หรือจะกลับบ้านดี??
20 JAN 2012 [18:40]

Happy New Year 2012!!!

สวัสดีปีใหม่ 2555 ค่ะ ขอให้ปีนี้และปีต่อๆไปเป็นปีแห่งความสุขของทุกๆคนนะคะ พระเจ้าอวยพรค่ะ


กว่าจะได้มาเขียนบล็อกใหม่ก็ล่วงมาปีใหม่ อิอิ แถมจะปลายเดือนแล้วอีกต่างหาก นอกจากนั้นยังไม่ต่อเนื่องจากบล็อกที่แล้วด้วยจิ เป็นคนที่ไม่สม่ำเสมอในการเขียนบล็อกอย่างแรง! แหม ก็ลูกซน สามีก็ยุ่งนี่นา (อ้างสุดๆ) ลูกสาวเพิ่งครบ 1 ขวบไปเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ กำลังซนและดื้อได้ใจ

ขึ้นหัวข้อมาแบบนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ออกแนวระบาย เฮ้อ...มาถึงเมกาได้ยังไม่เท่าไหร่ อยากจะกลับไทยซะแล้ว แต่มันมีที่มานะ...


จำไม่ได้ว่าได้เล่าไปแล้วรึยังเรื่องเหตุผลหลักของการมาอยู่ที่นี่อ่ะค่ะ ตอนแรกความตั้งใจก็คือ

1. อยู่ที่นี่ให้ครบ 18 เดือน หรือมากกว่า แล้วแต่ว่าแต่งครบ 3 ปีเมื่อไหร่ ก็จะมีคุณสมบัติสามารถสอบเป็น citizen ได้ สอบได้แล้วจะกลับไปอยู่เมืองไทยเหมือนเดิม เพราะสามีชอบเมืองไทย ชอบ lifestyle ที่กรุงเทพ ชอบอาหารไทย มาสอบเอาพาสปอร์ตเจ๋ยๆ เวลากลับเข้ามาใหม่จะได้ไม่ต้องขอวีซ่า หรือตอนแก่หากเปลี่ยนใจอยากมาอยู่นี่จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก แถมมีพาสปอร์ตเมกัน เวลาไปเที่ยว ตปท ก็ไม่ค่อยต้องลำบากขอวีซ่าเท่าไหร่อ่ะ

2. กลับมาเพื่อให้สามี ลงไปเรียนที่ Campus ให้จบ เพราะตอนนี้เรียนออนไลน์อยู่ (เรียนออนไลน์มาตั้งแต่เริ่มมาเป็นอาสาสมัครที่เมืองไทย จนแต่งงาน ก็เลยยังไม่ได้กลับ ก็เรียนต่อไป) ถ้าเรียนที่ Campus ปุ๊บก็เทอมเดียวจบ เวลากลับไทยจะได้ขอ Work permit ได้ซะที

3. มาเจอญาติพี่น้องสามี พาหลานมาเจอปู่ย่ากับอาๆทั้งหลาย



นี่ก็เป็นเหตุผลหลักๆที่มา ถามว่าตั้งใจมาเก็บเงินแล้วกลับไปมั้ย ก็ปล่าวอ่ะ เพราะตอนอยู่เมืองไทยก็เก็บเงินได้เยอะพอสมควรอยู่แล้ว ไม่ถึงกับมากมายเป็นล้านอะไร แต่สามีเป็นคนเก็บเงินเก่ง ทำงานประมาณไม่ถึงปี เก็บเงินได้แสนกว่าบาท จากการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แถมเราเองก็ทำงานด้วย ช่วยๆกันเก็บไป ตอนมาถึงที่เมกาใหม่ๆ หักค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่าไปแล้วก็เหลือติดตัวกันมา $4000 กว่าเหรียญนะ คืออยู่เมืองไทยก็อยู่แบบสบายๆไม่ขัดสน ไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ (หมดไปช่วงเดือนแรกๆเลยเพราะเอาไปซื้อรถมาขับ)

