อ้อมกอดของพ่อ มหาสนุก 1013
“สวัสดีค่ะคุณน้าจันทร์” นี่เป็นคำทักทายแรกที่ออกจากปากของฉัน ซึ่งเอ่ยทักทายหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า
“สวัสดีจ๊ะหนูเมี่ยง” หญิงวัยกลางคนกล่าวทักทายฉันกลับมา
“ค่ะ” ฉันตอบรับเบา ๆ พลางมองไปรอบ ๆ ห้องโถงใหญ่ภายในบ้านสีชมพูหลังนี้
“เดี๋ยวน้าพาไปห้องนอนหนูนะจ๊ะ อยู่ชั้นบนห้องติดกับน้านี่เอง” หญิงวัยกลางคนที่ฉันเรียกว่าน้าจันทร์กล่าวก่อนที่จะพาฉันขึ้นไปยังห้องนอน เราสองคนเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองของบ้าน ฉันเดินตามน้าจันทร์มาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้แกะสลักเป็นรูปกอดอกบัวอย่างดี
“นี่เป็นห้องส่วนตัวของหนูเมี่ยงนะจ๊ะ”เธอพูดพลางเปิดประตูห้องออก ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกกล้วยไม้สีขาวพื้นเขียวอ่อน เตียงใหญ่นุ่มน่านอนอยู่ตรงกลางห้อง มีโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าเข้าชุดกับเตียงวางอย่างเป็นระเบียบ ถัดจากตู้เสื้อผ้าเป็นโต๊ะเล็ก ๆ ที่มีคอมพิวเตอร์หนึ่งชุดพร้อมใช้งาน ภายในห้องมีตุ๊กตาตั้งอยู่มากมาย ที่สำคัญมีรูปของฉันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ วางเอาไว้ตรงหัวเตียงด้วย
“ เดินเข้ามาเลยจ๊ะ ประตูที่อยู่ตรงนี้เป็นห้องน้ำนะจ๊ะ” ดีกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก ห้องนี้มีห้องน้ำในตัวด้วย
“ ค่ะ” ฉันได้แต่ตอบรับเบา ๆ เท่านั้น
“ถ้ามีปัญหาอะไรถามน้าได้นะคะ”
“ทำไมมีรูปเมี่ยงตรงนั้นด้วยล่ะคะ” ฉันชี้ไปที่รูปตัวเองตรงหัวเตียง
“อ๋อ แม่ของเมี่ยงให้น้ามาจ๊ะ นานแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่รูปนี้เท่านั้นนะ ยังมีอีกเยอะเลยว่าง ๆ น้าจะเอามาให้ดูนะจ๊ะ” แววตาของน้าจันทร์ส่องประกายความสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“งั้น เมี่ยงขอตัวสักครู่นะคะ แล้วเดี๋ยวเมี่ยงจะลงไป”
“ได้จ๊ะ น้าลงไปแล้วนะจ๊ะ” น้าจันทร์หันหลังโชว์ผมยาวสลวยให้ฉันก่อนเดินออกจากห้องไป
ฉันนั่งลงบนเตียงพร้อมมองไปรอบ ๆ ห้องพลางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา

น้าจันทร์เป็นเพื่อนกับแม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ฉันจำได้ว่าเมื่อลืมตาดูโลกก็มีเพียงฉัน แม่ และ น้าจันทร์เท่านั้น ส่วนคนที่ฉันควรจะเรียกว่าพ่อ แม่บอกว่าตั้งแต่แยกทางกับแม่แล้ว คนคนนั้นก็หายไปจากชีวิตแม่อย่างไม่หวนคืออีกเลย สิ่งที่ฉันรู้อย่างเดียวคือชื่อจริงของพ่อ ถึงแม้ว่าจะลางเลือนฉันก็จำได้ดี ‘จักรี ลิ่มบุตรี’ เป็นชื่อของพ่อที่แม่ยอมปริปากบอกครั้งเดียวในชีวิต หลังจากนั้นเมื่อฉันถามถึงพ่อ แม่ก็จะไม่พูดกับฉันไปหลายวันจนกระทั่งฉันเลิกถามไปเอง
