เอ๋ผัก(แซ่)กาดจอ............นักบุญแห่งกวางโจว

เมื่อข้าพเจ้าโดนสายลมชุนเทียนรีไทร์ด้วยส้นเท้าให้ต้องลงใต้..................... ณ.ที่นี้...กวางโจว



ข้าพเจ้าพบมันอีกแล้ว..............ศิษย์น้องร่วมสำนัก
...มัน เอ๋ผัก(แซ่)กาดจอ

เอ๋ผักกาดจอ...มันเปนใคร มันก็แค่หนุ่มกระทงผู้ประกอบสุจริตอาชีพเปนคนเขียนสวนดอกไม้ ข้าฯพบมันครั้งแรกเมื่อเก้าปีก่อน ต้นฤดูฝนนั้น ที่ข้าฯยังมีบ่วงกรรมที่ต้องชำระ ด้วยว่า...ธีสิส...ยังไม่เสร็จ มันเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักรุ่นใหม่ ใช่ข้าฯอยู่ปีหก มันเปนเฟรชชี่ มันเปนภารกิจที่ไม่อาจปลดปลงในการเปนพี่ใหญ่ที่ต้องบริการ อบรม สั่งสอนน้องน้อย

ครั้งหนึ่งเหล่าเราร่วมสำนักทั้งรุ่นใหญ่รุ่นกลางและรุ่นเล็กอย่างมัน มีภารกิจไฟท์บังคับที่...เหลาริมน้ำไม้ฉำฉา... การประลองหลังแก้วจบลง หลังเสียงบทเพลงจากนักร้องหญิงร่างเล็กแต่บึ้มจางหาย เจ้พรหัวหน้าเสี่ยวเอ้อมาอัญเชิญกึ่งบังคับ ว่าพวกมรึงกลับบ้านได้แล้ว ร้านปิดแล้วโว้ยยยยยยยยยยย

ยังมันยังไม่จบ จิบฮั่วแด๋ง (ดาบสั้นโรแมนซ์) อาสาไปตบเบียร์ช้างที่เซเว่นมาสามชวด เรานั่งละเลียดกันต่อสามคน ณ.วอเตอร์พร้อนท์ริมปิง จิบฮั่วแด๋งกระดกเบียร์พลันร่ายกวีที่ไม่มีใครในโลกเข้าใจความหมายแม้แต่ตัวมันเอง ข้าฯทิ้งสายตาไว้ที่สายปิง เอ๋ผักกาดจอแอบสบตากับแสงจันทร์ "หุบปากมรึงสักครู่ได้ไหมจิบ พวกกรูรำคาญ" ข้าฯห้ามปรามอย่างสุภาพ "อ้าววว แล้วกัน นึกว่าซึ้ง เห็นพากันนั่งตาเยิ้ม" มันตอบอย่างน่าตบ " แสรดดดดดดดด กูง่วงเว้ยยย นี่ตีห้าแล้วนะเว้ย ไปๆหาไรแดรกกันก่อนกลับ" ข้าฯเสนอ "หนมจีนกาดหลวงก็ดีนะเฮีย" เอ๋ผักกาดจอเสนอ "เออ ดี"

ที่นี่...เหล่าร้านขนมจีนที่โรแมนติกที่สุดในโลก มีที่ไหนกินขนมจีนใต้แสงเทียน
"เฮีย ผมอยากซื้อดอกไม้ไปเซอร์ไพรส์หญิงตอนเช้า พอหอในหญิงเปิดตอนหกโมง หล่อนจะได้ประทับใจ" เอ๋ผักกาดจอปรึกษา "นี่มรึงมาเรียนไม่ถึงเดือน จะจีบหญิงแล้วรึ แต่กรูว่าถ้าจะให้เซอร์ไพรส์มรึงต้องอะไรที่มันไม่ธรรมดาเว้ย มาเด๋วกรูจะพาไปซื้อ" ข้าฯรับอาสาอย่างเต็มใจ


หลังข้าฯรอดพ้นบ่วงกรรมที่ชื่อธีสิส สองอาทิตย์หลังจากนั้นข้าฯพลันปะหน้าจิบฮั่วแด๋งที่หน้าคณะฯ "เฮ้ยจิบได้ข่าวเอ๋ผักกาดจอมั่งป่าว ตกลงมันจีบอีน้องโกวเนี้ยฟู้ดเทคฯนั่นติดปะ" ข้าฯถาม "ติดบ้าอะไรกันเฮีย ก็เฮียแหละแมร่งเมาแล้วดันพิเรนทร์ ยุให้แแมร่งซื้อผักกาดไปฝากหญิง แมวที่ไหนเค้าจะเอามันเฮีย"

ตั้งแต่นั้นเปนต้นมามันจึงเปลี่ยนชื่อเปน...เอ๋ผักกาดจอ...อย่างถาวร




 

Create Date : 16 เมษายน 2552   
Last Update : 17 เมษายน 2552 16:18:48 น.   
Counter : 536 Pageviews.  


คืนข้ามปีที่เซี่ยงไฮ้

เวลาล่วงเลยมิดไนท์มาเล็กน้อย มันทั้งสองก้าวเท้าออกจากงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ของชาวไท่กั๋วเหริน ทิ้งเหลา...มาบุญครอง...บทเพลงคาราบาวและอาการม่วนถึงขั้นบ้าคลั่งของหนุ่มสาว(เหลือน้อย)ชาวไทยไว้ข้างหลัง

