งานหนังสือ – ตัวชี้วัด – ความเติบโต – สิ่งที่ต้องพัฒนา


สำหรับนักอ่านและนักเขียน นี่คือช่วงที่ทุกคนรอคอย เพราะจะได้ซื้อหนังสือที่มีให้เลือกละลานตา ได้พบปะนักเขียนที่เราชื่นชอบ และได้เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น การได้มาเดินงานหนังสือเหมือนผมได้กลับบ้าน บ้านที่เราคุ้นเคยและโหยหาที่จะเจอมาตลอด ผมจะได้กลับบ้านปีละสองครั้ง เพื่อไปรับเอาบรรยากาศและความรู้สึกดีๆ นี้มาเก็บเอาไว้ให้ชุ่มปอด แล้วก็รอคอยให้โอกาสนี้เวียนมาอีกครั้งในปีต่อไป

นอกจากนี้ งานหนังสือสำหรับผมยังมีอะไรมากกว่านั้น เพราะมันเป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตการทำงานไม่ประจำของผม งานหนังสือปีครั้งที่แล้ว เป็นครั้งที่ผมลาออกจากงาน ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า เลยได้ตั้งเป้าหมายสั้นๆ กับตัวเองไว้ว่า อย่างน้อยๆ งานครั้งนี้ต้องได้ทำงานไม่ประจำอยู่ และต้องได้มาขายหนังสือด้วย – โชคยังเข้าข้างที่ผมไม่ผิดสัญญากับตัวเอง

ปีนี้เปลี่ยนมาขายหนังสือให้บูธต้นสังกัดที่ตีพิมพ์สกู๊ปของกลุ่มนักเขียนและช่างภาพของพวกผม คงจะเป็นการดีที่เราจะได้รู้จักนิตยสารฉบับนี้มากขึ้น และเผื่อต่อยอดถึงการร่วมงานกันในครั้งต่อๆ ไป งานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะเหนื่อยบ้าง หนักบ้าง ไม่ค่อยได้นั่งพักเท่าไหร่ เพราะจะเน้นยืนเป็นส่วนมาก ทำให้กลับบ้านมาแล้วจะร้าวระบมจนอยากจะสลบไปให้พ้นๆ แต่ก็ทำไม่ได้ มีงานที่ต้องทำรออยู่ ในช่วงงานหนังสือผมต้องกลับมาทำงานต่อทุกวันจนดึกๆ ดื่นๆ แต่ก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี (ล่ะมั้ง) มันทำให้ผมรู้ว่า เราสามารถทำได้ ข้อจำกัดไม่มีหรอก ถ้าจะมีก็คงเป็นข้ออ้างนั่นแหละ ที่เราเอามาหลอกและบอกตัวเองว่าเราทำไม่ได้ ทำไม่ไหว

อีกอย่างคือการได้รู้จักคนมากขึ้น มีเพื่อนเพิ่มขึ้น ได้พบปะพี่ๆ นักเขียนและเจ้าของสำนักพิมพ์ ได้แลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่เก่งๆ ที่เราไม่คิดว่าจะได้ปะทะกันใกล้ชิดขนาดนี้ ได้มีโอกาสทำความรู้จักและเข้ามาใกล้วงการนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นทำให้ผมเห็นความแตกต่างของการใช้ชีวิตและประสบการณ์ การทำงาน ฝีมือ และทัศนคติ รวมไปถึงยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ผมต้องไปอ่าน ไปศึกษาอีกมากทีเดียว เพราะที่ผมมีอยู่ตอนนี้ไม่ได้เรียกว่าไม่พอ แต่มันแทบจะไม่มีเลยต่างหาก ถ้าหากอยากจะยกระดับตัวเองให้ก้าวกระโดดไปมากกว่านี้ สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันคงไม่พอหรอก

ผมต้องทำมากกว่านี้ เรียนรู้เยอะกว่านี้ พัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้

อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากๆ คือตอนที่ไปขอลายเซ็นเป็นเพื่อนรุ่นพี่กับคุณลุงสุชาติ สวัสดิ์ศรี รุ่นใหญ่ในวงการ คุณลุงบอกพวกเราว่า

ถ้ายังไม่มีอะไรจะเขียน ยังไม่ต้องรีบนะคุณ ยังหนุ่มกันอยู่ ค่อยๆ ใช้ชีวิต เก็บสะสมประสบการณ์ อ่านหนังสือเยอะๆ ดูหนังเยอะๆ
มันเป็นคำพูดธรรมดาๆ ที่ใครก็พูดได้ แต่เมื่อมันออกมาจากปากสิงห์สนามหลวงคนนี้แล้ว กลับกลายเป็นบทสนทนาที่ผมจะจดจำเอาไว้ตลอดเลยทีเดียว

งานหนังสือครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมได้อะไรมากมายเหลือเกิน เรื่องหนังสือหรือเงินค่าจ้างที่ได้มานั้นแทบไม่สำคัญอะไรเลยถ้าเทียบกับประสบการณ์เหล่านี้ เพราะผมได้ ‘อ่าน’ จากพวกเขาและพยายามซึมซับและกลั่นกรองมันออกมาเป็นงานชิ้นนี้และในบันทึกส่วนตัวของผมแล้ว

งานหนังสือครั้งหน้า ผมก็อยากสัญญากับตัวเองอีกครั้งว่ายังไงก็จะต้องไปขายหนังสือให้ได้ และยังต้องทำงานไม่ประจำต่อไป (และให้ชีวิตดีขึ้นกว่าครั้งนี้ให้ได้เหมือนกัน) มันเป็นคำสัญญาที่ผมไม่อยากจะพลาดมากที่สุด

เพราะมันสำคัญกับชีวิตและเส้นทางเดินต่อจากนี้ของผมมากเหลือเกิน




Create Date : 02 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2558 21:05:18 น.
Counter : 789 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 735183
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



พฤศจิกายน 2558

1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog