RBS-23 แบมเช่ อีกหนึ่งของดีจากสวีเดน
RBS-23 แบมเช่
RBS-23 แบมเช่ นับว่าเป็นหนึ่งของดีจากสวีเดนอีกรุ่นนึง เป็นระบบป้องกันทางอากาศพิสัยใกล้ที่มีขีดความสามารถสูงทำลายเป้าหมายทุกชนิดที่บินได้ตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง เป้าหมายทุกประเภทตั้งแต่อากาศยาน จนถึงเป้าหมายที่จัดการยากอย่างระเบิดนำวิถี ขีปนาวุธร่อน(จำพวกโทมาฮอค) อากาศยานไร้นักบินUAV ใช้ป้องกันเป้าหมายที่มีความสำคัญเช่น กองบัญชาการ สนามบิน ในรัศมีทำการที่20ก.ม.+ ด้านนึงที่น่าสนใจสำหรับบ้านเราที่หันมาใช้อาวุธจากสวีเดน ซึ่งหากดูการวางโครงสร้างการป้องกันภัยทางอากาศแล้ว แบมเช่ เหมาะที่จะนำมาใช้งานได้ดีด้านนึง เพราะเป็นการวางโครงข่ายข้อมูลเชื่อมโยงระหว่างเหล่าทัพคือ เชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศแบบอิริอาย-กริฟเพ้น-แบมเช่+ปตอ. โดยทั้งหมดผ่านการจัดลำดับเป้าหมายที่สวีเดนเรียกว่า STRIC ซึ่งรวมข้อมูลเป็นศูนย์กลางก่อนส่งข้อมูลเข้าสู่หน่วยต่างๆเพื่อทำการประมวลผลและวางแผน ลำดับเป้าหมายในขั้นต่อไป ซึ่งโยงเป้าหมายได้ทั้ง3เหล่า เหมาะแก่บ้านเราที่เน้นData link อย่างมาก ที่ผมได้กล่าวข้างต้นว่า มันดีด้านนึงคือขีดความสามารถในการจัดการเป้าหมายในระยะยิงสูง แต่ระยะยิงมันใกล้หากเทียบกับระยะทำการของอาวุธที่มากับยานนำปล่อย ซึ่งอาจจะไม่สามารถทำลายอากาศยานให้เสียหายได้ ได้แค่รอทำลายอาวุธที่ถูกยิงเข้ามา เนื่องจากในการต่อต้านพิสัยไกลนั้นจะให้อากาศยาน(บ.ข.)เข้าทำการต่อตีก่อนจะฝ่ามาถึง แบมเช่ ในการป้องกันขั้นสุดท้าย สำหรับบ้านเรานั้นการป้องกันทางอากาศ เราเองไม่มีแซมที่เรียกได้ว่าขีดความสามารถสูงใช้งาน ส่วนใหญ่ก็เก่าและรอปลดประจำการ ที่เหลือใช้ได้คือแซมที่ยิงในระยะสายตาหรือระยะใกล้นั้นเองเพราะต้องทำการยิงด้วยพลยิง และไม่มีขีดความสามารถในการต่อต้านเป้าหมายจำพวกระเบิดนำวิถี ขีปนาวุธร่อน ซึ่งหากจัดหา แบมเช่เข้าประจำการ ก็เหมือนวางระบบต่อต้านอากาศยานใหม่นั้นเอง มาดูกันว่า แบมเช่ เป็นมาอย่างไร แบมเช่นั้นถูกพัฒนาในช่วงทศวรรษ1993เป็นต้นมา ซึ่งถือว่าเป็นระบบที่ค่อนข้างใหม่และถูกพัฒนาให้ตามทันเทคโนโลยีในยุคนี้ รวมถึงมีการปรับปรุงเรื่อยมากว่าจะเข้าประจำการก็ปี2008พอดี โดยแผนพัฒนาเป็นไปตามที่กองทัพสวีเดนเสนอในราวปี1993 บริษัทที่รับไปพัฒนาในตอนนั้นคือ โบฟอส(ต่อมาเป็น ซาบ-โบฟอส)และอิริคสัน ได้รับสัญญาการผลิตในปี2000 ก่อนจะถูกทดสอบและบรรจุเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี2008 ระบบแบมเช่ ถูกพัฒนาให้สามารถปฏิบัติการได้ในทุกสภาวะอากาศ สงครามอิเล็คทรอนิค ตัวจรวดสามารถต่อตีเป้าหมายเมื่ออยู่เกินขอบเขตได้ ซึ่งเรดาห์จะเกาะติดเป้าหมายก่อนเข้าระยะทำการยิงของจรวด โดยการทำงานของ1ชุดยิงจะประกอบด้วย รถเรดาห์ตรวจอากาศค้นหาเกาะติดเป้าหมาย-เชื่อมโยงข้อมูล ฐานควบคุมและยิงจรวด ระบบเรดาห์และควบคุมการยิง 1ชุดยิงประกอบด้วย หนึ่งหน่วยเฝ้าระวังค้นหาแจ้งเตือนทางอากาศ Surveillance Co-ordination Center (SCC)เชื่อมโยง2-4หน่วยควบคุมการยิงMissile Control Centers (MCC) ซึ่งหน่วยควบคุมการยิงสามารถเคลื่อนที่ไปวางกำลังที่จุดใดก็ได้ ห่างจากจุดเฝ้าระวัง โดยเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบData link ในขณะที่ฐานควบคุมการยิงนั้นสามารถต่อตีเป้าหมายเฉพาะหน้าในกรณีระบบเชื่อมโยงข้อมูลจากเรดาห์เฝ้าระวังเสียหายด้วย กล้องจับภาพความร้อน จึงทำให้มีระยะยิงครอบคลุมพื้นที่กว้างมากเลยทีเดียว จิราฟAMB 3D radar เรดาห์เฝ้าระวังค้นหาเป้าหมายนั้นใช้เรดาห์ 3มิติ ของอิริคสัน จิราฟAMB (Agile Multi - Beam) 3D radarความถี่5.40GHz-5.90GHz มุมค้นหา70องศา อัพเดทเป้าหมายทุก1วินาที ติดตั้งบนรถบรรทุกใช้พลประจำควบคุม1-2นาย สามารถทำการรบภายใต้สภาวะ นคช.ได้ เรดาห์คลื่นความถี่ ซีและจี แบนด์ ระยะค้นหาไกลมากสุดถึง100ก.ม.และ60/30ก.ม.ตามลำดับ ตามแต่ขนาดประเภทของเป้าหมาย ความสูงของเป้าหมาย2หมื่นเมตร โดยเรดาห์ติดตั้งบนเสาที่ยืดหด ในความสูง8-12เมตร ตามแต่สภาพภูมิประเทศเพื่อความสามารถในการตรวจจับเป้าหมายในทุกระดับความสูง ติดตั้งระบบพิสูจน์ฝ่ายหรือIFF โดยมันยังเป็นเรดาห์ทวิบทบาทสามารถเกาะติดเป้าหมาย สั่งการ ประเมินภัยคุกคาม เชื่อมโยงข้อมูลกับอากาศยานหน่วยอื่น สามารถวางการเชื่อมโยงผ่านสายเคเบิล ใยแก้วนำแสงและคลื่นวิทยุในรัศมี20ก.ม. มีโปรแกรมวางแผนในการซ้อมรบเพื่อฝึกอบรมภายในตัวด้วย ศูนย์ควบคุมการยิงMissile Control Centers (MCC) ศูนย์ควบคุมการยิงMissile Control Centers (MCC) สามารถสั่งการยิงจรวดได้ด้วยการนำวิถีผ่านเรดาห์และกล้องจับภาพความร้อนในกรณีปิดเรดาห์เพื่อป้องกันการตรวจพบจากข้าศึก แท่นยิงประกอบด้วยเรดาห์และจรวดพร้อมยิง6นัด สามารถพร้อมยิงในระยะเวลา10นาที ใช้พลควบคุม1-2นาย คอมพิวเตอร์ควบคุม2เครื่อง ศูนย์ควบคุมการยิงจะเชื่อมโยงข้อมูลผ่านศูนย์เฝ้าระวังด้วยคลื่นวิทยุและสายเคเบิล ในระยะไม่เกิน20ก.ม. โดยในกองทัพสวีเดนใช้วิทยุทางยุทธวิธีแบบTS-9000 เรดาห์ควบคุมการยิงความถี่ เคแบนด์ ความถี่ที่34-35GHz เป็นเรดาห์ควบคุมการยิงแบบ อิเกิล พัฒนาโดยอิริคสัน ติดตั้งบนเสาสูง8เมตร ติดตั้งระบบเซนเซอร์อากาศ ระบบพิสูจน์ทราบเป้าหมาย และกล้องจับภาพความร้อน โดยจะใช้ในการเกาะติดค้นหาเป้าหมายที่บินมาในระดับต่ำด้วย โดยสามารถปรับปรุงข้อมูลเป้าหมายได้ตลอดเวลา โดยมีระยะค้นหาไกล30ก.ม. ตัวจรวด สามารถสร้างอัตราเร่งให้ตัวเองและรักษาความเร็วได้ดี โดยจะรักษาความเสถียรของตัวจรวดไปในระยะเวลาสูงสุด เนื่องจากไม่ได้ใช้เชื้อเพลงแข็งแต่เป็นบูชเตอร์-แรมเจ็ท หัวรบระเบิดแรงสูงติดตั้งชวนกระทบแตกและเฉียดระเบิด ระยะยิงมากกว่า15ก.ม. ความสูง15000เมตร ควบคุมการยิงด้วยคลื่นเรดาห์ โดยจรวดพร้อมยิง4นัด สามารถโหลดจรวดใหม่ใช้เวลาน้อยกว่า4นาที ภาพรวม แบมเช่ถือว่ามีขีดความสามารถสูงมากรุ่นนึงในกลุ่มนาโต้ ข้อคือการประสานข้อมูลเป้าหมายแบบเรียลไทม์ ระหว่าง3เหล่าทัพ อีกทั้งมีการประมวลและวิเคราะห์เป้าหมายที่ละเอียดสูงเพื่อการจัดการเป้าหมายให้ได้ทุกประเภท เพียงแต่ระยะยิงของลูกจรวดมันใกล้เท่านั้นเอง แต่ก็น่าสนใจสำหรับกองทัพไทยเพราะเราเองใช้ระบบโครงข่ายเฝ้าระวังใกล้เคียงสวีเดนน่ะครับ
Create Date : 12 มีนาคม 2554 |
| |
|
Last Update : 12 มีนาคม 2554 17:22:11 น. |
| |
Counter : 2635 Pageviews. |
| |
|
|