติทั้งนั้น แล้วมันจะรู้เรื่องม่ะนั้น


แล้วที่ตีกันใครเป็นคนก่อ ไล่ให้ฟังดังนี้ว่า ในสถาบันจะมีกลุ่มที่กลับรถสายเดียวกัน ซึ่งเรียกว่าคณะ โดยคณะนี้คือกลุ่มคนที่พร้อมใจหรือกลับเวลาเดียวกันโดยมาจากทุกสาขาในสถาบัน กลับพร้อมกันเต็มคัน โดยไม่ใช่ว่านักเรียนทั้งห้องจะนัดกันไปตี แต่หมายถึงทุกคนที่กลับรถสายนั้นๆ  แล้วในรถสายนั้นจะมีประธานคณะ(ตั้งกันเอง) ซึ่งกลุ่มคน5-10คนในรถสายนั้นจะเป็นตัวแปรในการเปิด เช่นแซวอริ หรือวิ่งลงไปลุยกับอริเพื่อให้คนบนรถวิ่งตามไปลุยเป็นต้น ซึ่งต้องอาศัยอุปทานหมู่ไปนั้นเอง หรืออยู่เฝ้าป้ายที่พวกเราต้องลงรถไปรอต่อรถคันอื่น ถ้ามีรถเมล์อริผ่านมาหน้าที่หลักๆคือ รับและลุยเพื่อป้องกันเพื่อนๆรุ่นน้องที่รอรถนั้นเอง


เนี้ยปัญหาหลักมันอยู่ที่ คณะที่โดยสารรถเมล์ผ่านไปๆมาๆเส้นทางเดียวกับอริ หากท่านใดเคยเจอหรืออ่านตามข่าวจะลุยกันบนรถเมล์เป็นหลักหรือตามป้ายต่อรถ นอกนั้นไม่ค่อยมีหรือปะทะกันน้อยมากๆ โดยเท่าที่ประสบพบเจอมาฝั่งธนเน้นวิ่งไล่ ตีต่อยซะส่วนมาก แต่ถ้าฝั่งปากน้ำสมุทรปราการ รามคำแหง พวกยิงกันถึงตาย ลูกหลงเพียบ


การแก้ไข


ที่ว่าแก้ง่ายๆ ในเมื่อมันไปรถเมล์เยอะๆ ก็แค่ตั้งด่านก็พอแล้ว ค้นรถทั้งคันยังไงก็ได้ของ(อาวุธ)เพียบหรือส่งตำรวจไปคุมตามจุดเสี่ยงที่ตีกันประจำ แต่ไม่มีตำรวจที่ไหนทำอ่ะ อย่างมากคุมแค่หน้าสถาบัน(ไม่มีใครที่ไหนบ้าขนาดมาตีกันหน้าสถาบันหรอกครับ แค่คนก็แพ้จำนวนแล้ว นักเรียนเลิกรถเมล์30-40คน หน้าสถาบันอริเป็น100) นั้นล่ะครับ ที่พบตำรวจตั้งด่านจับแจกใบสั่ง แต่รถเมล์นักเรียนเต็มกลับไม่เคยค้นทั้งๆที่ก็วิ่งผ่านด่านเห็นๆ ทั้งๆที่พอไอ้รถที่ขนนักเลงไปเต็มคันก็ไปก่อเรื่องหลังจากผ่านด่านไปแล้ว10-20นาที ไม่พอหลังจากนั้นพอนักเลงที่รักทั้งหลายตีกัน ขอโทษครับ ตีกันเกือบ50คน ส่งสายตรวจมา2คน รึรถกระบะคันนึงแต่ตำรวจมา2-3คน แล้วมันจะไปได้เรื่องอะไร เหมือนมาไล่ให้มันกระเจิงไปไวๆนั้นเอง


วันสถาปนา สถาบันนั้นๆก็สั่งหยุดเรียนไป เพราะจะมีพวกไม่เข้าเรียน ออกจากบ้านมารวมตัวล่องไปตามเส้นทางต่างๆประกาศศักดา ไอ้พวกเนี้ยดูไม่ยากเพราะมันต้องใส่ชุดสถาบันนั้นๆอยู่แล้ว แทบจะจับได้ทันที


