ตะลุยเดี่ยวเที่ยวฮ่องกงมาเก๊า ตอนแบบว่าบนเครื่อง
สืบเืนื่องจากตอนที่แล้วที่อิชั้นกำลังจะย่างก้าวเข้าเครื่องบิน

ตอนนี้อิชั้นก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในเครื่องแล้ว

---------------------------------------------------------------

ตอนเครื่องบินหฤโหด


พาเดินพาเข้ามาก็หาที่นั่งทันที ที่นั่งเนี่ยก็อีหรอบเดิมตรงหางเครื่อง

จะบอกว่าโชคร้ายก็ไม่ถูก ตรงนี่แหละปลอดภัยสุดๆ

กรุณานั่งหางๆจะปลอดภัยเพราะว่าเค้าเ็ก็บน้ำมันไว้ที่ปีกเครื่ืองบิน

เวลามันระเบิดตรงกลางกะหัวตายก่อน

เอาจริง ไม่ได้อำอะไรทั้งสิ้นนะ

ด้วยความที่นั่งเป็น B คือนั่งตรงกลาง ลองจินตนาการดูล่ะกัน

มันเป็น Aติดริมหน้าต่าง Bนั่งตรงกลาง Cติดทางเดิน

แล้วพอเดินไปถึงเค้าก็นั่งกันเรียบร้อยแล้ว คนที่นั่งติดริมหน้าต่างนี่

หน้าตาเอเชียคิดในใจ คนไทยเปล่าฟะ จะได้มีเพื่อน

คนติดริมทางเดินนี่ หน้าตาออกแขกๆหน่อยดูเค้าหัวใหญ่มาก

ที่นี่เราก็เดินไปบอกว่าเราันั่งตรงกลาง ผู้ชายคนนั้นก็ลุกให้

พระเจ้าสูงประมาณไหล่เราเท่านั้นเอง ป๊าด พึ่งรู้ว่าตัวเองตัวสูงก็วันนี้

ทุกอย่างก็ราบรื่นสงบดี เค้าก็พูดตามที่เจอบ่อยๆอ่ะ แบบให้รัดเข็มขัด

บลา บลา บลา มีเสียงนักบินมาพูด แอร์ก็เดินปัดไปปัดมา

พอปิดได้ระดับซักแป๊ปนึง ก็ถอดเข็มขัดแล้วก็ดูทีวี

มันจะมีทีวีติดที่เบาะทุกที แต่สังเกตได้ว่าที่นั่งข้างๆ ทีวีไม่ติด

ก็ไม่สนใจอะไร มองปราดๆ ผู้ชายคนนั้นก็สบตาเราแล้วก็พูดว่า

ยูๆสนใจจะเปลี่ยนที่กับไอมั้ยเนี่ย ไอนั่งติดทางเดินนะ ยูจะได้สะดวก

ในใจก็คิดว่า โหยยยยย เพ่ อย่ามาทำเป็นใจดีทีวีมันไม่ติดเหอะ

ชิชะจะไม่เปลี่ยนที่กับชั้นไม่มีทางหรอกกกกกกกก

แ้ล้วก็ตอบพี่แกไปว่า อ่อ ไม่เป็นไรล่ะ นั่งตรงนี้ดีแล้วไม่ชอบที่ติดทางเดิน

ทันใดนั้นเค้าก็ลุกไปหาแอร์ ในใจคิด นั่นไงมันไปคุยกะแอร์ล่ะว่าทำไมทีวีไม่ติด

โถ่ๆๆๆ บอกมาดีๆสิ ชิชะจะมาทำอะไรแบบนี้อีก ไอ้แขกบ้า

นั่งสักพักทีวีก็ติดเหมือนมีผีสิง มันก็ไม่มาขอแลกที่กะเราอีก

แต่มันก็พยายามเหลือบมองเรา ด้วยสายตาน่ากลัว

นั่งสักพักแอร์ก็จะเสิร์ฟอาหารแล้วล่ะ ดูๆแล้วเหมือนกับจะมีคนได้ก่อน

พวกที่ได้ก่อนเนี่ยก็คือพวกที่เป็นแขกทั้งนั้น เพราะว่าเค้าสั่งอาหารแบบพิเศษ

ก็คนข้างๆเราก็ได้เหมือนกันนี่แหละ อยากบอกแค่ว่าอาหารแขกกลิ่นแรงมาก

เรานั่งข้างๆแทบจะเป็นลมล้มตึง แต่ไม่เป็นไรทนได้อาหารชั้นก็จะมาล่ะ

รอ รอ รอ คนอื่นเค้ากิน งี้แหละนั่งหางๆ อาหารจะมาช้า(ไม่เป็นไรทนได้)