ส่วนน้าจันทร์เป็นเพื่อนที่ดีของแม่ ไปมาหาสู่เสมอ ๆ และรักฉันเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ คนหนึ่งของเธอด้วย ที่สำคัญค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับตัวฉันน้าจันทร์ก็เป็นคนออกให้ทั้งหมด น่าแปลกน้าจันทร์หน้าตาสะสวย หุ่นดี ผิวขาว แต่กลับไม่แต่งงาน และเมื่อสองสัปดาห์ก่อนโรคมะเร็งของแม่ก็กำเริบขึ้น ฉันและน้าจันทร์เฝ้าดูอากรของแม่ได้ไม่กี่วัน แม่ก็จากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ในงานศพของแม่ช่างเงียบเหงามีญาติ ๆ มาในงานเล็กน้อย แต่คนที่มาไม่ขาดและอยู่กับฉันเสมอคือน้าจันทร์ ส่วนตัวฉันเองยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องมีผู้ปกครอง ทำให้ฉันต้องเลือกระหว่างการไปอยู่กับลุงและป้า ที่ไม่ค่อยสนิท หรือไปอยู่กับน้าจันทร์ และแล้วฉันก็เลือกที่จะมาที่นี่ ที่บ้านน้าจันทร์แห่งนี้
“เมี่ยงจ๊ะ เมี่ยงหนูเตรียมตัวเสร็จหรือยังเอ่ย อาหารเย็นพร้อมแล้วนะ” เสียงเรียกหน้าห้องของน้าจันทร์ปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์
“ค่ะ ๆ สักครู่นะคะ เดี๋ยวเมี่ยงตามลงไป”
“จ้าๆ อย่าช้านะ เดี๋ยวข้าวหมดไม่รู้นะเออ”
“ค่า” ฉันตอบกลับไปก่อนที่จะรีบจัดแจงข้าวของแล้วรีบลงไปข้างล่าง

เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารกับข้าวที่ฉันชอบวางเรียงรายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผัดบล็อคโคลี่กุ้ง ไข่ตุ๋นกุ้งสับ ยำวุ้นเส้น แกงจืดลูกรอก โอ๊ย! แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้ว
“นั่งเลยจ้าเมี่ยง แล้วก็ลงมือเลย” พอน้าจันทร์พูดจบเราสองคนก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า น่าแปลกที่ฉันไม่ค่อยรู้สึกเสียใจเท่าไหนกับการจากไปของแม่ และเมื่อเวลาอยู่ใกล้ ๆ กับน้าจันทร์แล้วฉันกลับมีความสุขที่สุข
“อันนี้น้าจันทร์ทำเองหมดเลยเหรอคะ” หลังจากอิ่มแล้วฉันค่อยเอ่ยปากถาม
“ใช่แล้วจ๊ะ ก็เมี่ยงชอบทานนี่ น้าเลยหัดทำ”
กิ๊ง ก่อง กิ๊ง ก่อง...เสียงอ๊อดหน้าบ้านกำลังบอกว่ามีอาคันตุกะมาเยือน และเจ้าของบ้านต้องต้อนรับ น้าจันทร์รีบออกไปข้างนอก พร้อมเชิญแขกเข้ามาหนึ่งคน เป็นผู้ชายร่างใหญ่ ผิวสีคล้ำ หน้าตาหล่อเอาการแต่จะว่าไปก็หน้าตาคล้ายน้าจันทร์เหมือนกัน
“หนูเมี่ยงจ๊ะ นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของน้าเองนะจ๊ะ ชื่อคุณน้าแจ๊ค”
