ชีวิต คือการเริ่มอย่างไม่เข้าใจ แต่พยายามจบอย่างมีความหมาย +ด.ช.ไม้ดาบ+ KaravaThai.WEBS.COM
Group Blog
 
All Blogs
 
A TRANSLATION FOR WOMEN





A TRANSLATION FOR WOMEN by Joan Shapiro,M.D.

Introduction
Laura เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว ผิดหวังและเดือดดาลตลอดเวลา
เธอรัก Ed มากแต่ก็เจ็บปวดที่รู้สึกเหมือนว่า เธอไม่สำคัญสำหรับเขาเท่ากับกีฬา หรือแม้แต่รายการทีวี
Ed รับความรู้สึกได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า Laura โกรธและเจ็บปวดเรื่องอะไร มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคน แต่แล้วทำไมผู้หญิงจึงต้องเป็นฝ่ายทำความเข้าใจผู้ชาย?
มีกฏของธรรมชาติอยู่ว่า ผู้ครอบครอง เป้นฝ่ายที่มีอำนาจ เป็นที่เคารพ ควบคุม เป็นเจ้าของ และมีคุณค่า
ไม่มีความต้องการที่จะทำความเข้าใจผู้ถูกครอบครอง
ผู้หญิงจึงต้องเป็นฝ่ายเข้าใจผู้ชาย และนี่คือกฏของธรรมชาติในการอยู่รอด

ทำไมผู้ชายจึงตัดสินใจโดยใช้กฎเป็นพื้นฐาน มีผลลัพธ์ที่ชัดเจน 
ขณะที่ผู้หญิงตัดสินใจโดยคำนึงความรู้สึกของผู้อื่นเป็นพื้นฐาน

หนังสือเล่มนี้จะช่วยแปลโลกภายใน และโลกที่ผู้ชายเปิดเผยกับเพื่อนผู้ชาย ให้ผู้หญิงได้เข้าใจ



SOLDIER

สามีของฉันคอยฆ่าแมลงต่างๆที่มารบกวนเราในบ้าน ที่จริงเขาเกลียดแมลงมาก
แต่เขาทำมันเพราะถือว่าเป้นหน้าที่ของผู้ชาย

ผู้ชายถูกคาดหวังตั้งแต่เด็ก ที่จะเป้นเหมือนทหารตลอดเวลา
เขาต้องเข้มแข็ง กล้าหาญ นั่นหมายถึง ทำสิ่งที่ต้องทำโดยห้ามแสดงความรู้สึก
เขาถูกสอนไม่ให้สังเกตความรู้สึกกลัวและไม่มั่นคงของตนเอง

ทางจิตวิทยาสากลกล่าวว่า มนุษย์เราจะแยกตัวเองออกจากผู้อื่นเพื่อพัฒนาเอกลักษณ์ของตน 
มนุษย์มีสัมผัสของกลุ่มอื่นว่าเป็น ศัตรู ไม่ใช่แค่ "ไม่ชอบหรือไม่เหมือน" เท่านั้น

ผู้ชายเป็นผู้ที่ต้องออกไปรบ
เขาฆ่ามนุษย์ด้วยกันได้เพราะ เขาเชื่อว่าศัตรูที่ฆ่านั้นไม่เหมือนเขา 
แต่เมื่อไหร่ที่เขาตระหนักได้ว่าศัตรูนั้นเป็นเพียงบุคคลอีกคนหนึ่งที่เหมือนเขา
เขาจะพบตนเองอยู่นอกเขตแดนของการไร้ความรู้สึก เมื่อเขารับรู้ความรู้สึกของเขาได้เช่นนี้ 
ความรู้สึกจะเหวี่ยงเขาลงไปยังจุดวิกฤตของอามณ์ จะเห็นได้จากผู้ชายที่ป็นลมในห้องคลอด 
นั่นเพราะเขารับรู้ความเจ็บปวดเกินกว่าจะเฝ้ามองภรรยาทรมานและเสียเลือดออกมาจำนวนมาก

เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดวิกฤตนั้น
ผู้ชายจึงไม่ต้องสนใจความซับซ้อนของความรู้สึกผู้อื่น เขาแค่ทำหน้าที่ของเขา
เมื่อเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับความเจ็บปวด เขาจะแช่แข็งความรู้สึกไว้เพื่อทำหน้าที่ของตนต่อไปได้
และเมื่อความเจ็บปวดนั้นมากเกินกว่าจะทน วิธีที่เขาจะเผชิญมันคือ การปฏิเสธว่านั่นคือปัญหา 
เขาจะเล่นเกมกับความรู้สึกของตัวเอง แยกความเจ็บปวดจากการตระหนักรู้และในที่สุด เขาจะรู้สึกชา 

พวกเขาไม่รู้เลยว่าการเปิดเผยความรู้สึกนั้นสำคัญมากสำหรับผู้หญิงขนาดไหน
จนกระทั่งเกิดการหย่าร้าง ผู้ชายถึงได้ยอมทบทวนและเปลี่ยนแปลง

มันน่าตกใจมากเมื่อทางจิตวิทยาสากลค้นพบว่า ผู้หญิง ถูกมองเป็นศัตรู สำหรับผู้ชายด้วย
สำหรับเราแล้ว เราเป้นเพศที่อ่อนแอและไม่อันตราย แต่ความคิดนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามสำหรับผู้ชาย
ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไรรบกวนพวกเขาได้ ในความจริง ผู้หญิงรู้อยู่ว่าภายในเขาถูกทำลายได้ง่าย
หากเราเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เราจะเข้าใจในบทต่อไปถึงความกลัวของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง



MOTHER 

แรกเริ่ม เมื่อทารกคลอดออกจากครรภ์มารดา
ทารกจะคิดว่าแม่และตนเป็นบุคคลเดียวกัน แม่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ยืดขยายออก
ต่อมา ทารกจึงเริ่มแยกได้ว่าแม่เป้นอีกบุคคลหนึ่งที่สนิทแนบแน่น ไม่มีวันพรากจาก
จนกระทั่งหนึ่งขวบ ทารกเริ่มแยกเพศได้ว่าตนเหมือนหรือไม่เหมือนแม
 เด็กชายต่างจากเด็กหญิง
 เขาจะรู้สึกถูกตัดความสัมพันธ์ที่แนบแน่นออกในขณะที่ยังเด็กเกินกว่าจะพูด หรือมีควาคิดด้วยซ้ำ
และเมื่อโตพอจะมีความคิดแล้ว เขาก็ลืมความรู้สึกนี้ไปเสียก่อน
แต่ความรู้สึกถูกทอดทิ้ง โดดเดี่ยวนั้นจะฝังอยู่ภายใต้จิตสำนึก
 การสูญเสีย ความต้องการที่ถูกซ่อนอยู่พัฒนาเป้นความต้องการผู้หญิงเพศแม่ของผู้ชายนั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกัน ความสำคัญของผู้หญิงก็มีอันตราย เพราะเด็กชายต้องแยกเพศจากแม่ผู้คอยควบคุม 
ออกมาโดดเดี่ยวเพื่อความอยู่รอด ปลอดภัย ผู้ชายจึงพัฒนาระบบป้องกันตัวจากความกลัวใต้จิตสำนึกนี้
ผู้ชายรับรู้ความสำคัญของผู้หญิงได้ แม้เธอจะนั่งอยู่อีกห้องนึงโดยปราศจากเสียง
 แต่เขากลับกลายเป็นผู้ชายที่แย่มากสำหรับภรรยาทั่วไป

ครอบครัวส่วนใหญ่ พ่อจะทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว 
จึงเกิดภาวะห่างพ่อ ไม่มีแบบอย่างผู้ชายที่ใกล้ชิด
เด็กรู้ว่าตนเองไม่เหมือนแม่ แต่ผู้ชายนั้นเขาเป็นกันอย่างไร
ประสบการณ์ทางทหารจึงทำให้ผู้ชายหลายคนเกิดความทรงจำว่าได้ทำสิ่งที่ผู้ชายทำ