ทนจนแขกกินเสร็จอาหารอิชั้นยังไม่มาเลย ด้วยความหิวเลยพยายามกินลมไปก่อน

และแล้วอาหารก็มาถึงอีหรอบเดิม ไก่หรือบะหมี่ ก็ทำใจนั่งชั้นประหยัดก็มีแค่นี้แหละที่เลือก

แต่ว่าดูเมนูแล้วเนี่ยมันเขียนได้น่ากินมากเลยนะ (แต่จำไม่ได้ล่ะ)

ทีนี้ ก็เลยสั่งไก่มาคนข้างๆก็สั่งไก่ แต่มีสลัดกุ้งมาให้ได้

สรุปที่อร่อยคือสลัดกุ้งนี่แหละ

กินเสร็จแล้วแอร์เก็บถาดอาหารเิริ่มเมื่อยตูด ทั้งๆที่นั่งมาได้แป๊ปๆเอง

เลยขอไพ่แอร์มาสำรับนึงเล่นแก้เหงา แอร์ก็กุลีกุจอเอาไ่พ่มาให้

สรุปไพ่สำรับนั้นมันหายตอนไปเที่ยวพิษณุโลก เพราะเพื่อนมันเอาไปเล่น

แล้วก็หายกันไปเลยไม่รับผิดชอบ - * - เคยมีใครเห็นใจชั้นมั่งเนี่ย

นอกเรื่องอีกล่ะ มาต่อกันด้วยในเครื่อง เล่นไพ่เอาสักพัก

เริ่มเซ็ง คันปากอยากจะเมาท์ ถึงแม้จะเมาท์มาเยอะแล้วก็ตาม

จะไปคุยกะอีตาแขกมันก็กินอิ่มแล้วหลับและ

มองๆดูเอเชียๆข้างๆน่ะแหละยังไม่หลับดูเหมือนเบื่อๆด้วย

เลยถามว่า มาคนเดียวเหรอคะ เหมือนชีก็อยากคุยด้วย

เลยคุยกัน ได้ความว่าชีเป็นคนฟิลิปปินส์ กำลังจะกลับบ้านชี

คือเครื่องนี้นะมันจะไปลงที่ฮ่องแล้วก็มีไฟล์ต่อไปทั้ง บังคลาเทศ

ฟิลิปปินส์แล้วก็ไทยด้วย ก็เลยมีคนหลายเ้ชื้ื่อชาตินั่นเอง

จริงๆเรา็พอพูดภาษาตากาล็อกได้นะ

ไหนๆก็ไหน ขอตัดมาที่บทเรียนภาษาตากาล็อกนิดหน่อยล่ะ

ด้วยความที่มีเพื่อนเป็นฟิลิปปินส์ตอนทำงานที่ลาสเวกัส

เพื่อนๆเลยพยยามสอนตากาล็อกให้

-----------------------ขอขอบคุณ คริสแนลกับไดแอนไ้ว้ ณ ที่น้ด้วย

I = AkO (อะโค) am ทั้งหมดใช้กริยา ay (ไอ)

YOU = Ikaw (อีเคา) are หรือกิริยา Si อ่านว่า ซี

We = Tayo (ทาโย) are

They= Sila (สิลา) are

He = Siya (สิยา) is

She = Siya (สิยา) is

It = Ito (อิโต) is

เช่น ฉันชื่อหรือฉันคือ ก็ Ako ay .....(ตามด้วยชื่อ)

Ako si .....(ตามด้วยชื่อ) แต่ต้องเป็นคำคุณศัพท์

Ako ay KulabKimhun. (อโคไอยกุหลาบคิมหันต์)

ฉันชื่อกุหลาบคิมหันต์

Galing ako sa........ตามด้วยประเทศเช่นถ้าประเทศไทยก็

Galing ako sa Thailand. (กาลิง อโค สา ไทยแลนด์)