“สวัสดีค่ะ คุณน้าแจ๊ค” น่าแปลกเป็นลูกพี่ลูกน้องของน้าจันทร์ ทำไมฉันกลับไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“น้าแจ๊คพึ่งกลับมาจากออสเตรเลียจ๊ะ เห็นว่าที่บ้านมีสมาชิกใหม่น้าแจ๊คเลยอยากมาดู”
“สวัสดีครับหนูเมี่ยง” ชายร่างใหญ่กล่าวทักทาย
“เอ่อ นี่เป็นของฝากจากออสเตรเลียนะครับ สำหรับพี่แล้วก็หนูเมี่ยงด้วย ผมลาล่ะครับ” ชายร่างใหญ่กล่าวลาพร้อม ยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้กับน้าจันทร์ น้าจันทร์รับไว้และวางลงตรงหน้าฉัน ก่อนที่จะเดินออกไปส่งคุณน้าแจ๊คที่หน้าบ้าน ทิ้งให้ฉันมองงถุงใบนั้นอย่างสนใจ
“ฮั่นแน่! อยากรู้ล่ะสิว่าข้างในเป็นอะไร” น้าจันทร์พูดพร้อมหยิบกล่องสีดำมีชื่อเมี่ยง และ พี่จันทร์ ติดเอาไว้ ออกมาสองกล่อง เมื่อเปิดดูถึงรู้ว่านี้เป็นกล่องนาฬิกายี่ห้อดังจากออสเตรเลีย
“ว๊าว สวยจังเลยค่ะน้าจันทร์” ฉันถูกใจนาฬิกาเรือนนี้มาก ๆ
“นี่ของเมี่ยงนะจ๊ะ แล้วนี่ก็ของน้า” น้าจันทร์จัดแจงแบ่งสมบัติอย่างเสร็จสรรพ
อ๊บ อบ อ๊บ อ่บ อ๊บ...เสียงกบที่ไหนก็ไม่รู้แว่วเข้ามา
“เสียงกบที่ไหนอ่ะคะน้า”
“อ๋อ เสียงมือถือน้าเองจ๊ะ” น้าจันทร์ตอบพร้อมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะไปรับโทรศัพท์ ท่าทางจะเกี่ยวกับงาน เพราะเห็นน้าจันทร์ต้องเอาสมุดมาจดอะไรก็ไม่รู้ยิก ๆ แถมยังทำหน้าเครียด ๆ อีกด้วย
“เมี่ยง ๆ เดี๋ยวช่วยเอานาฬิกาไปเก็บที่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้าห้องน้าทีนะ ประตูไม่ได้ล็อกนะจ๊ะ อ่อห้องน้าตรงข้ามกับห้องหนูนะ” ท่าทางจะคุยกันนาน ฉันเลยต้องปฏิบัติหน้าที่อารักขานาฬิกาจากออสเตรเลียเรือนนี้ ไปเก็บไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย
“รับทราบค่ะ” ฉันพูดเล่นแบบทหารพร้อมตะเบ ก่อนเดินออกไป เมื่อน้าจันทร์เห็นแบบนั้น ก็เปลี่ยนจากสีหน้าเครียด ๆ มาเป็นหน้ายิ้มโดยทันที

ห้องของน้าจันทร์อยู่ตรงข้ามกับห้องฉัน ฉะนั้นยังไงก็ไม่หลงแน่นอน ประตูหน้าห้องของน้าจันทร์แกะสลักเป็นรูปดอกกุหลาบห้าดอกอยู่ในกระถาง ลดหลั่นกันไป ฉันค่อย ๆ เปิดเข้าไปในห้องแล้วกดสวิชต์เปิดไฟ
“อะหือ....อะไรกันเนี่ย” ภายในห้องขนาดเจ็ด คูณ เจ็ด โดยประมาณ มีเฟอร์นิเจอร์คล้าย ๆ ห้องของฉัน แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือ รูปของตัวฉันเอง ตั้งแต่เล็กๆ แบเบาะ จนมาอยู่อนุบาล รูปที่เต้นรำงานวันเด็กก็มีด้วย มีรูปของฉันทุกกิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นยิ้ม ร้องไห้ หัวเราะ นอนหลับ เรียกว่าทั้งห้องของน้าจันทร์มีแต่รูปของฉันก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นบนตู้เสื้อผ้าก็ยังมีด้วย ฉันค่อย ๆ เดินไปที่หัว