Hello People ... !!!

ข้าวยำ@น้ำบูดู
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน
ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ
หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน
ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง

อยู่แค่นี้เอง
อยู่แค่นี้เอง
อยู่แค่นี้เอง
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ข้าวยำ@น้ำบูดู's blog to your web]
Links
 

 

What?

อยู่ที่โรงแรมนั้นได้ราวๆ5วัน นอนเล่นจนสาแก่ใจ ไม่ได้ออกไปไหนนอกจากเดินไปกินเนื้อย่างกับข้าวโพดย่างริมทะเลสาปรอบเย็น
และเขียนบันทึกการเดินทางลงให้เพื่อนๆในเฟสบุคได้อ่านไป24ตอน 
ก็ถึงเวลาที่ต้องย้ายโรงแรม เพราตอนที่จองทริปเดินเขากะให้มีเวลาเหลืออีก2วันก่อนลงเดลีและได้ทำการจองบ้านเรือมาก่อนล่วงหน้า ..
ย้ายทุกอย่างไปนอนเล่นบ้านเรือ ขี้เกียจออกไปไหนมาไหน เพราะได้มาค้างแล้วเมื่อต้นทริป
เลยนอนเล่นมือถือไปเรื่อยๆ อยู่ๆก็เจอ email นี้เข้ามา


Email จากเจ้าเด็กนั่น  อ่านแล้วก็นึกแปลกๆในใจ ตอบกลับไปว่ากำลังจะออกจากศรีนาคาแล้ว เหลืออีกคืนเดียว และนี่มานอนอยู่ทะเลสาป แถวท่าเรือเบอร์13นี่แหละ

สักพักก็มีเมล์บอกว่า เขามานั่งอยู่ร้านเบเกอรี่ตรงใกล้ๆท่าเรือนี่ ออกมาได้ไหม .. หรือจะโทรมาก็ได้ .. ขอบคุณมาก..

อ่านแล้วก็อึ้งไป รู้สึกแปลกใจ คิดตัดสินใจอยู่พักหนึ่ง บอกตัวเองว่าไม่อยากออกไปเจอ ไม่อยากหาเหตุผลอะไรด้วย เลยปิดเมล์ไป ไม่ตอบ และก็ไม่ได้โทร เพราะ local sim ที่เดลี ไม่ทำงานที่แคชเมียร์อยู่แล้ว 

พอช่วงจะบิน วันรุ่งขึ้น ก็เลยเขียนเมล์ไป พูดไม่จริงไปอีกครั้งว่าเพิ่งเห็นเมล์ (อ้างจากเรื่องจริงว่า ไฟในเรือดับบ่อย Wifiไม่เสถียร) ขอโทษที กำลังจะออกจากเมืองแล้วละ ไว้เจอกันเมืองไทยนะ และขอที่อยู่หน่อยได้ไหม.. เดี๋ยวจะส่ง thumb drive ที่มีรูปในทริปมาให้

ไม่มีเมล์ตอบกลับมา .. เงัยบหายไปเลยหลังจากนั้น..
เรารู้สึกผิดอยู่ในใจเล็กน้อย และยังคงรู้สึกแปลกใจในการอยากเจอของเจ้าเด็กนั่นด้วยเหมือนกัน

ความรู้สึกนี้คงค้างจางๆอยู่ในใจจนมาถึงเดลี

 




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2562    
Last Update : 30 สิงหาคม 2562 10:09:52 น.
Counter : 472 Pageviews.  

ืi didnt have a clue

หลังจากลงมาจากเขาแล้ว เราก็ให้รู้สึกอยากพักอยู่คนเดียวเงียบๆ ตามประสาของคนที่ชอบอยู่คนนเดียว
แต่บุลบุลบอกว่าให้อยู่ต่ออีกสองวัน เพราะจะพาเที่ยวเมือง Naranag
และยังมีแพลนที่จะพาไป day trek ที่เมืองอื่นๆสั้นอีกสองสาม route
เราเองเข้าใจได้ว่า เขาพยายามจะแสดงความรับผิดชอบเพราะroute ที่เราจองไว้และจ่ายเงินครบแล้วมีกำหนดราวๆ9วัน แต่นี่เราเพิ่งใช้เวลาไปเพียง 1ใน3

แต่เราไม่อยากเดินอีกแล้ววววว เราได้แต่คิด และคิด ว่าจะหนีทริปยังไงดี ฮ่าๆ
วันรุ่งขึ้นบุลบุลพาไปทะเลสาปและเที่ยวตลาดในเมือง Naranag ทำให้เราได้แก้วทองแดงลายแบบแคชเมียร์ มาสองใบ
โดยให้บุลบุลช่วยต่อราคาให้ และช่างที่ร้านก็เคลือบแก้วจนเป็นสีเงิน ให้พร้อมกับการใช้งาน

จากนั้นเราก็ขอให้บุลบุลพากลับเมืองศรีนาคา เพราะเราได้จองโรงแรมที่เคยพักไว้ 
ในใจคิดอยากจะไปนอนลืมโลกในโรงแรมสบายๆ จนกว่าจะถึงวันที่ไปเดลีเพื่อเจอกับเพื่อน

ก่อนหน้านั้น มีช่วงที่บุลบุลชวนกลับเข้าไปศร้นาคา เพื่อแอบเข้าไปร้านเหล้า ซื้อเบียร์กลับมาดื่มที่ Naranag
เราเองขำก็ขำ ว่าเจ้าเด็กนี่พอลับหลังที่บ้านละก็ มาแอบดื่มแอลกอฮอล์ แถมสูบบุหรี่จัดมาก
ทำเอาเราที่แพ้ควันบุหรี่ ต้องเปิดหน้าต่างรถกว้างๆและหันหน้าออกจากรถตลอดเวลา

ระหว่างทางหลังจากลงจากภูเขา เจ้าเด็กนี่ก็เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เราฟัง ทำให้รู้ว่า พ่อของเขาเป็นคนที่คนให้ความเคารพนับถือ และเป็นที่รู้จักในศรีนาคามาก
และเป็นคนที่จัดทัวร์ให้ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีทางศาสนาอีกด้วย หลังจากที่พ่อเพิ่งวางมือจากธุรกิจ ก็จะเป็นช่วงที่เจ้าเด็กนี่เริ่มตั้งต้นวางทางเดินชีวิตของตัวเองอย่างจริงจัง

บุลบุลเล่าอะไรอีกหลายอย่าง เราก็นั่งฟังไปเรื่อยๆ และก็มาจนถึงเรื่องของชื่อเล่น ที่ทำให้เรารู้ว่า ชื่อบุลบุลนี้ ก็แปลว่านกเหมือนกัน และมีเดือนเกิดเดือนเดียวกัน คนหนึ่งเกิดกลางเดือน และอีกคนเกิดปลายเดือน 
เราให้ขำในความบังเอิญนั้น และยิ่งมองเจ้าเด็กนี่เหมือนเด็กซนๆ เมื่อตอนที่เขานัดแนะกับเรา ว่าถ้าหากเข้าไปเอากระเป๋าเดินทางใบโตของเรา ที่เก็บไว้ที่บ้าน
ถ้าหากเราเจอแม่ แล้วแม่ถามว่า กลับมาวันไหน ให้บอกว่าเพิ่งลงเขามานะ อย่าบอกว่าลงมาได้สองวันแล้ว แต่มัวไปเที่ยวเล่นในเมืองNaranag อยู่ 

ฮ่าๆๆๆๆๆ เรานี่ขำมากแบบขำจริงจัง แถมตอนขับรถกลับบ้าน อยู่ๆก็จอดรถ ขณะที่เรางงไปพักนึง เขาก็เดินกลับมาที่รถแล้วถามเราตรงๆว่า ให้เราไปนั่นด้านหลังของรถได้ไหม
เรางงกว่า เพราะปรกติ เรานั่งข้างหลังเฉพาะเมื่อตอนที่จ้างรถพร้อมคนขับเท่านั้น แต่นี่เห็นเขาเป็นเจ้าของบริษัทและเราก็คุยกันได้เหมือนเพื่อน เลยไม่ได้คิดจะนั่งด้านหลังให้เขาดูเหมือนคนรับจ้างขับรถ .. ขณะที่เรางงอยู่ เขาก็พูดเสียงขลุกขลักออกมาว่า Iไม่อยากให้เพื่อนบ้านเข้าใจผิดคิดว่าyouเป็นแฟนอ่ะ