จับตากลุ่มที่รวมตัวกัน5-10คนขึ้นไป แบบรถสายไหนมาก็ไม่ขึ้น เลิกเรียนก็ยังไม่ไปรอรวมตัว รวมถึงตามป้ายสำคัญๆที่ก่อเหตุบ่อยๆเนี้ยล่ะเป้าหมาย


ให้สถาบันเลิกเรียนห่างกันครึ่งช.ม.เป็นอย่างต่ำและต้องเคลียร์ป้ายหน้าสถาบันให้หมดก่อนสถาบันอริจะเลิก(ไล่ขึ้นรถให้หมดไม่ให้รอเป็นกลุ่มใหญ่) อีกอย่างพอคนน้อยมันไม่ค่อยจะกล้าบู้หรอกแค่5-10คนต่อคันรถที่ต้องผ่านหน้าสถาบันอริที่กำลังเลิกเรียนคนเต็มป้ายก็ไม่ไปแล้ว กลับรถแอร์หมด


ให้ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีกลม ให้หมดเหมือนกันทุกสถาบัน นอกจากจะแยกกันไม่ออกแล้วยังลดปัญหาการปะทะได้ค่อนข้างมากทีเดียว พอไม่มีเสื้อคนล่ะสี พลังมันจะลดไปเยอะ


เพียงแค่นี้ก็ลดปัญหาได้มากแล้วครับ ถ้าเราแก้ไขไม่ให้มันเลิกเรียนชนกัน ค้นอาวุธ ถ้าเหลือแต่มือปล่าวๆไอ้พวกที่อยู่บนรถเมล์จะทำอะไรได้ รถเมลฺก็ออกขวาวิ่งยาวๆไปเพราะรถเมล์มันกลัวความเสียหายที่จะเกิดขึ้นมันจึงไม่แวะเด็ดขาด ส่วนพวกที่อยู่ตามป้ายก็แค่มีสายตรวจค้นก็พอแล้ว


ปัญหาแก้ได้ แต่ไม่มีใครทำจริงจัง ตำรวจไม่ค้นมีด่านไม่ตรวจ แห่มาแต่ตอนมันตีกันแล้ว อาจาร์ยประจำสถาบันนั้นๆให้ท้าย ไปรอประกันให้ที่ส.น.หากเด็กของตนโดนจับ ทำแบบเนี้ยมันคงลดได้หรอกครับ ไม่พอบางส.น. เคยมีเหตุที่เพื่อนผมไปตะลุมบอนและยิงโดนอริสาหัส โดนจับได้ก็จริงอยู่ แต่ก็นะ ยัดเงินให้ตำรวจ5พัน ก็รอดแล้ว


แนะนำสำหรับท่านที่อยู่ฝั่งธน


เส้นเพรชเกษม เลี่ยงรถสาย81และ123 ในเวลาบ่าย2ครึ่งถึงบ่าย4โมงเย็น ช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ไว้  มีลูกหลานกลับจากร.ร.กรุณาเพิ่มงบประมาณให้สำหรับขึ้นรถแอร์ และเมื่อเห็นเด็กช่างรวมกัน ยืนห่างๆไว้ ไม่ว่าจะดูแล้วช่างหรือไม่ช่างก็เลี่ยงไว้ก่อน  เวลาขึ้นรถเมล์หากเด็กช่างขึ้นตามมาเยอะๆ ท่านจงไปอยู่ประตูหน้าหรือกลางๆรถฝั่งคนขับซะ ห้ามอยู่หลังเด็ดขาด