ฉันมาจากประเทศไทย

ถ้าจะถามว่าคุณชื่อก็อะไรก็พูดว่า


คำอื่นๆ เช่น

tama / Oonga = Yes ตามะ/อ๊ะโอ๋งะ ใช่
Hinde = No ฮินเด ไม่ใช่่

Thank you = Salamat (ซาลามัด)
You aer welcome = Walong Anuman (วาลง อานูมัน)
Good bye = Paalam (ปาอาลัม)
Go home = Umuwi kan (อูมูวี กัน)
I Love you = Mahal Kita (มาฮา คิตา)

Ano = What อะโน่ อะไร
Sino = Who สิโน่ ใคร
bakit = Why บากิต ทำไม
Saan = Where สะอัน ที่ไหน

ถ้าจะถามว่าคุณมาจากที่ไหนให้ถามว่า

Saan ga galing? = Where are you from? (สะอัน กา กาลิง)

คุณมาจากประเทศอะไร

หรือถามชื่อ

ถามว่า Ano pangalan mo? = What is your name?

อ่านว่า อะโน่ ปะงาลัน โม่ หมายความว่าคุณชื่ออะไร

เห็นเค้าบอกว่า โม่เนี่ยแปลว่าของคุณ เลยไม่ใช้ อีเคา ส่วนกรรมของ อีเคา คือ Ka (คา)

ส่่วนกรรมของ Ako (อะโค) คือ Ko (โค)

คราวนี้มานับเลขกัน

1 = Isa (อีสา)
2 = Dalawa (ดาลาวา)
3 = Tatlo (ตั๊ทโล)
4 = Apat (อะปาท)
5 = Lima (ลิม่า)
6 = Anim (อานิม)
7 = Pito (ปิโต)
8 = Walo (วาโล)
9 = Siyam (สิยาม)
10 = Sampu (ซามปู)
11 = Labing isa (ลาบิง อิสา)
12 = Labing dalawa (ลาบิง ดาลาวา)
13 = Labing tatlo (ลาบิง ตั๊ทโล)
14 = Labing Apat (ลาบิง อปาท)
15 = Labing Lima (ลาบิง ลิม่า)
20 = Dalawapu (ดาลาวาปู)
30 = Tatlumpu (ตั๊ทลูมปู)
40 = Apatnapu (อะปาทนาปู)
50 = Limampu (ลิมัมปู)
60 = Animnapu (อะนิมนาปู)
70 = Pitumpu (ปิตูมปู)
80 = Walompu (วาโลมปู)
90 = Siyamnapu (สิยามนาปู)
100 = Isang daan (อีสาง ดาอัน)

ส่วนศัพท์นี่ก็จำไม่ได้ค่อยล่ะ

ลิงนี่เค้าเีรียก องก๋อย Ongkoi

เนื่องจากเพื่อนฟิลิปปินส์เรียกเราว่า องก๋อย ไม่ขอบอกว่าทำไม

เราเลยมีชื่อเป็นภาษาตากาล็อคว่า องก๋อยแต่นั้นมา 55+

ปากกา ก็เรียก บลูม่า Bulma

แอปเปิ้ลเรียก มันไซน่า เขียนไงจำไม่ได้

ภาษาตากาล็อกนี่ไม่ใช่่ภาษาเดียวที่มีในฟิลิปปินส์นะ

เพราะยังมีอีกภาษาที่เรียกว่าเอโลคาโน่

เคยถามเพื่อนที่เป็นฟิลิปปินส์ว่าลิงภาษาเค้าเรียกว่าอะไร

เค้าตอบกลับมาว่าซุงกู เราก็งงเอ๋ไม่ใช่ องก๋อยเหรอ

สรุปเค้าพูดเอโลคาโน่ไม่ใช่ตากาล็อค

แต่ว่าภาษาัอังกฤษนี่ทั้งเกาะพูดเพราะว่าเค้าพูดกันที่โรงเรียน

การเรียนการสอนบ้านเค้าเป็นภาษาอังกฤษ สรุปคือมีแต่โรงเรียนอินเตอร์

มิน่าล่ะพูดไ้ด้กันทั้งเกาะ

แต่สิ่งที่งงอยู่เรื่องนึงคือ ฟิลิปปินส์เค้าจำเลขภาษาตัวเองไม่ได้

เพราะว่าเค้าจะใช้ภาษาสเปนหรือว่าภาษาอังกฤษแทน

ตอนแรกก็งงนิดนึง สรุปว่าเพราะว่าเค้าเป็นเมืองขึ้นของสเปนแล้วก็เมกา

ก็เลยเป็นแบบนี้แหละ ภาษาเลยกลืนๆ เห็นแล้วรู้สึกดีจังที่เราไม่ใช่เมืองขึ้น

----------------------------------------------------------

ตัดๆมาที่เรื่องบนเครื่องต่อ นอกเรื่องไปซะมาก

ก็เลยคุยกะฟิลิปปินส์ที่อยู่บนเครื่องนั่นแหละ

เค้าก็บอกว่าเค้าเคยไปฮ่องกงแล้วด้วย แบบนี้ แบบนี้

ลองไปที่นี่ที่นี่ดู เค้าชอบเมืองไทยมากๆ โดยเฉพาะทุเรียนทอด

พึ่งรู้นะเนี่ยไทยส่งทุเรียนทอดไปฟิลิปปินส์เยอะมากๆซะด้วย

แล้วราคาแพงมากๆหลายเปโซ นี่ถ้าเราไปตีตลาดทุเรียนทอดที่

ฟิลิปปินส์ท่าทางจะขายดิบขายดีนะเนี่ย

เราก็คุยๆว่าเราไปทำอะไรที่ไหนแล้วจะไปอะไรยังไงต่อเรื่อยๆ

คุยไปคุยมาเหมือนเค้าง่วงก็เลยนอน ทั้งเครื่องก็เริ่มปิดไฟนอน

เราก็หลับมั่ง ตื่นมากลางดึกฟิลิปปินส์เค้าถามว่าจะกินอะไรมั้ย

เค้าอยากได้ไอศกรีม เราก็อืมๆดีๆ เลยเรียกแอร์ เพราะในเมนูบอกว่า

ไอศกรีมเสิร์ฟตลอดเวลาที่บิน ฟิลิปปินส์ก็บอกว่าขอไอติมหน่อย

แอร์บอกไม่มีค่ะขอโทษด้วย เราก็งงกันสองคน (ส่วนอีตาแขกหลับ)

เอ๊ะแ้ล้วทำไมมีในเมนู เราก็เริ่มปวดชิ้งฉ่องไปเข้าห้องน้ำ

ระหว่างทางก็เห็นคนกินไอติมกันอาเก็นดาสซะด้ววย อิชั้นก็แอร์อะไรเนี่ย

ตอนกลับไปที่นั่งก็เลยบอกกะพี่ฟิลิปปินส์ว่า พี่ๆหนูเห็นเค้ากินกันนะ

เดี๋ยวหนูสั่งให้ พี่เค้าก็บอกว่าพี่ว่าแอร์พูดอังกฤษไม่ได้ัชัวร์ เพราะพูดไป

ดูเหมือนเธอไม่เข้าใจอะไรเลย เสร็จแล้วเราก็จัดการเดินไปหาแอร์

บอกว่า "หว่อเหมินเย้าชือปิงฉีหลิน" "หว่อเหมินเย้าเหลี่ยงเกอะ"

แค่นั่นล่ะ แอร์จะเอาไปเสิร์ฟถึงที่เลยค่าาาาาา

สรุปก็ได้กินไอติมกันทั้งสองคน - * - งงนิดหน่อย อะไรกัน

ชั้นต้องพูดจีนเลยเหรอไงเนี่ย อะไรเนี่ย

อ่อ *เสริม ไอศกรีม เีรียกเป็น จีนแมนดารินว่า "ปิงฉีหลิน"

เมื่อกินไอศกรีมเสร็จแล้วก็หลับต่อ 55+ อ้วน

หลับไม่ลงเพราะหลับมาเยอะแล้วเลยดู Night in the museum


ดูจนกระทั่งเผลอหลับตื่นอีกทีเค้าก็เอาอาหารมาเสิร์ฟล่ะ ตอนเช้าใกล้จะถึงฮ่องกงล่ะ

ตอนเช้าก็อีหรอบเดิม เอาไข่เจียวหรือข้าวผัด คราวนี้สั่งไข่เจียว

แ้ล้วก็เสิร์ฟไอติมแท่งด้วย บอกได้เลยว่าคาเธ่ย์จะมีไอติมตลอด 55+

ถูกใจสุดๆ

เสร็จแล้วพี่ฟิลิปปินส์เค้าก็ขอน้ำเปล่า บอกว่า "May I have a cup of water?"