ตอนแรกก็คิดว่า ประสบการณ์การทำงานก็พอมี คงไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่กับการหางานที่นี่ เอาเข้าจริง ไม่ว่าจะงานสายการบิน งาน fastfood งานร้านอาหาร งานห้าง สมัครไปไม่เห็นจะเรียกซักที่เลยอ่ะ และคงเป็นเพราะเมืองที่อยู่มันเล็กๆ งานก็ไม่ค่อยมีความหลากหลาย งานสายการบินที่สมัครไปอย่างน้อยใกล้สุดคือ Oakland ซึ่งก็ต้องขับรถไปเกือบชั่วโมงแน่ะ ที่รับสมัครเยอะๆในเมืองที่อยู่ก็เป็นพวก Health Care ต้องไปเรียนก่อนถึงจะออกมาหางานได้ อ่ะ จะเอาตังค์ที่ไหนมาลงเรียนล่ะช้าน งานการก็ไม่มีทำ

ที่งงไปกว่านั้น คือ แล้วลูกล่ะ จะทำยังไง? ค่า day care ที่นี่อย่างแพง จะให้ไปทำงานที่เดย์แคร์ ก็ไม่ค่อยมีให้ไปทำด้วย จะเอาแต่แบบว่ามีประสบการณ์มาแล้วมั่ง จบคอร์สมาแล้วมั่ง คือจะให้ไปลงคอร์สเรียนก็ได้ แต่ระหว่างเรียนใครจะดูลูกก็เป็นปัญหาอีก เพราะสามีก็ทำงาน แล้วงานของสามีก็ไม่แน่ไม่นอน บางทีต้องไปค้างที่ต่างเมืองเป็นอาทิตย์ๆ อย่างคราวที่แล้วก็ไปฮาวายทั้งเดือนเงี้ย! ตารางงานก็รู้ทุกวันศุกร์ ไม่มีทางรู้ล่วงหน้า บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำซะงั้น คือบริษัทไม่การันตีชั่วโมงให้น่ะ แถมรถมีคันเดียวอีกด้วย สรุปแล้วก็ไม่รู้จะทำไงกับชีวิต เซ็งจิตอยู่กับบ้าน (ถ้าสามีไปต่างเมืองเป็นอาทิตย์เรากับเจ้ายุ่งก็ตามไปด้วยนะคะ ไปอยู่โรงแรม กลิ้งไปกลิ้งมา) เฮ้อ.....


แย่กว่าเดิมคือเรื่องวัคซีนลูก ไคญ่าวัคซีนขาดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ คือหยุดรับวัคซีนไปตั้งแต่อายุได้ 7 เดือน เรื่องของเรื่องคือไม่มีประกันสุขภาพ สมัคร Medical ไปแล้วก็ไม่ผ่าน สมัคร Healthy Families ไปก็ยังเงียบอยู่ เศร้าใจ สามีก็ชอบบ่นเจ็บหัวใจ นี่ถ้าอยู่เมืองไทยก็ได้วัคซีนครบไปแล้ว สามีป่วยหรอ ก็พาไปโรงพยาบาลได้แบบไม่ลังเล ตอนธันวา ไคญ่าตกเตียง คลำที่หัวเจอก้อนนิ่มๆ จะพาไปหาหมอก็คิดแล้วคิดอีก เพราะมันไม่มีจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลที่นี่โหดคอดๆ ถามว่าพาไปก่อนเรื่องอื่นค่อยคิดทีหลังได้มั้ย ก็ได้ แต่คงต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกแสนนานเพราะต้องผ่อนค่ารักษาพยาบาล (ดีว่าตอนนั้นได้เพื่อนที่เป็นหมอเด็กที่ไทยบอกว่ามันแค่หัวโนเฉยๆ ให้รอดูอาการก่อน ว่ามีซึมมั้ย อ้วกมั้ย สุดท้ายไม่มีก็ค่อยยังชั่ว)

