กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
21 กรกฏาคม 2552

นางไม้ ตอนที่ 1 นักแสวงหาที่ชื่อครรชิต และ อ้นผู้จมอยู่กับความเศร้า

ครรชิตเรียนปริญญาโทด้านคติชนวิทยา กำลังเก็บข้อมูลวิจัยในหัวข้อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนกับไม้ใหญ่ในชุมชน ก่อนมาที่หมู่บ้านชายป่าตะวันตกแห่งนี้เขาดินทางไปทั่วหลายภูมิภาคในประเทศไทย ครรชิตชอบเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้ ความผูกพันทั้งในด้านประเพณีวัฒนธรรม พิธีกรรม ตำนานรวมถึงความเชื่อ เขาพบว่าในบางท้องที่ต้นไม้ใหญ่บางต้นนับเป็นส่วนหนึ่งของวงศ์ตระกูล มีสายใยอันแน่นเหนียวเปรียบดังญาติผู้ใหญ่ของครอบครัว บางชุมชนต้นไม้ใหญ่เป็นที่สิงสู่ของผีร้ายที่สามารถบันดาลทุกข์สุขหรือให้คุณให้โทษต่อผู้คน แต่ในหลายแห่งต้นไม้ใหญ่ขาดเรื่องราวและความเชื่อจนชาวบ้านเพียงแต่รอวันที่มันจะตายหักโค่นลงหรือรอความเห็นของสาธารณะชนที่จะโค่นมันเพื่อนำไม้มาใช้ประโยชน์ มีค่าไม่ต่างอะไรกับวัชพืชที่ขึ้นผิดที่ผิดทางรอวันถากถาง

ณ หมู่บ้านชายป่าแห่งนี้ มีไม้ใหญ่หายากอายุหลายร้อยปีที่ผูกพันอยู่กับความเชื่อและตำนานในเรื่องผีของคนไทยต้นตะเคียน เป็นตะเคียนยักษ์ขนาดเกือบ 20 คนโอบ ครรชิตเดาจากสายตาเมื่อแรกเห็นว่าอายุคงไม่ต่ำกว่า 200 ปี ไม่ต่างจากที่อื่นต้นตะเคียนจะมีตำนานเรื่องนางไม้หรือผีผู้หญิงที่เรียกว่านางตะเคียนสิงอยู่ และความเชื่อเรื่องนางตะเคียนนี่เองที่คอยปกป้องต้นตะเคียนให้รอดพ้นจากคมเลื่อยคมขวาน จากความน่ากลัวน่าเกรงขามของตะเคียนยักษ์ต้นนี้ทำให้ครรชิตอดคิดไปไม่ได้ว่าตะเคียนต้นนี้อาจจะมีนางไม้สิงอยู่จริงๆ

เมื่อปลายเดือนก่อนในวันที่ครรชิตมาถึง เขาเดินทางไปเข้าพบผู้ใหญ่บ้านเพื่อขออนุญาตเข้าเก็บข้อมูล สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับตะเคียนยักษ์และหาที่พักที่พอใช้ทำงานได้อย่างสบายพอควร ผู้ใหญ่แนะนำให้ไปพักกับอ้น หนุ่มหม้ายตัวคนเดียวที่สูญเสียลูกเมียไปกับสายน้ำ

อ้นอายุมากกว่าครรชิตสัก 5-6 ปี พูดน้อยท่าทางใจดีแต่จมอยู่กับความเศร้า บ้านของอ้นไม่มีของหรูหรา ดูสมถะและยังเก็บเครื่องใช้ของลูกเมียไว้อย่างดี แม้ว่าอ้นจะดูเศร้าสร้อยแต่หาใช่คนที่เกียจคร้าน เขาขยันทำงานทำไร่ทำสวน สิ่งที่ประทับใจครรชิตที่สุดคืออ้นเป็นคนรักต้นไม้ ไม้ดอกไม้ใบที่เขาปลูกประดับในบริเวณบ้านได้รับการเอาใจใส่อย่างดี คล้ายกับอ้นได้ถ่ายเทความรักระลึกถึงลูกเมียในหัวใจลงไปให้กับต้นไม้รอบๆ ตัว การมาอยู่ของครรชิตทำให้อ้นดูสดใสขึ้นบ้าง

ครั้งแรกที่อ้นชวนให้ครรชิดเดินทางด้วยเรือพายไปยังต้นตะเคียน ครรชิตออกอาการหวาดๆ ด้วยรู้มาว่าเรือลำนี้เป็นเรือที่พาลูกเมียอ้นไปสิ้นชีวิต แต่ด้วยท่าทางอันเยือกเย็นมั่นใจของอ้นทำให้ครรชิตคลายกังวล การเดินทางด้วยเรือไม่ได้เห็นวิถีชีวิตอะไรนักนอกจากภาพของคนหาปลาไม่กี่คน แถบนี้ไม่มีใครปลูกบ้านริมน้ำ โดยมากบ้านมักอยู่ใกล้ถนนซึ่งเป็นทางสัญจรหลักที่ดูสะดวกกว่า แต่ครรชิตก็ชอบทัศนีภาพของเรือกสวนไร่นารวมถึงภาพของป่ารกชัฏริมน้ำอันเงียบสงบ เหล่านี้ทำให้เขารู้สึกว่าการเดินทางทางน้ำสะดวกและน่าเพลิดเพลินทางบก

ภาพของต้นตะเคียนยักษ์ตรงโค้งน้ำทำให้ครรชิตตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก มันทั้งน่าเกรงขามและน่ากลัว เขาไม่เคยเห็นต้นตะเคียนใหญ่ขนาดนี้ โค้งน้ำและลานใต้ต้นตะเคียนดูโล่งเตียนสะอาดตา มีลานทรายร่องรอยของแผ่นดินที่งอกเงยขึ้นหลังโค้งน้ำ เด็กรุ่นวัยแตกพานคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อลอยในร่มเงาของตะเคียนใหญ่ที่ทอดตัวมา อ้นพาเรือเข้าจอดที่โค้งน้ำด้านลานทรายแล้วลากเรือขึ้นไปบนฝั่ง รอบบริเวณดูวังเวงน่ากลัว ไม่น่าเชื่อว่าห่างไปไม่ถึงร้อยเมตรจะเป็นอุโบสถที่เงียบสงบแต่ชื่นบานร่มเย็น

ริมลานกว้างมีเพิงพักหลังหนึ่ง รอบเพิงปลูกประดับด้วยไม้ดอกไม้ใบ ครรชิตเดินเข้าไปพูดคุยสอบถามชายชราท่าทางเงียบขรึมในเพิงพัก คำตอบที่ได้มีเพียงรอยยิ้มและความเงียบงัน ครรชิตมารู้ภายหลังว่า ‘ตามี’ เป็นเพียงคนบ้าใบ้ แต่ครรชิตเชื่อว่าตามีอาจจะไม่ได้เป็นใบ้ เพียงแต่ไม่อยากพูดหรือไม่ก็ลืมวิธีสื่อสารด้วยการพูดไปมากกว่า

ครรชิตถ่ายรูปต้นตะเคียนและบริเวณรอบๆ จากนั้นก็วางแผนที่จะออกเดินเที่ยวและพูดคุยกับผู้คนในหมู่บ้าน เขาขอให้อ้นเอาเรือมารับที่ลานตะเคียนในตอนเย็น อ้นปฏิเสธให้เหตุผลตรงๆ ว่าที่นี่น่ากลัวเกินไป ถ้าจะให้รอขออยู่รอตรงศาลาท่าน้ำอื่น ครรชิตถามถึงท่าน้ำที่ใกล้ที่สุด อ้นบอกว่าที่ศาลาริมน้ำของวัด อ้นไม่อยากอยู่กับต้นตะเคียนผี ไม่อยากอยู่ใกล้ตามีบ้าใบ้ และยิ่งตอนนี้ตามีมีคู่หูเป็นไอ้ป๋องเด็กที่วันๆ เอาแต่นั่งขลุกอยู่ใต้ต้นตะเคียนด้วยแล้วอ้นยิ่งไม่ไว้ใจ ที่สำคัญอ้นไม่อยากอยู่ใกล้สิ่งที่อ้นกลัวที่สุด สิ่งที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนยักษ์...นางตะเคียน

