A Beautiful Mind ตรรกศาสตร์ ภาพหลอน เธอ ผมค่อนข้างถูกชะตากับหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของอัจฉริยบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก(แต่ผมก็มักจะได้ยินครั้งแรกตอนดูหนังนี่แหละ) อย่าง The Theory ofEverything, The Imitation Game, The Man Who Know Infinity และ A Beautiful Mind เรื่องล่าสุดที่เพิ่งดูจบไป หนังเล่าถึงชีวิตของนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะ จอห์น แนช (รับบทโดยรัสเซล โครว์) ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลโนเบลมาครอบครองแต่กว่าจะมาถึงวันนั้นได้ เขาก็ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายจนสามารถยืดอกประกาศสุนทรพจน์อันยิ่งใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เคยได้ยินคำว่า เพื่อนในจินตนาการ หรือเปล่าครับ นี่แหละที่คอยหลอกหลอนแนชมาทั้งชีวิตเขามีเพื่อนสนิทที่เป็นรูมเมทกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยและเป็นคนที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจเขามาตลอด หลังจากเรียนจบแนชก็ได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์ และเขาได้รับการติดต่อให้ทำงานราชการลับเกี่ยวกับการถอดรหัสของรัสเซียนี่ฟังดูเหมือนเป็นภารกิจสำคัญที่มีแต่อัจฉริยะเท่านั้นที่จะทำได้จริงมั้ยครับ แต่ที่จริงกว่านั้นคือมันไม่มีอะไรจริงเลยสักนิดเดียว! แนชป่วยโรคจิตที่ไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างความจริงกับจินตนาการส่วนหนึ่งคือเขาเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่งการมีเพื่อนในจินตนาการนั้นอาจเป็นการเติมเต็มในจุดนั้นส่วนในเรื่องของการได้ทำหน้าที่ราชการลับและการได้รับการยกย่องก็แน่นอนความต้องการเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มากซึ่งนี่เองที่น่าจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้คนในจินตนาการนั้น มีตัวตนอยู่ในโลกของแนชจริงๆ(เขายังคงเห็นเพื่อนในจินตนาการและหน่วยราชการลับอยู่จนถึงวันที่เข้ารับรางวัลโนเบล) จากหนังหลายๆ เรื่องที่ได้ดู อัจฉริยะหลายๆคนนั้นต้องมีเอกลักษณ์หรืออะไรบางอย่างที่แตกต่างจากคนทั่วไปนั่นทำให้เขาโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ในยุคสมัยเดียวกัน แต่ที่สำคัญของพวกเขาก็คือ passionในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ แนชเชื่อในตัวเลขและตรรกศาสตร์ เขาพยายามพิสูจน์ทฤษฎี ไขความลับต่างๆที่เขาเชื่อมาตลอดความมุ่งมั่นนี้เองที่ทำให้เขาไปได้ไกลและฝากชื่อไว้กับโลกใบนี้ตราบนานเท่านาน แต่ชีวิตของแนชคงมาถึงวันนี้ไม่ได้หากไม่มีอลิเชีย (เจนิเฟอร์คอเนลลี) คู่ชีวิตที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด ทั้งในยามสุขและทุกข์เธอนี่เองที่สอนให้แนชหันมาแก้สมาการชีวิตที่ยุ่งเหยิงของตัวเองดูบ้างแทนที่จะหมกมุ่นกับตัวเองที่อยู่ในหัวสมองเขาค่อยๆ ปรับตัว แม้ไม่สามารถลบภาพหลอนออกไปได้แต่ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับภาพหลอนเหล่านั้นได้ราวกับเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันหวนกลับมาบรรจบกันได้อีก ผมนับถือความรักของผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างอัจฉริยะทุกๆ คน ในหนังหลายๆเรื่องแสดงให้เห็นว่าพวกเธอช่างเสียสละเหลือเกิน อลิเชียใน A BeautifulMindก็เช่นกัน เธอยอมอยู่กับเขาในวันที่เขาไม่สามารถทำงานอะไรได้กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว เผชิญกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของความรักแต่เธอก็ยังรักและคอยสนับสนุนคนรักของเธอไม่เคยเปลี่ยน ในตอนท้ายของเรื่อง เป็นฉากที่ผมประทับใจมากที่สุดมันเป็นฉากที่แนชเข้ามาดื่มน้ำชาในห้องอะไรสักอย่างกับคณะกรรมการรางวัลโนเบลที่พรินซ์ตันมีวัฒนธรรมการยอมรับและแสดงความยินดีกับผู้ที่ประสบความสำเร็จด้วยการหยิบปากกามาวางไว้บนโต๊ะที่คนๆนั้นนั่งอยู่ แนชเคยเห็นภาพเหตุการณ์นี้มาแล้วเมื่อสมัยเรียน และในวันนี้ที่เขาก็ได้รับเกียรตินั้นในที่สุด สุนทรพจน์ที่แนชขึ้นพูดในตอนท้ายนั้นประทับใจเหลือเกินเขาพูดเกี่ยวกับชีวิตตัวเองที่อยู่กับตรรกศาสตร์และตัวเลขมาตลอดนั่นเองที่ทำให้เขาเห็นภาพหลอน และทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือความจริงอะไรคือความลวง แต่คนที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ก็คือภรรยาของเขา คุณคือเหตุผลของผม ผมคิดว่าแนชและอลิเชียคงไม่มีวันลืมประโยคนี้ไปตลอดกาล แวะมาทักทายช่วงบ่ายครับ
โดย: สมาชิกหมายเลข 3392476 วันที่: 17 ตุลาคม 2559 เวลา:15:07:16 น.
|
สมาชิกหมายเลข 735183
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
| ||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |