เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
อิตาลี : Civita di Bagnoregio เมืองที่กำลังหมดลมหายใจ



เมืองเล็กๆ เก๋ๆ ภายในรัศมี 200 กม. จากโรม มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 20 เมือง ถ้าจับมาประกวดประขันกันและผมเป็นกรรมการ ผมคงเทคะแนนให้เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่มีชื่อว่า Bagnoregio แน่ๆ ด้วยหลายเหตุผล แม้ความสวยงามจะมาเป็นอันดับแรกก็ตาม 

Bagnoregio ตั้งอยู่ในจังหวัด Viterbo ห่างจากโรมออกมาประมาณ 100 กม. ไม่ไกลเลย วิ่งบนทางด่วนไม่ถึง ชม. ก็มาถึงแล้ว ใครอยากมาเที่ยวนอกโรมแต่ไม่อยากนั่งรถนานก็เข้าที


เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของนักคิดนักเขียนผู้โด่งดังแห่งศตวรรษที่ 13 Bonaventure มีผลงานมากมาย เคยเรียนมาด้วย แต่จำไม่ได้เลย ครูบาอาจารย์คงภูมิใจ


นอกจากใกล้โรมแค่ชั่วอึดใจแล้ว เมืองนี้ยังมีส่วนที่เป็นเมืองเก่าหรือที่เรียกว่า Civita di Bagnoregio ที่โดดเด่นไม่เหมือนเมืองใดในละแวกนี้ เป็นที่ถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตัวกระผมเป็นยิ่งนัก


เมืองเก่าตั้งอยู่บนหน้าผาสูง มองเห็นแต่ไกล เนื่องจากพื้นที่โดยรอบถูกน้ำและลมกัดเซาะจนกลายเป็นหุบเขาหลายพันปี และเป็นที่มาของชื่อ The Dying City เพราะพื้นที่อยู่อาศัยยังคงถูกกัดเซาะทุกปี


ปัจจุบันจึงกลายเป็นความสวยงามตามธรรมชาติ เพิ่มความโดดเด่นให้ Bagnoregio เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง


เราจ่ายค่าเข้าชมเมืองเก่าคนละ 3 ยูโร ซึ่งไม่แพงเลย แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยต้องจ่ายนะ ถือเป็นค่าบำรุงเมืองของเขาให้เราได้เที่ยวกันได้นานๆ แล้วกัน


ส่งตั๋วให้เขาฉีกแล้วเริ่มเดินข้ามสะพานเล็กๆ ยาวประมาณ 400 เมตร 


เห็นเมืองเก่า Bagnoregio อยู่บนยอดเขาไม่ไกล แต่ใช้เวลาเดินนานเกือบ 10 นาที ด้วยสองเหตุผลหลัก หนึ่งคือทางช่วงสุดท้ายค่อนข้างชันเดินเร็วไม่ได้ 


และสองคือสะพานค่อนข้างสูงจากหุบเขาด้านล่าง คนกลัวความสูงอย่างผมต้องก้าวเดินอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ


ขึ้นมาถึงตัวเมืองก็เจอประตูโค้งอายุกว่า 2,500 ปี


บางคนบรรยายว่าลอดประตูโค้งแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคโรมันโบราณจริงๆ ทั้งบรรยากาศและสิ่งปลูกสร้าง แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย 


คนข้างบนแกคงหลับตาเดินมั้งครับ ผมลอดประตูไปก็เจอร้านของที่ระลึก ร้านอาหาร ไอติม เหล้าเบียร์เพียบๆ เสียอารมณ์ไปนิดนึง


Bagnoregio ไม่มีป้ายบอกที่ท่องเที่ยวอย่างโจ่งแจ้ง ไม่บอกว่ามีอะไรให้ดู อะไรเปิดปิดกี่โมง เราต้องจิ้มกูเกิลเอา แต่ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะไม่มีใครเป็นคนท้องถิ่นที่นั่นสักคน 


เขาบอกว่ามันคือศิลปะในการเที่ยวชมเมืองโบราณ ปล่อยให้จินตนาการ (อีกแล้ว) พาไป 


เอ่อ ก็สวยดีครับ บ้านเรือน บันได ดอกไม้ มีให้ถ่ายรูปตลอด


เสียดายที่หนุ่มสาวชาวอิตาเลียนในเมืองเก่านี้ไปแสวงหาความทันสมัยในเมืองใหญ่กันเกือบหมด


เหลือไว้แต่คนแก่กับแมว


เศรษฐีโรมหลายคนมากว้านซื้อบ้านเก่าเก็บไว้ปรับปรุงเป็นบ้านพักตากอากาศ


อีกไม่นานคงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไร้มูลค่าเพิ่มแบบเมืองอื่นๆ


ของขึ้นชื่อของเมืองนี้ที่ไม่ได้ซื้อเพราะขี้เกียจถือ และเมืองไหนๆ ก็มีคือน้ำมันมะกอกครับ  


ไม่ถึงชั่วโมงก็เดินทั่วเมืองแล้วครับ 


ตอนกลับออกมาเห็นป้าย Belvedere รีบขับรถตามป้ายไป


เจอจุดชมวิวของจากเมือง Bagnoregio ใหม่ที่ถ่ายรูปออกไปเห็นเมืองเก่าและสะพานข้ามอย่างชัดเจน 

มีนักท่องเที่ยวมายืนกินลมชมวิวหนาตา 


แอบเห็นโปสการ์ดที่เขาวางขาย หน้าหนาวหมอกลงถ่ายออกมาเหมือนตัวเมืองเก่าลอยอยู่กลางหาว สวยดีเหมือนกัน ไว้หน้าหนาวจะแอบขับรถมาถ่ายภาพให้ดูครับ






Create Date : 10 สิงหาคม 2558
Last Update : 24 มีนาคม 2561 18:29:05 น. 0 comments
Counter : 2663 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.