ผู้หญิงเป็นแหล่งพลังของโลกเสมอ ผู้ชายจะรู้สึกไม่มั่นคงเมื่อเผชิญหน้ากับเรา
แต่มันไม่ถูกเปิดเผย เหมือนนิทานเรื่อง EMPEROR'S NEW CLOTHES 
ไม่มีใครต้องการพูดถึงความจริงนี้ ซึ่งมันเกี่ยวกับความมั่นคงของผู้ชายสองเรื่อง
หนึ่งเพราะผู้ชายต้องการปกป้องตนเอง มันไม่ปลอดภัยหากเขาตระหนักถึงความต้องการผู้หญิงเพศแม่ไว้ในชีวิต
สองเพราะหน้าที่ของผู้หญิงในการปกป้องภาพลักษณ์ของผู้ชายโดยแช่ความเชื่อนี้ไว้
เราทุกคนซึมซาบพลังของแม่เป็นอย่างดีตั้งแต่ทารกแต่สถาณการณ์ของผู้ชายอันตรายกว่าผู้หญิง
เพราะต้องแยกตัวเองออกจากผู้หญิง เพื่อจะรู้สึกว่าตนเองเป้นผู้ชาย 
จึงเกิดประเพณีนี้ในแทบทุกสังคมโดยการกดผู้หญิงลงเพื่อลดอันตราย ลดพลังที่เคยบังคับ ควบคุม

ผู้ชายอาจใช้เงินเดือนสองเดือนเพื่อซื้อของขวัญมีค่าให้ผู้หญิง
เขาให้ของขวัญที่ห่างไกลจากการแสดงอารมณ์ เขาทำหน้าที่โดยปราศจากความรู้สึก
เขาไม่ต้องเผชิญกับความรู้สึกส่วนลึกของตน ความกลัวที่จะต้องยึดติดกับคนคนหนึ่ง
เขาจึงแยกตัวเพื่ออยู่รอดและความสุขในอนาคต

ผู้ชายจึงต้องทำให้ผู้หญิงพอใจเพื่อความปลอดภัยว่าเธอจะอยู่กับเขา
น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าเขาถูกรักเพราะตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง




STRUCTURE

"โครงสร้าง" สามารถอธิบายวิธีที่ผู้ชายคิดและกระทำ เพื่อจำกัดการใช้อารมณ์ 
การคิดเป็นโครงสร้าง วางแผนเป็นลำดับ ทำให้ผู้ชายดูสุขุมในสถานการณ์ที่วิกฤตได้ 
หากผู้ชายกระทำหรือพูดบางสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ  คุณจะเข้าใจได้เร็วขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องของโครงสร้าง 

ผู้หญิงชอบบ่นว่าผู้ชายไม่แสดงความรู้สึก ไม่โรแมนติค ไม่แสดงสีหน้า เหมือนหุ่นยนต์   
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้หญิงจะร้องไห้หรือแสดงความกลัว ผู้ชายจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
แต่กลับวางแผนเพื่อรับมือหรือชี้นำคนอื่นในสิ่งที่ต้องทำขณะนั้น  

แล้วทำไมผู้ชายถึงมีแบบแผนได้ตลอดเวลา  
หนึ่ง เพราะผู้ชายต้องเป้นทหาร (ในบทแรก) เขาจึงเข้ากันกับการทำตามลำดับ 
สอง เพราะผู้ชายต้องแยกจากแม่ในขณะที่ยังเป็นเพียงทารก (ในบทที่สอง)
เขาจึงต้องการอะไรที่แข็งแรง มั่นคงมากจนมาแทนสายสัมพันธ์นั้น มาปกป้องเขาจากความกลัวได้
ความปลอดภัย การคาดเดาได้ ความสบาย ควบคุมได้ 
และ"โครงสร้าง" จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชายจนสามารถแทนความสัมพันธ์ของแม่ได้
ผู้ชายตอบสนองความเครียดที่รุนแรงด้วยการจัดลำดับงานทุกอย่าง อย่างละเอียด
จนความเครียดเป้นเรื่องปกติหรือหายไปในที่สุด