ท่ามกลางอุณหภูมิ ตัวขี้เกียจที่นอนแน่นิ่งที่เส้นศูนย์องศา ราตรีคืนนี้ท้องฟ้าสว่างไสวไปด้วยพลุและดอกไม้ไฟ ถนนหวยไห่ละลานไปด้วยผู้คน บ้างมาเป็นคู่ บ้างเป็นหมู่คณะ “แม่งงงงงง หนาวแสดดดดดดดดดดดดดดด ถ้าได้ไออุ่นจากร่างขาวๆหมวยๆของสาวเซี่ยงไฮ้คงงดงามพิลึก” จอมยุทธพเนจร บักเบตุ้ย กล่าวพลางกระชับเสื้อโค๊ตให้เข้าที่ “ แถมขนจั๊กแร้ยาวเฟื้อยนี่นะท่าน” กระบี่ชราใบหน้าเด็ก จิวแป๊ดทง ให้ความเห็นแต่สายตาหาได้ละจากกลุ่มหมวยน้อยที่เดินผ่าน “แสดดดดดดดดดดดดดดดดด สาวเซี่ยงไฮ้ไร้ขนเฟ้ยยยย สาดดดดด เขาอินเทรนด์ออก” บักเบตุ้ยแย้ง “งั้นคืนนี้เราจะไปพิสูจน์สมมุติฐานนี้ที่ไหนดีท่าน”จิวแป๊ดทง ถามความเห็น บักเบตุ้ยตาเป็นประกายคล้ายมีคำตอบในใจ พลางแสยะรอยยิ้มของหนุ่มเจ้าสำราญ หล่นวลีเท่ห์ๆว่า“RICHY เลยเป็นไงท่าน” และแล้วมันทั้งสองก็มุ่งหน้าฝ่าลมหนาวไปยัง...สวนฝูซิ่ง...ที่ตั้งของสุราสถานนาม “ RICHY”

พลันที่ขาทั้งสี่เหยียบย่างสู่เขตสวนฝูซิ่ง เสียงดนตรีก็ดังแว่วมา สวนเล็กๆแห่งนี้มีสุราสถานตั้งประชันกันถึงสามแห่ง ...กวนตี้...แหล่งบันเทิงขนาดกะทัดรัด ซุกอยู่ในซอกหลังดงไม้ วันดีคืนดีจะพบกลุ่มนักศึกษาชาวไทยเซิ้งกันอยู่อย่างเมามันส์ ...ปาร์คจิ่วชี...ขับกล่อมท่านให้อารมณ์กระเจิงด้วยดนตรีละติน อุดมไปด้วย”ไก่” และที่นี่...ริชชี่...เซิ้งสถานของหมวยตี๋เซี่ยงไฮ้

“เฮ้ย บักตุ้ยกรูว่าเราลองไปปาร์คฯดูมั้ย กรูกลัวการ์ด แมร่งงจำหน้ากรูได้ วันก่อนดันเมาแล้วเปรี้ยวจะต่อยแมร่งเอา” จิวแป๊ดทงขอความเห็นใจ “ เฮ้ยยยย ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกรูบอกแมร่งว่ากรูเป็นมวยไทย” จอมยุทธพเนจรการันตีความปลอดภัยให้สหาย “แล้วเมิงพูดกะมันรู้เรื่องรึ แสดดดดดดดดดดดดดดดด” กระบี่ชราใบหน้าเด็กยังวิตกจริต “ เดี๋ยวกรูแสดงท่า จา พนม ให้แมร่งดู ไม่มันก็เรามีวิ่งหางจุกตรูด แสดดดด ฮ่าฮ่าฮ่า” แล้วมันก็นำหน้าเข้าไป


เสียงปี่กลองเชิดทำนองเร้าอารมณ์ แสงไฟหลากสีส่องแสงวูบวาบชวนจิตหลอน เหล่าตี๋หมวยหลายร้อยชีวิตกำลังบดกร่อนวิญญาณและร่างกายให้ร่องรอยไปกับบทเพลง อากาศภายในอบอุ่นจากไอร้อนเครื่องฮีตเตอร์ เหล่าหมวยในอาภรณ์น้อยชิ้น ที่ท้าทายลมโคตรหนาวจากภายนอก กรุ่นอารมณ์อันร้อนแรงผ่านร่างกายที่กำลังร่อนคลึง
"แม่งงงง แสดดดดดดดดด ดูอีน้องนั่นเด้ นั่นน่ะสายเดี่ยวสีแดงไม่เบรคไง ส่ายเอี้ยๆ ตัวสูงกว่าเมิงอีก ว้าวววววว ก็อด" จอมยุทธพเนจรที่ครั้งหนึ่งเคย...บู๊...อยู่แววเกาะสิงโตกล่าวอย่างตื่นเต้นพลางปาดน้ำลายพลาง มันทั้งสองหาที่สถิตย์ยืนเพ่งอยู่หน้าโต๊ะ(โซฟา)เซียนของเหล่านักรบ อบต. กล่าวคือถ้าใครอยากนั่งโซฟาต้องระดับเทพเท่านั้น เฮนเนสซี่ต้องสองขวดและต้องมีพาวเวอร์ในการจับจองที่นั่ง และค่ำคืนนี้เป็นคิวของมัน...นักรบ อบต. มันทั้งห้ายึึดครองโต๊ะอยู่ก่อน รูปร่างของมันแต่งกายคล้ายแฝดห้า กางเกงผ้ามันสีเข้ม ใส่เสื้อโปโลหลากสี ล็อกในไใ้ในกางเกง แน่นอนว่าพุงของมันทั้งหลายปลิ้นออกมาหลายเซี๊ยะ อายุเฉลี่ยเกินสี่สิบ มันว่าสี่ในห้าคนศรีษะ999,999 พวกมันกำลังประลองกีฬาทายลูกเต๋ากันอยู่ พร้อมเสียงเฮลั่นร้าน ยามมีคนแพ้ บวกกับเสียงเชียร์เหล่าแม่นางหน้าแฉล้มที่อย่างน้อยจากการคำนวณด้วยสายตา ต้องคัพซีอย่างต่ำที่นั่งอยู่รอบกายพวกมัน พากันส่งเสียงฉอเลาะคะยั้นคะยอให้ดื่มเฮนเนสซี่มิกซ์กับชาเขียว
"แสดดดด แม่งสงสัยไอ้พวกนี้แม่งทำโรงงานซีดีปลอม รวยเอี้ยยย สงสัยกลับเมืองไทยไปต้องสมัคร อบต.แล้วกรู" บักเบตุ้ยพูดอย่างเสียดายคลึงแก้วโค้ก(สามห้าหยวนแน่ะ แพงแสดดดด)ไปมา "แม่งงงงเสียดายเหล้าว่ะ วิสกี้ผสมชาเขียวเนี่ยนะ อร่อยรึ แป๊ดทง" มันสงสัย "รสชาติแม่งกะหรั่วสัด บอกได้คำเดียวว่า...เวรี่ระยำ...คับท่าน กรูลองแล้วสองแก้ว อ้วกพุ่ง" จิวแป๊ดทงเฉลย พร้อมทำหน้าคล้ายกลืนอ้วก แล้วยกฉีลี่(ไฮเนเก้น)ขวดเล็กขึ้นดก

