ชีวิต คือการเริ่มอย่างไม่เข้าใจ แต่พยายามจบอย่างมีความหมาย +ด.ช.ไม้ดาบ+ KaravaThai.WEBS.COM
Group Blog
 
All Blogs
 

อยากเป็นอเมริกัน ทำยังไง ?



“ Hi you guys! ”
หรือเราควรจะกล่าว “ สวัสดี ”
เราควรจะยกมือไหว้ด้วยหรือไม่?
หรือว่าแค่ยิ้ม ทุกคนก็รู้แล้วว่านั่นคือสวัสดีจากใจ

เราทุกคนต่างเติบโตขึ้นท่ามกลางความแตกต่าง หลากหลาย ผสมผสานทางวัฒนธรรม ทุกครั้งที่เดินทางกลับจากเมืองนอก ทุกคนมักจะถามว่าที่โน่นวิเศษอย่างไร? เด็กที่ไปเรียนที่นั่นถึงดูคิดเป็น ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูทันสมัย ดูแตกต่าง ถูกยกย่องให้เป็นคนอีกระดับนึง คงเพราะพวกเค้ามีความมั่นใจในตัวเอง รู้จักตัวเองพอสมควรที่จะไม่ต้องเดินตามใคร ความมั่นใจอย่างนี้โดนใจวัยรุ่นไทยจนพร้อมเสมอที่จะเปิดรับทุกอย่าง ว่าเด็กเมืองนอก หรืออะไรก็ได้ที่มาจากเมืองนอก “เป็นดีหมด” เมื่อน้องๆที่เข้ามาถามด้วยหน้าตามีความหวัง เหมือนว่าสักวันหนึ่งจะไปเหยียบแผ่นดินเมืองนอกให้ได้ เราไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะอาการที่เปิดหมดหัวใจว่าทุกอย่างดีโดยขาดการวิเคราะห์ “มันอันตราย” ไทยเรามักจะลอกเลียนแบบเมืองนอกจากแค่ข้างนอก จากการมองง่ายๆ มองว่ามันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สะดวกขึ้น สวยขึ้น แค่ข้างนอก เราหลงประเด็นจนลืมมองเหตุผลและที่มาของสิ่งเหล่านั้น ลืมมองเอกลักษณ์ข้างในที่ทำให้เด็กเมืองนอกดูดี ว่ามันอยู่ที่เค้าได้คิด ก่อนจะรับอะไรเข้ามาเป็นแบบฉบับของตัวเอง ทำให้เค้ามั่นใจในสิ่งที่เค้าคิด เพราะเค้าไตร่ตรองแล้ว ไม่ว่าเด็กไทยจะลอกเลียนแต่ข้างนอกเท่าไร ก็ไม่มีวันตามอเมริกันทัน ไม่มีวันจะกลายเป็นอเมริกันไปได้ จนกว่าวันที่เค้าคิดเป็น หากคิดเป็นแล้วไม่ว่าจะหยิบจะจับเอาของไทยเดิมๆ หรือของเทศมาดัดแปลงเป็นอะไรก็ตาม ย่อมจะดูเหมือนอเมริกันได้ เพราะเค้าเลียนแบบจากข้างในไม่ใช่ข้างนอก

แค่อาทิตย์เดียวที่มาเยี่ยมเมืองไทย เราเห็นอาการอย่างนี้ทั่วทุกมุมตึก อาการไม่ลงตัวทางวัฒนธรรม พอไปเจอผู้อาวุโส ยิ่งรู้สึกไม่ลงตัวเข้าไปใหญ่ ถามแม่ว่า “สมัยแม่เด็กๆมีแต่คนใส่โสร่ง แต่ถ้าแม่ทำงานไม่สะดวกจะเปลี่ยนมาใส่กางเกงได้มั้ย?” แม่บอกว่า “ได้ แต่ไม่มีใครทำกัน” เราเลยวิเคราะห์ว่า สมัยแม่ๆ หรือปู่ย่าตายายเรา ยังใช้ระบบการปกครองแบบเจ้าขุนมูลนาย ไม่ให้คิด ให้ฟังคำสั่งอย่างเดียว ทุกคนเรียบร้อย เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่ไม่กล้าคิด ทั้งๆที่คิดเป็น เพราะเราเห็นแม่ดัดแปลงของใช้ในบ้านสารพัด แต่พออะไรที่ใหญ่ขึ้นไปก็เลิกคิด แม่บอกว่าตอนเด็กๆวิทยุยังไม่มีจะฟัง คิดดูแล้วเห็นภาพเลยว่าเรารับเทคโนโลยีเข้ามาเร็วมาก แต่ไม่ได้รับเอาระบบความคิดหรือที่มาของเทคโนโลยีนั้นๆเข้ามาด้วย วัฒนธรรมเรากระโดดข้าม จนลงตัวยาก เด็กวัยรุ่นไปโรงเรียนเจอเพื่อนอ่านนิตยสารที่เลียนแบบจากเมืองนอก ที่คิดแต่ตัวเงินโดยไม่คิดเรื่องวัฒนธรรม ตกเย็นก็ไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนที่รับทุกอย่างเข้ามาหมด แต่พอกลับมาบ้านต้องอยู่กับพ่อแม่ ที่ตอนเด็กๆแม้แต่วิทยุยังไม่มี เด็กก็รู้สึกพ่อแม่หัวโบราณ ปิดใจจากทุกอย่างที่ทันสมัย ในขณะที่ตัวเองเปิดรับอย่างไม่คิด ผู้ใหญ่น่าให้อภัยเพราะถูกบีบจากระบบสมัยก่อนไม่ให้คิด แต่สมัยเราที่มีอิสระเป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่ เรากลับใช้ไม่เป็น

ต่อไปนี้ หากใครมาถามเราอีก เราจะบอกว่า ถ้าน้องอยากเป็นอเมริกัน ให้น้องคิดแบบอเมริกัน โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบบเสื้อผ้า เปลี่ยนสีผม เปลี่ยนภาษาพูดเลย เพราะทั้งหมดมันจะตามมาเองหรืออาจจะไม่จำเป็นเลยก็ได้ เมื่อคิดเป็นแล้ว

เริ่มจากรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ หากยังล้างจาน เก็บที่นอนเองไม่ได้ เก็บขยะ หรือรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ตัวเองก่อขึ้นไม่ได้ ถึงไปอยู่โน่น ก็จะเป็นแค่คนไทยไปอาศัยแผ่นดินเค้าอยู่ เด็กอเมริกันถูกฝึกให้รับผิดชอบตัวเองแต่เล็กเพื่อเตรียมออกไปพึ่งตนเองเมื่ออายุสิบแปด นั่นหมายถึงเด็กรู้ดี รู้ชั่ว รู้ว่าผลจากการกระทำทุกอย่างเป็นเรื่องที่ตนต้องรับผิชอบ ไม่ใช่ครอบครัวหรือปล่อยให้เป็นขยะสังคม

หากรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ขั้นต่อไปฝึกไตร่ตรองเหตุผลของทุกอย่างที่เรากำลังจะรับเข้ามา มองให้เห็นถึงวิญญาณของสิ่งนั้น ฝึกคิดเป็นนั่นเอง เช่น พอเห็นคนรณรงค์ให้ออกกำลังกาย นั่นเป็นนโยบายที่ดีของรัฐบาล แต่ห้างต่างๆเอามาเป็นจุดขายของ เพราะฉะนั้นบอกตัวเองก่อนว่านี่เป็นเรื่องของธุรกิจด้วย แล้วถามตัวเราว่า มีทางอื่นหรือที่อื่นหรือไม่ที่เหมาะกับครอบครัวของเรามากกว่าที่ห้าง เปลี่ยนไปเป็นที่สวนสาธารณะจะดีกว่าไหม? เพราะมีที่วิ่งเล่นสำหรับลูกด้วย เมื่อไตร่ตรองเปรียบเทียบแล้วถึงที่ห้างก็ยังดีกว่าที่สวนสวนสาธารณะ อย่างน้อยก็เป็นผลดีกับทุกคนในครอบครัวที่รู้ว่าเราทำไปเพราะอะไร? เรามีความมั่นใจในตัวเอง รู้จักตัวเอง นี่แหละที่เป็นเอกลักษณ์ของอเมริกัน

เมื่อวานเราไปกินข้าวที่ร้านฟาสทฺฟูดแห่งหนึ่งเพราะเป็นอาหารที่สะดวกสำหรับเรา แต่อาจเป็นอาหารตามค่านิยมเลียนแบบของวัยรุ่นก็ได้ เจ้าของกิจการเองก็เข้าใจดัดแปลงเอาอาหารไทยเข้ามาบ้าง เพราะรู้แล้วว่าจะเลียนแบบอย่างเดียวไปตลอดไม่ได้ แถมมีการจูงใจผู้ซื้อให้จับเวลาพนักงานในการจัดอาหาร เราก็อยากเห็นอารมณ์นั้น เลยสั่งซะเยอะ ปรากฏว่า พนักงานก็ยังค่อยๆทำไปตามสบายแล้วบอกว่า “ทำไม่ทันหรอกพี่” (อ้าว! แล้วกัน) หากพนักงานคนนั้นมีวิญญาณอเมริกัน เค้าจะทำอย่างขมีขมัน ทั้งที่รู้ว่าไม่ทันเพราะเค้ารู้เหตุผลจริงๆของโปรโมชันนั้น

ส่วนหลานๆก็อยากได้บารฺบี้ ได้เกมบอยเหมือนเด็กฝรั่ง เราเลยบอกเค้าว่าถ้าเค้าจะต้องซื้อของตามคนอื่น เค้าก็ต้องตามไปตลอดชีวิต จนโตขึ้นก็ต้องหามือถือ คอมพิวเตอรฺ กล้องดีจิตอล เครื่องเล่นดีวีดี วีซีดี รถ ฯลฯ ไม่มีวันจบ แถมไม่รู้เหตุผลส่วนตัวจริงๆที่จะต้องมีด้วย ได้แต่อยากมีตามคนอื่น

พอพูดถึงเด็ก ก็อยากให้เราตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของเราที่อยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนของวัฒนธรรม เรามีโอกาสรู้จักของไทยเดิมๆที่งามอยู่ตามธรรมชาติที่ลูกของเราอาจไม่มีโอกาสเห็น และเราก็ได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆที่พ่อแม่ของเราไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ หากเราเป็นตัวกลาง เป็นตัวนำ เป็นผู้รับและส่งผ่านไปยังลูกๆ นั่นแปลว่าอนาคตหรือทิศทางของวัฒนธรรมไทยอยู่ในมือเรา เราจะปล่อยให้มันสับสน ไม่ลงตัวต่อไป มากขึ้นๆหรือ เราจะสอนให้ลูกเราคิดก่อนจะรับเข้ามาว่าของเดิมมันมีดีอย่างไร? ของใหม่ดีกว่าอย่างไร? เปรียบเทียบกันแล้วควรรับเข้ามาหรือไม่? หรือใช้วัสดุเดิม วิธีใหม่ หรือจะใช้วิธีเดิม วัสดุใหม่