ตกเย็นอ้นนั่งรอครรชิตที่ศาลาริมน้ำ ศาลาที่ตามีเคยใช้เป็นที่พักนอน สิบปีให้หลังเด็กเล็กในหมู่บ้านมีมากขึ้น โรงเรียนที่วัดจึงมีเด็กไปเรียนหนังสือมากขึ้น และเด็กๆ ก็กลัวตามีคนบ้าที่พักอาศัยในวัด สำคัญที่สุดศาลาริมน้ำย่อมควรเป็นที่ใช้พักผ่อนสำหรับเด็กๆ และทุกคน ไม่ใช่เป็นเพียงที่พักนอนของตามีบ้าใบ้ ท่านสมภารถูกขอร้องให้มาบอกกล่าวกับตามีให้ช่วยย้ายไปผูกมุ้งนอนที่อื่น หลายคนคิดว่าตามีคงจะบ้าเลอะเลือนจนมิอาจเข้าใจท่านสมภาร แต่การกับเป็นว่าตามีเข้าใจแต่โดยดี เมื่อมีคนถามว่าตามีจะไปอยู่ที่ไหน ตามีก็ชี้ไปที่ต้นตะเคียน ชาวบ้านจึงรวบรวมชายหนุ่มคนกล้าไปช่วยกันสร้างเพิงพักให้ที่ข้างลานตะเคียน

ป๋องเป็นเด็กกำพร้า ช่วงที่ชายในหมู่บ้านมาสร้างเพิงให้ตามี ความเป็นวัยรุ่นทะโมนของป๋องดึงให้มาช่วยสร้างเพิงและป่วนเปี้ยนแถวต้นตะเคียนอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเพิงพักสร้างเสร็จชายทุกคนก็พากันสลายตัวไป เหลือแต่กำพร้ารุ่นคนนี้ที่กลายเป็นคนเงียบลง นั่งฝันเพ้อยิ้มหวานที่ต้นตะเคียนจนคล้ายเป็นเพื่อนคู่หูของตามีไป

ตะวันจะลับแล้วอ้นรออยู่อย่างกระสับกระส่าย แม้ว่าตรงที่อ้นรอจะไม่ร้างผู้คนนัก แต่ตอนพายเรือกลับจะต้องล่องผ่านต้นตะเคียนยักษ์ ถ้าฟ้ามืดลงนางคงจะออกมาทักทายอ้นเหมือนทุกครั้งที่เคยแวะผ่านในยามราตรี
ตั้งแต่จำความได้นางตะเคียนในวัยเด็กที่อ้นเห็นมีอายุรุ่นเดียวกับอ้น เมื่อโตมาเป็นหนุ่มนางก็โตเป็นสาว นางเหมือนกับคนที่เกิดมาพร้อมอ้น ครั้งหลังสุดที่อ้นเห็นนางคือตอนที่อ้นพายเรือหาศพเมียและลูก

พลบค่ำอ้นตัดสินใจเอาเรือกลับบ้าน อ้นไม่อยากให้ดึกไปกว่านี้และคิดว่าครรชิดน่าจะโตพอที่จะหาทางกลับบ้านเองได้ ตอนนั้นเองเสียงกู่เรียกชื่ออ้นก็ดังมา ครรชิตนั่นเอง