ถามว่าทำไมไม่ให้สามีเปลี่ยนงาน ที่มันเอื้อให้เราไปทำงานได้ล่ะ อยากค่ะอยาก อยากมาก แต่งานหายากยังกะขุดทองในเหมืองร้าง ไอ่งานที่ได้มานี่ถ้าไม่เพราะแม่เค้าทำอยู่แล้วก็ไม่รู้จะไดรึปล่าว เนื่องด้วยสถิติคนว่างงานของรัฐแคลิฟอเนียร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั้งประเทศรวมกันเสียอีก (เพื่อนบอกมา) ก็เลยเป็นอย่างเนี้ย

อีกอย่างนึงที่บอกว่าจะลงไปเรียนที่แคมปัสก็ไม่ได้ไปแล้ว เพราะ Campus อยู่ที่ San Dimas ใกล้ๆ LA นู่น คือถ้าไป เค้าก็ต้องไปหางานใหม่ แถมต้องไปเช่าอยู่เองด้วย งานจะได้รึปล่าวก็ไม่รู้ ถ้าไม่ได้ทำไงล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นคือทางโรงเรียนมาบอกว่าเค้าโดนตัด Student loan นะ เพราะไม่จบภายใน 4 ปี เอาเข้าไป แต่ก็ยังเรียนออนไลน์ได้เหมือนเดิม สรุปแล้ว ไม่มีประโยช์อันใดที่มาที่นี่เลย เรียนอยู่เมืองไทยเหมือนเดิมก็ได้ ทำงานไปเรียนไปอย่างเดิม

นั่นแหละค่ะ ไอ่ที่ร่ายยาวมาทั้งหมด ก็เป็นสาหตุให้เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว เรามานั่งคุยกัน สามีเปิด FB ดูรูปโรงเรียนเก่าที่เค้าเคยสอนมีกีฬาสี เพื่อนๆบริษัทเก่าที่เค้าเป็น Camp Director ไปเที่ยวกัน แล้วคิดถึงเมืองไทยขึ้นมาจับใจ ก็เลยมาบอกเราว่า คิดถึงเมืองไทยอ่ะ อยากกลับเมืองไทย หลังจากประเมินทุกอย่างแล้ว ก็แบบว่า จะมาลำบากอยู่ที่นี่ทำไมเนี่ย กลับไปเมืองไทยก็เรียนได้ ไหนๆก็ไปเรียนที่ Campus ไม่ได้อยู่แล้ว แถมไม่ได้ตั้งใจจะซื้อบ้านอยู่ที่นี่ด้วย

(จริงๆ ตอนมาถึงใหม่ๆ เราก็แอบคิดนิดๆนะ ว่าไม่แน่ก็อาจจะซื้อบ้านอยู่นี่ไม่กลับไทยละ โรงเรียนก็เรียนฟรี การเรียนการสอนดีกว่าที่ไทยเยอะ แต่สามีบอกว่า ถึงโรงเรียนที่ไทยจะสอนแบบให้ลูกจำ แต่เราเป็นพ่อแม่ เราก็สอนให้ลูกคิดเป็นได้ เค้าเป็นอเมริกัน เค้าก็จะสอนลูกให้มีอิสระทางความคิดเหมือนคนอเมริกัน ในขณะที่เราก็ต้องสอนวัฒนธรรม มารยาทความเป็นไทยให้ลูก)

สู้กลับไปอยู่ไทยดีกว่ามั้ย เราจะได้ออกไปทำงานได้อย่างที่เราอยากทำ ไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่แต่บ้านแบบนี้ เค้าเองก็คิดถึงงานสอน คิดถึงนักเรียน แถมตอนก่อนจะออกมา ทาง ผอ. ก็เคยบอกไว้ว่ายินดีต้อนรับกลับเสมอ ถ้ากลับไปเมืองไทย ลูกก็จะได้รับวัคซีนครบ เจ็บป่วยเมื่อไหร่ก็มีเงิน มีปัญญาไปหาหมอได้ ไม่ต้องมานั่งจ่ายค่าประกันสุขภาพทุกเดือนๆ ทั้งๆที่ไม่ป่วยอยู่แบบนี้ (ตอนนี้ก็ไม่ได้จ่ายนะ เพราะไม่มี 55) ใช้ชีวิตง่ายๆเหมือนเดิม อยากกินไรก็ได้กิน เดินห้าง ขึ้นรถเมล์ อยากไปไหนก็ไปได้ง่ายๆ

