เรื่อง : ARIA 54 Wednesday, 6 February, 2013 0:12 AM mia ELECTRIC
รถไฟฟ้าขนาดจิ๋วสำหรับคนเมือง ความตื่นตัวเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในบ้านเรา ต้องบอกว่าน้อยมากจนน่าใจหาย สาเหตุหลักๆ ก็เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ยังคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว อีกทั้งถ้ามีบริษัทใดใจกล้านำเข้ามาจำหน่าย (ณ วันปัจจุบัน) ก็ยังคงติดเรื่องกำแพงภาษีที่ยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ไม่มีนโยบายช่วยเหลือด้านราคา หรือมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งพี่น้องผองเพื่อนส่วนใหญ่ในบ้านเราก็ยังคงยึดติดกับรถแรง ความจุมาก แรงบิดมหาศาลกันไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ผู้แปลเชื่อว่าการติดตามข่าวสารฝั่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีความสำคัญไม่น้อยกว่าข่าวอื่นๆ ในปัจจุบัน อย่างน้อยก็เพื่อตามให้ทัน ว่าในต่างประเทศเขามีอะไรกันบ้างแล้ว และหลังจากตามข่าวผู้ผลิตรายใหญ่กันมานาน วันนี้เรามาลองทำความรู้จักกับ mia electric GmbH ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้านอกกระแสทางฝั่งยุโรปกันบ้างครับ

mia electric เป็นบริษัทร่วมทุนสัญชาติเยอรมัน-ฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ไอเดียเริ่มแรกของรถรุ่นนี้เกิดจากฝีมือของบริษัท Heuliez ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและออกแบบรถยนต์ของฝรั่งเศส โดยเปิดตัวรถไฟฟ้าชื่อ Friendly ในงาน 2008 ปารีส มอเตอร์โชว์ ทว่าหลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน Heuliez ก็เข้าสู่ภาวะล้มละลาย จากนั้น mia ก็ได้เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ พนักงาน และเทคโนโลยีในมือทั้งหมด แล้วเริ่มพัฒนา Friendly จนกลายมาเป็น mia EV รุ่นจำหน่ายจริงในปัจจุบัน

mia รุ่น pre-production เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เองในงาน 2011 เจนีวา มอเตอร์โชว์ ซึ่งหลังลงจากเวที mia ก็เริ่มเดินสายการผลิตในช่วงกลางปี 2011 ทันที พร้อมทำตลาดแบบจำกัดจำนวนในฝรั่งเศสและเยอรมัน ส่วนการทำตลาดในอังกฤษนั้น เดิมที mia คาดว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2012 แต่ก็ถูกเลื่อนมาจนถึงปัจจุบัน โดยจะเริ่มจำหน่ายหลังเดือนมีนาคมนี้แทน พร้อมปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกด้วยชุดแต่งและคู่สีใหม่เพื่อให้ดูสดใสขึ้น 3 รุ่นสำหรับ 3 กลุ่มเป้าหมาย
mia แบ่งการจำหน่ายเป็นรุ่นย่อย 3 รุ่นตามลักษณะการใช้งาน โดย mia รุ่นพื้นฐานมากับขนาดความตัวเพียง 2.87 เมตร วงเลี้ยวแคบสุด 4.3 เมตร ด้านข้างมีประตูสไลด์ให้ทั้ง 2 ฝั่ง ที่นั่งมีทั้งหมด 3 ที่ ผู้ขับ 1 ที่แบบวางกลาง พร้อมผู้โดยสารด้านหลัง 2 ที่ เน้นเป้าหมายไปยังหนุ่มสาวที่ต้องการรถไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับใช้งานแบบคล่องตัวในเมือง แถมด้วยราคาที่ไม่สูงนัก น้ำหนักตัวรถรวมแบตเตอรี่เพียง 764 กก. มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้ 260 ลิตร

ขยับขึ้นมาที่รุ่นกลาง mia L หรือ mia long version 4 ที่นั่ง เพิ่มความยาวตัวรถให้นั่งสบายขึ้นเป็น 3.19 เมตร เบาะผู้ขับยังคงอยู่ตรงกลางเช่นเดิม ด้านหลังเพิ่มเบาะเด็กพร้อมจุดยึด ISOFIX สำหรับผู้โดยสาร 3 ชีวิต พื้นที่บรรทุกสัมภาระขยายเป็น 420 ลิตร กลุ่มเป้าหมายหลักคือครอบครัวขนาดเล็ก หรือคุณพ่อ - คุณแม่มือใหม่ที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่ง mia L คือรุ่นที่ mia คาดหวังว่าจะจำหน่ายได้มากที่สุดในกลุ่ม

รุ่นสุดท้ายคือ mia U หรือเวอร์ชั่นพาณิชย์ 1 ที่นั่ง ขนาดตัวเท่ากับ mia L ด้านหลังปิดทึบแบบ panal van เบาะหลังถูกยกออกไปเพื่อให้ได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุดในระดับ 1,500 ลิตร กลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้ประกอบกิจการขนาดเล็ก ใช้ส่งของในเมือง หรือในระยะที่สามารถใช้งานได้ในขอบข่ายที่เหมาะสมกับความจุแบตเตอรี่

