ต้อนรับสู่โลก ของสาวนักเดินทาง โลกของสาวตัวกลม หัวใจไทย ^_^
~*~ คนเดียว ตะลุยเดี่ยว เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ (การเตรียมตัวเดินทางไกลแบบตัวคนเดียว) ~*~

การเดินทางคราวนี้ เกิดจากการตั้งใจไปเก็บภาพความฝันที่เห็นในนิตยสารฉบับหนึ่ง แล้วบอกตัวเองว่า สักวัน....ฉันจะต้องไปเก็บภาพนี้ด้วยตัวเองให้ได้ ไม่ว่าอะไร ก็มารั้งไม่อยู่.... และก็ได้ทำความฝันให้เป็นจริง แต่ภาพฝันนั้นจะสามารถนำมาฝากเพื่อนๆ ได้ไหม ต้องติดตามแล้วล่ะค่ะ^^



แม้ว่าการเดินทางเก็บภาพฝันคราวนี้ มีเพื่อนเดินทางเป็นกล้องตัวโปรด พร้อมน้องใหม่ตัวเล็กๆ ขาดเพื่อนคู่ใจที่ลุยด้วยกันบ่อยๆ แต่ก็รู้ว่าทุกรอยยิ้ม ทุกเสียงหัวเราะระหว่างทาง คือ ภาพความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นได้ตลอดการเดินทาง เป็นความสุขที่เก็บเกี่ยวได้....ของหนึ่ง....



จริงๆ ตามแผนที่หนึ่งวางไว้ ปีนี้ หนึ่งต้องไปลั้นลาที่ ทุ่งลาเวนเดอร์ ณ เกาะฮอกไกโดค่ะ แต่... อย่างที่เพื่อนๆ รู้....ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดนซามูไรของหนึ่ง แผน 1 จึงต้องล้มเลิก และขยับแผน 2 ที่ตั้งใจจะไปปีหน้า มาเป็นปีนี้แทน มีเวลาหาข้อมูลและเตรียมตัว ไม่ถึง 3 เดือน เงินก็ต้องประหยัดสุดๆ เพราะใช้ตังเยอะกว่าญี่ปุ่นเกือบเท่าตัว แต่ในเมื่อหัวใจไฮโซ มันบอกถ้าไม่ได้ไปญี่ปุ่น ก็ตอง สวิส เท่านั้น เพราะอยากไปนั่งเล่นริมทะเลสาบสีคราม เดินป่าในหุบเขาสีเชียวขจี รายล้อมด้วยดอกไม้ป่านานาชนิด สะกิดใจหนึ่งเหลือเกิน หน้าที่ของหนึ่งคือทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เรียกว่าเตรียมตัวในระยะเวลาสั้นมาก หนักยิ่งกว่าสอบเอนทรานซ์ (เว่อร์ไปไหมอ่ะ) เพียงแต่ไม่เครียดเท่า เพราะเตรียมตัวไป แอบมีความสุขไป อดข้าวไป ก็อิ่มใจไป อิอิ ฝันไปตลอดว่าเจอภาพแบบนี้จะถ่ายรูปยังไง เจอมุมนี้ จะเม้ากับเพื่อนๆ ยังไง เป็นความเหนื่อยบนความสุขสุดๆ ยอมค่า^^



โดยแผนการเดินทางคราวนี้ เน้นการเดินพักผ่อนค่ะ ไม่จัดหนัก ไม่อัดการเดินทางและที่สำคัญไม่รีบ พอใจอยู่นาน ก็อยู่ เบื่อก็เปลี่ยนที่ใหม่ แต่ละวันแผนการเดินทางเปลี่ยนแปลงตามความพอใจ และสภาพอากาศที่ดูจะเป็นใจซะเหลือเกิน อิอิ คือสรุปแผนการเดินทางจะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เจอตรงหน้า แก้ปัญหาและลุยกันวันต่อวัน.... มีแน่นอนแค่เรื่องที่พักที่จองไว้กับเวลามาขึ้นรถไฟที่ต้องตรงเวลา มิเช่นนั้นอาจตกรถไฟได้ แต่ก็ยังไม่วาย ลงเลยป้าย ขี้นขบวนผิด เสียเวลาไปได้ซะหลายครั้ง... ตอนแรกก็เบื่อตัวเอง แต่พอลองนั่งคุยกับตัวเองจริงๆ ก็ยิ้มได้ค่ะ ก็ฉันไม่เคยมานี่นาจะรู้ได้ไงล่ะ ว่ามีงี้ด้วยอ่ะ จบกัน ฮาไป ขำได้ ดีๆ นั่งชมวิว สวยดีเหมือนกัน^___^



การเดินทางคราวนี้ ไม่ได้สวยหรู อย่างที่หลายๆ คนจินตนาการนะค๊ะ เพราะคือการเดินทางมายุโรปครั้งแรกในชีวิต การเดินทางไม่มีกลีบกุหลาบโปรยต้อนรับ หลายครั้ง โดนหนามแหลมทิ่มค่ะ เหนื่อย ท้อ น้ำตาซึมก็มี (โห...ดราม่าสุดๆ แต่เสียดายขาดพระเอกซับน้ำตา เลยต้องซับด้วยตัวเอง...แมนจริงๆ 555) แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยตัวเองจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อวันที่เดินทางถึงบ้านเกิด หันมองย้อนกลับไปยังช่วงเวลา 10 กว่าวันที่ใช้ชีวิตต่างแดนคนเดียว เราสามารถจริงๆ เหรอเนี่ย...สวดยอด แม้จะเจออุปสรรคอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่เคยคิดยอมแพ้ บอกกับตัวเองว่าอีกนิดๆ แล้วสุดท้ายก็มีกุหลาบสวยๆ รอไว้ให้ชื่นชมจริงๆที่ปลายทาง.... แม้บางครั้งจะต้องชมความงามของเธอกลางสายฝน... แต่ก็ยังอยากชมความงามของดินแดนในฝันแห่งนี้อยู่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าการเดินทางคราวนี้ไม่มีพยายามและอดทนของตัวเองกับแต่ละปัญหาที่เจอในแต่ละวัน คงไม่บรรลุความตั้งใจในแต่ละปลายทางที่ปักหมุดไว้อย่างใจแน่นอนค่ะ



ต้องบอกว่าการเดินทางคราวนี้ สอนให้หนึ่งเรียนรู้หลายอย่าง เป็นบทเรียนที่มีค่า และที่สำคัญ ทำให้หนึ่งรักบ้านเกิดอย่างเมืองไทยมากขึ้นอีกเป็นกองเลยค่ะ จะมีอะไรที่ทำให้รับบ้านเกิดเพิ่มขึ้นต้องตามกันในการผจญภัยก้าวต่อๆ ไปนะค๊ะ

นอกจากนี้ยังได้รับมิตรภาพดีๆ ที่ได้จากเพื่อนๆ ระหว่างการเดินทาง ยิ่งรู้ว่าเราเป็นคนไทยยิ่งอยากคุย และทุกคนที่มีโอกาสได้พูดคุยกัน มีทั้งเคยมาเมืองไทยและชอบเมืองไทยมาก รวมทั้งอยากมามากๆ เหมือนกัน ดังนั้นจึงเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมุลการติดต่อระหว่างกันไว้ เผื่อในอนาคตหนึ่งจะได้ต้อนรับพวกเค้ามาเยือนบ้านเราซักครั้ง เป็นการตอบแทนความน่ารักของชาวสวิสที่ให้การต้อนรับสาวไทยบ้าบิ่นอย่างหนึ่ง^^