ถ้าคุณถามผู้ชายว่า "ควรทำอย่างไรเมื่อมีคนหงุดหงิด?"
เขาจะตอบว่า "ถ้าเธอหงุดหงิด เธอก็ควรทำใจกับมันให้ได้เอง" 
ขณะที่ผู้ชายไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น เขาก็ไม่สนใจความรู้สึกของตนเองด้วย
ความรู้สึกเจ็บปวดสามารถถูกกรองออกเหมือนผ่านตาข่าย
โครงสร้างเป็นเครื่องจักรป้องกันความรู้สึก หากผู้ชายเอาตะแกรงนี้ออก 
อนุญาตให้ความรู้สึกเข้ามา เขาจะไม่มีเครื่องป้องกันตัวอีกเลย

หากคุณคิดว่าผู้ชายไม่รู้สึก ไม่ห่วงนั้น ไม่ใช่ 
สังเกตดูดีๆคุณจะเห็นว่าบางทีเขาคลุมความรู้สึกหมดหวังและความกลัวของตัวเองด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว 
เขามีความรู้สึก แต่ถูกกรองหรือถูกคลุมไว้อย่างอัตโนมัติจนแม้ตัวเขาเองก็ไม่ทันรับรู้

ผู้หญิงรู้สึกถูกตัดความสัมพันธ์ เมื่อดูเหมือนเขาจะให้คุณค่ากับโครงสร้าง ลำดับ แผนงาน มากกว่าคุณค่าของการได้อยู่กับเรา 
เรารู้สึกเศร้า รู็สึกเหงา เมื่อผู้ชายไม่แบ่งปันความรู้สึกกับเราเหมือนที่เราต้องการแบ่งปันกับเขา 
เราผูกความรู้สึกว่าเราต้องดูแลเขาตลอดเวลา แต่เราไม่มองกลับเพื่อเห็นการดูแลในรูปแบบของเขา

หากเราบังคับให้เขาแสดงความรู้สึก
มองกลับกัน คงเหมือนผู้ชายบังคับให้ผู้หญิงถอดเครื่องยนต์รถออกให้หมดแล้วใส่กลับไปให้เสร็จ ณ เวลานั้น
ผู้ชายจะรู้สึกถูกข่มขู่ บุกรุก หากเราบังคับให้เขาแสดงความรู้สึก
เขาอาจคิดถึงการละทิ้งความสัมพันธ์นั้นไปเลยก็ได้
และผู้หญิงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน หากถูกบังคับไม่ให้แสดงความรู้สึก




TRANCE

ผู้หญิงเราชอบพูดคุย มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการติดต่อสื่อสาร แต่ไม่ใช่สำหรับผู้ชาย 
การพูดคุยเป็นการเข้ามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง 

เป็นความสัมพันธ์ที่มากเกินและต้องมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง 
เหล่านี้เป็นการก้าวล่วงความรู้สึกสงบและปลอดภัย

เมื่อเราเข้าใกล้เขาเกินไปจนเขารู้สึกถึงอันตราย เขาจะป้องกันตัวด้วยอาการเหม่อลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 
ไม่รับผิดชอบ ทำเป็นเด็ก เพื่อกรองเอาอารมณ์ร่วมออกไป 

เป็นเรื่องเดียวกับการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลหรือโครงสร้างในบทที่แล้ว

เด็กผู้ชายจะเริ่มแยกตัวจากแม่ด้วยการจินตนาการเรื่องต่างๆขณะที่แม่บ่นโน่นบ่นนี่ตลอดทั้งวัน

แต่เขาสามารถอยู่กับแม่ได้โดยเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย ทำให้เขาจะมีอาการลืมของอยู่บ่อยๆ 
และหลายครั้งที่ผู้ชายอาจตอบตกลงกับคุณบางอย่างขณะดูทีวี แต่หลังจากนั้นเขาจะบอกว่าไม่ได้ยินอะไรเลย

ขณะเมื่อเด็กผู้ชายเรียนรู้การเติบโตเป็นผู้ชายเต็มตัว ส่วนใหญ่เขาจะเลียนแบบท่าทีภายนอกเช่น