คือที่เมืองไทยมีคอนโดของแม่อยู่แล้วอ่ะ กลับไปก็ไปช่วยแม่ผ่อนเหมือนเดิมไม่แพงเท่าไหร่ แถมเป็นส่วนตัว เพราะแม่กับพ่อเราอยู่ ตจว. คอนโดนี้ซื้อไว้ตอนก่อนเราแต่งงานนิดเดียว หลังจากเรามานี่แม่ก็ได้ย้ายกลับไปทำงานที่บ้าน

กลับไปเมืองไทย ทำงานไปซักหน่อยเราก็คงจะต่อโทได้ อยู่ที่นี่จะได้ต่อมั้ย ดูจะมองไม่เห็นอนาคต มาถึงตอนนี้ไอ่สัญชาติที่เคยอยากได้ก็ดูจะไม่มีความหมายเท่าไหร่ ไว้แก่ๆแล้วเปลี่ยนใจอยากมาอยู่นี่ค่อยให้ลูกขอให้ หรือค่อยขอใหม่ก็ยังได้อยู่ ตอนนี้ใช้ชีวิตสบายๆ มีความสุขดีกว่ามั้ย ชีวิตมันหดหู่เหลือหลายอ่ะอยู่ที่นี่

ก็คิดๆไว้ว่า ไม่แน่พอลูกโตเข้ามหาลัย อาจจะส่งกลับมาเรียนที่เมกาก็ได้นะ เพราะโอกาสมันเยอะกว่า เค้าทำงานได้ทั้งที่เมกา และที่ไทยเลย ก็คงแล้วแต่เค้าจะเลือก (ป๊าดด....มองการณ์ไกล ลูกเพิ่งจะครบขวบไปเมื่อ 6 วันที่แล้วนี่เองนะ)


เฮ้อ....บ่นมาย๊าว ยาว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเราพล่ามนะคะ
กลับดีมั้ยน้อ

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ



Create Date : 21 มกราคม 2555
Last Update : 21 มกราคม 2555 10:20:31 น.
Counter : 889 Pageviews.

9 comments
  
จากจากอ่านแล้วนะ ขอแนะนำให้กลับเมืองไทย คุณไม่มีคว่มจำเป็นต้องมาเอาสัญชาติในตอนนี้เลยนะ อีกหน่อยพร้อมกว่านี้ตามลูกมาเรียนหรืออะไรก็ตามยื่นขอวีซ่าIR 1 จากเมืองไทยมา ใช้เวลาไม่ถึงสามเดือน พอมาปุ๊บก็ได้กรีนการ์ด10 ปี อยู่ครบสามปีค่อยสอบเอาใหม่ เมื่อมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น
โดย: กขี้นก IP: 98.196.117.81 วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:11:00:40 น.
  
เนอะ จริงด้วยเนอะ

คือในบางมุมอ้อก็คิดว่า เรายังพยายามไม่พอ เพิ่งมาแค่ไม่กี่เดือนเอง แต่อีกใจนึงก็แบบ แล้วจะพยายามไปทำไมเนี่ย ในเมื่อเป้าหมายคือไม่ได้อยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตอ่ะ

โดย: I'm in awe วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:11:23:47 น.
  
อย่าเพิ่งกลับนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เห็นใจกันบ้างสิ
คนที่เขาอยากมีโอกาสแบบนี้บ้าง
แบบรอทั้งชีวิตก็ไม่ไ้ด้มีอยู่เยอะนะ
โดย: แป้งปาท่องโก๋ขึ้นอืดยังไม่ได้ทอด IP: 103.1.164.13 วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:11:53:04 น.
  
ก็เค้าสละสิทธิ์ให้ไงตัวเอง อิอิ (ตอนนี้ยังไม่ได้ฟันธงว่ากลับไม่กลับหรอกค่ะ คุยกันเฉยๆ)
โดย: I'm in awe วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:12:04:14 น.
  