เตียงแล้วหยิบรูปรูปหนึ่งขึ้นมาดู มันเป็นรูปของแม่ กับใครผุ้ชายคนหนึ่ง ทั้งสองอยู่ในชุดนักศึกษา แต่ว่าคลับคล้ายคลับคลาว่าฉันจะเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน คล้ายใครนะ ฉับพลันภาพที่แว๊บเข้ามาในหัวสมองของฉันคือ คุณน้าแจ๊ค น่าจะใช่แล้วทำไมมาถ่ายรูปกับแม่ได้ล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยถามน้าจันทร์เอาก็แล้วกัน เอานาฬิกาไปเก็บก่อน
ฉันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลมะฮอกกานี ที่มีรูปของฉันติดเต็มไปหมด เมื่อเปิดออกดูพบกว่า มีเสื้อผ้าสีสันนสดใสแบบทันสมัยอยู่ในตู้เต็มไปหมด ข้างล่างมีลิ้นชักอยู่สามอัน ซึ่งแล้วอันไหนล่ะคือที่น้าจันทร์จะให้เก็บ งั้นเปิดมันทุกอันเลยก็แล้วกัน ฉันเริ่มที่ลิ้นชักล่างสุด เมื่อชักออกมากลับพบอัลบั้มรูปขนาดใหญ่นอนอยู่ เมื่อจะปิดลิ้นชักด้านมืดกับด้านสว่างของฉันก็สู้กันภายในจิตใจ ฉันควรจะแอบดู หรือว่าจะปล่อยมันทิ้งไป แน่นอนเด็กดีมีคุณธรรมอย่างฉันจะต้อง...เปิดดู เมื่อเปิดดูกลับพบว่ามันเป็น รูป รูปของฉันทั้งนั้นเยอะยิ่งกว่าที่อยู่ในห้องนี้ซะอีก และมันก็ยังเป็นรูปชุดเดียวกับที่ฉันมีที่บ้าน น่าแปลกน้าจันทร์จะมาเก็บรูปลูกเพื่อนแม่อย่างฉันไว้ทำไมเยอะแยะ
“เมี่ยง ทำอะไรน่ะ” น้าจันทร์ตะโกนเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาเก็บอัลบั้มรูปไป
“หนูแค่......”
“ไม่ต้องพูด น้าบอกให้เอานาฬิกามาเก็บไม่ใช่ให้มาแอบดูอะไรในนี้” น้าจันทร์โกรธจนหน้าแดง พร้อมพูดแบบตะโกน
“แต่รูปในห้องของน้า กับรูปในอัลบั้มนี้มันก็รูปหนูนี่คะ” ฉันเริ่มสงสัยว่าการดูรูปแค่นี้มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากเลยหรือไร
“นี่มันเป็นของส่วนตัวของน้า หนูไม่ต้องมาแก้ตัวรีบออกไปจากห้องนี้ซะ” น้าจันทร์พูดตะคอกใส่ฉัน
“หนูขอโทษค่ะ” ฉันพูดขอโทษพร้อมน้ำตา ที่ไหลออกมาเพราะสำนึกผิด ฉันค่อย ๆ เดินออกไป
“เดี๋ยว นี่นาฬิกาของหนู” น้าจันทร์พูดพร้อมยื่นกล่องนาฬิกาให้ฉัน เวลานี้ฉันทั้งโกรธ ทั้งเสียใจกับการกระทำของตัวเอง และฉันคงไม่สมควรได้รับนาฬิกาเรือนสวยนี้ ผลักมือน้าจันทร์ออกไป เลยทำให้ทั้งนาฬิกาและอัลบั้มรูปหล่นลงพื้น รูปบางรูปหล่นออกมา พร้อมบัตรบางอย่าง ฉันเก็บบัตรนั้นขึ้นมาดูและพบว่าบัตรนั้นเป็นบัตรประชาชน
“นี่มัน” ยังไม่ทันขาดคำ น้าจันทร์รีบมาคว้าบัตรใบนั้น ไปจากมือพร้อมสั่งกำชับฉันให้ไปที่ห้อง ฉันเลยเดินคอตกกลับไปที่ห้อง นอนร้องไห้บนเตียงและเผลอหลับไป

ตื่นมาตอนเช้า ฉันค่อย ๆ ลงมาข้างล่างทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาน้าจันทร์ ฉันฉุกคิดว่าน้าจันทร์อาจจะป่วยไม่สบาย ฉันจึงเดินกลับไปชั้นสอง