อย่าร้องไห้ อย่าให้ใครเห็นเรากลัว อย่าให้ใครเห็นความรู้สึกของเรา สู้เพื่อทีม อย่าให้ผู้หญิงออกคำสั่ง
แต่ไม่มีใครสอนสิ่งที่อยู่ภายใน  ผู้ชายจะสอนผู้ชายด้วยกันว่า ไม่มีความจำเป้นที่จะต้องมีความรู้สึก

ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าตนเองกำลังรู้สึกอย่างไร และควรทำอย่างไรกับความรุ้สึกนั้น

ดังนั้นผู้ชายจึงถูกสอนให้หลีกเลี่ยงปัญหาเท่านั้น

เด็กผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่าผู้ชายทุกคนรู้สึกมั่นคงภายใน เฉพาะเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกไม่มั่นคง

เขาต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และจะไม่มีใครรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร

ที่สำคัญผู้ชายส่วนใหญ่ใช้ทั้งชีวิตด้วยความคิดเช่นนี้

เขาจะไม่ยอมเรียนรู้ความรู้สึกของตนเองเพื่อจะเข้าใจตนเอง 

เข้าใจการตอบโต้ของเขา ความต้องการและความกลัว หรือความปรารถนา

แอนชอบพูดคุยเหมือนผู้หญิงทั่วไป เธอเรียงลำดับความคิด ความรู้สึกและพูดทุกอย่างออกมาอย่างเปิดเผย 
เมื่อโทนี่กลับมาถึงบ้าน เธอถามว่า “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? “ ด้วยความห่วงใย 
แต่สำหรับโทนี่หมายความว่า “วันนี้คุณทำงานประสบความสำเร็จอะไรบ้าง?” 
“และคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?”  หมายถึง ช่วยบอกอะไรที่ทำให้ฉันมีความสุขสักเรื่อง
เขาจึงแค่ตอบว่า “ก็โอเค” แล้วตรงไปที่ทีวีเพื่อเข้าสู่ดินแดนที่ปลอดภัย 
สำหรับแอนการทำเช่นนี้สร้างความเจ็บปวด เพราะคนที่เธอรัก ดูเหมือนไม่มีอยู่และเอื้อมไปไม่ถึง 
แต่สิ่งที่เจ้บปวดกลับเป็นสิ่งที่ปลอดภัยสำหรับโทนี่

เพราะแอนเป็นคนสำคัญสำหรับโทนี่ เขาจึงต้องสร้างระยะให้ไกลออกไป 

แท้จริงเขากลัวว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จพอสำหรับแอน

และเขาไม่สามารถตอบคำถามต่างๆของแอนได้เพื่อให้เธอมีความสุข
ฉะนั้นหากแอนจะเปลี่ยนจากคำถาม เมื่อโทนี่กลับถึงบ้าน เธออาจจะแค่ทักทายและบอกว่า

“ฉันดีใจที่เธอกลับบ้าน และฉันจะอยู่กับลูกๆในครัวถ้าเธอต้องการอะไร”

แอนจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรไม่สำคัญ เพียงแค่เขารู้ว่าเธออยู่และสบายดี และเธอไม่ได้ต้องการเขามากมาย 

เขาไม่ได้ถูกโจมตี จึงไม่มีความจำเป็นต้องป้องกันตัว และเธอก็ดูไม่เหมือนศัตรูอีกแล้ว

สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับเขา ไม่ใช่คุณ จงเปลี่ยนท่าทีในการเข้าหาเขา




