บรรยากาศมิตรภาพในหมู่สาวงามนานาชาติ 78 ประเทศทั่วโลกที่เดินทางมาประกวดในประเทศไทยนานนับเดือน กับเวที “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2015” ลงเอยด้วยผลตัดสินให้ น.ส.เอเนีย การ์เซีย วัย 20 ปี จากสาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นผู้ครองมงกุฎในปีนี้

ช่วงสัปดาห์นี้ มิสแกรนด์ อินเตอร์ฯ คนใหม่ แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนที่ข่าวสด พร้อมกับเจ้าชาติเจ้าภาพ ปอไหม-น.ส.รัตติกร ขุนโสม ผู้ครองตำแหน่งรองอันดับ 4 ในการประกวด

ส่วนรองอันดับ 1 ได้แก่ ออสเตรเลีย-น.ส.แคลร์ อลิซาเบธ พาร์กเกอร์ รองอันดับ 2 ได้แก่ อินเดีย-น.ส.วาทิกา บริจ แนท ซิงห์ รองอันดับ 3 ได้แก่ ฟิลิปปินส์-น.ส.พารูล ควิทโมลา ซาห์ ฝากความคิดถึงมาให้และเชื่อว่าจะกลับมาเมืองไทยกันอีกแน่นอน
สำหรับเอเนีย เจ้าของมงกุฎ ศึกษาคณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ รัฐโรดไอส์แลนด์ สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นเจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสยูเอสเอ 2015 เธอบอกว่าที่เลือกเรียนคณะนิติศาสตร์นั้น เกิดจากทางครอบครัวมีปัญหาจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์ เพราะการเรียนและรู้กฎหมายเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่จะสามารถปกป้องสิทธิของเราและสิทธิของคนอื่น”

มิสแกรนด์คนใหม่เปิดใจว่า เซอร์ไพรส์ตื่นเต้นและดีใจมากที่มีคนมาเชียร์เยอะขนาดนี้ และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่ง เพราะหลายคนที่มาประกวดก็ต่างอยากได้ตำแหน่งทั้งนั้น เพียงแต่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

เมื่อทราบว่ามีการประกวดเวทีนี้มีในแคมเปญ “ยุติสงครามและความรุนแรง” ก็อยากมาร่วมเข้า เพราะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแคมเปญอื่นๆ เพราะไม่ใช่เพียงยุติสงครามเท่านั้นแต่เป็นการยุติความรุนแรงทุกประเภททั่วโลก เชื่อว่าสันติภาพจะเกิดได้โดยจะต้องเริ่มต้นจากตัวเองเสียก่อนจึงจะแบ่งปันไปให้คนอื่นได้

เมื่อถามถึงสิ่งที่ชอบในประเทศไทยมากที่สุด สาวงามโดมินิกันตอบว่า ชอบจังหวัดตราดมาก เพราะที่นั่นสวยงามมากๆ และรู้สึกว่าทุกคนต้อนรับเป็นอย่างดีเหมือนกับได้อยู่ที่บ้าน และจะถ่ายรูปและแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อให้คนอื่นได้รู้ว่าประเทศไทยสวยงามขนาดไหน

เชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีความปลอดภัย เพราะมีรัฐบาลคอยดูแลความปลอดภัยเต็ม 100 เปอร์เซนต์ และจะแนะนำให้คนอื่นมาเที่ยวประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น ส่วนอาหารไทยที่ชอบมากที่สุดคือสลัดและไก่ย่าง

เอเนียเล่าถึงช่วงตอบคำถามบนเวทีที่ว่า “ใครคือผู้มีอิทธิพลในชีวิตของคุณมากที่สุด เพราะอะไร” คำตอบคือ “พ่อ”
“ดิฉันยกให้คุณพ่อเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุด เพราะว่าแม่ของดิฉันถูกข่มขืน ดิฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นลูกที่เกิดจากการถูกข่มขืน ที่ผ่านมาคุณยายเป็นคนที่เลี้ยงดูและอุปถัมภ์ดิฉันมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อได้ฟังคำถามนี้ก็รู้สึกได้ว่า เหมือนคิดย้อนมองกลับไป ถ้าดิฉันไม่มีพ่อในวันนั้นก็คงไม่มีดิฉันในวันนี้ ดิฉันไม่โกรธพ่อและพร้อมให้อภัยเสมอ ถ้ามีโอกาสได้เจอพ่ออีกสักครั้งอยากเข้าไปกอดพ่อพร้อมกับขอบคุณและให้อภัย”

สำหรับการทำหน้าที่มิสแกรนด์ อินเตอร์ฯ จากนี้ไป เอเนียกล่าวว่า “ดิฉันจะพยายามส่งต่อเจตนารมย์ในการยุติความรุนแรงให้ถึงผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้ดีว่าความสงบสุขต้องเริ่มต้นจากความรักและความสันติที่ตัวเองก่อน เพียงแค่เราหยุดการเห็นแก่ตัว ถ้าทุกคนหยุดการเห็นแก่ตัว ความรักและสันติภาพก็จะเกิดขึ้น ความรุนแรงและสงครามก็จะผ่านพ้นไปได้”