ก๊อก ๆ ๆ “น้าจันทร์คะ น้าจันทร์คะ” ฉันร้องเรียกแต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมาจากข้างใน ฉันลองบิดลูกบิดดูพบแล้วประตูไม่ได้ล็อค ฉันค่อย ๆ เปิดเข้าไปในห้องนั้น และพบกับความว่างเปล่า
“อ้าว แล้วน้าจันทร์ไปไหนล่ะเนี่ย” ขณะที่กำลังจะเดินออกไปนั่นเองความอยากรู้อยากเห็นก็เข้ามาครอบงำ ฉันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้านั้น แล้วเปิดดูลิ้นชักนั่น และหยิบอัลบั้มออกมาดู ฉันค่อย ๆ เปิดทีละหน้า ที่ละหน้า จนกระทั่งหน้าเกือบสุดท้าย บัตรประชาชนของใครคนหนึ่ง ก็ปรากฎอยู่ฉันค่อย ๆ หยิบมันขึ้นมาดู
“จักรี ลิ่มบุตรี” ฉันอ่านชื่อนี้ซ้ำไปซ้ำมา อุณหภูมิในร่างกายของฉันเริ่มสูงขึ้น ความสงสัยต่าง ๆ เกิดขึ้นเต็มหัวสมองฉันไปหมด จักรี ลิ่มบุตรี คือชื่อของพ่อของฉัน ที่แม่เคยบอกไว้ ฉันเดินไปหัวนอนหยิบรูปที่ดูเมื่อวานขึ้นมาเทียบ ผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ แม่เป็นเจ้าของบัตรนี้อย่างแน่นอน
“เป็นไปไม่ได้” น้ำตาที่ไหลออกมานั้น จะเป็นจากความดีใจ หรืออารมณ์อื่นตอนนี้ก็สุดจะคาดเดา ฉันอยากจะเจอน้าจันทร์มาก ๆ น้าคงจะตอบคำถามทุก ๆ อย่างได้ แต่ตอนนี้น่าจะหาอะไรได้อีก ฉับพลันฉันเปิดรีบลิ้นชักกลางและพบว่ามีซองจดหมายมากมายเรียงอยู่ ฉันสุ่มหยิบมาหนึ่งฉบับ และเมื่อดูเนื้อความของจนหมายกลับพบว่าเป็นลายมือของแม่ แม่ฉันเขียนถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าจักร เนื้อความในจดหมายเป็นการอ้อนวอนขอให้ผู้ชายที่ชื่อจักรกลับมาหาแม่อีกครั้ง
ถึงจักร
น้องเมี่ยงอายุได้สองเดือนแล้วนะคะ ฉันอยากให้คุณกลับมาดูแลลูกของเรา ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงคุณจะรักหรือไม่รักฉัน ได้โปรดกลับมาหาฉันเถิดค่ะ มาเยี่ยมบ้างก็ยังดี
รักเสมอ
เมย์
เมย์เป็นชื่อของแม่ และถ้าเดาไม่ผิดจักรก็คือ.....พ่อ....จักร..จักรี ลิ่มบุตรี คล้ายกับว่าจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นเริ่มมาปะติปะต่อกัน ฉันรีบหยิบจดหมายออกมาอีกฉบับ เมื่อเปิดออกดูก็พบว่า เป็นจดหมายที่แม่เขียนถึงพ่อ ฉันเปิดกี่ฉบับเนื้อความจะเป็นการเล่าเรื่องของฉัน และอ้อนวอนขอให้พ่อกลับไป
“ทำไมจดหมายพวกนี้มาอยู่กับน้าจันทร์ได้” ฉันหาคำตอบไม่ได้ ทำไมจดหมายที่ควรจะอยู่กับพ่อของฉันกลับกลายมาอยู่ในมือของน้าจันทร์ได้ หรือว่าแท้จริงแล้วน้าจันทร์ คือคนที่ทำให้พ่อต้องทิ้งพวกเราสองแม่ลูกไป แล้วเธอรู้สึกผิดเลยทำให้เธอต้องมาทำดีกับฉัน มาอุปการะฉัน