โอ๊ยยยย นี่แบบฮาาาาามาก ขำมาก ขำไปก็ตอบไปว่า ได้ๆๆๆ ไม่มีปัญหา ว่าแล้วก็คลานขลุกขลักไปนั่งด้านหลัง ฮ่าๆๆๆๆๆ แอบคิดในใจว่า ไอ้เด็กนี่คงกลัวโดนล้อว่ามีแฟนแก่อ่ะดินะ เพราะเราเนี่ยแก่กว่าเกือบๆจะ20ปีได้เลย

พอถึงบ้านก็ได้เห็นว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีสวนสวยมากๆ ดอกไม้งาม และผลไม้ก็กำลังออกลูกหลายต้น ในบ้านเหมือนบ้านตามยุโรป แต่ก็ยังปูพรมแบบอินเดียอยู่ พี่สาวของบุลบุล เข้ามาคุยด้วยและขอดูรูปที่ไปปีนเขามาในโทรศัพท์ เราคิดว่าเรื่องการขอดูรูปน่าจะเป็นเรื่องยอดฮิตของที่นี่ ฮ่าๆๆ

จากนั้น พี่สาวที่กำลังจะแต่งงานก็มอบกล่องกำมะหยี่สีแดงสวยประดับด้วยแผ่นสีทองทำเป็นรูปใบเมเปิ้ลด้านหน้า เปิดกล่องมาเป็นขนมหวานสวยงาม ที่เป็นของที่ระลึกสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะมาถึง เราได้พูดคุยกับบุลบุลมาก่อนหน้านี้ ก็พบว่าที่แคชเมียร์นี่ ยังคงมีคลุมถุงชนกันอยู่แบบเป็นเรื่องแรกติ ทำนองผู้ใหญ่หาให้ มีแม่สื่อพามาดูตัว พบคุยกัน ถ้าโอเคก็จัดงานแต่ง เป็นแบบนี้กันแทบทุกครัวเรือน เรายังถามบุลบุลว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน ไอ้เด็กนี่รีบบอกว่ารออีกสองสามปี ให้ธุรกิจดีๆทำงานได้มั่นคงจะแต่ง แถมถามเราด้วยว่าเราจะมางานแต่งไหม ฮ่าๆ เราก็บอกไปว่าถ้ามาได้จะมา ไม่ต้องห่วง มันต้องน่าสนุกแน่ๆ

พูดคุยกับพี่สาวของบุลบุลเสร็จ ก็พอดีกับที่บุลบุลเอากระเป๋าลงมาให้ และก็พาเราเดินออกมาผ่านสวน จากนั้น เจ้าเด็กนี่ก็กระโดดเพื่อดึงเอาลูกท้อสุกสีสวยบนต้นมาให้เรา พร้อมๆกับกิ่งต้นไม้ที่หักลงมาเพราะฝีมือเจ้านี่หนึ่งกิ่งใหญ่ ทำให้เราไม่วายจะชี้หน้า (หลังขอบคุณเรื่องลูกท้อที่เก็บให้) ขู่ไปว่าแม่กลับมานะ แกโดนเช็คบิลแน่นอนเลย อิบุลบุล ไปทำต้นไม้เค้าหัก ฮ่าๆๆๆๆ 

จากนั้น เขาก็พาเราไปส่ง แต่ก่อนส่งก็ยังมีแวะพาไปดูโรงแรมอีกแห่งที่บอกว่าอยากให้เราพัก แบบไม่ได้อยากได้ค่าคอมฯนะ แต่เห็นว่าดอกไม้สวย และเราชอบดอกไม้ เราพาเข้าไปดู ก็เจอดอกไม้สวยจริงๆ เสียแต่เราติดใจโรงแรมเก่าที่จองไว้มาก เลยให้บุลบุลไปส่งที่นั่นหลังจากดูโรงแรมนี้เสร็จ

