bloggang.com mainmenu search
Samsung Galaxy S4 หากถามว่าทำไม Samsung Galaxy S4 ถึงกลายเป็นไม้เด็ดที่จะกวาดตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ในวันนี้ ก็ต้องบอกไปตามตรงว่า ด้วยการออกแบบ และการคิดค้นพัฒนาฟีเจอร์ที่มั่นใจว่าจะสามารถเจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปนี่ละ ถึงจะกลายมาเป็นไม้เด็ดของซัมซุงในการครอบครองตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง

       ถ้ามองย้อนกลับไปในรอบปีที่ผ่านมา Galaxy S3 เปิดตัวออกมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ผู้ใช้ไม่เคยเห็นกันในท้องตลาด หลังจากนั้นไม่นาน Galaxy Note 2 ก็เปิดตัวออกมาจับอีกหนึ่งตลาดที่ซัมซุงคิดว่ามีความต้องการของลูกค้าอยู่

       เมื่อมาถึง Galaxy S4 ซัมซุงจึงทำการผสานฟีเจอร์ใน Galaxy S3 กับ Note 2 เข้าด้วยกัน พร้อมกับพัฒนาความสามารถต่อเนื่องจาก Smart Stay และ Air View ให้มาอยู่ใน Galaxy S4 ส่งผลให้มีลูกเล่นจากการใช้การเคลื่อนไหวของมือ และดวงตา จากเซ็นเซอร์ต่างๆในตัวเครื่อง

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในการพัฒนาของ Galaxy S4 เลยคือในเรื่องของวัสดุที่ใช้ ซึ่งถือว่ามีการอัปเกรดจากรุ่นเดิมอย่าง Galaxy S3 ไปค่อนข้างมาก แต่ไม่ใช่ว่าตัวเครื่องไม่ได้ใช้งานพลาสติกแล้ว เพราะถึงยังไงซัมซุงก็เคยออกมาให้ข้อมูลแล้วว่าการใช้พลาสติกจะช่วยให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ออกมาได้รวดเร็วกว่า เพียงแต่ว่ามีการทำขอบโครเมียมรอบเครื่องให้ดูสวยงาม และแข็งแรงมากขึ้น

       คำว่าพลาสติกของซัมซุง คงไม่ใช่พลาสติกทั่วไป แต่เป็นพลาสติกที่มีคุณภาพ กล่าวคือ ตัวเนื้อพลาสติกจะค่อนข้างเหนียว สามารถบิดงอได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งในจุดนี้จะช่วยในกรณีที่เครื่องตก หรือกระทบกับวัตถุอื่นๆ ทำให้เกิดรอยได้ยากกว่าเครื่องที่เป็นอะลูมิเนียม

       นอกจากนี้ การที่ซัมซุงยังคงใช้ฝาหลังแบบพลาสติก ก็ทำให้ตัวเครื่องสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ รวมถึงมีช่องใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมอยู่หลังเครื่องเหมือนเช่นเดิม ไม่ต้องไปพยายามวางแพลนเครื่องใหม่จนต้องย้าย 2 จุดนี้ไปไว้ตามขอบเครื่องเหมือนในไฮเอนด์รุ่นอื่นๆ

Samsung Galaxy S4 แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าการออกแบบของ Galaxy S4 นั้นโดยรวมแทบไม่แตกต่างจาก Galaxy S3 ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวางลำโพงสนทนา โดยมีเซ็นเซอร์อยู่ข้างๆ ถัดลงมาเป็นหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1080p ซึ่งยังคงปุ่มกดตรงกลางไว้เช่นเดิม โดยมีปุ่มสัมผัสเมนู และย้อนกลับอยู่ข้างซ้าย - ขวา

       สำหรับประสิทธิภาพของหน้าจอ Full HD Super AMOLED ก็อย่างที่รู้กันว่าให้สีที่สดมาก แต่ดีหน่อยที่รุ่นนี้มีฟังก์ชันอย่างการปรับสีหน้าจอให้สมจริงขึ้น แต่ก็ยังมีจุดบอดในแง่ของการใช้งานกลางแจ้ง ที่ทำให้ต้องเพิ่มความพยายามในการใช้งานมากขึ้น แต่ทั้งนี้จอของซัมซุงก็ได้เพิ่มจุดแข็งในแง่ของความคงทน เนื่องจากเป็นรุ่นแรกที่ใช้จอกอลิล่ากลาส 3 ซึ่งได้รับการบันทึกว่าเป็นกระจกที่ทนที่สุดในปัจจุบัน

       ในส่วนของรอบตัวเครื่อง ก็มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และจุดอินฟาเรด อยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างก็จะมีพอร์ตไมโครยูเอสบี ปุ่มปรับระดับเสียงทางด้านซ้าย และปุ่มเปิดเครื่องทางด้านขวา ซึ่งตรงขอบเครื่องนี้จะมีแต่ขอบโครเมียม ดูไปแล้วก็จะนึกถึงแบล็กเบอร์รี โบลด์ 9900

ทีนี้มาดูกันที่ฟีเจอร์ ซึ่งซัมซุงพัฒนาขึ้นมาเพื่อเอาใจกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป โดยเริ่มกันจากฟังก์ชันในการใช้นิ้ว - มือ โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับตัวเครื่องอย่าง Air View และ Air Gesture แน่นอนว่าหลายๆคนที่เคยใช้ Note 2 อาจจะรู้จักกับฟังก์ชัน Air View กันอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นฟังก์ชันที่เรียกเสียงฮือฮาได้ในสมัยนั้น

นวัตกรรมภายใน Samsung Galaxy S4 Air View ใน Galaxy S4 ช่วยเพิ่มความสะดวกในการดูรูปในอัลบั้ม ดูรายละเอียดในปฏิทิน หรือรายชื่อผู้ติดต่อ โดยการนำนิ้วมาไว้ตรงจุดที่ต้องการทราบรายละเอียด ตัวเครื่องก็จะแสดงข้อมูลออกมาเป็น Pop-up ให้ดูกัน แม้จะดูเหมือนเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจ แต่ในการใช้งานจริงแล้ว ถ้านิ้วไม่ได้เปื้อน หรือ สกปรกอะไร เอานิ้วจิ้มเอาแบบเดิมก็สะดวกไม่แพ้กันอยู่แล้ว

Air Gesture ถือเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจ กล่าวคือ การนำเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า มาเป็นตัวควบคุมสั่งการ ในการเปลี่ยนรูปโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ ด้วยการนำมือปาดไปบริเวณเซ็นเซอร์ ตัวเครื่องก็จะเปลี่ยนรูปทันที ซึ่งฟังก์ชันนี้ยังประยุกต์ใช้กับหน้าจอสายเรียกเข้าได้ด้วยคือ การปาดซ้ายขวาที่เซ็นเซอร์ จะเป็นการรับสายพร้อมเปิดลำโพงสนทนาทันที

       ถัดจากมือแล้วมาถึงฟังก์ชันเกี่ยวกับลูกตา และโครงหน้ากันบ้าง ฟังก์ชันนี้พัฒนาเพิ่มขึ้นมาจาก SmartStay จากเดิมที่ทำไว้ใช้กันไม่ให้หน้าจอดับขณะใช้งาน แต่คราวนี้ได้มีการเพิ่มความพิเศษอย่าง SmartPause เข้ามาสำหรับกรณีที่ดูหนังอยู่ ถ้าผู้ใช้หันหน้าไปทางอื่นหนังก็จะหยุดเองโดยอัตโนมัติ

SmartScroll ถือเป็นอีกฟังก์ชันเด็ดที่มากับ Galaxy S4 สำหรับคนที่ชอบท่องเว็บแต่ไม่สะดวกในการใช้นิ้วลากไปมา แต่เดิมจากข่าวที่หลุดๆกันก่อน Galaxy S4 เปิดตัว จะออกมาในแนวทางที่ใช้ตาควบคุมให้หน้าจอเลื่อน กลับกันในความเป็นจริงฟังก์ชันนี้ จะใช้การตรวจจับลูกตา ในมุมการใช้งานปกติ

       หลังจากนั้นเมื่อมีการเอียงเครื่องขึ้น หรือ ลง ที่ไม่ขนานกับสายตา ตัวเครื่องก็จะมีการเลื่อนหน้าจอแบบอัตโนมัติ โดยจะสังเกตว่าฟังก์ชันนี้จะเริ่มทำงานได้ หากปรากฎสัญลักษณ์ลูกตาที่จะขึ้นสีเขียวกลางหน้าจอ ขณะท่องเบราว์เซอร์

       นอกจากนี้ก็ยังมีฟังก์ชันที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับการดูแลรักษาสุขภาพอย่าง S-Health ที่ใช้เซ็นเซอร์ต่างๆที่สามารถนำมาวัดค่าความชื้น อุณหภูมิรอบตัว ในตัวเครื่องร่วมกับโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยวางแผนการออกกำลังกาย  

Samsung Galaxy S4 ภายในงาน Samsung Unpacked 2013 อีกจุดหนึ่งคือในฟังก์ชันกล้องที่มีการเพิ่มลูกเล่นมาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น Dual Camera การถ่ายภาพจากทั้งกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน โดยผู้ใช้สามารถหดขยายภาพซ้อนกล้องหน้าได้ด้วย Sound & Shoot การบันทึกภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงในระยะเวลาสั้นๆ แล้วสามารถเลือกช็อตที่ดีที่สุดออกมาเป็นรูปภาพได้ (คล้ายกับโหมด Zoe ใน HTC One) 

Drama Shot เป็นฟังก์ชันในการถ่ายภาพวัตถุต่อเนื่องกัน แล้วนำมาเรียงซ้อนกันอยู่ในภาพเดียว ให้ดูเป็นภาพที่มีการเคลื่อนไหว Cinema Photo การบันทึกภาพในระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นสามารถที่จะทำให้จุดใดจุดหนึ่งมีการเคลื่อนไหว หรือหยุดภาพในบางจุดไว้ได้ Eraser Shot เป็นโหมดถ่ายภาพที่เก็บภาพต่อเนื่องแล้วสามารถเลือกลบวัตถุที่ไม่ต้องการได้

       พวกฟังก์ชันต่างๆของกล้องเหล่านี้ ถือเป็นการเรียกน้ำย่อยกันไปก่อน เพราะจากเฟิร์มแวร์ของเครื่องที่ได้มายังไม่สมบูรณ์ และกว่าเครื่องจะวางจำหน่ายจริงในวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ถึงเวลานั้นความสมบูรณ์ของเฟิร์มแวร์น่าจะอยู่ที่ 100% ถึงตอนนั้นน่าจะสามารถเก็บรายละเอียดของเครื่องได้มากกว่านี้

สำหรับสเปกคร่าวๆของ Galaxy S4 เครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะมาพร้อมกับ หน่วยประมวลผลแบบ Octacore ที่เป็นควอดคอร์ 1.6 GHz ทำงานร่วมกับควอดคอร์ 1.2 GHz รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 3G ทุกคลื่นความถี่ในบ้านเรา ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 หน้าจอมีขนาด 5 นิ้ว กล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ขนาด 2,600 mAh

Samsung Galaxy S4 ภายในงาน Samsung Unpacked 2013        โดยหลังจากได้สัมผัสใช้งาน Galaxy S4 ในระยะเวลาสั้นๆ เป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย ก็ต้องยอมรับว่าซัมซุง ทำการบ้านมาค่อนข้างดีในแง่ของลูกเล่นการใช้งานที่สามารถนำมาเป็นจุดขาย เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคได้ ตามสโลแกนของเครื่องที่ว่า "ให้มือถือเป็นทุกอย่างสำหรับคุณ"

       ------------------------------------------
***ย้อนรอยความสำเร็จ Galaxy S
       Samsung Galaxy S - 20 ล้านเครื่อง
       Samsung Galaxy S2 - 28 ล้านเครื่อง
       Samsung Galaxy S3 - 50 ล้านเครื่อง
       Samsung Galaxy S4 ตั้งเป้า 100 ล้านเครื่อง
       -----------------------------------------------------
***รู้จัก 9 เซ็นเซอร์อัจฉริยะใน Galaxy S4

       - Gesture Sensor จับความเคลื่อนไหวของมือผ่านอินฟาเรด
       - Proximity Sensor ตรวจจับใบหน้าเพื่อปิดหน้าจอเวลาโทรศัพท์
       - Gyro Sensor ใช้วัดองศาการหมุน
       - Accelerometer ใช้ตรวจสอบการเคลื่อนไหว
       - Geomagnetic Sensor ใช้ตรวจสอบทิศทางเป็นเข็มทิศดิจิตอล
       - Temperature / Humidity Sensor วัดอุณหภูมิร่างกายและความชื่นในอากาศ
       - Barometer วัดความกดอากาศในแต่ละพื้นที่
       - Hall Sensor ไว้ตรวจจับฝา S View Cover
       - RGB Light Sensor ไว้ตรวจจับสีเพื่อกำหนดความสว่างหน้าจอ

//www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046694
Create Date :21 เมษายน 2556 Last Update :21 เมษายน 2556 13:06:40 น. Counter : 1387 Pageviews. Comments :0