“กรี๊ด.ดดด หนูเมี่ยง หนูทำอะไร” เสียงตะโกนมาจากทางข้างหลังของฉัน ไม่ใช่ใครที่ไหน เสียงของน้าจันทร์นี่เอง
“หนูต้องถามน้าจันทร์มากกว่าว่าน้าจันทร์ทำอะไร”
“หนูจะเข้ามาในห้องน้าอย่างพละการไม่ได้นะ” น้าจันทร์เริ่มตะคอกแรงขึ้น
“ถ้าหนูไม่ได้เข้ามาหนูจะเจออะไรดีๆ แบบนี้เหรอคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับน้าจันทร์
“หนูเห็นแล้วใช่มั้ย” น้าจันทร์พูดปากคอสั่น
“กลัวความลับแตกเหรอคะน้าจันทร์”
“นี่คือบัตรประชาชนของคุณจักรี ลิ่มบุตรี” ฉันหยิบบัตรประชาชนขึ้นมาแล้วพลิกหน้าบัตรให้น้าจันทร์ดู
“เอามานี้”น้าจันทร์พยายามหยิบบัตรคือไป แต่คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้น้าจันทร์ไว้กว่าแน่ ฉันชักมือคืนมา
“คนคนนี้ เป็นพ่อของหนู เป็นคนเดียวกับในรูปนั่น รูปที่มีแม่ของหนูยืนข้าง ๆ เขา”
“พอได้แล้วนะเมี่ยงกลับห้องไปเดี๋ยวนี้” น้าจันทร์ตะโกนอย่างแรง พร้อมชี้มือไปที่ห้องของฉัน
“ไม่หนูไม่กลับจนกว่าหนูจะรุ้ความจริง ว่าอะไรเป็นอะไร จดหมายที่แม่เขียนถึงพ่อ ทำไมถึงมาอยู่กับน้าจันทร์”
“เอ่อ..คือ”น้าจันทร์พูดไม่ออกหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พร้อมกับตัวสั่น
“น้าพูดไม่ออกเหรอ แล้วบัตรประชาชนของพ่อมาอยู่ในห้องน้าได้ยังไง น้าไม่ต้องตอบหรอก หนูว่าหนูรู้คำตอบแล้ว ทั้งเรื่องที่น้ารับหนูมาอยู่ ทั้งเรื่องที่น้าดีกับหนูตั้งแต่แม่ยังมีชีวิต”
“พอแล้ว” น้าจันทร์พูดเสียงเบา ๆ พร้อมน้ำตา หยดน้ำใส ๆ หลายหยดไหลออกมากจากตาคู่นั้นอย่างไม่หยุด
“แล้วน้าแจ๊คน่ะ น้าแจ๊คน่ะเป็นพ่อของหนูใช่มั้ยคะ รูปในบัตรประชาชน และทั้งรูปที่ถ่ายกลับแม่มันเป็นรูปเดียวกัน มันเป็นรูปของน้าแจ๊ค น้าจันทร์เป็นคนแย่งพ่อไปจากพวกเราใช่มั้ย ไม่สิ คุณจันทร์ คุณเป็นคนแย่งพ่อไปจากหนู จากแม่ คุณเองรู้สึกผิดเลยต้องอุปการะหนู” ฉันทั้งเสียงใจ ทั้งโกรธ และโมโห ส่วนน้าจันทร์เอามือปิดปาก และร้องไห้ เธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น
“หนูไม่อยู่เป็นมารที่นี่หรอกค่ะ หนูจะไปอยู่กับคุณลุงและคุณป้า” ฉันพูดแบบไม่มองหน้าหญิงคนนี้และเดินออกไป
“เดี๋ยว!!! เมี่ยงกลับมาที่นี่” น้าจันทร์พูดพร้อมจับข้อมือของฉันไว้
“ไม่หนูจะไป ปล่อยหนูนะ” ฉันพยายามสะบัดมือของผู้หญิงที่ทำให้แม่เสียใจคนนี้ออกไป
“ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว น้าจะบอกความจริงทั้งหมด”
“ได้ หนูก็อยากรู้ความจริงจากปากคุณเหมือนกัน”
น้าจันทร์ค่อย ๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ดึงลิ้นชักแรกออกมาพร้อมหยิบซองเอกสารใส ๆ ออกมาหนึ่งซอง เธอค่อย ๆ ยื่นให้ฉัน ฉันรับมาอย่างใจเย็น ค่อย ๆ เปิดมันออกภายในเป็นสูติบัตรของฉัน ฉันค่อย ๆ อ่านมัน และพบว่า ชื่อของบิดา เป็นนายจักรี ลิ่มบุตรี ฉันวางสูติบัตรนี้ลง ฉันเงยหน้ามองน้าจันทร์