หากไม่มีประกันสุขภาพก็น่าจะกลับบ้านเราดีกว่านะคะ เพราะพอจะทราบมาว่าค่ารักษาพยาบาลแพงมาก บ้านเราฟรีหมดอยู่แล้ว ยิ่งคุณพ่อคุณแม่มีเงินเยอะ ไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนยังได้เลยค่ะ เรื่องสัญชาติไม่น่าจะรีบร้อนเลย หากไม่ได้ต้องการอยู่อเมริกาถาวร และถึงจะกลับมาอยู่เมืองไทยก็ได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอยู่ดี แต่ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ เพราะการตัดสินใจแบบนี้ต้องดูรายละเอียดอีกเยอะ
โดย: Tang_Siri วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:16:00:18 น.
  
เข้ามาอ่านบล็อคด้วยนะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ ยังไงก็ช่วยกันค่อยๆคิดนะสู้สู้ค่ะ
โดย: Ooy1_chan วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:19:26:16 น.
  
คือว่า มาแอบเอะใจตรงอยู่ให้ครบ18เดือนก่อนแล้วจะสอบซิติเซ่น น่ะค่ะ คิดว่ามันไม่ใช่ ต้องอยู่ครบ3ปีในอเมกาก่อนถึงจะสอบซิติเซ่นได้อ่ะค่ะ เราก็กำลังจะย้ายไปอเมกา แต่เราแต่งงานมาครบ2ปีที่ไทย ก็หมายความว่าเราต้องไปอยู่นั่นให้ได้3ปีก่อนถึงจะมีสิทธิ์สอบซิติเซ่นเหมือนกัน
ที่เรารออยุ่ไทยนานก็เหตุผลเดียวกันน่ะค่ะ มีลูกเล็ก รอฉีดวัคซีนครบก่อนค่อยไป เพราะแฟนก็จนเหมือนกัน จะไปแคลิฟอเนียเหมือนกันอีก ฮ่าๆ อารมณ์เดียวกันมีลูกอ่อนจะไปหางานทำก็ไม่มีคนดูลูกให้เหมือนกัน เสียดายอยู่ไกลกันไปหน่อยไม่งั้นคงช่วยผลัดกันเลี้ยงลูกเวลาอีกคนไปทำงานparttime
โดย: แม่ลูกอ่อน IP: 125.26.180.61 วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:21:26:10 น.
  
ออ ไปอ่านมาใหม่แล้วค่ะ คือต้องถือ กรีนการ์ดอย่างน้อย 3 ปี เวลารวมที่อยู่ในอเมริกาแล้วไม่น้อยกว่า 18 เดือน และแต่งงานมาอย่างน้อย 3 ปีค่ะ

เข้าใจผิด....อย่างนี้กลับไทยเลยดีกว่ามั้งเนี่ย จะรออีกทำไม


โดย: I'm in awe วันที่: 22 มกราคม 2555 เวลา:2:27:51 น.
  
แวะมาให้กำลังใจนะจ๊ะ ถ้าจี๊ดเป็นอ้อ อาจจะลังเลอยากกลับไทยเหมือนกัน แต่คาร์ลอสไปทำงานที่ไทยไม่ได้ คือถ้าจี๊ดจะกลับไทยคือต้องเลือกระหว่างตัวเองกับครอบครัว อยู่ไทยจี๊ดสบาย แต่ครอบครัวไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้า เฮ้ออออออออออ มีเรื่องให้คิดมากกว่าอ้ออีกนะเนีย
โดย: จี๊ดเองจ้า IP: 76.93.96.117 วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:2:27:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I'm in awe
Location :
Castro Valley,CA  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นคนไกลบ้านแล้ว ก็ยังแต่งบล็อกไม่เป็นเหมือนเดิม อิอิ แวะมาแลกเปลี่ยนเรื่องราวด้วยกันบ่อยๆนะคะ ยินดีอย่างยิ่งหากเรื่องราวในบล็อกนี้เป็นประโยชน์ต่อคุณค่ะ :)
New Comments