กระบวนการคิดอย่างนี้จะเกิดไม่ได้ ถ้าเรายังไม่รู้เหตุผลเดิมที่เจ้าของบ้านเค้าใช้ เช่น เมื่อวานซืนดูข่าวฆ่าข่มขืนตรงสี่แยกกลางเมือง ผู้ข่มขืนเป็นวัยรุ่นชายหน้าตาดูน่าจะมีการศึกษา แต่รับยาเข้ามาในชีวิตตามเพื่อน ขณะผู้รายงานข่าวชี้จุดที่เกิดเหตุใต้สะพานกลางเมือง ก็มีเด็กสาววัยรุ่นใส่สายเดี่ยวเดินผ่าน หันมามองกล้อง เหมือนกำลังจะบอกว่า ฉันอาจเป็นคนต่อไป เด็กไทยใส่เสื้อตามนางแบบในทีวี นิตยสาร โดยไม่รู้ว่าที่นั่นไม่มีการฆ่าข่มขืนแล้ว ไม่ใช่เพราะฝรั่งดีกว่า แต่เพราะกฎหมายเค้าเข้มแข็งกว่า บวกกับอาการฟรีทางเพศ เอื้อให้ผู้ชายหาคู่ได้ไม่ยาก เราเชื่อว่าวัฒนธรรมนี้ทุกคนไม่อยากเห็น แต่เรากำลังเคลื่อนไปสู่ทิศทางนั้นร่วมกันโดยไม่รู้ตัว เพราะเราต่างลืมคิด รับแฟชันของเค้าเข้ามาทางทีวี สื่อต่างๆ ลูกของเราก็รับโดยไม่คิดเพราะเราไม่สอนให้ลูกคิด เรามัวแต่ห่วงว่าลูกอิ่มหรือยัง กินอาหารครบหมู่หรือเปล่า แต่เราลืมคิดว่าอาหารสมองที่ใส่ให้ลูกทุกวันทางทีวี มันทำร้ายลูกหรือเปล่า? ลูกเราเองก็คิดไม่เป็นว่าของสวยๆที่เห็นในสื่อต่างๆมันเป็นเรื่องธุรกิจ นางแบบเกิดที่เมืองนอกก็ไม่สนใจว่านี่คือบ้านเกิด นี่คือเมืองไทย ฉันขอมั่นใจของฉันอย่างเดียว คนผลิตรายการก็คิดเรื่องเงินเป็นหลัก มีแต่ตัวเราเองนี่แหละต้องอย่าลืมคิด และสอนลูกต่อไปให้หัดคิด จนติดเป็นวัฒนธรรม คิดดู หากเราสามารถนำของเดิมดีๆ ดัดแปลงจากความรู้หรือเทคนิคใหม่ๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่หาที่ไหนในโลกไม่ได้ เราคงไม่ต้องเดินตามฝรั่งต้อยๆ โดยแยกไม่ออกว่าฝรั่งก็มีพาไปดี มีพาไปเสียเหมือนกัน

ที่นิวยอรฺคเป็นที่รวมของชนทุกชาติในโลก ทุกคนต้องคิดก่อนรับแล้วนำมาผสมผสานจนเกิดความเป็นตัวเองกันทั้งนั้น ฉะนั้นความเป็นอเมริกันของเราหมายถึง คุณรู้จักตัวเอง มั่นใจในตัวเองเพราะคิดก่อนแล้ว

