สวัสดีงามๆค่ะ มาส่งการบ้าน Macarons ตามที่ได้ชวนเพื่อนๆเข้าไว้ค่ะคัดที่สวยหน่อยมาถ่ายรูปมาเลยค่ะที่ถ่ายรูปไม่ได้นั่นอีกเพียบ อิอิทำคนละวันค่ะ เลยเอามาถ่ายรูปรวมกันไม่ได้แหะๆ ของเก่ากินหมดไปเล้วค่ะ ตามไปชมตอนรันทดได้ค่ะ กราบขอบพระคุณคุณปอนด์"น้าปังปอนด์"อย่างงามๆสามตลบค่ะถ้าไม่ได้ดูคลิปฉาว เอ๊ย..คลิปสาวสวย คงได้เอาขนมผิงมาส่งการบ้านแน่ๆ อิอิ ไปบ้านคุณปอนด์กันค่ะ ก๊อบสูตรมาเลยนะคะไข่ขาว 60 กรัมน้ำตาลทรายเม็ดล่ะเอียด 40 กรัมอัลมอนต์มีล 72 กรัมน้ำตาลไอซิ่ง 108 กรัมผงชาเขียว 2 ชช ทำครึ่งสูตร ทุกอย่างหาร2หมดค่ะแหะๆ ผงชาเขียวไม่มีก็ไม่ต้องใส่เน๊อะ ไข่ไม่ได้แช่ตู้เย็นค่ะ แยกไข่ขาวล่วงหน้าแค่วันเดียวลืมคร๊า..คุณครูขราเอาอัลมอนต์มีลกับน้ำตาลไอซิ่งไปป่นให้ละเอียด กรองด้วยกระชอนถ้ามีเศษชิ้นใหญ่ๆก็ทิ้งไปซ ะถ้าส่วนที่ทิ้งเยอะต้องเติมทดแทนด้วยน๊าตีไข่ขาวเริ่มจากสปีดต่ำแล้วค่อยๆเร่งสปีดจนเป็นฟองหยาบๆทะยอยใส่น้ำตาลทรายจนหมดแล้วตีจนตั้งยอดอ่อนหลังจากนั้นเอาสีใส่ค่ะแล้วตีต่อจนตั้งยอดแข็งเหมือนเมอร์แรงค์ (คว่ำกะละมังลงมาไม่หยดใช้ได้)ได้ส่วนของเมอรแรงค์แล้วเราจะมา fold กับส่วนของ almond mealลองคุณปอนด์มาหมด ถ้าอยากดูวีดีโอเข้าไปดูบ้านคุณปอนด์ค่ะอุปกรณ์การหยอด ลืมถ่ายรูปค่ะ พยายามให้กลมแล้วเนี่ย...ได้แค่นี้เองค๊า ใช้กระดาษไขรองเอา ดีกว่าแผ่นซิลิโคนเยอะค่ะ พักผิวชั่วโมงนึงเหมือนกันค่ะ แล้วอบ150°C 7นาทีอบชั้นที่สองนับจากชั้นล่างเหมือนกันเตาที่บ้านมีแต่ไฟล่้างอย่างเดียวค่ะ เปิดเตาออกมาอยากจะกรี๊ดซัก7ตลบอร๊ายยยย มีขากะเค้าด้วยค๊า ดูตรูดกันมั่งค่ะ งามแต๊น๊อพอทำสวยเริ่มได้ใจค่ะ ตีต่ออีกรอบเลย ครึ่งสูตรเหมือนเดิมไม่ใส่สีด้วย เด๋วเอามาโรยเอาทีหลังไม่มีหัวบีบอะไรกะเค้าหรอกค่ะ ใช้ใส่ถุงพลาสติกธรรมดา ตัดมุมถุงเอาแล้วค่อยๆบีบค่อยๆเอาสีผงมาโรยผ่านกระชอนอันเล็กๆโรยไม่ได้เรื่องเลยค่ะ แล้วก็อบเหมือนเดิม มาทำใส้แบบง่ายสุดๆ หาของที่เหลือในตู้เย็นนั่นแหละค่ะหาอะไรเปรี้ยวๆมาตัดกับรสหวานหน่อย ซอสราสเบอร์รี่น้ำมะนาวแป้งข้าวโพดซอสราสเบอร์รี่ผสมกับน้ำมะนาว ให้เปรี้ยวปรี๊ดตั้งไฟอ่อนๆคนไปเรื่อยๆจนซอสข้นขึ้นเอาแป้งข้าวโพดผสมน้ำนิดหน่อยใส่ลงไปด้วยซอสจะได้ข้นยิ่งขึ้น แล้วเอามาทาตรงกลางจับขนมประกบคู่กัน เสร็จแล้วค่ะ สีชมพูกับสีฟ้านั่น เหลือดีอยู่แค่นั้นเองค่ะเสร็จจากสีฟ้าแล้วก็ตีต่ออีกรอบ ทำไปหลายรอบมากสีขาวนั่น หน้าไม่เนียนเลยเนอะ กินไปกินมา เริ่มรู้สึกกล้วสีค่ะ เลยอยากลองแบบที่ไม่ต้องใส่สีมั่ง ไปเจอสูตรเด็ดบ้านคุณปอนด์อีกค่ะ ไข่ขาว 90 กรัม น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 30 กรัมน้ำตาลไอซิ่ง 200 กรัมalmond meal 55 กรัมhazelnut meal 55 กรัมผงกาแฟ 1 ช้อนชาเกลือนิดหน่อย (ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ )แยกไข่ไว้ล่วงหน้าแค่ครึ่งวันค่ะ แหะๆ มันลื๊มมน่ะ ทำครึ่งสูตร แถมไม่มีผงกาแฟอีก ใส่ผงโกโก้แทนค่ะอัลมอนด์หมด ใส่แต่hazelnut meal อย่างเดียวค่ะ เอาน้ำตาลไอซิ่ง hazelnut, almond meal กับผงโกโก้ ไปปั่นให้ละเอียดเลยค่ะ width='700' height='500' border=0>ตีไข่ขาวพอเป็นฟองหยาบๆด้วยสปีดกลางจากนั้นทะยอยใส่น้ำตาลทรายเม็ดละเอียดจนหมดตีจนถึงเกือบยอดแข็งหรือจนส่วนผสมเหมือนเมอร์แรงค์เงางาม ลองคว่ำกะละมังดูถ้าส่วนผสมไม่หยดก็ใช้ได้ค่ะอย่าตีนานเกินเพราะเวลาเอาไปอบแทนที่จะเงางามจะกลายเป็นแห้งซะเนี่ยค่อยๆเอาส่วนของแห้งตะล่อมเร็วๆเพื่อ break mass ตัวไข่ขาวไม่ต้องกลัวว่าจะยุบเพราะเวลาทำแบบนี้เราต้องการให้ไข่ยุบจ้า แบ่งใส่สามครั้งจนพอเข้ากันตักใส่ถุงหยอดเหมือนเดิมพักผิวไปชั่วโมงนึง ถาดแรกหน้าแตก อิอิ ไม่ได้แง้มประตูเตาอบไล่ความชื้นแบบครูแต่พอแง้มประตูเตาอบแล้ว ออกมาสวยเชียวละค่ะสูตร vanilla butter creamเนยจืดอุณหภูมิห้อง 100 กรัมนมสด 160 มิลฝักวนิลา 1 ฝัก (ไม่มีใช้วินิลาแอกแทรกซ์ 2 ช้อนชา)ไข่ไก่ 1 ฟองน้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 20 กรัมcustard power 20 กรัม (ไม่มีใช้แป้งข้าวโพดแทนก็ได้ค่ะ )ทำแค่ครึ่งสูตรเหมือนเดิมค่ะ วิธีทำ1 เอานม ฝักวนิลาทั้งฝักใส่หม้อแล้วยกตั้งไฟกลางแค่เดือด พอเดือดยกลงแล้วเอามีดผ่าฝักวนิลาตามยาวขุดเอาเม็ดออกแช่ลงไปในนมทั้งเม็ดทั้งเนื้อทั้งฝักเลยค่ะทิ้งไว้ 20 นาที2 พอใกล้ๆครบ 20 นาทีเราก็มาตีเนยกัน..ตีเนยด้วยสปีดกลางจนเป็นครีมสีจะจางๆ3 หาชามมาอีกใบ ตีไข่ น้ำตาล ผง custard จนเข้ากัน4 เอาฝักวนิลาออกจากนมแล้วเอานมเทลงในส่วนของไข่ที่ผสมน้ำตาลและ custard เรียบร้อยแล้ว.(คล้ายๆกับการทำไส้เอแคลร์)5 เอาไปตั้งไฟอ่อนๆคนเรื่อยๆจนข้น..พอเห็นเป็นรอยตะกร้อก็ยกออกจากเตาค่ะพักทิ้งไว้ให้เย็น6 พอ custard เริ่มเย็น เอาเนยที่เราตีเอาไว้มาผสมแล้วตีให้เข้ากัน ส่วนผสมจะขึ้นฟูพร้อมใช้จัดการบีบ ใส่ถุงพลาสติกธรรมดาตัดมุมถุงออกหน่อยเหมือนเดิมค่ะจับมาประกบคู่ ใส้นี้หอมอร่อยมากๆเที่ยวหน้าถ้าทำอีำก จะเพิ่มปริมาณผงโกโก้ค่ะจะได้เข้มข้น กัดคู่กับใส้วนิลาหอมๆ อร่อยมากค่ะแถมไม่ต้องกังวลเรื่องสีผสมอาหารด้วย เลือกหยิบกันเลยนะคะขอบคุณทุกท่านที่ทนชมจนจบ พบกันใหม่บล๊อคหน้าค่ะ