ราตรียังคงเร่าร้อน
บทเพลงที่แสนกระแทกกระทั้นวิญญาณ
เหล่าแม่นางที่ร่อนร่าน
พวกมัน สองสหายมือถือแก้วและขวดต่างโยกหัวหงึกหงัก ทว่าอารมณ์กระเจิงไปหลายสิบลี้ แต่พื้นที่จำกัดโยกได้แค่นี้ก็บุญ
"แม่งงง น้องเกาะอกสีขาวแจ่มว่ะ เดี๋ยวกรูลองไปสี" บักเบตุ้ยบอกแล้วเดินโยกหัวตรงรี่เข้าไป

สองนาทีมันเดินกลับมา ทำหน้ามุ่ย ความหล่ออย่างเต๊บลดดีกรีจนเกือบติดลบ "แม่งงงกรูพูด ฮัลโล คำเดียว แม่งตอกจีนกลับมาเป็นชุด กรูเลยบอกว่า ไอ ด๊อน ไลค์ พ๊อพมิวสิค แสดดดดดดดดดดพูดเอี้ยไรไม่รู้ เซ็งงง" มันบ่น

มันทั้งสองทิ้งเสียงเพลงไว้ข้างหลัง เดินผ่าลมหนาวกับใจอันเปล่าร้างกลับบ้าน
...สามนาฬิกาผ่านพ้น




 

Create Date : 01 มกราคม 2551   
Last Update : 3 มกราคม 2551 13:24:53 น.   
Counter : 235 Pageviews.  


ยินดีต้อนรับสู่ซ่างไห่ จอมยุทธแซ่บัก นามเบตุ้ย

และแล้วมันก็เข้าฝั่ง.................................เจ้าของฉายา พรานล่าพรหมจรรย์ SHEMALE จอมยุทธอิมพอร์ตผู้ทะยานท่องมาหลายหมื่นลี้ กำเนิดจากแผ่นดินแห่งรอยยิ้ม.................ไท่กั๋ว มันร่ำเรียนสุดยอดวิชา LANDSCAPE จากสำนักตักศิลาแห่งการเกษตร แห่งหัวเมืองล้านนา มันผู้มีห้องนอน ณ. RIVER SIDE(เจ้แหม่ม พูดไทยชัดกว่ามัน เจ้าของร้าน ส่งจูบให้มันทุกคืน มันหายี่หระไม่) ห้องนั่งเล่นของมันคือ BRASSERY(เดอะตุ๊ก BRASSERYนับมันเปนน้องบุญธรรม และห้ามมันเข้าร้าน หลังจากมันฉี่รดเฟนเดอร์ กีต้าร์ตัวโปรดของแก ณ.คืนที่มันไร้สติ) มันผู้กรีดเลือดตูดสาบานเปนพี่น้องกะไอ้หลุย หุ้นส่วนWARM UP สมัยที่พวกม่างยังนั่งจ๋องอยู่แถวหน้า GIGI (ม่างงงงงงงงงงงงง เก่าสาดดดดดดดดดดดดดด)
ด้วยความหิวกระหายอยากลิ้มลองยอดวิชาออกแบบเมือง มันมุ่งหน้าลงใต้ คุกเข้าอยู่หน้าประตูสำนักฯละแวกหน้าพระลาน ตากแดดตากฝนอยู่สามวันสามคืนจนอาจารย์ใจอ่อนยอมรับเข้าสำนักฯ มันกอดม้วนกระดาษ MASTER DEGREE หลังสองปีผ่านพ้น จากนั้นมันเที่ยวกราบกรานอาจารย์อีกสองสามสำนักฯ ก่อนมุ่งหน้าลงใต้ สู่เกาะกลางทะเลลึก แผ่นดินที่มีสิงโตพ่นน้ำ ตามคำเชิญชวนของสหายรักนาม เอ๋ซื่อเตี๋ย (นามเดิม เอสเตี้ย) ตลอดเวลาสามสี่ปี บนแผ่นดินลีกวนยู มันสะสมวีรกรรมสะท้านเกาะไว้ในกระปุก ด้วยการท้าประลองกระบี่และสุราไปทั่วทิศ กระบี่ของมันนาม ลามี่โอบจันทร์ คือสุดยอดศาสราวุธแห่งแดนดิน แต่แล้วห้วงเวลาแห่งความหฤหรรษ์ของมันพลันสิ้นสุดลง ณ.ค่ำคืนนั้น คืนที่มันตะกรามร่ำสุรา เพื่อให้ทันเส้นตาย HAPPY HOUR ณ. เหลา “เงินจางนางจร” สายตาที่พล่าลางของมันพลันสอดประสานกับสาวงานในมุมมืด เมื่อความเหงาเปนขั้วบวกขั้วลบ หนุ่มสาวได้มาพบในคืนที่ร้าวราน ทั้งสองเกี่ยวก้อยขึ้นเขาหวู่ซัน มันหารู้ไม่ว่าหญิงสาวที่มันได้เสียในคืนนั้นเปน อนุภรรยาคนที่ ๗๔ของหัวหน้าพรรคมารฯ(ทรท.)แห่งเกาะสิงโต ที่บังเอิญว่าเปนกะเทยแปลงเพศ ผายลมย่อมมีกลิ่น ฉันใดฉันนั้น ความลับย่อมไม่มีในโลก เมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผย หัวหน้าพรรคมารฯ(ทรท.)จึงระดมพลทั้งรัง ปิดเกาะแล้วตามล่ามัน มันได้แต่จากมา เปล่า............................มันหาได้เกรงกลัวอันใดไม่ ที่มันจากมาเพราะอับอายที่ถูกพลเมืองชาวเกาะเหยียดหยามประณามมันว่า เปนชู้กับตุ๊ด........................................................................................

มันลักลอบลงเรือประมงจับปลาหมึกกล้วย ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ตะวันออกกลาง เพราะก่อนหน้านี้สองสามวันมันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับดินแดนแห่งทะเลทราย กลิ่นหอมของผลอินทผลัมบวกกับกลิ่นสาบของฉี่อูฐกำลังกวักมือเรียกมันไปเยือน มันกระโดลงจากเรือว่ายน้ำเข้าฝั่ง ดินแดนแห่งนั้นนาม.................. ดูไบ แสงดาวนับล้านดวงกำลังโอบกอดต้อนรับมัน ลมทะเลทรายนำพากลิ่นฉี่อูฐมาทายทัก อาวววววววววววววววววววววว......นี่แหละ อาหรับราตรี.......................................................................... ฝันอันเพริศแพร้วของมันสิ้นสุดลงพร้อมการมาเยือนของอาทิตย์ในวันใหม่.............................................ม่างงงงงร้อนสาด......................มันบ่นงุ้งงิ้ง
มองไปทางไหนมีแต่ทะเลทรายยาวสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงทิวอินทผลัมอยู่ลิบๆ............................. สาดดดดดดดดดดดดดดดด ผู้หญิงบ้านนี้เมืองนี้ เห็นแต่ลูกกะตา แล้วจะรู้ไดไงฟระว่าม่างสวยไม่สวย..........................มันบ่นงุ้งงิ้งเปนคำรบสอง แต่ที่มันทนไม่ไหวสุดขีดคือ ณ.ดินแดนแห่งนี้ห้ามจำหน่ายของมึนเมาทุกรูปแบบ.............................สาดดดดดดดดดดดดดดดดด แล้วเง้ ม่างงงจะหาศิวิไลยภาพแลสุนทรียภาพได้จากที่ไหนวะ สาดดดดดดดดดดดดดดด..................มันบ่นงุ้งงิ้งเปนคำรบสาม
แต่จอมเยะ เอ๊ย ยุทธนามกระด้างเช่นมันหายอมจำนอนต่อลิขิตฟ้าไม่ สามสิบลิขิตฟ้า หกสิบต้องฝ่าฟัน ต้องสู้ๆจึงจะชน้าาาาาาาาาาา มันสู้อุตส่าห์แสวงหา ...ยีสต์.....มาได้หนึ่งห่อใหญ่พร้อมไหเคลือบเปอร์เซียชั้นดี
และแล้วมันก็เริ่มหมักอินทผลัม สองอาทิตย์แห่งความอดทนเดินเฉียดกายมันอย่างช้าๆ
ความพยายามของมันก็สัมฤทธิ์ผล................................โอวววววววววววววววววววว ก็อดดดดดดด เมรัยอินทผลัมชั้นดี มันบรรจงยิกจิบอย่างละเมียด พริบตาที่ของเหลวผ่านคอ ขนแขนแลขาของมันชูชัน .....................ละเมียดยิ่งกว่าพี่จอห์นดำ................มันพรึมพรำ พริบตาเมรัยไหนั้นก็หมดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอาการทรงกายไม่อยู่ของมันเริ่มทวีความรุนแรง มันแถไปตามผนังโรงเตี๊ยม ตะกายออกไปรับลมราตรี ที่หน้าโรงเตี๊ยมพลันมีสตรีนางหนึ่งเดินผ่าน แน่นอนว่าเห็นแต่ลูกกะตา ด้วยใจที่เปนมิตรมันพลันส่งเสียงทักทาย......HELLO.......................แต่ด้วยอาการลิ้นพันกัน นางหาได้ฟังเข้าใจไม่ ดวงตานางเบิกโพลง เมื่อรู้สึกตัวนางได้สาวเท้ากึ่งวิ่งไปทันที มันพยายยามวิ่งตามพร้อมกับร้องบอกว่า ไม่ต้องกลัวมันหาได้มีจิตรอกุศลอันใดไม่(กรูจะเชื่อมรึงดีมั้ยเนี่ย) แต่แล้วขามันก็พันกัน มันล้มกลิ้งอย่างไม่เปนท่า ร่างมันม้วนหน้าลงเนินสามสิบตลบ สูญเสียกิริยาจอมยุทธมือหนึ่งโดยพลัน ร่างมันพลันหยุดนิ่งในดงตะบองเพชร นั่นคือความทรงจำสุดท้ายของมัน............................................................................................................................