แนะนำหากท่านที่ลูกเรียนช่าง


หากให้ลูกท่านเรียนรอดปลอดภัยครบหลักสูตร ก็ขึ้นรถแอร์ไว้ ห้ามแวะเลิกเรียนถึงบ้านก่อน แต่ส่วนใหญ่ช่างกลนี่คนเดียวจะไม่ทำ(ยกเว้นซวยจริงๆ) เวลารอรถควรอยู่ห่างๆป้ายเช่น เอาตู้โทรศัพท์บัง หรือจุดที่มองจากถนนไม่เด่นและวิ่งขึ้นรถได้ไว  รถเมล์ที่สถาบันเดียวขึ้นเยอะๆ ห้ามขึ้นตามเด็ดขาดเพราะเวลาตำรวจมันจับ เขาไม่สนว่าลูกท่านตีหรือไม่ เขาจะเหมาหมด กรณีเลี่ยงขึ้นรถสายเดียวกันไม่ได้ ให้นั้งฝั่งคนขับ หากเลี่ยงไม่ได้นั้งฝั่งประตูห้ามเอาศอกวางบนขอบหน้าต่างเด็ดขาด(อาจจะโดนฟันได้นะคับ)


ทั้งนี้ทั้งนั้น การแก้ไขจะเกิดได้ต้องอาศัยความร่วมมือเป็นหลัก กฎหมายต้องเข้มแข็ง หากเด็กมันรู้ว่า สถาบันนี้คอยประกันตัวให้ ฝากอาวุธได้ ก็ไม่มีวันหมดไป  เด็กที่จะตีกันนั้นคือพวกที่เข้าปวช.1-2ใหม่ๆนั้นล่ะเพราะกำลังคึก ส่วนพวก ปวช.3นั้นมันจะจบแล้วส่วนใหญ่(ส่วนมาก)แทบไม่ยุ่งอีกแล้วล่ะครับ เพราะมันจะมีประวัติในการทำงาน


ที่ผมเล่ามาทั้งหมด คือสิ่งที่ผมผ่านมา โอเคยอมรับว่าเคยทำความเดือดร้อนแต่ก็วัยคนองทำไม่คิด......เลยเล่าให้ฟังว่าต้นตอและการแก้เป็นอย่างไร ในสังคมแบบนี้มีทางออกทางรอดแบบไหน คนดีมันก็เยอะที่เขาไม่รู้เรื่องต้องการจบไปหางานทำ แต่พวกทำลายมันก็มีเช่นกัน




 

Create Date : 03 กันยายน 2553   
Last Update : 3 กันยายน 2553 2:43:24 น.   
Counter : 572 Pageviews.  


เรื่องเก่าคนแก่


เรื่องเก่าของคนแก่ล่ะกัน


//www.oknation.net/blog/home/blog_data/62/7062/images/O5921841-5.jpg

นกกระยางสิ่งที่ขาดไม่ได้ครับ เป็นเพื่อนเลยล่ะเมื่อก่อนไถนาเกี่ยวข้าวจะมีพวกนี้เดินตามเสมอๆ 


จริงๆแล้วไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเรื่องว่าไรดี เผอิญปิดเทอมต้องเฝ้าบ้านเลยไม่รู้จะไปไหน ก็เดินเล่นลัดเลาะสวนริมคลอง ไปตามบ้านญาติน่ะครับ ไปหาอะไรฟังและหาผลไม้กิน


บ้านผมอยู่แถวแยกปากทางพุทธมณฑลสาย4นี่เอง เมื่อก่อนอ่ะนะ(ราวๆปี2525-31) ถนนไม่ได้กว้างขวางเหมือนสมัยนี้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ตรงแยกสาย4เนี้ยล่ะ(ขอเรียกสั้นๆนะครับ)มีตลาดเก่าอยู่ตั้งมานานประหนึ่งโอเอซิสเลยทีเดียวในระยะรัศมี10กิโลเมตร จะกินโอเลี้ยง ชาเย็น กับข้าว เอาของมาขาย ก็ต้องแบกกระติกมาที่นี่ซื้อปุ๊ปกลับมาบ้านละลายมหดกระติกก็มี บางคืนนอนอยู่บ้านลมหนาวลง(ลมเหนือ)ได้กลิ่นอาหารที่ขายในตลาดลอยมาเลยล่ะ


น้าๆป้าๆบอกว่า เมื่อก่อนเวลามีงานประจำปี(เขาเรียกสั้นๆว่างานปี)วัดไร่ขิง อยู่แถวโค้งอ้อมใหญ่(เส้นถนนเพรชเกษมพื้นที่สามพราน ถ้าปัจจุบันก็เลยบิ๊กซีอ้อมใหญ่ วัดเทียนดัดไปเล็กน้อย) นั้นล่ะมองเห็นแสงไฟบนหลังคาโบสถ์ได้เลยทีเดียว ถ้าสมัยก่อนโน๊นนนน(ราวๆปี2490น่ะครับ)คนเฒ่าคนแก่บอกว่า มีเครื่องบินปีก2ชั้น มาลงหน้าวัดเปิดให้ชาวบ้านทั่วไปได้บินกับเขาบ้างน่ะล่ะ โฉบไปๆมาๆเที่ยวล่ะ30บาท/คน ฟังเหมือนถูกแต่ข้ามต้มปลาช่อน ต้มเครื่องในวัว ราคาชามนึงยังไม่ถึง1บาทเล้ย (ถ้าสมัยนี้เอาปลาช่อน เครื่องในวัว ต้มขายคงแพงระยับ)


ในงามประจำปีสมัยก่อนไม่มีอะไรมากมาย หลักๆก็คืนไหนดีหน่อยมีวงดนตรี แต่ปกติมีงิ้ว ลิเก  งิ้วอ่ะนะเมื่อก่อนโรงงิ้วใช้ตะเกียงเจ้าพายุจุดแล้วชักขึ้นไปแขวนเหนือโรงละครก็สว่างดีไปอีกแบบ บางทีเล่นๆอยู่แมลงบินเข้าไปมากๆใส้ตะเกียงพังไฟดับก็มี พวกนี้เขาจะไปแสดงและพักกันบนเรือล่องไปตามแม่น้ำลำคลอง จริงๆแล้วในเรือเขาก็มีเครื่องปั่นไฟ ประมาณว่ารอบเครื่องมันช้ามากพอครบรอบเครื่องทีนึงก็ไฟสว่างแว่บบ้างหรี่บ้าง เลยใช้เจ้าพายุจุดแทนสว่างกว่า


แต่กว่าจะไปจะมาล่ะครับลำบากมาก เมื่อก่อนไม่มีรถเมล์เหมือนสมัยนี้เย็นๆราวๆบ่าย3โมงเนี้ย ยังเคยเห็นเดินกันเป็นกลุ่มๆเลาะริมคลองถือปิ่นโตไปกินระหว่างทางไปเที่ยวงานประจำปีเลยล่ะ ส่วนใหญ่ที่เดินออกไปเป็นกลุ่มๆก็คนบ้านเดียวกันเดินไปคุยไป สนุกดีอีกแบบครับ พองานเลิกก็เดินกลับถึงบ้านเช้ามืดยังมีเลย


 จากแยกสาย4ลงไปทางใต้ถ้าตอนนี้ก็วิ่งไปตามถนนตัดใหม่ที่ไปทางตลาดกระทุ่มแบนสมุทรสาคร  จะมีวัดใหญ่อีกวัดนึงคือวัดหนองแขม นี่ก็อีกเช่นกันไม่ไกลเท่าไรเดินไปช.ม.กว่าๆก็ถึง มีงานปีช่วงเดือน ก.พ. ลมใต้ขึ้นที โอ้โหท่านกลิ่นกล้วยทอด เสียงจากเครื่องขยายเสียงลอยมา นอนฟังแทนวิทยุเบาๆยังได้เลย เมื่อก่อนมันไม่มีอะไรบังนี่นาโล่งๆมองเห็นหลังคาโบสถ์อีกเช่นกัน ลมใต้พัดตลอดเย็นๆเวลานอนกลางคืนอ่ะครับ