จะว่าไป ด้วยความที่กลัวบุลบุลจะพาเราไปเดินtrekอีก เพราะเราไม่ไหวแล้ววว ทำให้ต้องบอก(เรื่องไม่จริง)เขาไปว่า เดี๋ยวเพื่อนจากเดลีจะมาหา มาเจอกันที่ศรีนาคานี่แหละ ไม่ต้องห่วงนะ เรามีอะไรทำแน่นอน

เขาได้ยินก็ถามอะไรต่ออีกสองสามคำ และก็พึมพำทำนองว่า Iคงนึกถึงyouนะเนี่ยหลังวันนี้แล้ว เราได้ยินก็ตบหลังตบไหล่ บอกไปว่า เห้ย ไว้ไปเมืองไทยนะแก ฉันจะพาออกมาเที่ยว หาไรอร่อยๆกินกัน ไว้เจอกันที่ไทย

จังหวะนั้น ไปอีกสักพัก ก็นั่งกันเงียบๆ ไปจนถึงโรงแรมที่เราจะเข้าพัก เงียบไปจนรู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กนี่เงียบๆไปหน่อย พอถึงที่นั่น เราก็ลากกระเป๋าลง บอกขอบอกขอบใจ และ good bye 

จังหวะนั้น เรารู้สึกได้ ว่าบุลบุลเงียบไปจริงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เราปิดประตูรถ โบกมือให้อย่างร่าเริง และเดินลับหายเข้าประตูโรงแรมไป..
 




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2562    
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 15:05:03 น.
Counter : 523 Pageviews.  

#​เรื่องเล่า​ระหว่างทาง​ #2​5

ในที่สุดพวกเราก็ลงมาถึงด้านล่าง กิโลเมตรสุดท้ายที่ต้องเดินบนหินล้วนๆที่ตีนภูเขา
ทำเอาเราอยากจะถอดใจแล้วทิ้งตัวกลิ้งลงมาแทนการเดินเหลือเกิน
เราขอให้บุลบุลช่วยเดินไปซื้อโค้กเย็นๆในร้านค้าของหมู่บ้านมาให้หน่อย
ระหว่างที่้เรานั่งพักขาอยู่ที่ข้างถนน เพื่อจะรอเดินลงเนินเขาไปนอนพักที่บ้านของภรรยา Garney
ที่สร้างไว้เป็น guesthouse สำหรับนักเดินทางที่มาปีนเขา

จังหวะที่รอโค้กจากบุลบุล เราก็เดินไปถ่ายรูป​ภาพหลักกิโลของเมือง Naranag​ไว้
เหมือนกับที่ถ่ายตอนก่อนขึ้นไป เพื่อเป็นการปิดทริปการเดินภูเขาแคชเมียร์​ในครั้งนี้..

เป็นประสบการณ์​ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต​ที่คงจะไม่ลืม และคงเป็นประสบการณ์​ครั้งหนึ่งในชีวิต
ที่ดีใจที่ได้มอบโอกาสให้ตัวเองลองทำ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองไม่มีวันเตรียมความพร้อมกับเรื่องแบบนี้ได้เลย
แต่ก็ยังดีใจที่ได้ทำ และถ้าย้อนไปอีก ก็ยังคงเลือกที่จะทำเหมือนเดิม 😄

*หลังจากเราไปถึงเกสท์เฮาส์​ แน่นอนอย่างแรกก็คือวิ่งเข้าห้องน้ำ
และทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำมาสามวันอย่างมีความสุขสุดๆเลยละ..
จากนั้นก็อาบน้ำร้อนๆ ปล่อยให้สายน้ำรินรดตัวจนชุ่มฉ่ำและตัวอบอุ่นไปด้วยสายน้ำร้อนจนเต็มที่ สระผมอยู่นาน
และออกมาเอนตัวในที่นอนนุ่มๆ และห่มผ้านวมหนาๆอย่างมีความสุขที่สุดในโลก!!

ขอบคุณ​เพื่อนๆและพี่ๆน้องๆ ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ
หวังว่าคงจะสนุกเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวผ่านบันทึกความทรงจำนี้บ้างไม่มากก็น้อย
หากมีเวลาอีก จะมาเล่าเรื่องอื่นๆเล็กๆน้อยๆให้อ่านกันอีกค่า ♥️




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2562    
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 8:56:38 น.
Counter : 268 Pageviews.  

#เรื่องเล่าระหว่างทาง #2​4


เราเดินลงตามทางเก่าที่ขึ้นมา แต่หลายๆครั้งที่เราต้องหันไปถามบุลบุลว่า นี่พวกเราเดินขึ้นมาทางนี้จริงๆหรือ
ทำไมดูยากอย่างนี้ ทำไมไม่คุ้นเลยอ่ะ บุลบุลออกจะขำแล้วบอกเราว่า
ก็มาทางนี้แหละ แต่มุมมองทางขึ้นกับทางลงบางทีทำให้ดูแตกต่างกัน
และความลำบากของการเดินขึ้นและเดินลง ก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย

เมื่อบุลบุลบอกเราว่า การเดินลงจะช่วยลดเวลามากกว่าการเดินขึ้น ได้เกือบ 20-30%ของการเดินมา
เราไม่ค่อยอยากเชื่อ จนเริ่มเห็นภาพของหมู่บ้านด้านล่าง เราถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจ
แต่บุลบุลอีกนั่นแหละ ที่บอกให้เราเก็บความดีใจไว้ก่อน เพราะว่าภาพที่เห็นถึงเหมือนจะใกล้
แต่จริงๆแล้วไกลกว่าที่คิดมาก

เราเร่งเดินต่อแบบไม่เชื่อบุลบุลสักเท่าไหร่ ก็มองลงไปเราเห็นทั้งหลังคาบ้าน เห็นแม่น้ำอยู่แล้วนี่
เราก็เลยเดิน และเดิน และเดิน.. เดินจนเหนื่อย เดินจนปวดขา เดินจนท้อ..
ใช่.. บุลบุลพูดถูก แมร่ง อีกไกลลลลลลล ล ลล ฮือออออ อ อ

สภาพเราสะบักสะบอมไม่ต่างจากขาขึ้นเท่าไหร่
ต่างแค่หัวใจไม่เต้นแรงจนเหมือนจะกระดอนออกมานอกอกอีกแล้ว เพราะเป็นทางเดินลง
แต่อาการปวดร้าวหน้าขา เจ็บนิ้วเท้าระบมไปทุกนิ้ว ที่จิกเกร็งตอนการเดินลง ก็ทรมานไม่ต่างกัน
ขาสั่นและปวดเป็นระยะๆ.. เราเดินอย่างหมดแรง ดูช่างต่างกับบุลบุล
ที่ยังคงร้องเพลง my heart will go on อย่างสุนทรีย์ แหม่ มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ บุลบุลเอ๊ยยยย
บุลบุลขอให้เราถ่ายภาพให้ เลยได้ภาพมาให้ทุกคนเห็นโฉมหน้า เจ้าเด็กแคชเมียร์​อายุเพียง28ปี
ผู้มีความฝันที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ และทำในสิ่งที่ตัวเองชอบคือการเดินป่าและปีนเขา
บุลบุล ชื่อซึ่งบังเอิญแปลว่า นก เหมือนกัน และเกิดในเดือนเมษายนเหมือนกัน
เป็นเด็กที่มีจิตใจดีมาก คอยดูแลเราเป็นอย่างดี แม้แต่ในช่วงที่ต้องเดินอย่างเหน็ดเหนื่อย
ก็ยังพยายามเดินไกด์ไปข้างๆเรา โดยตัวเขาเลือกทางเดินที่ยากกว่า
หรือทางเดินไหล่เขาที่อันตรายกว่า ไม่ยอมให้เราอยู่ในสถานการณ์​เสี่ยงโดยไม่จำเป็นเลยสักครั้ง

ทั้งยังพยายามบังคับให้้เรากินอะไรเข้าไปอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่เถียงกันบ่อยครั้ง
เพราะบนนั้นเราเหนื่อยจนกินอะไรไม่ลงจริงๆ ทั้งวันกินได้แค่ไข่ต้มสองฟอง
แอปเปิ้ล 1-2ลูก และแป้งปิ้งครึ่งแผ่นเท่านั้น

การเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีของบุลบุล ทำให้เราเชื่อว่าธุรกิจที่เขารักมากนี้
คงจะประสบความสำเร็จ​ด้วยการบอกกันปากต่อปากของลูกค้าแน่ๆ 😃




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2562    
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 8:50:33 น.
Counter : 172 Pageviews.  

#เรื่องเล่าระหว่างทาง #2​3


เมื่อขบวนม้าพ้นไป เราก็เดินมาเรื่อยๆจนถึงเพิงยิปซีที่ขายชาแห่งแรกที่เราแวะเมื่อขาขึ้น
จากการเดินทางท่องเที่ยวในแคชเมียร์​ทั้ง Pahalgram และ ที่นี่
เราพบว่า เพิงยิปซีที่ิอยู่ทำเลดีๆ มีคนผ่านเยอะ มักจะเปิดให้นักเดินทางเข้าไปซื้อชา
หรือ ทำอาหารเล็กๆน้อยๆขายอีกด้วย
หลายๆแห่ง ซื้อขนมถุงๆและน้ำอัดลมขวดเล็กๆขึ้นไปขายหารายได้ รวมทั้งมาม่า
ที่เรียกกันทางนี้ว่า แม๊กกี้ ก็มีขายพร้อมบริการต้มให้เสร็จสรรพ โดยมากเป็นแม๊กกี้รสmasala
ซึ่งเราเองยอมแพ้ตั้งแต่ได้กลิ่นแล้ว 555





 

หลายๆครั้งที่เจอยิปซีตัวน้อยๆชอบเข้ามาขอสตางค์ในแหล่งท่องเที่ยว เรามักจะไม่ให้
แต่จะเปลี่ยนเป็นเลี้ยงขนมหรือแม๊กกี้แทน ก็ดูแล้วเป็นที่สนุกสนานและพึงพอใจของยิปซีตัวน้อยๆมาก
เครื่องดื่มยอดฮิตของพวกเด็กๆเหล่านี้ที่มักจะเลือกเวลาซื้อให้ คือ เมาเท่นดิว
ในขวดสีเหลืองสดใส ขนาดเท่าฝ่ามือ ถือว่าป๊อบมากที่นี่

เราหยุดแวะพักและดื่มชาที่เพิงนี้ และเก็บภาพถ่ายวิวสวยๆ ที่มองผ่านประตู และหน้าต่างของกระท่อมยิปซีหลังนี้ออกไป

น่าอิจฉามาก ที่เขาได้เห็นวิวสวยๆทุกวัน ในบรรยากาศของแสงที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ


อารมณ์​เราดีขึ้นมากเมื่อนึกถึงว่าจะได้อาบน้ำอุ่นๆ และสระผมที่เริ่มเหนียวหนับอย่างจุใจ
และจะได้เอนตัวนอนพักผ่อนในที่พักด้านล่าง พร้อมทั้งไม่ต้องเดินเป็นระยะทางไกลๆอีกแล้ว เย้!!
แต่อารมณ์​ดีใจก็ไม่ถึงที่สุด เพราะรู้ว่าทางข้างหน้ายังคงอีกไกล และไม่ต่ำกว่าสี่ห้าชั่วโมงแน่ๆพร้อมทั้งอาการปวดท้องที่ชวนให้ขนลุกเกรียวก็มีมาเป็นระยะๆ 😱😱😱




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2562    
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 8:42:13 น.
Counter : 241 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.