แอร์ยื่นน้ำแอปเปิ้ลมาให้ เราก็ถามพี่เค้าว่า พี่สั่งน้ำเปล่าไม่ใช่เหรอ

หนูก็ได้ยิน พี่เค้าก็บอกว่า พี่ก็สั่งน้ำเปล่าอ่ะดิ สรุปบอกแอร์ว่าขอน้ำเปล่า

แอร์ตอบไม่ได้ให้คุณ(พี่ฟิ) แต่ให้เรา- * - แก้ตัวหน้าด้านมาก

เราก็ได้น้ำแอปเปิ้ล 2 แก้วในถาดเลยกลัวชั้นจะไม่อิ่มล่ะมั้งเนี่ย

พี่ฟินี่แกสงสัยเบื่อแอร์เรามากๆ

เพราะพี่แกนินทาแอร์(เป็นภาษาอังกฤษ) ตลอดเพราะแกมั่นใจว่า

พูดอัำงกฤษไม่ได้ชัวร์ๆ - * - แล้วเป็นแอร์ได้ไงฟะ

กินอิ่มแล้วเรียบร้อย ก็กำลังจะถึงฮ่องกง

นักบินก็รายงานสภาพอากาศว่าฝนตก (นั่นก็ฝนไม่อ่านสอบ - * -)

เครื่องก็เริ่มงอแง สั่นๆ สั่นๆ สั่นๆ ประหนึ่งดั่งกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ

เราก็ยังใจดีสู้เสือ แต่แอร์เนี่ยวิ่งไปนั่งประจำที่แอร์แ้ล้ว

สัญญาณบอกให้รัดเข็มขัดดัง เค้าสอนวิธีใช้เรื่องช่วยชีวิตแ้ล้ว

โอ๊ว จอร์ด เค้าบอกว่าพายุไต้ฝุ่นเข้าที่ฮ่องกงเค้าจอดไม่ได้

คนเริ่มสวดมนต์ แขกนี่แหละมันสวดเราก็เริ่มใจฝ่อล่ะ

เวรล่ะไงชีวิตจะมาจบตรงนี้เหรอไง

สรุปนักบินประกาศขอไปไต้หวันจอสักครึ่งชม.แล้วบินกลับฮ่องกง

หรือจนกว่าพายุสงบ

เราก็โอเคช้าดีกว่าตายล่ะว้า ไปนั่งเล่นไต้หวันอยู่แป๊ปนึง

ก็คุยะพี่ฟิว่า ดีเนอะเนี่ยได้มาไต้หวันด้วย มาทริปเดียวคุ้มๆสุดๆ 55

เสร็จแล้วพี่นักบินก็ประกาศว่าจะกลับฮ่องกงแล้วนะ จอดเล่นที่ไต้หวันนานๆไม่ได้

คนอื่นเค้าก็จะจอดมั่ง พอมาถึงฮ่องกงลงจอดปุ๊ปเหมือนนัดกันทุกคนโล่งอก

ถอนหายใจ นี่แหละถือว่าแคล้วคลาด อิชั้นมันดวงแข็ง

แล้วก็ออกมาจากเครื่องพี่ฟิก็เดินมาด้วย ชีก็เรียกชั้นว่า องก๋อย

- * -

โอเคพี่หนูอนุญาต พี่เค้าก็ถามว่าใครมารับล่ะ เราบอกเราไปคนเดียว

แล้วไปนอนบ้านใคร เราบอกเรานอนโฮสเทล

เค้าก็ถามใครพาเที่ยว เราก็บอกว่าเราเที่ยวคนเดียว

สรุปเค้าก็ตกใจอีกคนล่ะว่า เด็กผู้หญิงเที่ยวคนเดียวเนี่ยนะ

บร๊ะเ้จ้าเป็นไปได้เหรอเนี่ย ...หรือว่าเราหน้าเอ๋อ (ฟะ) ฮาฮา

แล้วก็จากกับพี่เค้าเพราะว่าเราต้องไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

ส่วนพี่เค้าไปต่อเครื่องอีกเกต สรุปนี่คือการเจอกันครั้งสุดท้ายละ่มั้ง 55

ก็ดีมีเพื่อนคุยตลอดทางมาฮ่องกง

ตอนหน้าค่อยต่อว่าเจออะไรบ้างตอนออกมา และการผจญภัย 4 วันกำัลังจะ

เริ่มแล้ว 55 กร๊ากกกกกกกกก



Create Date : 24 มกราคม 2552
Last Update : 24 มกราคม 2552 23:55:05 น.
Counter : 594 Pageviews.

0 comments

กุหลาบคิมหันต์
Location :
Melbourne  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



www.facebook.com/Thcrazybackpacker