Group Blog
 
All blogs
 

เมืองไทยใหญ่อุดม...กับ ร.ฟ.ท.



สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปทางภาคอีสาน
ด้วยตอนเเรกนั้นตั้งใจไปนั่งรถเที่ยว....
ไปๆ มาๆ กลับเป็นว่า...ได้งานมาหนึ่งชิ้นจากการเดินทาง
ส่วนจะเป็นงานอะไรเดี๋ยวเอาไว้จะเล่าให้ฟังคราวหน้า...



ในสมัยเด็กๆ เราใช้บริการรถไฟทุกวัน
เพื่อไปเรียนหนังสือ....ตื่นเเต่เช้าให้ทันรถไฟสายชานเมือง
ที่จะออกจากสถานีดอนเมือง เวลาประมาณ ๖ โมงเช้า
เราต้องตื่นเเต่เช้ามืด...เพื่อไปขึ้นรถไฟ...เรียกกันเองว่ารถดอน...
ในตอนนั้น พอรถไฟมาเทียบชานชลา...เราก็รีบขึ้นไปหาที่นั่ง...
เพื่อจะหลับโดยไว...เพราะง่วงเหลือทน...และไม่ได้สนใจอะไรอีกเลย



ผิดกับการขึ้นรถไฟคราวนี้...ที่เรารู้สึกตื่นเต้นในการเดินทางมาก
ตั้งเเต่ไปรอรถไฟที่สถานีขอนแก่น...ในตอนเช้า...
เพื่อนั่งรถไฟขบวนหนองคาย - กรุงเทพฯ ที่จะมาถึงขอนแก่นในเวลา ๘.๓๙ น.
ปรากฏว่า...เมื่อคืนฝนตกหนักทางรถไฟขาด...กว่ารถไฟจะมา
ก็ปาเข้าไป ๑๑ โมง เเบบว่านั่งวาดรูปคนที่มารอขึ้นรถไฟ...ได้หลายคนทีเดียว...
เป็นการเดินทางกลับบ้านโดยรถไฟที่แบบ...ใช้เวลามากมายจริงๆ



หลังจากรอมาจน...ความตื่นเต้นฟ่อไปแล้ว
เราก็ได้ขึ้นรถไฟเสียที...นั่งมองโน่นนี่จนหลับไปพักหนึ่ง
จะถ่ายรูปอะไรก็เห็นไม่ชัดด้วย...เพราะเรานั่งตู้แอร์ชั้นสอง
กระจกรถไฟไทย...นี่แบบ....มอมแมมมัวซัวมากมาย...
ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นของเราเหมือนว่า
เราเป็นหญิงสาวที่เศร้าสร้อย...คือ
ภาพที่เห็นพร่ามัวไปหมด...อย่างกับหมอกลงในสายตาตลอดเวลา





สุดท้ายต้องย้ายไปนั่งตู้ธรรมดา...
แล้วก็พบว่า...นี่มันโลกใหม่ชัดๆ อะไรก็สว่างไสว ชัดเจนไปหมด
รู้แบบนี้ นั่งตู้ธรรมดาดีกว่า....ทุกอย่างมองดูสดใส
อยู่ท่ามกลางแสงเเดดยามเย็น...ข้าวในนาเขียวขจีจับตามาก
แบบว่า...นึกถึงกลอนที่ท่องตอนเด็กๆเลย ที่ว่า





“เมืองไทยใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน
เพื่อนรักเราชักชวน ร่วมช่วยกันมุ่งหมั่นทำ              
วิชาต้องหาไว้ เป็นหลักได้ใช้ช่วยนำ
ให้รู้ลู่ทางจำ ค้นคว้าไปให้มากมี               
ช่วยกันอย่างขันแข็ง ด้วยลำแข้งและแรงกาย
ทำไปไม่เสียดาย แม้อาบเหงื่อเมื่อทำงาน               
ดั่งนี้มั่งมีแท้ ร่มเย็นแน่หาไหนปาน
โลกเขาคงเล่าขาน ถิ่นไทยนี้ดีงามเอย”





การที่รถไฟเสียเวลาไปราวๆ สามชั่วโมง
มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว....มันทำให้เราได้พบกับ
เเสงเเดดยามเย็นที่ทำให้ทุ่งนาที่สุดลุกหูลูกตานั้น...ดูสว่างไสว...
เด็กๆ กำลังกลับบ้าน...เราพบว่าเด็กๆ ชอบโบกมือให้คนที่อยู่บนรถไฟ
เพราะเราเห็นเด็กๆโบกมือให้คนหรือรถไฟเกือบตลอดทาง
เด็กบางคนขี่จักรยานกลับจากโรงเรียน...พอรถไฟมา
เด็กๆ ก็จะปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น....เพื่อให้ทันรถไฟ...
แต่ก็นะ...มันจะเป็นไปได้ไง...แต่
เมื่อพรุ่งนี้มาถึง...รถไฟกำลังมา...เด็กๆ ก็ปั่นจักรยานแข่งกันใหม่...
และโบกมือให้กันอีกครั้ง







รถไฟวิ่งบนสะพานข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สวยมากๆ
แต่ไม่ได้ถ่ายรูปแบบชัดๆ มีแต่รูปที่ผ่านกระจกมัวๆ
เสียดายจริงๆ เอาไว้โอกาสหน้าเราจะไปใหม่....
เค้าว่าการรถไฟจัดเที่ยวที่เขื่อนป่าสัก....
เหมือนกับว่า...รถไฟนั้นวิ่งอยู่บนน้ำอย่างไงอย่างงั้นเลย





พอใกล้เมืองเข้ามา...หน้าตาของข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป...
ภาพเดิมๆที่คุ้นชินก็ปรากฏแก่สายตา เราเริ่มเก็บของ
หยิบกระเป๋า...จะถึงบ้านแล้วซินะ...









ปล.เราเอาภาพวันกลับมาลงก่อน...ด้วยประทับใจใน...ท้องทุ่งนามากๆ
ยังเหลือภาพและเรื่องเล่าจากสถานที่ที่เราไปมาในทริปนี้...
เช่น ปราสาทหินพิมาย...ไดโนเสาร์ที่กาฬสินธ์
ตลาดท่าเสด็จที่หนองคาย....และเเม่น้ำโขง....
ท้ายนี้ก็ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมกันค่ะ




 

Create Date : 04 กันยายน 2552    
Last Update : 12 กันยายน 2552 16:53:46 น.
Counter : 2248 Pageviews.  

ทัวร์หอยทาก....ลงทะเล

ไม่ได้เขียนบล๊อกเที่ยวนานมาก....
มีรูปตกค้างจากการเดินทางเยอะเหมือนกัน
หลังจากเก็บกวาดไฟล์ต่างๆ ในเครื่อง....
ก็พบ...รูปถ่ายชุดไปเที่ยวเดือนเมษายนที่ผ่านมา
เราไปชุมพรมาเมื่อต้นเดือนเมษา....
เป็นแบบทัวร์หอยทากมาก....คือค่อยๆไป
แวะไปตลอดทาง....ถ้าดูรูปของชุดนี้จะพบว่า
สถานที่ต่างๆ จะดูแบบเตลิดเปิดเปิงมาก





เริ่มเเรกคือหัวหน้าทัวร์...จะไปจัดการเรื่องรถที่ชุมพร...
ก็เลยได้ทำการระดมสมาชิก(หน้าเดิมๆ)รวมตัวกันไป.....
โดยจะเเวะพักไปตามทางเมื่อมันมืด เเละเหนื่อย
ไปแบบไม่ได้มีแผนแบบแน่นนอน....เอาเป็นว่าค่ำไหนนอนนั่น
ที่เเรกที่เเวะ...คือร้านกาแฟที่หัวหิน....(จำชื่อไม่ได้อ่ะ)



ออกจากหัวหิน....เข้าสู่ปราณบุรี....และตั้งใจจะนอนค้างที่นี่
ก็ตะเวนหาที่พักราคาย่อมเยาว์ ได้ที่พักริมทะเล....ชื่อต้นโต...
สะอาดและราคาไม่เเพงในวันธรรมดาราคาจะลดอีกสามสิบเปอร์เซ็น



น้ำที่ค้างอยู่บนเเผ่นหินทางเดิน...
พี่เอ๋เรียกเรามาเก็บรูป...ปลาวาฬ



ที่พักข้างๆ ที่พักเรา แบบพอมองไปแล้วแบบ...เฮ้ยยยย...
นี่มันมาราเกสนี่หว่าาาาา....
ดูแล้วตัดกันอย่างรุนเเรงกับรีสอร์ท และบังกะโลว์ข้างๆ มาก
เราจำชื่อไม่ได้อ่ะ....แต่วันที่ไปเค้ายังไม่เปิด...
เห็นป้าร้านขายของชำหน้าที่พักบอกว่า...เจ้าของคือ
เจ้าของบริษัทชาเขียวบรรจุขวดที่ชอบให้ส่งฝาไปชิงโชค....