จะกล่าวถึงอีกเรื่องพ่อเล่าให้ฟังว่าทางวัดหนองแขมมีเศรษฐีเก่าจะเรียกว่าไงดีล่ะ แกรวยแต่งกอ่ะครับ ทำบุญใส่บาตรพระใส่แต่หัวปลีต้มน้ำพริกทุกเช้า เพราะหลังบ้านแกมีดงกล้วย ใส่มันทุกเ้ช้าๆจนพระเซ็งไปเลย แต่ก็ต้องรับบาตรอยู่ดี


หัวปลีต้มน้ำพริกกลับมาหาแกก็เพราะว่า(ไม่ใช่โดนหลวงพ่อเครมนะ) แกไม่สลบไปประหนึ่งเจียนไปเจียนอยู่ แกฝันว่าแกเดินไปในป่าเหนื่อยมาก หิวก็หิว จนไปถึงศาลาใหญ่หลังนึงมีคนเต็มศษลาเลย พอเข้าไปมีกับข้าวอาหารจัดเป็นชุดๆใส่ถาด พอแกจะกินก็มีคนเข้ามาบอกว่า " ไม่ใช่ของยายนะ ของย้ายอยู่อีกถาด" พอแกไปอีกถาดก็ได้รับคำตอบเดียวกันจนไปๆเรื่อยๆพอถึงถาดสุดท้ายเจอหัวปลีต้มน้ำพริก ก็เล่นเอาแกสะอึกไปเลย พอแกฟื้นขึ้นมาเคยทำบุญซะเต็มที่ไปเลย (นี่ล่ะที่เขาบอกว่าทำอะไรได้อย่างนั้นและยังดีที่ได้แก้ตัว)


อีกเศรษฐีอีก1ราย นี่ก็งกไม่แพ้กันแกเป็นเจ้าของโรงงานและมีที่ในเมืองด้วย น้าที่เคยเช่าแกทำนาเอาค่าเช่านาไปส่ง นั้งคุยกันเพลินๆทางมะพร้าวตกมา เศรษฐีเก่าแกบอกว่า " ข้าได้ล่ะ 50สตางค์" ก็คือเอาไปทำไม้กวาดทางมะพร้าวนั้นเิอง แค่นั้นยังไม่จบ พอคุยได้เที่ยงๆ น้าสั่งก๋วยเตี๋ยวมากิน พอแกเห็นแกพูดว่า " ไหนๆขอข้าชิมหน่อย เกิดมายังไม่เคยกินเลยเนี้ยยย" เห้ออ อะไรจะปานนั้น


เมื่อก่อนสมัยทำนาทำสวน พื้นที่บ้านส่วนใหญ่จะมีสวนล้อมบ้านหลวมๆพอออกเขตสวนไปก็เป็นทุ่งนากว้างๆเหมือนเ้กาะกลางทุ่งนาเลยก็ว่าได้ ไอ้สวนล้อมบ้านเนี้ยนะครับแถวนี่ส่วนใหญ่มีทุกบ้าน เขาจะเรียกพื้นที่แบบนี้ว่า โคก บ้านอยู่ไกลๆกัน พอทำนาได้ก็เอาข้าวไปขายโรงสี พอขายได้ก็เข้าบ่อน กู้เงินยึดที่ดินกันไประนาวก็เล่นกู้ง่ายๆใช้ปั๊มรอยนิ้วมือ แถมดอก ทางผู้ให้ยื้มก็คิดเอง สุดท้ายไม่มีจ่ายเสียที่เสียทางกันไปบางคนเกือบ70ไร่ก็เสียไปเพราะพนันหมด ปัจจุบันระหกระเหินไม่รู้ไปอยู่ไหนกันบ้างไม่รุ

//www.showwallpaper.com/wallpaper/0812/024384.jpg

ท้องนากว้างแนวๆเนี้ย 


พอเวลาเปลี่ยนไปทุกอย่างก็เปลี่ยนตาม อย่างที่ตัวผูุ้เขียนเองเจอแน่ๆคือรอบบ้านที่เป็นสวนเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ค่อยๆล้อมรอบด้วยหมู่บ้าน กำแพงโรงงาน จนถึงปัจจุบันคลองที่ติดกับบ้านที่เมื่อก่อนมีคนพายเรือขายของประจำกลับเน่าเสีย คลองโดนถมฝังท่อแทน หญ้าขึ้นเต็มไปหมดจนมองไม่ออกว่านี่คือคลองที่เคยมีเรือแล่นไปๆมาๆ