อีกขั้นแห่งความเป็นอเมริกันในสายตาของเราคือ กล้าถกปัญหาด้วยเหตุผล
เส้นประสาทที่เชื่อมโยงเซลสมองของเด็กจะพัฒนาถึง ๘๐ % ของทั้งชีวิต จากแรกเกิดจน ๘ ขวบ เรียกว่าถ้าเราจะไปแก้ไขอะไรที่ผู้ใหญ่มันก็สายเกินแก้แล้ว แม้รุ่นเราจะเกิน ๘ ขวบ เส้นสมองข้างในหยุดเติบโตแล้ว แต่หาก เรามองภาพประเทศไทยเป็นหนึ่งสมอง มีกระทรวงต่างๆเป็นเซลสมอง เราต่างเป็นเส้นประสาทแต่ละเส้น คนที่ฉลาดคือคนที่มีเส้นประสาทที่เชื่อมแต่ละเซลแตกฉาน คนอเมริกันไม่นิ่งนอนใจเวลาที่เค้าเห็นปัญหา แม้ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว แต่เมื่อเค้าคิดและมองเห็นว่ามันจะมีผลต่อลูก ต่อครอบครัว หรือประเทศของเค้า เค้าจะพร้อมใจกันเรียกร้องสิ่งที่ถูกหรือหาทางแก้ปัญหาที่ดีกว่า เค้าอาจจะเป็นแค่คนเก็บขยะ แต่หากเค้าเห็นคนให้อาหารนกพิราบตรงฟุตบาท เค้าก็จะรีบบอกว่ามันไม่ดีอย่างไร นกพิราบนำเชื้อโรคหรือทำให้บ้านเมืองสกปรก เค้าก็บอกไป คนที่ให้อาหารอยู่ก็นึกว่าตัวเองใจบุญมาตลอดหากไม่มีใครบอก ถ้าฝรั่งคนนั้นมาอยู่เมืองไทยอาจโดนรุมเพราะถือว่าปากเสีย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง โชคดีที่นั่น ทุกคนต่างออกเสียงจนสามารถหาข้อดี ข้อเสียกันจริงๆได้ นี่แค่เรื่องนกพิราบ ลองคิดถึงเรื่องคาเฟ่ตามตึกแถว คิดถึงผับ เทคที่อยู่ผิดที่ คาสิโน หรือธุรกิจกามเสรี ต่างคนต่างไม่ยอมปล่อยไว้ทำร้ายลูกหลานเค้าแน่ เพราะเด็กไทยยังคิดไม่เป็นเหมือนเด็กฝรั่ง พื้นฐานการศึกษาของเด็กทั้งประเทศต้องได้รับการปรับปรุงก่อน คาสิโนจึงสมควรมานั่งถกปัญหากันภายหลังโดยนักการเมืองในรุ่นหลักสูตรการศึกษาปรับปรุงแล้ว หากรีบร้อน นั่นคือเรายอมรับให้ธุรกิจมาก่อนลูกหลานไทย เรารักเงินและใช้คน ทั้งๆที่หัวใจของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกอยู่ที่ เค้ารักคนและใช้เงิน

คนไทยรักสงบจนลืมคิดแม้แต่คำว่าสงบ ความหมายอยู่แค่สงบข้างนอก แต่ปล่อยให้ปัญหาร้อนรุ่มอยู่ข้างใน ถ้าอยากคิดแบบอเมริกัน ต้องคิดว่าเราเป็นหนึ่งในเส้นประสาท หากเห็นปัญหาแล้วไม่ส่งต่อข้อมูล ปัญหาจะหยุดอยู่ที่เรา บางทีเพียงแค่เราโทรคุยกับคนสักคนหนึ่ง อาจมีผลส่งต่อปัญหานี้ไปถึงผู้ที่มีอำนาจแก้ไขได้ แต่ถ้าเราหยุด ปิดใจ และทุกคนทั้งประเทศพร้อมกันเป็นอย่างนั้น ประเทศเราคงเป็นสมองที่หยุดเติบโตแล้ว รอรับโดยคิดไม่เป็นอย่างเดียว ตลอดไป

ขั้นสุดท้าย ทำจริงไทยเราไม่ใช่พูดแต่ไม่ยอมทำ แต่เพราะเราไม่ได้ถูกสอนให้เห็นภาพรวมของระบบ เด็กถูกสอนถึงสูตร ถึงรายละเอียดในตำรา แต่ไม่เห็นภาพรวมว่าจะนำความรู้นั้นไปใช้ส่วนไหนในระบบจริงของสังคม เรามีงานวิจัยมากมายที่วางไว้เฉยๆ ไม่มีใครนำไปสานต่อให้เป็นจริง เพราะเรามองได้แค่มุมแคบๆรอบๆตัวเรา มีเพียงผู้บริหารประเทศไม่กี่คนที่รู้วิธีมองจากมุมบนฟ้า วิสัยทัศน์ที่จำกัดจึงถูกเปิดออก และพร้อมจะมองวงจรที่ซับซ้อนขึ้นได้ และก็เพราะไทยเรามีผู้บริหารไม่กี่คนที่มีศักยภาพมองแบบอเมริกันเช่นนี้ เมืองไทยจะเหมือนอเมริกันแต่ภายนอกหรือลึกลงถึงวิญญาณหรือไม่ จึงอยู่ในกำมือของท่านเหล่านี้เท่านั้น