หากจำเป็นต้องขนสัมภาระขนาดหนักที่ต้องการผู้ช่วยขนของขึ้น - ลงรถ mia ยังมีออปชั่นเพิ่มที่นั่งให้ 1 ที่ทางด้านหลัง แต่ต้องแลกกับความจุที่น้อยลงประมาณ -300 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%
mia ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% มอเตอร์ไฟฟ้าผลิตกำลังสูงสุดได้ 18 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 24 แรงม้า bhp แรงบิดสูงสุด 5.91 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ไม่น้อยจนเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดตัว ผ่านการทดสอบชนจากหน่วยงานอิสระ UTAC หรือ Union technique de l'automobile du motocycle et du cycle ในประเทศฝรั่งเศส

แบตเตอรี่เป็นแบบ LiFePO4 หรือ ลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟท สามารถเลือกได้ 2 ความจุ คือ 8 กิโลวัตต์-ชม. สำหรับระยะทาง 80 กม. และ 12 กิโลวัตต์-ชม. สำหรับระยะทาง 125 กม. ส่วนระยะเวลาในการรีชาร์จ หากชาร์จด้วยไฟบ้าน 220 โวลท์ รุ่น 8 kWh ขอ 3 ชม. รุ่น 12 kWh ขอ 5 ชม. โดยทั้ง 2 รุ่นความจุสามารถใช้โหมดควิกชาร์จได้

ความต่างของแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟท คือ ไม่มี memory effect ไม่ต้องนับจำนวนรอบ (cycle) ในการชาร์จ ดังนั้นผู้ขับจึงสามารถใช้โหมดควิกชาร์จตามสถานีได้ทุกเมื่อที่ต้องการ โดยทุกๆ 10 นาทีจะได้ระยะทางวิ่งเพิ่มประมาณ 8 กม. สำหรับใช้ในกรณีเผื่อเหลือเผื่อขาด ไม่ต้องรอแบบชาร์จเต็ม 80% จากจำนวนเต็ม

สำหรับค่าใช้จ่ายต่อระยะทาง mia คำนวณมาให้เรียบร้อย คือ 1 ยูโร หรือราว 40 บาท/100 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือนอกสถานที่ด้วยทีมช่างที่เรียกว่า 'flying doctors' น่าเสียดายที่ mia รับประกันแบตเตอรี่น้อยไปหน่อย 3 ปี หรือ 50,000 กม. เท่านั้น ซึ่งผู้ซื้อต้องคำนวณการใช้งานให้ดี ทว่าขณะนี้ mia ยังไม่ได้ประกาศราคารถที่แน่นอนออกมา อีกทั้งเรายังไม่รู้ว่าแบตเตอรี่ 12 kWh ที่แยกเป็นออปชั่นนั้นมีส่วนต่างจากราคารถเท่าไหร่?

อุปกรณ์มาตรฐานติดรถมีระบบเบรค ABS และ BA, ถุงลมนิรภัย 1 ใบสำหรับผู้ขับ, ล้ออลูมิเนียม 3 ก้านคู่, ระบบเซ็นทรัลล็อค, ไฟ daytime, ไฟเบรค LED, พอร์ท 12 โวลท์ และ พวงมาลัยแบบ flat bottom ปาดหลบต้นขา ด้านอุปกรณ์เพิ่มเติมมีให้เลือกเสียเงินเยอะพอสมควร แต่เป็นชุดตกแต่งเสียมากกว่า เช่น ชุดตกแต่งภายใน เบาะ - แดชบอร์ดหุ้มหนัง, ชุดพรมเข้ารูปทั้งคัน, ล้ออัลลอยแบบสปอร์ต 11 ก้าน, ชุดยึดสัมภาระแบบต่างๆ แพงสุดก็น่าจะเป็นชุดเครื่องเสียง CD, MP3, บลูทูธ ซึ่งซื้อแยกเองน่าจะถูกใจกว่า เพราะรุ่นพื้นฐานเว้นช่องขนาด 1DIN มาให้ เรียกว่าไม่เน้นความบันเทิงในรถแบบเดินทางไกลนัก

ปัจจุบัน mia มีสำนักงานใหญ่ทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมัน มีตัวแทนจำหน่ายและผู้นำเข้ากระจายอยู่ในฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, สาธารณรัฐเชค, นอรเวย์ และอังกฤษเกือบ 50 สาขา ซึ่งนับไม่ว่าน้อยเลยทีเดียว... ดูทรงแล้วน่าจะลุ้นขึ้นกว่า TH!NK City ซึ่งล้มละลายเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 20 ปี และปัจจุบันยังคงล้มลุกคลุกคลานอย่างน่าใจหาย •