หนทางระหว่างเพื่อนบ้านเมื่อก่อนทางไกลเป็นใกล้แต่เดี๋ยวนี้ทางใกล้เป็นไกล บ้านญาติที่เราเคยวิ่งเลาะริมคลองไม่ถึง10นาทีเดียวนี้้อ้อมเป็นกิโลๆ เห้ออ


ขอบพระคุณที่สละเวลาติดตามอ่านค้าบบ


ขอบคุณภาพสวยๆจาก



//www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=130797&stc=1&d=1214150500


//www.oknation.net/blog/home/blog_data/62/7062/images/O5921841-5.jpg
















 

Create Date : 25 ตุลาคม 2552   
Last Update : 25 ตุลาคม 2552 18:50:36 น.   
Counter : 705 Pageviews.  


คำต่างๆที่มักใช้กันในบทความเกี่ยวกับทหาร


คำต่างๆที่มักใช้กันในบทความเกี่ยวกับทหาร


หากท่านผู้ติดตามหรือพึ่้งเริ่มศึกษาก็ดี ได้อ่านบทความเกี่ยวกับทหารไม่ว่าจะในBlogของกระพ้มหรือจากเว็บอื่นก็ดีอาจจะทำให้งงหรือสงสัยกันไปตามๆกัน ในส่วนนี้ผมเองจะได้อธิบายคำส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กันว่ามันมีความหมายว่าอย่างไรกันนะครับ


อาวุธปล่อย -ในที่นี้ส่วนใหญ่หมายถึงจรวดที่ยิงสู่เป้าหมายด้วยการนำวิถี บังคับให้พุ่งชนเป้าหมายทุกประเภท


ขีปนาวุธ-จรวดขนาดใหญ่ที่ใช้ยิงโจมตีเป้าหมายทั้งแบบนำวิถีและไม่นำวิถี


อากาศ-สู่-อากาศ(Air-to-Air)-คืออาวุธปล่อยหรือจรวดนำวิถีที่ใช้จัดการเป้าหมายในห้วงอากาศเช่น เครื่องบิน จรวดที่โคจรบินอยู่ในอากาศ


อากาศ-สู่-พื้น(Air-to-surface)-คืออาวุธปล่อยไม่ว่าจะเป็นอาวุธนำวิถีหรือระเบิดไม่นำวิถีที่ทิ้งจากอากาศยานเข้าสู่เป้าหมายในทุกระยะยิง


พื้น-สู่-พื้น(surface-to-surface)-อาวุธประเภทยิงจากพื้นและโคจรเข้าหาเป้าหมายที่อยู่บนภาคพื้นไม่ว่าจะฐานกองกำลังข้าศึกหรือเป้าหมายประเภทยานรบเช่นรถถัง เรือรบ ในทุกระยะยิงซึ่งรวมทั้งจรวดนำวิถีและไม่นำวิถี นอกจากนั้นยังมีปืนใหญ่ด้วย


พื้น-สู่-อากาศ(surface-to-air)-อาวุธปล่อยประเภทจรวดนำวิถี ปืนกล ที่ใช้ยิงเป้าหมายในอากาศเช่นเครื่องบินรบเป็นต้น


ระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS-Close-in weapon system)-คือระบบปืนกล/จรวดนำวิถี ที่ใช้ยิงสกัดกั้นป้องกันเป้าหมายที่พุ่งมายังฐานซึ่งนิยมติดตั้งบนเรือรบเพื่อใช้ยิงสกัดกั้นอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีเรือรบที่ตรวจจับได้ยาก มีความเร็วสูง