รูปร่างอาคารสถาปัตยกรรมแบบโมร๊อกโก...โดดเด่นมากๆ
ตัดกับร้านขายของชำ...และร้านเหล้าพื้นเมืองที่เปิดเพลงลูกทุ่งดังลั่น
แปลกดี...มองดูเเล้ว...มันได้อารมณ์แบบที่เค้าเรียกว่า...อะไรนะ
ย้อนเเย้งในตัวเอง...แปร๊บๆๆ





พอถ่ายรูปออกมาเหมือนว่า....ไม่ใช่เมืองไทยเนอะ
....ราคาเข้าพักต่อคืนก็คงไม่น้อย....
พี่ที่ไปด้วยกันบอกเราว่า....ใครได้เเต่งงาน
จะซื้อห้องพักที่นี่ให้...แหม๋แกคงคำนวนเเล้วว่า
อย่างไรเสีย...ก็ไม่มีใครทำเรื่องอย่างที่แกท้าได้...



พอออกจากปราณบุรีของเช้าวันต่อมา....ก็มาแวะที่ด่านสิงขร จ.ประจวบฯ
ซึ่งเป็นตลาดชายเเดนไทย พม่า เค้าขายต้นไม้ ของกระจุกกระจิก
โดยเฉพาะกล้วยไม้ป่าเยอะมาก คนที่มาซื้อบอกว่าเอาไปเพาะขาย
บางเจ้ามาเหมาเอามาขายจตุจัตร
ตลาดที่นี่น่ารัก...บรรยากาศแบบว่าขายใต้ต้นมะม่วง
พ่อค้าเเม่ค้าส่วนใหญ่ข้ามมาจากฝั่งพม่า....
บางคนขายไปแทะมะม่วงไป....เข้าใจว่าสอยเอาจากต้นที่นั่งอาศัยร่มเงานั่นเเหละ
เป็นตลาดที่มีเด็กๆเยอะมาก...พ่อเเม่มาขายของก็หอบเอาลูกมาด้วย
เด็กที่โตเเล้วก็ขายของเเทนพ่อเเม่...เป็นเหมือนตลาดในนิทาน









เด็กชายขายดอกไม้...เข็นรถเร็วมาก
รีบถ่าย...น้องมองหน้าพอดี...สบตากัน





แล้วก็มาถึงชุมพรเเวะตลาดอีกแล้ว....ตลาดที่ชุมพรน่ารักมาก
พี่ที่ไปด้วยกันได้ตุ๊กตาของBandai จากตลาดที่นี่ด้วย
ตลาดต่างจังหวัด...มีอะไรสนุกๆ ให้ดูเยอะ



พอไปถึงชุมพรเราไปนอนที่ทุ่งวัวเเล่น...เหมือนไม่ได้ถ่ายรูปที่นี่มา...
เพราะไปถึงก็มืดเเล้ว...หลังจากนอนที่ทุ่งวัวเเล่นหนึ่งคืน
ขากลับในวันรุ่งขึ้น ระหว่างทางก็เเวะพักที่บ้านกรูด...เเวะนอนอย่างเดียว
เช้ามาก็ออกเดินทาง....ได้เเวะที่ตลาด อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์
เป็นตลาดที่น่ารักมาก...เก่าของจริง...ไม่ได้โมขึ้นมาต้อนรับนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
มีร้านอาหารอร่อยๆ ด้วย....ไม่มีรูปอ่ะ...ลืมถ่ายเเน่ๆ



แต่...เรายังไม่ถึงกรุงเทพฯ.....เฮ้ออออ....มาเเวะปราณบุรีอีกรอบก่อนกลับ....
คราวนี้เกิดมีใครคนหนึ่งในทริปอยากเเวะไปที่รีสอร์ทเเห่งหนึ่ง
ชื่อ ลา เอ นาตู ...เป็นรีสอร์ทเล็กๆ อยู่ติดทะเลปราณบุรี-สามร้อยยอด
ด้านหน้าเป็นชายหาดส่วนตัว ด้านหลังเป็นแปลงนาข้าวขั้นบันได (สลับพืชอื่นๆ ตามฤดูกาล)
นอกจากนี้ยังมี Homemade Bakery ด้วย....





