สมัยเด็กๆ ตอนเรียนโรงเรียนศิลปะไม่รู้จักหรอกว่า กราฟฟิตี้ (Graffiti) คืออะไร หรือสตรีทอาร์ท (Street Art) คืออะไร เพื่อนๆ เรียนวาดรูปกันในห้องเรียน แต่ผมกลับชอบขูดขีดเขียนตามโต๊ะเรียน ผนังห้องน้ำโรงเรียน ซอกตึก ป้ายรถเมล์ บนรถเมล์ หรือที่อื่นๆ แล้วแต่จะสบช่อง ต่อมาถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ใช่คนไม่ตั้งใจเรียน แต่เราให้ความสนใจประสบการณ์จริงและความรู้นอกห้องเรียนมานานแล้ว
ช่วงหนึ่งของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" ผมมีโอกาสมาเดินชมงานศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) และสตรีทอาร์ท (Street Art) ภายในตึกร้างบริเวณโครงการ 6 หมู่บ้านเมืองเอก ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ซึ่งมีงานศิลปะแนวนี้ถูกสร้างขึ้นที่ผนังห้องภายในตึกร้างดังกล่าวมากมาย เรียกได้ว่าผมเดินชมงานเดินอยู่คนเดียวจนเพลินทีเดียว ซึ่งที่ตึกร้างแห่งนี้กลายเป็นสไตล์แกลเลอรี่ (gallery) แนวดิบๆ เถื่อนๆ ก็ว่าได้ เพราะบรรยากาศมันพาไปจริงๆ ส่วนผู้สร้างงานหลากหลายในตึกแห่งนี้ก็ไม่รู้เป็นผลงานของใครบ้าง ที่สำคัญก็ไม่อยากคาดเดาว่าเป็นผลงานหรือฝีมือใครที่สร้างสรรค์งานศิลปะไว้ตามผนังภายในห้องต่างๆ ของตึกร้างหลังนี้ครับ
สำหรับงานศิลปะสตรีทอาร์ท (Street Art) ก็มีผู้รู้ให้คำจำกัดความและอธิบายคร่าวๆ ให้พอรู้ที่มาที่ไปว่างานศิลปะลักษณะนี้เกิดขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นช่วงยุคคริสต์ทศวรรษที่ 60 ก็มีการแพร่หลายเข้าไปที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ และดูเหมือนที่นิวยอร์กจะทำให้งาน
ศิลปะแนวสตรีทอาร์ทถูกแพร่หลาย ทำให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้จักศิลปะลักษณะนี้ โดยสตรีทอาร์ทถูกเรียกว่า เป็นศิลปะข้างถนน เพราะสามารถพบเห็นได้ตามที่สาธารณะ ตามข้างถนนทั่วไป มีการนำเทคนิคมาสร้างงานที่หลากหลาย อาทิ การพ่นผนังด้วยสเปรย์ งานประติมากรรม ใช้บล็อกกั้นสี การติดสติ๊กเกอร์ การแปะโปสเตอร์โดยใช้กาวทา รวมถึงศิลปะการจัดวาง และอีกหลายวิธีการที่ศิลปินหรือผู้สร้างงานศิลปะจะนำเทคนิคต่างๆ เข้ามาใช้สร้างงานศิลปะ
ส่วนศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ก็มีผู้ให้คำจำกัดความว่าเป็นภาพวาดที่เกิดจากการขีดเขียนไปบนผนังมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สังเกตจากภาพที่เขียนลงบนผนังถ้ำที่ปรากฏขึ้นเป็นหลักฐานจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันคนทั่วไปจะรู้จักงานศิลปะกราฟฟิตี้ในลักษณะของการพ่นสีสเปรย์ลงไปบนกำแพงเป็นตัวอักษรลายเซ็น และภาพต่างๆ ที่มีพบเห็นโดยทั่วไป อาทิ การพ่นสถาบันโรงเรียนตามกำแพงสาธารณะ ตลอดจนการพ่นเป็นภาพและเรื่องราวต่างๆ
ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" การนำเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับงานศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) และสตรีทอาร์ท (Street Art) มาเล่าสู่กันผ่านตัวหนังสือในคอลัมน์นี้ ก็คาดหวังว่าหลายๆ คนอาจเข้าใจงานศิลปะแนวนี้มากขึ้น...
