Group Blog
 
All blogs
 
ซัวสเดย กัมปูเจีย ตอนที่ ๒



จากการเขียนบล๊อกรายสัปดาห์พัฒนามาเป็นรายเดือน...
ไม่รู้ว่า หากนานๆไปจะกลายเป็นรายสามเดือนหรือเปล่า...แหะๆๆๆ
เรากลับมาเที่ยวเมืองเสียมเรียบกันต่อ จากตอนที่แล้ว



คราวนี้เราไปที่ปราสาทบันทายสรี หรือเรียกในภาษาเขมรว่า บอนเตียเสรย
ซึ่งแปลว่า "ป้อมแห่งสตรี" บอนเตียแปลว่าป้อม เสรย(สะ-เรย)แปลว่าผู้หญิง
ทำไมเวลาเราได้ยินชื่อนี้จะนึกถึง บั้นทายสตรี ขึ้นมาเสมอ..
อาจเพราะว่าปราสาทนี้เขาว่างดงามอ่อนหวานประดุจสตรี...



จริงๆ เวลาที่เหมาะแกการมาชมปราสาทน่าจะเป็นช่วงเช้า
เพราะว่าเเดดจะไม่ร้อนมาก และเราก็จะได้ถ่ายภาพที่สวยกว่าช่วงเที่ยงวัน
แต่ตอนที่เราไปดู...เป็นช่วงเวลาก่อนเที่ยงแสงเเดดเเผดเผามากๆ



ปราสาทบันทายสรี เป็นปราสาทหินที่สร้างจากหินทรายสีชมพู
แม้ว่าจะมีขนาดที่เล็กกว่าปราสาทอื่นๆ แต่มีความงามในทางศิลปะสูงมากๆ
จากประวัติกล่าวไว้ว่า...ปราสาทนี้มิได้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ หากแต่ว่าสร้างขึ้นโดย
พราหมณ์มหาราชครูชื่อ "ยัชญะวราหะ" มีตำเเหน่งเหมือนเป็นผู้สำเร็จราชการ
และเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๕ ดังนั้นปราสาทนี้จึงมีขนาดเล็ก
และห่างจากเมืองพระนครถึง ๓๐ กิโลเมตร เพื่อกันความเข้าใจผิดว่าจะไปเเข่งบารมี



รูปสลักพระอินทร์เหนือช้างเอราวัณที่หน้าบันประตูชั้นเเรกด้านทิศตะวันออก
เพราะพระอินทร์เป็นเทวดาประจำทิศตะวันออก



หน้าบันนี้เป็นภาพสลักที่เล่าเรื่องพระวิษณุอวตารเป็นนรสิงห์
กำลังฆ่าอสูรชื่อ หิรัณยะกศิปุ เป็นนิทานที่มีความยอกย้อนในการใช้สติปัญญา
เรื่องยาวพอควร...ลองเสริทหาอ่านกันเองเเล้วกัน..แหะๆ



ตอนเเรกเรามองดูเเล้วนึกว่าสิงห์ปล้ำหญิง...



อ่านจากตำราเล่าว่านอกจากที่นี่จะใช้หินทรายสีชมพูที่มีคุณภาพดีแล้ว
ช่างเเกะสลักก็เป็นช่างที่มีฝีมือเป็นเลิศอีกด้วย...
ความเป็นเลิศในทางศิลปะคงยืนยันตัวเองผ่านกาลเวลามานับร้อยปีอย่างที่ปรากฏ...



กรอบซุ้มประตูมีร่องรอยจารึกภาษาสันสกฤตโบราณ
อยากอ่านออกจังว่าเขาบอกเล่าอะไร...





อันนี้เป็นฐานโยนี เหลือเเต่ฐานส่วนรูปเคารพหายไปแล้ว
น้องไกด์เล่าว่าธรรมดาตัวฐานก็มีการแกะสลักตกเเต่งลวดลาย
แต่ที่เห็นว่าเป็นเเผ่นหินเรียบๆ นี่ เพราะว่ามีคนมาลับมีด... จริงเท็จอย่างไรไม่รู้



ไกด์ก็ชี้ให้ดูหน้าบันที่สร้างเลียนเเบบเครื่องไม้...
ลูกทัวร์จะเป็นลม...เพราะแดดมันร้อนมากๆ
แหงนมองอะไรนานๆ...พาลหน้าจะมืดเอา





เหมือนอุบะมาลัยห้อยลงมาจริงๆ...



พระลักษมี ประทับนั่งมีช้างสองเชือกชูหม้อน้ำมนต์
รดน้ำมนตร์ลงที่พระลักษมี หมายถึงความเป็นสิริมงคลและความอุดมสมบูรณ์



ปราสาทนี้แทบจะไม่เหลือที่ว่างเลย
เต็มไปด้วยภาพเเกะสลัก...สงสัยคงเพราะปราสาทมีขนาดเล็ก
มีหินคุณภาพดี ช่างก็ฝีมือดี...ที่ว่างจึงเเทบไม่มีเลย



หน้าบันนี้สลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
บางตำราบอกว่าพระกฤษณะกำลังสู้กับพระอินทร์
ที่เห็นเป็นสายๆ หน้าตาเหมือนหลังคา..เขาว่าเป็นธนูที่พระกฤษณะยิงขึ้นไป
บางก็ว่าเป็นสายฝน...เอาเป็นว่าดูเเล้วตื่นตาดีเลยทีเดียว



ช่างโบราณนอกจากทำงานงานหนัก...
แกะหินคงไม่ใช่ของเบาๆ ต้นหมากรากไม้ที่ใส่ไว้ในงาน
ก็ไม่ได้แบบก๊อบปี้แล้วเเปะลงไป...ลองดูซิ...ต้นไม้ไม่ซ้ำชนิดกันด้วย
เอ๊ะหรือว่า...คนเเกะแกคิดแล้วว่าไหนๆ ก็เเกะเเล้วจะมาเเกะซ้ำทำไม



รูปสลักหินเป็นรูปครุฑอันที่เห็นนี้เป็นรูปจำลองจากของเดิม
ของเก่าเขาเอาเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว...





เถาไม้เเทบจะเด็ดออกมาได้เลย...อ่อนช้อยมาก
นี่ถ้าแดดไม่เเรงคงดูได้นานกว่านี้..



เนื่องจากช่วงก่อนหน้าที่เราจะไปเป็นช่วงที่ฝนตก
เลยมีเฟิร์นและไม้เล็กไม้น้อยขึ้นเต็มไปหมด



แม่ค้าขายของกินเล่น..จำพวกข้าวโพดต้ม
ที่ปราสาทบอนเตียเสรย



เด็กสาวกับดอกไม้...



เจ้าหน้าที่อะไรสักอย่าง...ที่ปราสาทแปรรูป



อดีตผ่านไปแล้วไม่หวนคืน...ปัจจุบันก็ยังคงเป็นนิรันดร์ที่ยั่งยืน



ปล.ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมกันค่ะ
ความรู้ที่ดูวิชาการที่อ้างอิงในนี้ เราอ่านมาจากหนังสือ
ชุดศิลปะ สถาปัตยกรรม เมืองพระนคร สนพ.เมืองโบราณ
เหลืออีกสองตอน...เนื่องจากรูปเยอะเลยไม่จบเสียที



Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 2:09:34 น. 7 comments
Counter : 2265 Pageviews.

 
เพลินนเลย..


โดย: เขม IP: 182.52.110.244 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:22:53 น.  