แค่แวะมาดู....เพราะคณะทัวร์หอยทากคำนวนค่าใช้จ่ายเเล้วคงนอนที่นี่ไม่ไหว...
แต่ก็ได้กินขนมอร่อยๆ ของที่นี่ด้วยนะ อร่อยจริงๆอ่ะ
เลยเก็บบรรยากาศเล็กๆ ของที่นี่มาให้ดู เผื่อใครสนใจ
แต่อยากบอกว่าบรรยากาศโรเเมนติกมาก....เพราะมี Pool Villa
แบบมองเห็นทะเล...มีเสียงคลื่นคลอออออ....
สงสัยโรเเมนติกมากไป...เลยไม่เหมาะกับคณะของเรา...





อ่ะนะได้เวลากลับเข้าพระนครเสียที
ทัวร์หอยทาก...จะเป็นแบบนี้เสมอ...
คือสามารถเเวะ หยุด ได้ทุกที่....
ทั้งหมดนี้ขอขอบคุณพี่เเต้ว กับ รถกะบะคู่ใจ
ที่ได้พาลูกทัวร์คือพี่เอ๋ และพี่ก้อย และข้าพเจ้าอีกคน
ไปเที่ยวแบบผจญภัยนอกแผนที่....ค่ะ




หัวหน้าทัวร์..หอยทาก (หลังๆเริ่มกลายเป็นทัวร์สล๊อท)




ปล.blogนี้ยาว...กว่าที่เคยเขียนมา
เนื่องจากอยากลงให้จบทีเดียว...เฮ้อ..แอบขี้เกียจ แต่อยากเขียนบล๊อก
สุดท้ายก็เหมือนเดิมค่ะ....ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมกัน




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 15:56:03 น.
Counter : 1487 Pageviews.  

วันที่ดอกไม้บาน....

ดอกไม้บนดอยสูง..
นางพญาเสือโคร่งบาน...
ที่สถานีเกษตรหลวงขุนวาง...









ที่สถานีเกษตรหลวงขุนวาง
มีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มดอย....
แม้ว่ารูปที่ถ่ายของช่วงตอนเช้า...วันที่ 2 มกราคม
จะเต็มไปด้วยหมอก...แต่เราว่า รูปก็ออกมาแปลกตาดี
เป็นเสือโคร่งในสายหมอก...









ตามทางเดินมีสีชมพูระบายเต็มฟ้าเลย
แทรกอยู่กับหมอกตอนเช้า....
ที่ญี่ปุ่นเค้าว่าซากุระบานแค่เจ็ดวัน(บางสายพันธุ์)
ไม่รู้ว่านางพญาเสือโคร่งของไทยเรา หรืออีกชื่อ "ชมพูภูพิงค์"
นั้นบานอยู่กี่วัน......







พอลงจากขุนวาง ก็มาที่โครงการหลวงต่อ
ในสวนมีดอกไม้เยอะมาก...เราถ่ายรูปดอกไม้เพลินไปเลย
มีคนทักว่าทำไมชอบถ่ายรูปดอกไม้
เราตอบไปว่า ก็ดอกไม้นะเค้าสวยอยู่เเล้ว
ถ่ายอย่างไงเราก็ว่าสวย...เพราะถ่ายของสวยๆ..





ดอกไม้นี่เป็นสิ่งที่พอเห็นเเล้วก็รู้สึกดีทุกครั้ง
เราชอบดอกไม้มาก...ยิ่งเห็นดอกไม้ที่ ที่บ้านเราปลูกไม่ได้นี่ยิ่งชอบ
คงแบบ...อะไรที่ไม่มีปัญญามี...ก็อยากได้มั้ง
แต่ก็แค่อยาก...อ่ะนะ







เราก็เดินวนๆ หาดอกไม้...
เห็นกุหลาบหลายพันธุ์ออกดอกสวยมาก
ดอกไม้อื่นๆ ที่เราจำชื่อไม่ได้อีก...