ความน่ารักและมีน้ำใจของ สวิสเป็นสิ่งที่หนึ่งได้รับทุกวัน บางคนให้มาแค่คำขอร้อง แค่การตอบจากการถาม แต่บางคนทำให้มากกว่าคำขอร้อง ทำให้ด้วยใจจริงๆ จนทำให้หนึ่งอยากจะทำอะไรให้มากกว่าขอบคุณจริงๆ เป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดหวังแต่กลับได้มา ทำให้สวิสยิ่งสวยงามในความคิดหนึ่งมากกว่าเดิมอีก.... ต้องตามกันไปเรื่อยๆ นะค๊ะ ว่ามีอะไรที่หนึ่งประทับใจในดินแดนแห่งนี้บ้าง.... เกริ่นไว้ให้ตามเป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ นะค๊ะ สำหรับบันทึกการผจญภัย ณ ดินแดนแห่งขุนเขาและทะเลสาบที่สวยงามแห่งนี้...




ก้าวแรกของบันทึกฉบับนี้ขอเล่าเรื่องการเตรียมตัวสำหรับคนที่จะเดินทางไปครั้งแรกแบบหนึ่งและเป็นการลุยเอง และที่สำคัญ เป็นการเดินทางไกลที่สุด ครั้งแรกและคนเดียวซะด้วย อารมณ์ศิลปินมาก... แต่ลึกๆ ก็มั่นใจค่ะ ว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งๆ ที่ตอนแรกมีแผนแอบคิดจะซื้อทัวร์ แต่พออ่านโปรแกรมทัวร์หลายๆ ที่ โดนบีบด้วยเวลาและสถานที่ บางแห่งก็ไม่อยากไป เรื่องอะไรจะเอาตังไปทิ้ง....ถ้าการเดินทางนั้นไม่เป็นไปตามความต้องการของหัวใจ จะจ่ายเงินทั้งทีขอมีความสุขกับการเสียตังดีกว่า เพราะเรามีประสบการณ์การเดินทางแบบ backpack มาพอสมควร ทั้งเมืองไทยและประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง... ดังนั้น การเดินทางตัวคนเดียว พร้อมหัวใจสู้เต็มร้อยของหญิงไทยอย่างหนึ่งจึงบังเกิด ตามไปดูกันค่ะ ว่าหนึ่งเตรียมตัวยังไงบ้างกันบ้าง....

ได้ข้อมูลมาบางส่วนจากเพื่อนๆ ในห้อง BP ก็จดบ้าง save ไว้บ้าง แต่ไม่เยอะมากค่ะ เพราะ กะว่าจะไปปีหน้าอย่างที่บอก เลยต้องเจอกับหลายๆ ปัญหา เพราะเรามีข้อมูลเกี่ยวกับสวิสน้อยมากกกกกกกกกกก... ก็โชคดีอยู่บ้างที่ซื้อหนังสือท่องเที่ยวเกี่ยวกับสวิสเก็บไว้เยอะ กะไว้อ่านปลายๆ ปี สุดท้ายต้องเป็นหลักสูตรเร่งรัดของปีนี้ซะเลยแล้วก็อ่านเจอข้อมูลของเพื่อนๆ ที่เคยไปในห้อง BP ด้วยค่ะ ขอบคุณ รีวิวข้อมูลสวิสที่เป็นประโยชน์ของเพื่อนๆ หลายๆ คน นะค๊ะ






1. การขอวีซ่า
เป็นการลุ้นระทึกมากค่ะ ว่าจะผ่านหรือเปล่า การเตรียมเอกสาร ต้องรอบคอบๆ มาก เพราะได้ข้อมูลมากจาก คุณเอ Mr.Mangosteen ว่าที่นี่โหดเรื่องเอกสารมาก จนต้องหนีไปขอวีซ่าที่สถานทูตฝรั่งเศสแทน เพราะฉะนั้นยิ่งต้องรอบคอบเป็น 10 เท่าเลยค่ะ website ของสถานทูตนะค๊ะ เป็นภาษาอังกฤษในเรื่องการเตรียมเอกสาร