 
โถ~โถ แม่คุณ...ใจคอจะให้แฟนบล็อกรอเป็นไตรมาสเลยเหรอเนี่ย


หนังสือที่ว่า...เขียนโดย น. ณ ปากน้ำ หรือเปล่าครับ
ผมเคยดูปราสาทขอมแค่ในหนังสือ แต่พอมาเห็นภาพในบล็อกนี้...
โห~ หินทรายเค้าสีสวยจริง ๆ ฝีมือก็อ่อนช้อยมาก ๆ
งานฝั่งเค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์กว่าฝั่งบ้านเราด้วยหรือเปล่าครับ


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:11:55 น.  

 
ดีใจที่เพลินนะเขม..

คุณทุเรียนกวน....พูดไปงั้นใครจะไปทำได้ลงฮ่าๆๆๆ
เล่มที่เอ๋อ่านนี้ของ คุณสรศักดิ์ จันทร์วัฒนกุล
หินทรายสีชมพูที่ บอนเตียเสรย สวยงามมากๆ
เค้าว่าเป็นดังเพชรน้ำหนึ่งของงานแกะสลักเลยทีเดียว

ที่ถามว่าปราสาทที่เสียมเรียบดูสมบูรณ์กว่าบ้านเราหรือไม่...
เอ๋ว่าของเสียมเรียมดูสวยงามมากกว่าของที่บ้านเรา
อาจด้วยฝีมือช่างที่งดงามกว่า...
และก็ค่อนข้างสมบูรณ์กว่า...แต่ที่นี่เค้าเป็นแหล่งของปราสาท
ทางบ้านเราเหมือนเป็นปลายๆ ของเหล่าปราสาทแล้วมั้ง
เพราะเสียมเรียบนั้นเป็นเมืองพระนคร คือเมืองหลวงโบราณ
ของเค้าก็ต้องสุดยอดเป็นธรรมดา....


โดย: กาแฟดำไม่เผ็ด วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:25:19 น.  

 
ดีจังค่ะ มาบล็อกคุณกาแฟแล้วช่วยเติมเต็มสิ่งที่อยากทำ ที่ที่อยากไป เมื่อวันเสาร์เข้าฟังการบรรยายเรื่องอิสรภาพ ดูบล็อกนี้แล้วคิดถึงว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่อยากบอกว่าอิสรภาพคืออะไรค่ะ(แหะแหะ งงไหมคะ)


โดย: chinging วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:12:00 น.  

 
อยากรู้นิยามของ อิสรภาพ ที่คุณchingingว่ามาจังเลยค่ะ
ว่าเป็นอย่างไร...
แล้วที่ไปฟังมาดีไหมค่ะ...ดูน่าสนใจจัง


โดย: กาแฟดำไม่เผ็ด วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:18:55 น.  

 
ดูภาพแล้วทำให้นึกถึงยุคนึงของการทำงาน retouch ปราสาทเขมร ที่ตามกันไปถึงในความฝันเลยทีเดียว


โดย: dhiti IP: 202.80.245.10 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:56:43 น.  

 
มาตอบต่อนะคะ ผู้บรรยายไม่ได้สรุปว่าอิสรภาพคืออะไรค่ะ แต่สำหรับเราคิดว่าคือเราได้เลือกทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขและคิดว่าถูกต้องค่ะ


โดย: chinging วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:57:17 น.  

กาแฟดำไม่เผ็ด
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




ภาพและข้อเขียนที่ปรากฏในเวปไซด์ แห่งนี้เป็นของ
กาแฟดำไม่เผ็ดแต่ผู้เดียว ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นได้รับ
การคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำการแอบอ้างใช้ ดัดแปลง หรือ กระทำการใดๆ
เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด

**ขอช่วยงดการ copyภาพจากBlog
ของกาแฟดำไม่เผ็ดนะคะ**

Coffeespoon Blog
I'm Illustrator all day and all night.


All photographs & illustrations © Nuntawan Wata unless otherwise stated, and may not be used in any manner without permission.
New Comments
Friends' blogs
[Add กาแฟดำไม่เผ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.