เครื่องบินขับไล่สกัดกั้น-เรียกย่อว่า บ.ข.คือเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพในการสู้รบทางอากาศกับเครื่องบินรบข้าศึกเป็นหลักติดตั้งเรดาห์และอาวุธปล่อยทำลายอากาศยานประสิทธิภาพสูง รวมถึงมีสมรรถนะทางการบินในอากาศดีเยี่ยมและไม่ติดตั้งอาวุธโจมตีภาคพื้นดินหรือติดตั้งได้แต่ระเบิดธรรมดา พิสัยบินสั้น


เครื่องบินขับไล่/โจมตี-เรียกย่อว่า บ.ข.คือเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพทั้งขับไล่ทางอากาศและโจมตีภาคพื้นได้ดีซึ่งเรียกอีกอย่างนึงว่ามัลติโรว(multirole)ติดตั้งอาวุธได้เยอะหลายแบบทั้งนำวิถีและไม่นำวิถีใช้ในภารกิจโจมตีขับไล่ผสมกัน พิสัยบินไกล


เครื่องบินโจมตี-เรียกว่าบ.จ.คือเครื่องบินที่ติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีและไม่นำวิถีได้ปริมาณมากหลักๆเน้นโจมตีภาคพื้นดินต่อเป้าหมายทั่วไปและเป้าหมายที่ต้องการความแม่นยำสูงทั้งเป้านิ่งและเคลื่อนที่ บินได้นานมีความทนทานต่อการยิงด้วยปตอ.(ปืนต่อสู็อากาศยาน)ได้ดี บางรุ่นสามารถใช้รบกับเครื่องบินข้าศึกได้ด้วย


เครื่องบินลำเลียง-บ.ล.


ฮ.-เฮลิคอปเตอร์


ฮ.จ.-เฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ ไม่สามารถลำเลียงพลหรือสิ่งของได้


สนับสนุนการโจมตีโดยใกล้ชิด-คืออากาศยานที่ติดอาวุธโจมตีภาคพื้นสนับสนุนแนวหน้าในการโจมตีได้ดีและบินโจมตีได้ยาวนาน


ปกร.-ปืนใหญ่ขนาดกลางกระัสุนวิถีราบ ลำกล้อง130-155ม.ม.


ปกค.-ปืนใหญ่ขนาดกลางกระสุนวิถีโค้ง ลำกล้อง130-155ม.ม.


ปืนค.-เครื่องยิงลูกระเบิดหรือปืนครกนั้นเอง


เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์-ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยบินไกล ติดตั้งทั้งจรวดนำวิถีและระเบิดนำวิถีและไม่นำวิถีได้จำนวนมากๆเพื่อโจมตีเป้าหมายสำคัญในระยะไกล


เป้าลวง-คือระบบสร้างเป้าหมายปลอมหรือลวงสิ่งที่มาทำลายเป้าหมายเช่น การทำให้คลื่นเรดาห์สับสนหาเป้าหมายที่แท้จริงไม่เจอ การหลอกให้อุปกรณ์ค้นหาติดตามเป้าหมายปลอมไปแทนเป้าหมายจริง


ชาร์ฟ-คือเป้าลวงสัญญาณเรดาห์โดยอธิบายง่ายๆว่า ใช้หลักการยิงลูกระเบิดที่ภายในบรรจุกระจกฉาบผิวอลูมิเนียมเล็กมากมายให้ระเบิดกระจายกลางอากาศเพื่อทำให้สัญญาณเรดาห์ที่แพร่มากระทบจนเกิดการสับสนทางสัญญาณไม่สามารถนำทางหาเป้าหมายที่เป็นจริงได้และพลาดเป้าในที่สุด


แฟร์-เป้าลวงความร้อนที่ยิงคล้ายๆพลุความร้อนสูงเพื่อให้อาวุธปล่อยที่นำวิถีโดยหัวรบอินฟาเรด(ติดตามเป้าหมายด้วยความร้อน)วิ่งตามลูกไฟเหล่านั้นไปแทนจะวิ่งหาเป้าหมายที่แท้จริง


อาวุธปล่อยประทับบ่า(MANPAD)-จรวดนำวิถีต่อต้านอากาศยานประทับบ่าพลยิง


บ.ล.-เครื่องบินลำเลียง


















 

Create Date : 19 ตุลาคม 2552   
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 19:30:17 น.   
Counter : 636 Pageviews.  