อ้นไม่อยากแสดงอารมณ์ขุ่นมัวจากการรอให้ครรชิตเห็น ส่วนหนึ่งก็ดีใจที่ไม่ต้องพายเรือผ่านลานตะเคียนตอนพลบค่ำคนเดียว อ้นต่อสายไฟเข้ากับแบตเตอรี่ดวงไฟที่หัวเรือสว่างขึ้น

มันออกพายเรือไปเรื่อยๆ ในขณะที่ครรชิตเล่าเรื่องกิจกรรมวันนี้ที่ทำให้อ้นฟัง อ้นได้แต่พยักหน้าอือๆ ออๆ เรือเล่นเข้าใกล้โค้งน้ำ ขอบฟ้าด้านตะวันตกจับแสงสนธยาสวยงาม แต่ภาพต้นตะเคียนสูงทะมึนตัดกับท้องฟ้าดูเปล่าเปลี่ยวน่ากลัว

สิบกว่าปีที่ผ่านไป ต้นตะเคียนเหมือนขยับตัวเข้าใกล้หาฝั่งมากขึ้น แต่นั่นเป็นเพราะกระแสน้ำได้พัดพาเอาดินส่วนหน้าโค้งน้ำลานตะเคียนออกไปและไปงอกเงยที่ด้านหลัง ต้นตะเคียนยักษ์บัดนี้อยู่ใกล้กับฝั่งน้ำมากจนคนบางคนบอกว่าถ้าหน้าน้ำหลากยังมีกระแสน้ำแรง อีกไม่กี่ปีต้นตะเคียนก็คงอยู่ริมตลิ่งพอดีและในไม่ช้าคงต้องล้มลงไปกับสายน้ำ

อ้นมองขึ้นไปที่กิ่งตะเคียนเหนือน้ำ แล้วรีบพายเรืออย่างเร็วจนครรชิตสังเกตุเห็นความผิดปกติจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น อ้นตอบว่าไม่มีอะไร ครรชิตมองไปที่กิ่งตะเคียนเหนือน้ำภาพที่เห็นทำให้ครรชิตเงียบเสียงลง หญิงสาวผิวขาวสวยน่ารัก นุ่งผ้าถุงสวมเสื้อคอกระเช้านั่งห้อยเท้าอยู่บนนั้น ‘ผีนางตะเคียน’ ครรชิตขนลุกซู่ก้มหน้ามองไปทางหัวเรือ

เรือลอดผ่านใต้กิ่งตะเคียนเสียงอะไรบางอย่างตกน้ำตูมใหญ่ อ้นพูดออกมาเสียงสั่นๆ ว่า แค่ลูกมะพร้าวตกน้ำแล้วรีบจ้ำพายหนี

เสียงคนว่ายน้ำตามเรือมาทำให้ครรชิตต้องเหลียวกลับไปมอง ครรชิตกลัวว่านางตะเคียนจะมาล่มเรือฆ่าพวกเขา อ้นพายสุดแรงครรชิตเอาใจช่วย เรือลอยห่างเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ครรชิตสบายใจขึ้น แต่แล้วเธอหมดแรงทำท่าขอความช่วยเหลือตะเกียกตะกายคล้ายคนจะจมน้ำ ครรชิตบอกอ้นให้หันเรือกลับไปช่วยเธอ แต่อ้นไม่สนใจ ครรชิตเขย่าขาอ้นอย่างแรงและตะโกนบอกให้อ้นกลับไปช่วย อ้นยังคงไม่สนใจและยิ่งพายเรือเร็วขึ้น ครรชิตทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไปช่วย แต่อ้นบอกว่า‘อย่า...มันไม่มีอะไร แค่ลูกมะพร้าวตกน้ำ’ ในที่สุดเธอหมดแรงและจมน้ำไปต่อหน้าต่อตาครรชิต

ถึงบ้านครรชิตไม่สบายใจเธออาจจะไม่ใช่ผีแต่เป็นคนธรรมดาที่เล่นแผลงๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ และบัดนี้เธอได้จมน้ำตายไปโดยที่เขาไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย

เมื่อหลับตานอนครรชิตเห็นแต่ภาพเธอ รูปร่างและหน้าตาอันหมดจด เธอคือความงามที่ต้องใจครรชิต เธอสวยเรียบๆ แต่ดูน่ารัก ผิวขาว รูปร่างดูอ้อนแอ่นบอบบาง ขัดกับผ้านุ่งและเสื้อคอกระเช้าที่เธอสวมใส่ ถ้าเธอสวมชุดนักศึกษานุ่งกระโปงสั้นเหนือเข่าเธอคงน่ารักมาก หรือเธออาจเป็นนักศึกษาที่หลงเข้ามาและได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนางตะเคียนเธอจึงคิดวิธีเล่นตลกร้าย แต่เธอพลาด เธอต้องตาย ตายโดยที่เขานิ่งดูดาย

ครรชิตทนไม่ไหว เขาออกปากเล่าเรื่องที่เขาคิดกับอ้น อ้นแปลกใจในภาพของนางตะเคียนที่ครรชิตเห็น แต่อ้นนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยคุยถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาของนางตะเคียนกับใคร แม้แต่กับพ่อ... อ้นไม่พูดอะไรกับครรชิตแต่ยืนยันว่าไม่เห็นมีอะไร แค่ลูกมะพร้าวตกน้ำ

รุ่งขึ้น ครรชิต หัดพายเรือวนไปวนมาพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก็พายได้คล่อง เขาบอกกับอ้นว่าวันนี้เขาจะพายเรือเที่ยวในหมู่บ้านเอง

ครรชิตออกพูดคุยถึงเรื่องผีนางตะเคียนกับหลายคน บางคนนึกว่าครรชิตเป็นพวกที่มาหาเลขเด็ดจึงกล่าวเตือนว่าผีตะเคียนต้นนี้ไม่เคยให้เลขเด็ดกลับใคร มีแต่จะทำให้จับไข้หัวโกร๋นเอา ครรชิตต้องแสดงตัวให้ชาวบ้านรู้ว่าเป็นนักศึกษามาหาข้อมูลเรื่องไม้ใหญ่จึงพูดคุยกันรู้เรื่อง ชาวบ้านทั้งชายหญิงทุกเพศทุกวัย ต่างกล่าวกันเป็นเสียงเดียวว่าต้นตะเคียนยักษ์ต้นนั้นมีนางไม้สิงอยู่จริง และยิ่งชายหลายคนที่เคยไปช่วยปลูกเพิงให้ตามียืนยันว่าเคยเห็นมากับตา ตอนพลบค่ำนางนั่งห้อยเท้าอยู่บนกิ่งตะเคียนที่ยื่นไปเหนือน้ำ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางสวยงามอย่างหาที่ติไม่ได้ แต่เมื่อถามลึกลงไปถึงรูปร่างหน้าตา พวกเขาคล้ายกับว่ากำลังกล่าวถึงสาวงามในอุดมคติของตัวเอง เมื่อถามว่านางเคยทำร้ายใครไหม หลายคนบอกว่าไม่เคย แต่บางคนเชื่อว่านางเป็นคนพรากเอาชีวิตลูกเมียของอ้นไป

ครรชิตไม่วายที่จะลองไปถามเอาความกับชายบ้าใบ้ คำตอบเป็นเพียงรอยยิ้มและความเงียบ และยิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จากเด็กหนุ่มที่ชื่อป๋อง

ตกบ่ายครรชิตกลับไปที่บ้านอ้น เมื่อกินข้าวเสร็จเขา ก็เล่าเรื่องที่ไปสอบถามถึงรูปร่างหน้าตานางตะเคียนที่หลายคนต่างกล่าวไปหลายอย่างให้อ้นฟัง อ้นเหมือนทำท่าคิดคำนึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรที่กิ่งตะเคียนนั่น ตกเย็นครรชิตบอกกับอ้นว่าจะพายเรือไปที่ต้นตะเคียน อ้นมองเขาด้วยสายตาทึ่งปนความตื่นกลัว และบอกให้ครรชิต “ดูแลตัวเองด้วย”