WORK

งานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับริชารฺดเสมอ
แต่สำหรับแอน เธอแบ่งเวลาที่จะมีความสุขกับลูกสาวและการดูแลบ้าน
ขณะที่ริชารฺดรู้สึกว่าตนเองนั้นประสบความสำเร็จ
แอนกลับรู้สึกว่า งานเป็นผู้ทำลายความสุขของครอบครัว
เมื่อริชารฺดชวนแอนไปดูเรื่อง "DIE HARD"
เขามั่นใจว่าเธอชอบภาพยนต์เรื่องนี้แน่นอน เพราะมันเป็นหนังโรแมนติคแบบที่แอนชอบ
มันเป็นเรื่องของชายคนนึงที่รักผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดยอมเสี่ยงและยอมตายเพื่อผู้หญิงคนนี้ 
เช่นกัน ริชารฺดต้องการบอกว่า เขายอมทำงานหนักก็เพื่อเธอ
"DIE HARD" is "LOVE STORY"
เราวัดมาตรฐานของผู้ชายจากงานของเขา
ส่วนผู้หญิงเราวัดมาตรฐานจากภาพลักษณ์
สำหรับริชารฺด ความสำเร็จในงานเท่ากับความสำเร็จของผู้ชาย และเท่ากับความสำเร็จของสามี
หากเกิดวิกฤตการณ์และมีการไล่พนักงานออก
ผู้ชายจะรู้สึกไร้ค่า เศร้า และบ่อยครั้งจะหันไปติดเหล้า
ส่วนผู้หญิงคิดว่าหากสามีไม่สามารถเลี้ยงดูเธอได้ นั่นหมายความว่า เธอนั้นไม่มีค่า
ดังนั้นเราต่างก็ผลักดันให้ผู้ชายต้องหาเงิน
เขาต้องการเงินเพื่อความมั่นใจในตัวเอง และเราก็เช่นกัน
เมื่อสามีของผู้เขียนเกิดอุบัติเหตุ แขนหัก
ฉันไม่เคยรู้สึกมั่นคงเช่นนี้มาก่อน เพราะเขาต้องพึ่งฉันและไม่มีวันที่เขาจะทิ้งเธอไป
ฉันรู้สึกมีอำนาจ มีค่า และเข้าใจความรู้สึกของสามีขึ้นมาทันที
ผู้ชายผ่านความไม่มั่นคงในช่วงทารกมาก่อน
หลังจากนั้นเขาถูกสอนว่า คุณค่าของเขาอยู่ที่การกระทำ โดยไม่สนใจคุณค่าภายในเท่าไรนัก
เขาจึงแทบจะไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงชอบเขา
สำหรับเขา การดูแลสิ่งของหมายถึงการดูแลความสัมพันธ์
ซึ่งเป็นคนละภาษากับผู้หญิง
เธอจึงควรสอนภาษาของเธอ ให้เขารู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงที่เธอเห็นในตัวเขาเช่นกัน

Living a life that matters, doesn't happen by accident.
It isn't a matter of circumstance but of CHOICE



Create Date : 17 เมษายน 2559
Last Update : 26 เมษายน 2559 12:29:15 น. 0 comments
Counter : 672 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KaravaThai
Location :
นิวยอรฺค United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ในปฐมวัย เราเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ปั้น
ช่วงชีวิตต่อจากนั้น...เราจะปั้น สิ่งที่เราเป็น

Unauthorized reproduction any part of this blog is prohibited by federal law, copyright 2005

เนื่องจาก ด.ช.ไม้ดาบ เป็นลิขสิทธิ์แม้จะอยู่ใน Internet ห้ามทำการคัดลอกเพื่อการค้า หากต้องการคัดลอก ขอให้เป้าหมายเพื่อการเผยแพร่ให้ความรู้พร้อมลงชื่อ ด.ช.ไม้ดาบ เท่านั้น
ในปฐมวัย เราเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ปั้น ช่วงชีวิตต่อจากนั้น...เราจะปั้น สิ่งที่เราเป็น Unauthorized reproduction any part of this blog FOR COMMERCIAL is prohibited by federal law, copyright 2005 เนื่องจาก ด.ช.ไม้ดาบ เป็นลิขสิทธิ์แม้จะอยู่ใน Internet ห้ามทำการคัดลอกเพื่อการค้า หากต้องการคัดลอก ขอให้เป้าหมายเพื่อการเผยแพร่ให้ความรู้พร้อมลงชื่อ ด.ช.ไม้ดาบ เท่านั้น
Friends' blogs
[Add KaravaThai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.