ชื่อปืนใหญ่สมัยก่อน ดุสมชื่อ ?


นำรายชื่อ ปืนใหญ่สมัยกรุงศรีฯ โน้นเลยมาให้อ่านกันครับ(ไม่รู้ว่าเคยอ่านเคยทราบกันมาบ้างแล้วรึยัง) ซึ่งแต่ล่ะชื่อนั้นเรียกได้ว่า ดุ รุนแรง น่าเกรงขามสมชื่อ (ประมาณฟังชื่อแล้วอำนาจทำลายล้างระเบิดนิวเคลียร์ก็ไม่ปาน) โดยมีรายชื่อดังนี้



ขอมดำดิน จีนสาวไส้ ไทยใหญ่แล่นหน้า
ชวารำกฤช มุหงิดทะลวงฟัน มักสันแหกค่าย
ฝรั่งรายปืนแม่น แมนแทงทวน ญวนง่าง้าว
ลาวตีคลี พลีอารักห์ ยักธินีใจหาญ
มหากาลพิฆาต พรหมาสูตรปราบมาร จักรวาลหล่อสม
ลมประไลยกัลป์ คนธรรม์แผลงฤทธิ์ พระอาทิตย์แสงกลำ
มหาจักรกลด บรรพตบดสัตว์ สุรพัดผ่าพล
นิลนนท์แทงแขน สุรเสนแสนหาญ สุรกานแสนแกล้ว
พลายแก้วแกว่งดาบ ไมยราพณ์ฟาดรถ องคตโจมฟัน
บ้องตันหักกคอเสือ ผีเสื้อสูบเลือด ปีศาจเชือดฉีกกิน
พระอินทร์ขว้างจักร พระเพลิงแผ้วราตรี ธรณีไหว
ไฟมหากาฬ มารระบิล ศิลปนารายณ์
สายอลนี อินทรีย์กลืนช้าง มาลีค้างกองกูณฑ์
รามสูรขว้างขวาน ยมบาลจับสัตว์ นิลพัทแปลงกาย
ลอยชายเข้าวัง กำลังเพชหึง ต รึงบาดาล
มารประไล ไตรภพพ่าย นารายณ์สังหาร
ชมพูพาลแผลงฤทธิ์ อินทรชิตสาดศร พญาจรคอนรัง
กำลังอวตาล พญาสารหักค่าย เสือร้ายเผ่นทะยาน
ราชสีห์ผลาญสัตว์ พระพายนัดล้างทวีป สุครีพหักฉัตร
หนุมารตัดเศียรไมยราพณ์ พระอิศวรปราบจักรวาฬ พระกาลผลาญโลก
โมกขศักดิ์ ปรปักษ์เป็นจุณ พระพิรุณแสนห่า
พลิกพสุธาหงาย อสุรกายจับฟาด กวาดพสุธา
ฟ้าฟาดสาด นาคราชปรายฬิท พระอาทิตย์เจ็ดดวง
ราหูทะลวงขว้างจักร หักเมืองมาร บาดารถล่ม
สมไกรลาส มัจจุราชสังหาร อวตาลผลาญราพณ์
ปราบพระนคร ดอนพระสุเมรุ พญาตานี
มหาฤกษ์ มหาไชย มหาจักร
มหาปราบ แก้วมลายู คู่เมืองชวา
มังกรใจกล้า เหราใจร้าย ปราบอังวะ
ชนะหงสา นารายณ์ปราบยุค รักษาพระศาสนา สัมมาทิษฐิ


//www.navy.mi.th/marines/wwwroot/oldbgun.asp






 

Create Date : 30 สิงหาคม 2552   
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 20:10:51 น.   
Counter : 1723 Pageviews.  


1  2  

ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






" ผมไม่ได้บ้าฝรั่ง แต่ผมชอบในความมีอารยะของเขา แต่ฝรั่งเลวๆผมก็เกลียดเป็นเท่าตัวเหมือนกัน "



New Comments
[Add ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com