มันตื่นขึ้นมาเพราะสำลักของเหลวรสชาติเค็มปะแล่มๆ สติมันกลับมาพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง แน่นอนว่ามันเป็นอาการบริโภคสุราเกินขีดจำกัด ภาพแรกที่มันเห็นคือผืนน้ำและแผ่นฟ้าที่กว้างไกลสุดสายตา ใช่…มันกลับมายังทะเลอีกครั้งพร้อมกับแกลลอนน้ำมันสองใบที่ผูกกับเอวมันไว้ และมีกระดาษแผ่นหนึ่งแปะไว้บนแกลลอนน้ำมัน อ่านได้ใจความว่า “ในนามแห่งเจ้าผู้ครองนครดูไบ เนื่องจากท่านผู้มาเยือนได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงถึงสองข้อหา คือ ๑.ลักลอบผลิตสารมึนเมาต้องห้าม ๒. พยายามลวนลามสตรีอันดีงาม ซึ่งคณะลูกขุนศาลแห่งรัฐ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เนรเทศท่านผู้มาเยือนด้วยการลอยทะเล ขอให้โชคดี”
ยามนี้สายตาที่เคยเด็ดเดี่ยวของมันพลันหมองคล้ำ ความหวังในการมีชีวิตอยู่ของมันคงต้องอาศัยฟ้าดินลิขิต โอววววววววววววว ยามนี้มันนึกถึงบิดามารดาของมันที่...ชัยภูมิ...มณฑลบ้านเกิด ป่านนี้ทั้งสองผู้เฒ่าจะอยู่อย่างไร มันคิดถึงเจ้ฝรั่งที่บ้านริมน้ำ .....ถ้าวันนั้นกรูหลับหูหลับตาตอบสายตารักของหล่อน วันนี้คงไม่ต้องมาลอยทะเลอย่างนี้ แถมยังจะได้นั่งชิลล์อยู่ริมน้ำทุกวัน ละเลียดบักดำในแก้วอย่างชิลล์ ดึกหน่อยคงได้กระโดดกับบทเพลงมนุษย์ค้างค้าวของบักแว่นนักร้องนำ อีกทั้งเมียน้อยกะเทยของหัวหน้าพรรคมารนั่นเล่า นางช่างทำมันลง ถ้าหล่อนบอกมันเสียนิดว่าเปนกะเทย มันจะได้เก็บภาพไว้เปนที่ระลึกสักช็อตสองช็อต เอาไว้อวดสหายรัก...เมฆาซังฮี้ บัก-ชุม-พน ผู้หลงรักฮิปโปเตมัส (อันนี้พี่ใหญ่แห่งสมาพันธ์เซี่ยซาบันเทิงศิลป์ เขียว-ลง-ยา บอกกรูนะเว้ย กรูป่าวนึกเอง มีไรคิดบัญชีกะมันเองมันกลับยีบเจ็ดเดือนนี้) นึกถึงภาพวันเก่าแล้วน้ำตามันพลันไหล รึว่านี่คือฉากสุดท้ายของเจ้าของกระบวนท่า ลามี่โอบจันทร์อันสะท้านภพ
....................................... ความหวังของมันลดน้อยลงวันละนิดๆ ๆ ๆ วันและคืนที่ทรมานช่างยาวนาน มันหลับไป .....................................มันรู้สึกตัวว่าตัวมันถูกยกขึ้น พร้อมกับเสียงล้งเล้งของคนหลายๆคนอยู่บนหัว มันรู้สึกขัดใจเล็กน้อยเพราะมันกำลังฝันถึงค่ำคืนอันชื่นสุขระหว่างมันกับเมียน้อยกะเทยของหัวหน้าพรรคมาร กลุ่มชายบนเรือทุกคนถากผมด้านหน้าเลี่ยนเตียนไปครึ่งกะบาล ส่วนผมข้างหลังไวยาวและถักเปีย....................ม่างใครช่างกล้าดีไซน์ผมทรงนี้ให้พวกม่างวะ อินเทรนด์เอี้ยๆ.....มันคิด และมันก็ต้องมึนงงกับภาษาที่คนเหล่านั้นเอ่ยถาม แต่หลังจากนั้นมันก็พอเข้าใจอะไรได้บางคำ เช่น หว่อ คือ กรู...หนี่ คือ เมิง ....หว่ออ้ายหนี่ คือ ผมรักคุณ ใช่แล้ว มันได้รับการช่วยเหลือชาวประมงนักล่าปลาชิ้งชั้งชาวจีน .................ม่าง ลอยมาไกลเอี้ย............มันคิด(อีกที) ไต้ก๋งเรือเห็นมันลอยอยู่ในทะเลแล้วเกิดถูกชะตา เลยช่วยมันขึ้นมาเพื่อนำตัวมันกลับไปแต่งงานกับลูกสาวหม้ายร่างอ้วนของมัน สามีของหล่อนจากไปเพราะธาตุไฟเข้าแทรกขณะฝึกปรือกระบวนท่า เสล็ดปราบมารขั้นที่ ๒๔๗ และตอนนี้มันก็รู้ว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน...............................ที่นั่น........................เซี่ยงไฮ้

ขอต้อนรับการเข้าฝั่งเซียงไฮ้ ของจอมยุทธพเนจร..................................... มันแซ่บัก นามเบตุ้ย

ปล. หลังการเข้าพิธีมงคลสมรสกับลูกสาวหม้ายร่างอ้วนของไต้ก๋งเรือ และกลับจากดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ทะเลทรายโกบีแล้ว หลี่หยี หล่อนผู้เป็นไดเร็กเตอร์สาวใหญ่แห่งพรรคอีโต้ (ในอิงเหวิน(อังกฤษ) เรียกขาน EDAW สำนักงานรับจัดสวนให้เหล่าผู้มีอันจะกิน) รับมันเข้าทำงานด้วยค้าจ้างแปดอีแปะขาดตัวต่อเดือน พร้อมข้าวมื้อกลางวันและวันหยุดทุกวันพระ หลังจากที่หล่อนประทับใจในรอยมีดที่บางเฉียบยามมันบรรจงกรีดผิวกิ่งกุหลาบ ในขั้นตอนการทดสอบว่าด้วยการตอนกิ่ง




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2550   
Last Update : 8 กันยายน 2550 18:07:35 น.   
Counter : 319 Pageviews.  


เรา...สามคน...เขา...เธอ...เฮ้อ คนจีน

หัวค่ำ หลังเลิก(กรำ)งาน บนถนนหวยไห่ จง ลู่...

เรา สามคน หนึ่งหนุ่มไทยกับสองหนุ่มชาวไต้ฯ(หวัน)นาม โจวจางและซื่อหลี่(ชาวไต้ฯจะไม่นิยมมีชื่ออังกฤษคับ ยังคงอนุรักษ์นิยม ไม่เหมือนแผ่นดินใหญ่กะเกาะเล็ก) "เฮ้ย แผด(PAT นามเรา)หาอะไรแหลกก่อนเข้าบ้านมั้ย" โจวจาง(รูมเมทเราเอง)เอ่ยปากชวนกินข้าวเย็น "เออ เอาดิ กะลังหิว ว่าไงซื่อหลี่" เราถามอีกคน "เออดี บนห้างแปซิฟิกมีเหลาฯเจ้าดัง" แล้วเราสามคนก็ก้าวเท้าตามหากลิ่นสุรา เอ๊ย อาหาร

ณ.เหลาหมวยแดงน้อยที่หนึ่ง (แม่ง ชื่อไรอ่านไม่ออก แต่มีโลโก้เปนหมวยน้อยผมสองจุก นุ่งกี่เพ้าสีแดง)...