ตอนที่เราเดินถ่ายรูป...
เราก็เห็นว่ามีคนอื่นก็พากันถ่ายรูปดอกไม้เช่นกัน
คือจะว่าไป...เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็มีกล้อง
การถ่ายรูปจึงเป็นเรื่องปรกติ...

แล้วเราก็พบว่าบางคนมีขาตั้งกล้องมาด้วย
แล้วก็เอาขาตั้งกล้องจิ้ม...ลงไปบนกอดอกไม้...
เห็นเเล้ว เรารู้สึกสงสัยว่า...
ทำไมต้องเอาขาตั้งกล้องจิ้มลงไปบนกอดอกไม้ด้วย...
แต่ไม่กล้าเข้าไปถาม...กลัวขาตั้งกล้องจะเปลี่ยนหน้าที่...
เป็นอาวุธเเทน....

เรารู้ว่าการใช้ขาตั้งกล้อง นั้นช่วยให้รูปมันสวยขึ้น...ชัดขึ้น..และอีกหลายขึ้น
เเต่บางที...รูปที่สวยแต่เเลกมาด้วยความเสียหาย
ที่แม้จะดูว่าเล็กน้อย แต่เราว่า...มันไม่คุ้ม...
บางที...ความงามที่เราเก็บเกี่ยวมาได้นั้น น่าจะมาพร้อมกับ...
ความเข้าใจและความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราได้ทำลงไป...
เรื่องบางเรื่องเเม้ดูเล็กน้อย...แต่ก็สะท้อนอะไรเล็กๆ ที่เต้นอยู่ในตัวได้









....นี่เป็นเรื่องที่พบเจอเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา...
ก็คงเป็นธรรมดาว่า ในเรื่องที่น่ายินดี
ย่อมมีเรื่องที่ไม่น่ายินดีอาศัยอยู่...









เช้าวันหนึ่งที่สวนดอกไม้...
ดอกไม้ในกระถาง "แหม๋...วันนี้ลมเเรง...ไม่ชอบเลย"
ดอกไม้ในกระถางอีกใบ "ทำไมล่ะ...แต่ก่อนเห็นเธอชอบ ท้าแดดท้าลม"
ดอกไม้ในกระถาง "แหม๋ นั่นมันแต่ก่อน..."
ดอกไม้ในกระถางอีกใบ "แก่เเล้วเนอะเรา"
ดอกไม้ในกระถาง "ใครแก่...ห๊า..."
ดอกไม้ในกระถางอีกใบ "ก็เราไง..."
ดอกไม้ในกระถาง "เธอคนเดียวล่ะมั้ง..."
ทันใดนั้น...สายลมก็ผ่านมา...ดอกไม้ที่เริ่มบาน ไหวระริกกลางสายลม









และสายลมก็พัดผ่านไป....

คนดูเเลสวนมาทำงานแล้ว...
พร้อมกับเตรียมเปลี่ยนต้นไม้ที่ดอกร่วง...
เพื่อเอาต้นไม้ที่ดอกเพิ่งบานมาวางแทน...





ปล.คุยกันวันดอกไม้บานค่ะ




 

Create Date : 12 มกราคม 2552    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 15:56:13 น.
Counter : 1294 Pageviews.  

ดอยหัวเสือ....อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์



หลายคนใช้เวลาของการเริ่มต้นปี
เป็นจุดออกตัวเพื่อเริ่มทำเรื่องใหม่ๆ ในชีวิต
เราเองก็วาดวางโครงการมากมาย
ทั้งโครงการส่วนตัว โครงการส่วนรวม ร่วมกับคนนั้นคนนี้
คิดทำโน่นทำนี่ และในหลายปีที่ผ่านมา
เราเหมือนมีชิวิตอยู่ในกล่อง กล่องที่โดนมือที่มองไม่เห็นเขย่าอยู่เรื่อยๆ
พอปีที่แล้วเหมือนเพิ่งคลานออกจากกล่องมาได้ครึ่งตัว
ปีนี้....หวังว่าจะออกมาอยู่นอกกล่องได้สำเร็จ