"นายตะลอน"
ช่วงหนึ่งของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" ผมมีโอกาสมาเดินชมงานศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) และสตรีทอาร์ท (Street Art) ภายในตึกร้างบริเวณโครงการ 6 หมู่บ้านเมืองเอก ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ซึ่งมีงานศิลปะแนวนี้ถูกสร้างขึ้นที่ผนังห้องภายในตึกร้างดังกล่าวมากมาย เรียกได้ว่าผมเดินชมงานเดินอยู่คนเดียวจนเพลินทีเดียว ซึ่งที่ตึกร้างแห่งนี้กลายเป็นสไตล์แกลเลอรี่ (gallery) แนวดิบๆ เถื่อนๆ ก็ว่าได้ เพราะบรรยากาศมันพาไปจริงๆ ส่วนผู้สร้างงานหลากหลายในตึกแห่งนี้ก็ไม่รู้เป็นผลงานของใครบ้าง ที่สำคัญก็ไม่อยากคาดเดาว่าเป็นผลงานหรือฝีมือใครที่สร้างสรรค์งานศิลปะไว้ตามผนังภายในห้องต่างๆ ของตึกร้างหลังนี้ครับ
สำหรับงานศิลปะสตรีทอาร์ท (Street Art) ก็มีผู้รู้ให้คำจำกัดความและอธิบายคร่าวๆ ให้พอรู้ที่มาที่ไปว่างานศิลปะลักษณะนี้เกิดขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นช่วงยุคคริสต์ทศวรรษที่ 60 ก็มีการแพร่หลายเข้าไปที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ และดูเหมือนที่นิวยอร์กจะทำให้งาน
ศิลปะแนวสตรีทอาร์ทถูกแพร่หลาย ทำให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้จักศิลปะลักษณะนี้ โดยสตรีทอาร์ทถูกเรียกว่า เป็นศิลปะข้างถนน เพราะสามารถพบเห็นได้ตามที่สาธารณะ ตามข้างถนนทั่วไป มีการนำเทคนิคมาสร้างงานที่หลากหลาย อาทิ การพ่นผนังด้วยสเปรย์ งานประติมากรรม ใช้บล็อกกั้นสี การติดสติ๊กเกอร์ การแปะโปสเตอร์โดยใช้กาวทา รวมถึงศิลปะการจัดวาง และอีกหลายวิธีการที่ศิลปินหรือผู้สร้างงานศิลปะจะนำเทคนิคต่างๆ เข้ามาใช้สร้างงานศิลปะ
ส่วนศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ก็มีผู้ให้คำจำกัดความว่าเป็นภาพวาดที่เกิดจากการขีดเขียนไปบนผนังมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สังเกตจากภาพที่เขียนลงบนผนังถ้ำที่ปรากฏขึ้นเป็นหลักฐานจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันคนทั่วไปจะรู้จักงานศิลปะกราฟฟิตี้ในลักษณะของการพ่นสีสเปรย์ลงไปบนกำแพงเป็นตัวอักษรลายเซ็น และภาพต่างๆ ที่มีพบเห็นโดยทั่วไป อาทิ การพ่นสถาบันโรงเรียนตามกำแพงสาธารณะ ตลอดจนการพ่นเป็นภาพและเรื่องราวต่างๆ
ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" การนำเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับงานศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) และสตรีทอาร์ท (Street Art) มาเล่าสู่กันผ่านตัวหนังสือในคอลัมน์นี้ ก็คาดหวังว่าหลายๆ คนอาจเข้าใจงานศิลปะแนวนี้มากขึ้น...
"นายตะลอน"