เหล่าหมวยตี๋กำลังเอนจอยมื้อเย็นอย่างเมามันอยู่สามสี่โต๊ะ เราเดินเข้าไปในสุด ด้วยไม่อยากยินเสียงพลังแปดหลอดยามซดน้ำแกงของเหล่าชาวยุทธนั้น "โต๊ะเน้ ละกันนะ" ซื่อหลี่หล่นคำพลางทรุดนั่งบนเก้าอี้แดง ตัดกับโต๊ะสีเขียวอย่างได้ใจ เรานั่งติดผนังหันหน้าออก และแล้วสายตาเราก็พบว่า ถัดไปเบื้องหน้าสามสี่โต๊ะ มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งประลองกำลังภายนอกและใน ห้ำหั่นกันด้วยริมฝีปากอย่างดุดันและเดือดพล่าน เราบุ้ยปากบอกสหายทั้งสอง จางโจวยักใหล่ตามรูปแบบไอ้กัน(สหายทั้งสองท่าน เดินทางหลายหมื่นลี้ เพื่อไปฝึกยอดวิชาจัดสวนที่สำนักฯกระเดื่องนาม....U PENN) แล้วนั่งลงแล้วแสยะยิ้ม ซื่อหลี่ส่ายหัว(หลิมๆ)ของมันไปมา อันที่จริงเราทั้งสามคนช่างชาชินกับภาพเช่นนี้ เพราะในอาณาจักรของฮ่องเต้ นามหูจินเทา ทุกสถานที่ท่านสามารถพบเห็นเหล่าหมวยตี๋ กอด จูบ ลูบ คลำ ล้วง ควักได้โดยทั่วไป บนห้างฯ ถนนหนทาง รถเมล์รถใต้ดิน ยอดฮิตคือสวนสาธารณะ (กรุณาชมภาพประกอบ จะได้อารมณ์อย่างแร็งง) แต่นี่คือการห้ำหั่นกันสุดดุเดือดอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อน หมวยตี๋สองท่านคล้ายว่ามันสองจะไม่ยอมอยู่ร่วมโลก จึงประกระบวนท่าอย่างเอาเปนเอาตายดุจดั่งบนโลกนี้มีเพียงเราสอง แม่นางผู้มีรูปโฉมและรสนิยมบ่งบอกได้ว่า....ฉางไห่นิส(เซี่ยงไฮ้ชน)...กล่าวคือการแต่งหน้าและแต่งกายจะดู...ล้ำ...แนว...กว่าชาวฮั่นทั่วไป เทียบได้กับหญิงสาวจาก...เกาะเล็ก...ได้ นางกำลังครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนตักของอาตี๋วัย(กำลังจะหมด)หนุ่ม ผู้นิยมเลี้ยงไขมันบนหน้าท้อง ศรีษะของมันถูกอำลาโดยผมเผ้าไปแล้วบางส่วน เสื้อโปโลตราตะเข้ ล็อกในไว้ในกางเกงผ้ามันดำขลับ ยิ่งทำให้หน้าท้องของมันโป่งนูน รองเท้าหนังหัวแหลมมันวาว กระเป๋าหนีบใบเล็กของมันบนโต๊ะ เครื่องแต่งกายสำหรับตี๋แผ่นดินใหญ่ที่ต้องสวมใส่ ๒วันต่อสัปดาห์เปนอย่างน้าอย เพราะเปนบทบัญญัติจากจิ๋นซีฮ่องเต้ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรุนแรง................................. เสี่ยวเอ้อเดินมาเก็บจานตะเกียบ ชำเลืองมอง แล้วจากไปอย่างไม่ยี่หระ........................


..............................เราสาม สั่งกับมาสามสี่อย่างพร้อม.....ชิงเต่าอีกสามขวด การต่อสู้ยังไม่มีท่าทีจะสงบ นับวันจะยิ่งประทุแรงยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น น่านนนนนนนนนนนนนนนน มันเริ่มใช้กระบวนท่าฝ่ามืออรหันต์ตบฟาด เคล้าคลึงไปบนร่างของแม่นางน้อย เราสามทราบได้ทันทีว่ามันเปนศิษย์ฆราวาสจากสำนักเส้าหลินอันเกรียงไกร มันเกร็งฝ่ามือเหล็ก สอดไซ้ไปในร่มผ้าบนร่างท่อนบนของนาง ดูเหมือนว่านางกำลังเพลี่ยงพล้ำ ร่างนางบิดพลิ้วไหวไปมาตามแรงที่ผ่านฝ่ามือ เราสามคนละความสนใจกับแกล้มบนโต๊ะ มือถือจอกชิงเต่า จิบพลางส่งสายตาและส่งแรงใจเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งที่ใจทั้งสามดวงอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่ตามกฏของยุทธจักรของการต่อสู้กันตัวๆ ทำให้เราไม่อาจ(เจือก)สอดมือเข้าไปช่วยเหลือได้ การต่อสู้กำลังจะ...พีค... แต่แล้วนางก็ดูเหมือนเหมือนจะเค้นพลังออกมาต้านทานไว้ได้ มันพลันเปลี่ยนกลยุทธ มันละมือจากส่วนบนของนาง และแล้วมันก็ตะปบฝ่ามือเหล็กไปยังจุดชีวิตบนส่วนล่างของนาง นางขยับกายให้พ้นรัศมีฝ่ามือ แต่กระบวนท่าฝ่ามืออรหันต์ช่างยอดเยี่ยมสมคำเล่าลือ มันยังคงเลื้อยติดตามคล้ายอสรพิษตามเหยื่อ ดูนั่นฝ่ามือเหล็กของมันกำลังเลื้อยผ่านยีนส์เดนิมตัวฟิตของนางเข้าไปแล้ว นางดิ้นพล่าน “เฮ้ย พวกเมิงสองตัวเอากล้องมาป่ะ” ซื่อหลี่เอ่ยคำพลางปาดน้ำลายที่กำลังเยิ้มริมฝีปาก เรากับโจวจางสั่นหัวพร้อมกัน แต่สายตาหาได้ละจากสมรภูมิไม่ ข้าฯแอบเห็นจางโจว กำลังฉีกทิชชู่อุดจมูกไว้ นางดิ้นพล่าน แรงขึ้นแรงขึ้น โอววววววววว กระบวนท่าฝ่ามืออรหันต์ ที่หนึ่งของแผ่นดิน การต่อสู้คล้ายว่ากำลังดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ทันใดนั้นนางที่ดูเหมือนว่าจะเพลี่ยงพล้ำ ในวาบความคิด พลันนึกถึงปริศนาธรรมคำสุดท้ายก่อนลาละสังขารของเหล่าซือ(อาจารย์)ผู้ล่วงลับ อ๋อ...........................ข้าฯเข้าใจแล้วอาจารย์................... สมรภูมิพลันพลิกผัน นางพลับรวบรวมพลังชุดสุดท้าย ยื่นมือไปรูดซิปของมัน กระบวนท่าอุ้งมือปราบอรหันต์ นางตะปบจุดตายในกางเกงผ้ามันดำขลับได้แล้ว มันดิ้นพล่าน นางก็ดิ้นพล่าน ฉาด............................โจวจางปรบมืออย่างสะใจ การต่อสู้ที่คล้ายกับว่าจะตกตายกันทั้งสองฝ่าย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ นางพลันฮึดเฮือกสุดท้าย สลัดหลุดจากฝ่ามืออรหันต์ของมัน ทิ้งตัวลงคุกเข่าลงยังเบื้องล่าง กระบวนท่าสุดท้ายในคำภีร์ปราบอสูรของสำนักง้อไบ๊ นางค้นพบแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว นางพลับห่อปากกระจับของนาง ก ร ะ บ ว น ท่ า ชิ ว ห า ป ร าบ อ ส ร พิ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ ษ(สโลว์และเอ็คโค่นิดส์นึง) ม า แ ล้ ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ริมฝีปากนางโถมลงไปกัดกลืนอสรพิษร้าย แต่ทันใดนั้น เสี่ยวอี้(เสี่ยวเอ้อผู้หญิง) เดินถือถาดมาเก็บจานตะเกียบ พลันถูกภาพการต่อสู้ตรึงเจ้าหล่อนให้ตลึงงัน “อุแม่เจ้า พระเจ้าช่วยกล้วยทอด มันยอดมากกกกกกก” หล่อนอุทาน แล้วเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าการต่อสู้จบลงแล้ว มันดิ้นพล่านน กระตุกสามครั้งแล้วแน่นิ่ง




................................................................เราสามสหายก้าวเท้าออกจากเหลาหมวยแดงน้อยที่หนึ่ง ลมหนาวแห่งฤดูชุนเทียนหอบเอาใบเปยสีแดงมาต้อนรับ ในใจของทั้งสามคิดอย่างไรไม่มีใครทราบ มีเพียงซื่อหลี่สบถออกมาอย่างไม่หวั่นเกรงบรรพบุรุษ(ก่อนที่ก๊กหมินตั๋งจะข้ามน้ำไปอยู่เกาะ)เบาๆว่า “SHIT!!!!!!!!!!! _UCKIN’ CHINESE”

...........................................................อวสาร.........................................................................................................

ปล.๑.BASED ON TRUE STORY AT PACIFIC PLAZA,HUAIHAI ZHONG LU BY HUANGPI LU,SHANGHAI CHINA 08:18 PM. 22 AUG 2007
ปล.๒. ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ อะไรก็เกิดขึ้นได้................ที่นี่.........................จีน



ภาพตัวอย่าง แต่เหตุการณ์ที่ประสบมารุนแรงก่านี้หลายสิบตรีนถีบ ๕๕๕๕




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2550   
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2552 14:55:11 น.   
Counter : 328 Pageviews.  


ลำดับเหตุการณ์ความช้ำ

วันพุธ 23 พฤษภาคม 2550
18:00 ....ส่งงานวันศุกร์ ก่อนกลับไทย แต่วันนี้กรูของดโอที ส่งงานให้ ซูซาน ติ่ง(Susan Ding นามจริง) กับ โทนี่ เฉิน(Tony Chen นามจริง) โบกมือลาท่านทั้งสอง กรูกลับบ้านก่อนนะ เมิงทำเสร็จแล้ว กรุณาปริ๊นต์งานแล้ววางไว้บนโต๊ะกรู เดี๋ยงพรุ่งนี้แปดโมง กรูมาตรวจ(แมนแฉดดดดดด ทำงานเก้าโมง แต่กรูจะมาแปดโมง ๕๕๕๕)
19:00................. นั่งละเลียดเบียร์ที่ร้าน THE HUT ลำพัง ชิลล์ๆ กรอกเบียร์ให้กรึ่มแล้วกลับไปนอน ทั้งร้านมีเพียงเจ้าของร้าน หนึ่งเด็กเสริร์ฟ และกรู ฮัมเพลง You'll Never Walk Alone เบาๆ
22:00................... เปิดเพลง YNWA กล่อมนอนเบาๆ
02:00.................. นาฬิกาปลุกทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เดินชิลล์ๆไปแปลงฟัน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์พลันดัง กระทาชายนายหมอ(ตะวัน พากเพยร la 04 นามสมมุติ) และ ปีเตอร์(ตวงพล เตชะ ชะ ชะ ช่า la 04นามสมมุติ) พร้อมด้วย โอ(ปิยะ la 04 ขอสงวนนามสกุล) โทรมาจากหยดน้ำผึ้งแห่งเอเชีย ฮ่องกง ไอ้หมอ แฟนหงส์พันธุ์แท้ บอกว่าโทรมาก่อนเกมส์ เกรงว่าหลังเกมส์อาจจะไม่มีโอกาสโทรมา มันเกรงกลัวผีกาก้า (แฉดดดดดดดดดดดดดดดดด ปากอัปมงคลนะเมิง)
02:20............. ออกเดินทางด้วยเท้าสู่ BIG BAMBOO กีฬาและสุราสโมสร ขับกล่อมด้วย YNWA เช่นเดิม
When you walk through a storm,
Hold your head up high,
And don't be afraid of the dark.
At the end of a storm,
There's a golden sky,
And the sweet silver song of a lark.
Walk on through the wind, Walk on through the rain,
Though your dreams be tossed and blown..

Walk on, walk on, with hope in your heart,
And you'll never walk alone.......
You'll never walk alone.

Walk on, walk on, with hope in your heart,
And you'll never walk alone.......
You'll never walk alone.

ในเวลาต่อมา..................................
02;45 YNWA บรรเลงมาครึ่งเพลง เท้ามาหยุดหน้าร้าน ถอดหูฟังออก แต้ YNWA ยังบรรเลงต่อ ใช่ครับ มันดังมาจากในร้าน เปิดประตู บิ๊กแบมบู เข้าไป เสื้อแดงประมาณห้าสิบคนกำลังขับขาน YNWA สดดๆๆๆๆๆ เริ่มเขี่ยบอล ...............................เลิกบรรยาย
03:32 คุณอาวววว์ หัวหน้า พลพรรครักเอย ส่งข้อความมาจากเมืองริมทะเลที่เพียบพร้อมไปด้วยเสลดแลน้ำลายตามท้องถนน เสิ่นเจิ้น ที่ร้อยยวันพันปี มันผู้นี้ไม่เคยแมสเสจมา แม้ครึ่งคำ แต่ค่ำคืนนี้ มันเสียสละเวลาอันมีค่าของมัน ส่งข้อความโคตรสั้น แต่กัดกร่อนหัวใจ ใจความว่า.................1 เท่านั้น
04:27 ไอ้คุณอาววววววว ทำลายสถติโดยการส่งข้อความมาครั้งที่สอง ในหนึ่งคืน คำของมันง่ายๆ........................2
04:50......................... ก้าวเท้าที่ไร้พลังออกจาก บิ๊ก แบมบู ท้องฟ้าที่อุดมไปด้วยแสงดาวพลันมืดมิด สายฝนโปรยเบาๆ แฉดดดดดดดดด ตกทำป๊ะมึงรึตอนนี้ แสงเช้าวันใหม่เริ่มโผล่ตูดมาทายทัก เสียงสะอึกสะอื้นของคุณตาสองคนชาวเมืองผู้ดี ที่โห่ร้อง คัมม่อน ตอนที่เค้าท์สอยตาข่ายท้ายเกมส์ ยังดังติดหู ................เสียบหูฟัง กดเพลง ynwa ที่ค้างไว้ตอนขามา ลดโวลุ่มลงมานิดส์นึง สมฐานะผู้ปราชัย เดินดุ่มมุ่งหน่ากลับบ้าน แต่...................................แฉดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

จบจาก YNWA พลันเพลงนี้บรรเลงต่อ กล้วยแน่ะ ดันมาไม่รู้ตาม้าตาเรือ Boulevard Of Broken Dreams แมร่งกรูกะลังเดินผ่านแนวทิวต้นเมเปิล แสงไฟริมถนน เงากรูเท่านั้นที่เดินเป็นเพื่อน

I walk a lonely road
The only one that I have ever known
Don't know where it goes
But it's home to me and I walk alone

I walk this empty street
On the Boulevard of Broken Dreams
Where the city sleeps
and I'm the only one and I walk alone

I walk alone
I walk alone

I walk alone
I walk a...

My shadow's the only one that walks beside me
My shallow heart's the only thing that's beating
Sometimes I wish someone out there will find me
'Til then I walk alone

Ah-ah, Ah-ah, Ah-ah, Aaah-ah,
Ah-ah, Ah-ah, Ah-ah

I'm walking down the line
That divides me somewhere in my mind
On the border line
Of the edge and where I walk alone

Read between the lines
What's fucked up and everything's alright
Check my vital signs
To know I'm still alive and I walk alone

I walk alone
I walk alone

I walk alone
I walk a...

My shadow's the only one that walks beside me
My shallow heart's the only thing that's beating
Sometimes I wish someone out there will find me
'Til then I walk alone

Ah-ah, Ah-ah, Ah-ah, Aaah-ah
Ah-ah, Ah-ah

I walk alone
I walk a...

I walk this empty street
On the Boulevard of Broken Dreams
Where the city sleeps
And I'm the only one and I walk a...

My shadow's the only one that walks beside me
My shallow heart's the only thing that's beating
Sometimes I wish someone out there will find me
'Til then I walk alone...
แมร่ง น้ำตาแทบไหล
10:00 .................. สะดุ้งตื่น แฉดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สวมวิญญาณชาวจีนไม่อาบน้ำ พุ่งออกจากห้อง จับมอไซค์รับจ้าง ยี่สิบหยวน สิบนาทีถึงออฟฟิศ จ๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
Tony Chen ทำหน้าเป็นงิ้วศาลเจ้า เปล่งอังกริดทำนองจีน แต่เข้าใจได้ง่ายว่า หนายเมิงบอกจะมาแปะโมงงาย แฉดดดดดดดดดดดดดดด




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2550   
Last Update : 9 มิถุนายน 2550 12:16:22 น.   
Counter : 258 Pageviews.  


1  2  

เกล้า สันผีเสื้อ
 
Location :
guangzhou China

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กวางโจวมันช่างชิลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล..............
[Add เกล้า สันผีเสื้อ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com