เมื่อปีใหม่ไปเดินขึ้นดอยมา...
ได้ทบทวนเรื่อง "อยู่ในกล่อง" ไปตลอดการเดิน...ขึ้นๆ...ลงๆ
แล้วก็รู้สึกขึ้นมาในใจว่า....การดำเนินชีวิตก็ไม่ต่างจากการขึ้นดอยเลย...
ปีนี้เดินไม่เหนื่อยมากถ้าเทียบกับเมื่อหลายปีที่ผ่านมา
เดินสองชั่วโมง....ก็ถึงจุดกางเต็นท์
บรรยากาศบนดอยหัวเสือ ที่ไปนอนก็เงียบมากๆ
มีดอกไม้ป่าขึ้นเต็มไปหมด...เรารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เอากระดาษกับสีน้ำไป







เรามีคนนำทางและช่วยเเบกสำภาระขึ้นดอย
เป็นเด็กเเนวท้องถิ่น...เก๋ไก๋เป็นที่สุด...
ธรรมดาไปมาหลายทริป เจอเเต่คนแก่ พวกหนุ่มน้อย(ความหนุ่มเหลือน้อย)
มาทริปนี้เจอวัยรุ่นที่สุด เป็นชาวปกาเกอะญอ ธรรมดางานที่ทำประจำ
คือทำนาและรับจ้างทำงานกับโครงการหลวง
น้องๆ เค้าอยู่ที่บ้านแม่กลางหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์





ตอนที่ทำอาหารเย็นกินกัน...น้องเค้าเอาข้าวที่ปลูกเองมาหุงให้กินด้วย
คงเเบบเป็นข้าวปลอดสารพิษ เพราะเราเคยได้ยินมาว่า
ถ้าชาวนาเค้าปลูกข้าวไว้กินเองเค้าไม่ค่อยใส่ยาฆ่าแมลง
ข้าวสารของที่นี่เป็นเม็ดป้อมๆ คล้ายข้าวญี่ปุ่น รสชาติอร่อยดี....
อยากจะบอกว่าเด็กแนวเเถวนี้เค้า ปลูกข้าว
และทำกับข้าวให้ลูกทริปกินกันด้วย...เท่จริงๆ









จากดอยหัวเสือ สามารถมองเห็นดอยอินทนนท์
เห็นพระมหาธาตุเจดีย์สององค์ได้ถ้าฟ้าเปิด....
เราถ่ายภาพติดมาเห็นไกลลิบๆ เพราะมีเมฆก้อนใหญ่ลอยมาบัง
ดอยหัวเสืออยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของที่ทำการอุทยานฯ
การเดินป่าเส้นทางจะเป็นแบบ One Way ไม่ย้อนกลับทางเดิม
ขากลับต้องปีนเขาขึ้นไปแล้วก็ไต่ลงมา....
เดินผ่าป่าดึกดำบรรพ์ มีซากไลเคนที่เกาะตามต้นไม้ใหญ่
เป็นเหมือนที่เค้าเรียกว่าต้นไม้ใส่เสื้อ...
ถ้ามาช่วงฤดูฝนคงสวยงามมาก...แต่เห็นท่าว่าคงไม่มีปัญญาเดิน
เพราะทางขึ้นและลงคงเป็นดินโคลน...น่าจะใช้กลิ้งๆ ไถๆเอา...









ตอนกลางคืนที่นอนอยู่บนดอย...ฟ้าเปิดมาก
เห็นพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ กับดาวประจำเมืองลอยสว่างกลางฟ้าเลย





ขาลงเดินนานกว่าขาขึ้นเล็กน้อย....
เล่นเอาปวดเมื่อยเหมือนกัน...ไม่รู้ว่าปวดเพราะแก่ หรือเพราะทางชัน...
น้องคนนำทางถามเราว่า...คิดอย่างไรถึงมาเดินป่า
ที่น้องเค้าถามคงเพราะว่า เห็นมีแค่ผู้หญิงสี่คนเท่านั้นที่ขึ้นไป..
ประกอบกับพิจารณาดูอายุเเล้วก็...(ให้ผู้อ่าน...คิดเอาเอง)
เราก็ตอบไปว่า "เที่ยวแบบนี้บ่อย ที่น้องเห็นว่าเดินช้านั้น
แท้จริงคือ สังขารมันร่วงโรยต่างหาก"





อากาศตอนเช้าที่ไม่ได้หนาวเย็นมากๆ อย่างที่คาดไว้
เราว่าน่าจะราวๆ 15 องศาได้....
เห็นเเสงทองของพระอาทิตย์ตอนเช้าวันใหม่ของปีใหม่แล้วรู้สึกดี...