//www.eda.admin.ch/eda/en/home/reps/asia/vtha/ref_visinf/vistha.html

สามารถขอวีซ่าล่วงหน้าได้ 90 วันก่อนการเดินทาง และที่สำคัญต้องจองคิวล่วงหน้าในการไปขอวีซ่านะค๊ะ ที่เบอร์ 1-900- 222- 340 นาทีละ 9 บาท จะมีบริการส่งหมายเลข ref และเวลาในการขอวีซ่าผ่านทาง SMS ข้อความละ 6 บาทค่ะ ข้อมูลบางส่วนต้องขอบคุณจุ๋ม (กินอะไรก็ไม่อร่อย) มากค่ะ ที่แวะมาไขข้อข้องใจสำหรับข้อมูลเรื่องการเตรียมตัวแบบกระจ่างมาก ค่าสมัครวีซ่า ช่วงที่หนึ่งไปอยู่ที่ 2,400 บาท ค่ะ เตรียมไปให้พอดีนะค๊ะ เพราะไม่มีการทอนเงิน ส่วนเอกสารที่ต้องเตรียมไปค่ะ


- แบบฟอร์มการขอวีซ่า
- ภาพถ่ายสี ขนาดประมาณ 2 นิ้ว ฉากหลังสีอ่อน และที่สำคัญ เน้นใบหน้าเป็นหลักประมาณ 80% ของภาพ
- พาสปอร์ต ที่มีอายุเหลือมากกว่า 3 เดือนหลังจากกลับจากสวิสเซอร์แลนด์
- สำเนา passport และตัวจริง
- สำเนาการจองตั๋วเครื่องบิน ยังไม่ต้องออกตั๋วจนกว่าจะได้วีซ่านะค๊ะ
- สำเนาการจองห้องพักที่ได้รับการยืนยันแล้วทุกวันที่พำนักที่สวิสเซอร์แลนด์
- ประกันสุขภาพค่ะ ต้องเลือกบริษัทที่ได้กำหนดไว้จากสถานทูต วงเงินประกันภัย ขั้นต่ำ 1,500,000 บาท (แนะนำให้ซื้อประกันเพิ่มนอกจากสุขภาพและประกันชีวิตค่ะ ครอบคลุมทั้งสิ่งของหาย การดีเลย์ของเครื่องบิน หรือ ภัยอันอาจเกิดจากภัยธรรมชาติ รวมไปถึงกระเป๋าเดินทางดีเลย์ค่ะ บางคนอาจมองว่าไม่จำเป็น แต่หนึ่งมองว่าถ้าเกิดปัญหาขี้นกับเรา จะได้ไม่ต้องเสียตังมากไปกว่า 1000 บาท จากเบี้ยประกัน ต้องขอบคุณ คุณ Miojung ที่เคยแนะนำไว้ค่ะ เห็นด้วย เพราะคราวนี้ลุยเอง เลยทำแบบนี้ไป เป็นการไม่ประมาท เบี้ยรวมทั้งหมดประมาณ 2,000 บาทค่ะ) อีกนิดค่ะ การทำประกัน ให้ระบุปลายทางว่าเป็น กรุงเทพ-เชงเก้น นะค๊ะ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา หนึ่งเคยอ่านเจอกระทู้เพื่อนๆ ใน BP เตือนเรื่องนี้ไว้...
- หนังสือรับรองการทำงาน และควรระบุวันที่เราลาพักร้อนทั้งหมดไว้ด้วยนะค๊ะ
- สมุดบัญชีเงินฝากตัวจริงและสำเนาบัญชีแสดงสถานะทางการเงินย้อนหลัง 6 เดือน
- กำหนดการเดินทางอย่างละเอียดค่ะ ช่วยให้การพิจารณาทำได้ง่ายขึ้น เพราะเราเตรียมข้อมูลมาอย่างดี
- ทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน ติดไปด้วยก็ได้ค่ะ หนึ่งก็แนบไป และทางสถานทูตก็ไม่คืนมาค่ะ


เอกสารทุกอย่างทำสำเนาและนำตัวจริงไปด้วยนะค๊ะ

//www.eda.admin.ch/etc/medialib/downloads/edactr/tha.Par.0272.File.tmp/visa%20tourism%20(e)%20Schengen_2.pdf

สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ได้วีซ่ามานอนกอดล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน สบายใจ…. เพราะการเตรียมเอกสารที่รอบคอบสุดๆ ของตัวเอง เนี่ยแหละค่ะ (แอบชมตัวเอง นิดนึง^^)



2. การจองตั๋วเครื่องบิน

แนะนำว่าควรหาโปรฯ ล่วงหน้าก่อนการเดินทางนานนิดนึงค่ะ เราจะได้ ตั๋วราคาไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับการจองใกล้ๆ เวลาเดินทาง ที่สำคัญ อาจจะเต็ม เพราะ agent จะ rebook ตั๋วให้ใหม่ก่อนออกตั๋วให้หนึ่งก็เจอเต็มแบบปิดการจองล่วงหน้า เกือบ 2 เดือน... คราวนี้ไม่ได้ไปสายการบินที่บินตรง อย่าง การบินไทย หรือ Swiss Air ค่ะ เสียดายส่วนต่างค่าตั๋ว เอาไปเป็นค่าห้องพักดีกว่า แล้วที่สำคัญก็ถึงที่สวิสช่วงเช้าเหมือนกัน หนึ่งเลือกจบที่ Etihad Airways ค่ะ ไปเปลี่ยนเครื่อง ที่ อาบู ดาบี รอประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

3. การจองห้องพัก
คราวนี้เลือกการจองผ่าน //www.booking.com สะดวกเร็วแล้วก็มีรีวิวโรงแรมให้อย่างละเอียด ไม่คิดค่าบริการซะด้วย คราวหน้าต้องใช้บริการอีกค่ะ ส่วนใหญ่รอบนี้ หนึ่งเลือก โรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟค่ะ มีบ้างที่ไปนอนริมทะเลสาบ หรือในเมืองที่ไกลสถานีรถไฟ การจองที่พักหนึ่งก็จองล่วงหน้าไว้เกือบ สองเดือนค่ะ แล้วค่อยมาปรับเปลี่ยนอีกทีใกล้ๆ แต่จองเว้นวรรคนานๆ ก็ได้ราคาถูกลงด้วยค่ะ

อ้อ.. เกือบลืมค่ะ การจอง ร.ร. หนึ่งจะได้เก็บ email ของแต่ละโรงแรมไว้ค่ะ ก็เมล์หา เพื่อขอพิกัด ว่าจุดที่โรงแรม แต่ละแห่งตั้งอยู่ เดินทางไปอย่างไร หลังจากได้คำตอบก็มาสรุป การเดินทางแต่โรงแรม รวมกันให้ง่ายในการเดินทางเก็บไว้ตอนเดินทางค่ะ จะได้ ไม่ลำบากเวลาหาทางไปยังโรงแรม อย่าลืม เก็บ ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินก็ยังสามารถโทรศัพท์กลับไปได้นะค๊ะ...

4. การซื้อตั๋ว Swiss Pass
เป็นขั้นตอนสุดท้าย ที่หนึ่งจัดการก่อนเดินทาง 1 เดือนค่ะ มีหลายๆ บริษัทให้บริการนะค๊ะ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังบ้านมาละกันนะค๊ะ….

การจองก็ผ่านทางอีเมล์เข้าไปที่บริษัทฯ ที่เราจะซื้อค่ะ แจ้งความต้องการของเราไป แล้วทางบริษัทฯ ก็ส่งหน้าตั๋วรถไฟมาให้เราตรวจสอบ รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดในเมล์ จะระบุมีวิธีการจ่ายตังหลายประเภทให้เลือก ทั้งโอนเงินผ่านธนาคาร ไปชำระเงินและรับตั๋วเอง หรือแม้กระทั่งชำระเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิต และ รอรับตั๋วทางไปรษณีย์ (วิธีการนี้ ทางบัญชีของบริษัทฯ จะส่ง login กับ password มาให้เราใช้สำหรับทำจ่ายผ่านทาง อินเตอร์เน็ตเพียงครั้งเดียวค่ะ)

และคำตอบสุดท้ายของหนึ่ง คือจ่ายเงินออนไลน์ และรอรับตั๋วทางไปรษณีย์ ไม่ต้องโดดงานและเสียเวลา อิอิ (เพราะมีแผนหนีงานยาวแล้ว^^) ที่สำคัญไม่เสียค่าส่งด้วยค่ะ บริการดีมาก หลังจากจ่ายเงิน 3-4 วัน ก็ได้รับตั๋วพร้อมเอกสารการเดินรถ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ ของรถไฟทั่วยุโรปและสวิส ถึงแม้บางข้อมูลจะช้าข้ามปี แต่ก็เก็บไว้ใช้รอบอื่นสบายเลยค่ะ

ตั๋ว Swiss Pass ควรซื้อหลังจากวีซ่าอนุมัติแล้วนะค๊ะ สำหรับพวกเรา แค่ตั๋วชั้น 2 ก็นั่งสบายแล้วค่ะ ที่สำคัญ มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบใช้ต่อเนื่องและเลือกวันได้ มีทั้งแบบ ราคาเป็นกลุ่ม นักเรียน เด็ก ส่วนใครต้องการ นั่งรถไฟ สายทัศนียภาพทั้งหลายนะค๊ะ ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มและควรจองที่นั่งจากเมืองไทยไปค่ะ ถ้าไปช่วงที่หนึ่งไป นักท่องเที่ยวเยอะ ควรจองไว้ก็ดีค่ะ.. เอกสารการจองตั๋วก็ใช้แค่ สำเนา passport เท่านั้นค่ะ

//www.swisstravelsystem.ch/index.php?id=134&L=1


5. หาข้อมูลเรื่องเสื้อผ้าที่ใช้ในแต่ละฤดูไปด้วยนะค๊ะ แต่ขนาดหน้าร้อนสวิสยังหนาวจับใจ เสื้อผ้าที่เตรียมเอาแทบไม่อยู่ ยังดีที่ไขมันส่วนเกินทำหน้าที่ได้ดีในระดับนึง อิอิ กำไรเวลาค่ะ เพราะพระอาทิตย์ตกดินประมาณหลัง สามทุ่มครึ่ง อ้อ...ปลั๊กไฟใช้แบบ 3 ขาแบบกลมเล็ก หรือ 2 ขาแบบกลม นะค๊ะ

6. ยาทุกชนิดพกติดไปด้วยค่ะ เผื่อฉุกเฉิน เพราะว่า ยากับหมอ ที่โน่น ถ้าต้องการซื้อหรือพบแพทย์ ค่อนข้างยุ่งยากและแพงมากกกกกกกกกก

7. หนังสือท่องเที่ยวพกไปด้วยก็ดีค่ะ เพราะหลายๆ สถานที่เขาจะบอกเราว่าเดินทางไปยังไง เพื่อง่ายขึ้นกว่าดูจากแผนที่ที่ปลายทางอย่างเดียว

8. memory card พกไปเยอะหน่อยสำหรับคนที่ไม่พก laptop ไปเหมือนหนึ่ง แบตเตอร์รี่สำรองสำคัญที่สุด สำหรับหนึ่ง พกทั้งกล้องสองตัว แบตสำรองอีก 2 ชุดใหญ่ งานนี้ ลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก ประมวลผลภาพแทบไม่ทัน 555

9. เสื้อฝน ร่ม หรือ หมวก จำเป็นมาก เพราะสวิสเป็นประเทศที่อากาศแปรปรวนมากพอสมควร บางวันมีครบทุก 3 ฤดู ถ้าฝนตกก็จะได้ เที่ยวต่อโดยไม่สะดุดค่ะ ต้องเตรียมพร้อมไว้นิดนึง เผื่อฉุกเฉินจะได้ไม่เปียกปอนซะก่อนเดินทาง และงานนี้ก็รอดมาได้ เพราะเตรียมอุปกรณ์ไปหมดเนี่ยแหละค่ะ^^





เอกสารเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อม แล้วเราจะเดินทางกันได้หรือยังค๊ะ อิอิ ยังค่ะ อีกนิด สำหรับคนที่อยากเดินทางไปคนเดียว หนึ่งมีข้อแนะนำนิดหน่อย เพื่อความสะดวก... และเพิ่มความมั่นใจให้ชีวิต...

- ก่อนอื่นต้องพกได้ด้วยตลอดเวลา คือ สติ ทำอะไร ต้องมีแผนล่วงหน้าไม่เข้าใจก็ต้องถามค่ะ ถ้าเราไม่อยากมาหงุดหงิดทีหลังกับแผนเดินทางที่ไม่เป็นอย่างใจล่ะก็ ต้องหาข้อมูลทุกอย่างล่วงหน้านิดนึง
- การฟังเสียงตัวเอง และความสามัคคีในการทำงานร่วมกันระหว่างร่างกายและจิตใจ ถ้าร่างกายเรามันบอกไม่ไหว ต้องพักอย่าฝืนค่ะ ไม่งั้นเราลุยกันไม่ครบจำนวนวันที่ตั้งไว้แน่ ยิ่งเจออากาศเปลี่ยนแปลง การปรับตัวกับเวลาที่เมืองไทย ห่างกัน 5 ชั่วโมง มีโอกาสที่ร่างกายเราอาจยอมแพ้ก่อน แม้ใจจะสู้นะค๊ะ
- เช็คตารางรถไฟทุกวันก่อนออกเดินทางในแต่ละวันล่วงหน้า เพื่อเราจะได้ตื่นมาให้ทันเวลาที่กำหนดไว้ อย่าปล่อยให้ตื่นตามใจแล้วมาหารถไฟที่ไปพอดีเวลาเราตื่น เสียดายเวลารอและเวลาเดินทางค่ะ ท่าไม่มีข้อมุล ในตารางรถไฟ ก็ให้ที่สถานี ช่วยพิมพ์มาให้ก็ได้ค่ะ ต่อรถที่สถานีไหนบ้าง ง่ายขี้นด้วยค่ะ
- เป้หรือกระเป๋าใบเล็กที่สำรองเสื้อผ้าที่ใช้ได้ ซัก 2-3 วัน ในกรณีที่เราไม่อยากแบกกระเป๋าใบใหญ่ตลอดเวลาค่ะ ไม่ต้องเสียค่าฝากกระเป๋าทุกวันเวลาเที่ยว แล้วก็วางแผนดีๆ ว่าเมืองไหน จะส่งกระเป๋าไปรอที่ปลายทาง ทำแผนดีๆ ก็เสียค่าฝากกระเป๋าไม่มากหรอกค่ะ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอล่วงหน้า ซัก 1 เดือน เป็นสิ่งจำเป็นมากค่ะ ขอย้ำ หลายๆ คนเดินทางไปไม่ครบตามตั้งใจ เพราะร่างกายไม่สามารถฝ่าฟันการเดินทางมาราธอนและการเดินหนักๆ ได้ เสียดายแผนที่ตั้งใจค่ะ ไหนๆ ก็เสียตังไปแล้ว (แอบแพง อิอิ) งานนี้ หนึ่งเพิ่งรู้ว่าตัวเองอึดมากจริงๆ ยังไง ต้องตามกันนะค๊ะ
- เช็คอากาศที่เมืองนั้นๆ ตามหนังสือ หรือรายการทีวีล่วงหน้า หรือผ่านเว็บ เผื่อเราจะได้เตรียมอุปกรณ์ได้ครบและไม่มีปัญหาแม้เจอฟ้าฝนไม่เป็นใจ
- รองเท้าที่พร้อมลุยและรองเท้ารำลอง ซักคู่ค่ะ
- เบอร์โทรศัพท์ ฉุกเฉินต่างๆ ควรพกไว้ในกรณีต้องติดต่อด่วน เงินและบัตรเครดิต สำรองไปให้พอดี เพราะตัวคนเดียว ต้องคิดให้รอบด้าน อย่าเพลินจนเดือดร้อน เพราะไม่มีใครช่วยเราเรื่องเงินได้
- เอกสารสำคัญทุกอย่างต้องหมั่นตรวจสอบและพกติดตัวไว้เสมอ แม้ที่นี่จะไม่ค่อยเจอปัญหาโจรกรรม แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวัง ก็ต้องเสียเวลาและอารมณ์แทนที่จะได้พักผ่อน เดินเล่นอย่างตั้งใจ....
- ไปคนเดียวทั้งที อย่าลืมยิ้มให้กับการเดินทางคนเดียวแบบมีความสุข สังเกตสองข้างทาง ดูวิถีชีวิตคนที่นั่น ว่าเค้ามีอะไรน่าสนใจ หมั่นพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่เราเจอ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และวัฒนธรรม ไปเปิดโลกแคบๆ ของเราให้กว้างขึ้น เพราะฉะนั้น ยิ้มไปก่อนเลยค่ะ อะไรๆ จะง่ายขึ้นแค่ใช้รอยยิ้ม ต้องพกไปด้วยนะค๊ะ สำคัญมากๆ ไม่ใช่ไปนั่งเหงา เหม่อลอย ทำมิวสิควีดีโอ คนอกหัก ทำไมฉันต้องมาคนเดียวอย่างนี้ นอนอยู่บ้านดีกว่าค่ะ มีแผนเท่าไหร่ จัดเต็มไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะเราดูแลตัวเองมาอย่างดีสำหรับการเดินทางรอบนี้ ให้คุ้มกับการลงทุน ลงแรง และเวลาที่บินมาเกือบทั้งวัน เพื่อสัมผัสกับความงามที่นี่....

สูดโอโซนให้ชุ่มปอด เสพย์ความงามให้เต็มๆ เก็บความสุขให้อิ่ม เอมใจ โยนงาน โยนปัญหาทิ้งไป ตั้งแต่เดินทาง ไม่ต้องพกความเครียดความกังวลไปด้วยค่ะ แล้วเราจะรู้ว่า ชีวิตที่มีแต่การเดินทาง วันๆ มีแต่แผนเที่ยวในหัว มีแต่เรื่องกินๆ เที่ยวๆ สบายๆ ตลอดเวลาเป็นของรางวัลที่มีค่ามากแค่ไหน... เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ^0^ หรือถ้าใครศิลปินพอแบบหนึ่ง จะปิดมือถือ ไม่เช็คเมล์ด้วยก็ได้นะค๊ะ อิอิ แต่ก็แว๊บ แอบเล่น FB นิดนุง ส่วนเมล์งานไม่ แม้แต่จะเปิด... เวลาทำงานปิดเครื่อง เวลาโทรกลับบ้านค่อยเปิด แต่ก็เปิดน้อยมากค่ะ นอกจากเล่น wifi กลับฟังเพลง 555





ตอนต่อไป จะพาไปลุึย นครเจนีวา กันค่า รอนิดนึงนะคะ


Create Date : 16 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2554 13:01:44 น. 3 comments
Counter : 7725 Pageviews.

 
ดีจังเลยนะ เราแค่ในประเทศยางสองจิตสองใจที่จะไปเลยค่ะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง


โดย: casper_com วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:31:14 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่า ^^


โดย: 's corner วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:44:30 น.  

 
แวะมาเยี่ยมเยียนครับ


โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:49:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hollaneung
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




สาวตัวกลม รักการเดินทางด้วยหัวใจ...

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hollaneung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.