เมื่อเร็วๆนี้เห็นจากข่าวในทีวี จึงอยากยกย่องครูบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีวิญญาณในการคิด เค้าไม่ได้เพียงสอนหนังสือไปวันๆ แต่เค้าคิดถึงปัญหาของนักเรียนและเข้าช่วยแก้ปัญหา โดยออกแบบจักรยานราคาถูกจากท่อพีวีซี ให้นักเรียนใช้ อย่างนี้แหละ เรายกย่องเป็นอเมริกันในสายตาของเรา แม้ท่านจะไม่พูดภาษาอังกฤษก็ตาม เพราะครูผู้นี้รู้จักตัวเอง คิดเป็น คิดแทนลูกศิษย์ตัวเอง แก้ปัญหาด้วยการดัดแปลงเป็น และมั่นใจในตัวเองที่จะพัฒนาความคิดของตนเองแล้วนำไปทำให้เป็นจริง

มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า อเมริกันที่เราพูดถึง เป็นมิติทางความคิด ใครๆก็เป็นอเมริกันได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ฝึกพูดภาษาฝรั่ง ขอวีซ่า สมัครกรีนการฺด เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะได้เป็นพลเมืองของเค้าเสียที
เราหันมาเป็นอเมริกันโดยใส่วิญญาณอเมริกัน กันดีกว่า

ด.ช.ไม้ดาบ:เขียนคำ+วาดรูป
เดิอนพฤษภา ปี ๒๐๐๓

อย่าเป็นแค่เปลือก
มองลงจากเครื่องบิน ภาพรวมจากบนฟ้า ญี่ปุ่นต่างจากไทย
ญี่ปุ่นรับวัฒนธรรมตะวันตก แบบแบ่งรับ แบ่งสู้ เพราะนางาซากิ+ฮีโรชิมา
แต่ไทยรับแบบหมดใจ




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2549    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2551 18:31:03 น.
Counter : 473 Pageviews.  


KaravaThai
Location :
นิวยอรฺค United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ในปฐมวัย เราเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ปั้น
ช่วงชีวิตต่อจากนั้น...เราจะปั้น สิ่งที่เราเป็น

Unauthorized reproduction any part of this blog is prohibited by federal law, copyright 2005

เนื่องจาก ด.ช.ไม้ดาบ เป็นลิขสิทธิ์แม้จะอยู่ใน Internet ห้ามทำการคัดลอกเพื่อการค้า หากต้องการคัดลอก ขอให้เป้าหมายเพื่อการเผยแพร่ให้ความรู้พร้อมลงชื่อ ด.ช.ไม้ดาบ เท่านั้น
ในปฐมวัย เราเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ปั้น ช่วงชีวิตต่อจากนั้น...เราจะปั้น สิ่งที่เราเป็น Unauthorized reproduction any part of this blog FOR COMMERCIAL is prohibited by federal law, copyright 2005 เนื่องจาก ด.ช.ไม้ดาบ เป็นลิขสิทธิ์แม้จะอยู่ใน Internet ห้ามทำการคัดลอกเพื่อการค้า หากต้องการคัดลอก ขอให้เป้าหมายเพื่อการเผยแพร่ให้ความรู้พร้อมลงชื่อ ด.ช.ไม้ดาบ เท่านั้น
Friends' blogs
[Add KaravaThai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.