ทางลงจากดอยหัวเสือ....กลับเข้าทางบ้านแม่กลางหลวง
บรรยากาศน่ารักมาก...มีดอกนางพญาเสือโคร่งบานให้เห็นทั่วหมู่บ้านเลย







ก่อนจะจบบล๊อกนี้...ขอทิ้งภาพนางพญาเสือโคร่ง
ที่สถานีวิจัยเกษตรหลวงขุนวางไว้...
เดี๋ยวบล๊อกหน้าจะเอามาให้ชมกันเต็มๆ...
กับดอกนางพญาเสือโคร่งในสายหมอก....





ปล.ออกจากกล่อง...ฉลองชีวิตใหม่เสียที







 

Create Date : 08 มกราคม 2552    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 15:58:01 น.
Counter : 2492 Pageviews.  

ลำน้ำโขงที่....เชียงคาน

เอารูปที่เหลือจากเชียงคานเมื่อปลายปีที่เเล้วมาลงต่อ
ตอนเช้าริมแม่น้ำโขงช่างแสนจะเยือกเย็น และเงียบสงบ
แล้วเราก็พบว่า.....เราชอบเชียงคานจังเลย
เพราะเงียบดีเเท้.....









สายแล้ว เราเดินเล่นลัดเลาะซอกซอย ของถนนศรีเชียงคาน
เราพบร้านกาแฟที่น่ารักร้านหนึ่งชื่อ ร้านบ้านดอกฝ้าย
เป็นร้าน่ารักน่านั่งอีกร้าน....มีทริปทัวร์เชียงคานโดยใช้จักรยาน
และมีการจัดกิจกรรมศิลปะให้กับเด็กๆ ด้วย









ในบ้านดอกฝ้าย....









เรือนแถวริมแม่น้ำคานส่วนใหญ่จะถูกปิดไว้
คนเเถวนั้นเล่าให้ฟังว่า...จะเปิดบ้านอีกทีก็ช่วงเทศกาลงานบุญ
คนเชียงคานที่ไปอยู่ที่อื่น ก็จะกลับมาเยี่ยมบ้าน เยี่ยมญาติและทำบุญกัน









ของที่มีชื่อของเชียงคาน คือ ผ้านวม
ร้านนี้ใครไปใครมาก็มักแนะนำกัน....







เรามองเข้าไปในร้าน...เห็นรูปที่มีทุกบ้านติดอยู่....





บรรยากาศริมทาง...











ยามเย็นพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้ว
มีเสียงเฮ...เฮ...ดังออกจากมาถนนเลียบริมเเม่น้ำโขง...เราเลยเดินตามเสียงเข้าไปดู
ที่ริมน้ำโขง มีเด็กๆ เตะลูกเเตงโม...เข้าใจว่าเอามาเเทนลูกฟุตบอล
สนุกสนานกันใหญ่....





ร้าน Open&Close ร้านกาแฟที่เราชอบ
ใครผ่านไปลองเเวะดูร้านอยู่ริมเเม่น้ำโขงเลย
เจ้าของร้านใจดี....มีเรื่องราวของเมืองเชียงคานเล่าให้ฟังมากมาย







เราประทับใจในความสงบเงียบ และเรียบง่ายของเมืองนี้...











ปล...จบเรื่องเล่าจากการเดินทางไปเชียงคานเเล้ว
หวังเล็กๆ ว่า หากมีโอกาสคงได้กลับไปเยือนอีก...
Blogหน้าจะเอาภาพดอกไม้...จากยอดดอยมาฝากค่ะ




 

Create Date : 05 มกราคม 2552    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 15:58:24 น.
Counter : 1814 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

กาแฟดำไม่เผ็ด
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




ภาพและข้อเขียนที่ปรากฏในเวปไซด์ แห่งนี้เป็นของ
กาแฟดำไม่เผ็ดแต่ผู้เดียว ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นได้รับ
การคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำการแอบอ้างใช้ ดัดแปลง หรือ กระทำการใดๆ
เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด

**ขอช่วยงดการ copyภาพจากBlog
ของกาแฟดำไม่เผ็ดนะคะ**

Coffeespoon Blog
I'm Illustrator all day and all night.


All photographs & illustrations © Nuntawan Wata unless otherwise stated, and may not be used in any manner without permission.
New Comments
Friends' blogs
[Add กาแฟดำไม่เผ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.