“ดูอีกใบสิจ๊ะ”
อีกใบเป็นใบเปลี่ยนชื่อ เจ้าของของใบเปลี่ยนชื่อคือ นายจักรี ลิ่มบุตรี และเชื่อที่เปลี่ยนคือ นายจันทร์เทวี ลิ่มบุตรี คนอะไรชื่อเหมือนผู้หญิง แต่ใช้นายนำหน้า ก่อนที่ฉันจะอ้าปากถาม น้าจันทร์ยื่นบัตรประชาชนหนึ่งใบให้กับฉัน ฉันรับมาพร้อมอ่านชื่อ
“นายจันทร์เทวี ลิ่มบุตรี” ฉันมองหน้าของเจ้าของบัตรนั่นคือหน้าของน้าจันทร์
“พ่อเป็นพ่อของหนูเอง”น้าจันทร์พูดพร้อมกอดฉันไว้ในอ้อมแขน เธอตัวสั่นและร้องไห้ออกมาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“พ่อ.....น้าจันทร์....พ่อ” ฉันตกใจแบบตั้งสติไม่อยู่ ในสมองขาวโพลนไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกัน น้าจันทร์เป็นพ่อ จะเป็นไปได้ยังไง สักพักน้าจันทร์ค่อย ๆ คลายกอด
“หนูมองหน้าพ่อนะลูก เคยคิดมั้ยว่าเราสองคนหน้าตาเหมือนกัน พ่อไม่กล้าบอกหนูตามตรงว่าพ่อคือพ่อของหนู ตอนที่พ่อกับแม่มีหนู พ่อยอมรับว่ามันคืออุบัติเหตุ แม่กับพ่อเป็นเพื่อนสนิทกัน และแม่ของหนูก็รักพ่อมาก แต่พ่อรักแม่ของหนูไม่ได้ และวันหนึ่งในงานเลี้ยงเราสองคนก็เผลอมีอะไรกันเพราะพ่อกับแม่ต่างก็เมามาก ในตอนนั้นพ่อไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้ว แต่ความที่ร่างกายเป็นชายของพ่อมันทำลงไปตามสัญชาตญาณ ต่อมาแม่ของหนูท้อง พ่อทนไม่ได้เพราะว่าพ่อไม่ได้รักแม่ของหนูเลย ตอนนั้นพ่อหนีออกไปจากชีวิตของแม่หนูแล้ว และแม่หนูก็เพียรส่งจดหมายมาหาพ่อตลอด จนกระทั่งหนูสองขวบพ่อถึงตัดสินใจกลับไปหาแม่ของหนู ทำหน้าที่เพื่อนชีวิตที่ดีที่สุดของแม่ของหนู และทำหน้าที่พ่อที่ดีที่สุดตลอดมา แต่การกลับมาครั้งนี้ของพ่อ พ่อกลับมาในร่างกายของผู้หญิง พ่อถึงบอกหนูตามตรงไม่ได้ว่าพ่อคือพ่อของหนู พ่อกลัวหนูรับไม่ได้” เมื่อพ่อพูดจบ พ่อกอดฉันแรง ๆ พลางลูบหัวของฉัน
“จริงเหรอคะ” น้ำตาที่ใกล้จะเหือดแห้งกลับไหลบ่าออกมาอีกครั้ง
“หนูจะอยู่กับพ่อในสภาพแบบนี้ได้มั้ยลูก” พ่อมองหน้าฉัน ด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ได้สิคะ คุณพ่อ” ฉันตอบไปพร้อมกอดพ่อคนนี้อย่างเต็มแขน และหัวใจที่ขาดหายกำลังจะได้รับการเติมเต็มตั้งแต่นี้เป็นต้นไป



Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2553 15:00:13 น.
Counter : 337 Pageviews.

0 comments

กุหลาบคิมหันต์
Location :
Melbourne  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



www.facebook.com/Thcrazybackpacker