วันที่ลูกเมียอ้นออกไปเก็บดอกโสน วันที่สายน้ำพรากทั้งคู่ไปจากอ้น ตอนสายวันนั้นก่อนที่เมียจะพายเรือออกไป อ้นก็บอกกับเมียและลูกว่า “ดูแลตัวเองด้วย” เหมือนกับที่บอกครรชิต

ภาพของนางตะเคียนที่จมน้ำตายไปยังติดตาครรชิต ถ้าเธอไม่ใช่ผี วันนี้น่าจะมีข่าวศพคนจมน้ำตายลอยไปติดอยู่ที่ใดบ้าง เย็นนั้นครรชิตพายเรือออกไปและทักทายคนหาปลาทุกคนที่เขาพบที่ริมฝั่งน้ำ ไม่มีใครเห็นหรือได้ข่าวว่ามีใครจมน้ำตาย เมื่ออาทิตย์ใกล้ลับฟ้าก็พายเรือไปนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาจนพลบค่ำ แล้วล่องเรือมายังต้นตะเคียน

จากศาลาเขาปล่อยให้เรือค่อยๆ ไหลตามน้ำไปช้าๆ เมื่อเข้าใกล้โค้งน้ำเงาทะมึนสูงใหญ่ของตะเคียนยักษ์อยู่ต่อหน้าเขาเขามองไปที่เพิงของตามี ดูเหมือนมันจะไร้ซึ่งกิจกรรมใดๆ และไร้ซึ่งผู้คน ที่โคนต้นตะเคียนไม่มีแม้แต่ไอ้ป๋อง เรือล่องเข้าไปใกล้ต้นตะเคียน เขามองเหนือลำน้ำขึ้นไปที่กิ่งไม้ เธอที่เมื่อวานจมน้ำตาย วันนี้สวมชุดนักศึกษากระโปงสั้นนั่งอยู่บนนั้น

ครรชิตรีบจ้วงพายเพื่อให้เรือเข้าไปใกล้กิ่งตะเคียน ภายใต้แสงสว่างยามพลบค่ำอันน้อยนิด เขามองเธออย่างไม่ละสายตา เธอสวยเหลือเกิน ส่งรอยยิ้มละไมแต่ดูเศร้าเหงา ในบัดดลครรชิตก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นผี เป็นนางผีที่ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลอกหลอนผู้คน เขารีบจ้วงพายหนีทันที เมื่อเรือลอดผ่านกิ่งไม้เธอก็ทิ้งตัวลงน้ำและว่ายตาม ครรชิตจ้วงพายเต็มที่ เมื่อเหลียวมองไปเธอว่ายน้ำตามไม่ทิ้งห่างนัก จ้วงพายแรงขึ้นอีก เสียงว่ายน้ำเหมือนจะห่างออก เบาและช้าลง เขาหันกลับไปเธอหมดแรงและกำลังจะจมน้ำ ครรชิตหยุดจ้วงพายเฝ้ามองดู เธอตะเกียกตะกายพร้อมร้องออกมาว่า “ครรชิตช่วยฉันด้วย” ครรชิตตัดสินใจพายเรือหันหัวกลับไปช่วยเธอ

จบตอนที่ 1

ไปตอนที่ 1 / 2 / 3 / 4


Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2553 13:15:00 น. 2 comments
Counter : 1651 Pageviews.  

 
คนดีผีคุ้ม เนอะค่ะ

สาธุ


โดย: raya-a วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:39:10 น.  

 
หลอนครับ ขนลุกซู่


โดย: GolfDec IP: 58.9.198.251 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:27:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bite25
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




New Comments
[Add bite25's blog to your web]

MY VIP Friend