1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30
มือใหม่เมื่อต้องการปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน ท่านจะเริ่มต้นได้อย่างไร
บทความนี้เป็นข้อแนะนำของผู้เขียน สำหรับมือใหม่ ทีสนใจการปฏิบัติธรรมแบบหลวงพ่อเทียน. . 1..เกริ่นนำ ผู้เขียนได้เคยอ่านหนังสือธรรมวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนมาก่อน แล้วก็ลงมือปฏิบัติตามในหนังสือ เมื่อปฏิบัติไป ก็เกิดความสงสัยหลายเรื่อง ต่อมา ผู้เขียนได้รู้จักหลวงพ่อสมบูรณ์ (ท่านเป็นศิษย์รุ่นแรกของหลวงพ่อเทียน ) โดยผ่านคอร์สอบรมของหลวงพ่อวิโมกข์ (ปัจจุบัน หลวงพ่อวิโมกข์ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนี่งที่ ระยอง) . หลวงพ่อวิโมกข์ นิมนต์หลวงพ่อสมบูรณ์มาสอนวิธีการภาวนา ที่บ้านของหลวงพ่อวิโมกข์ ที่ย่านสะพานพระปิ่นเกล้าในสมัยนั้น . เมื่อผู้เขียนได้รู้จักหลวงพ่อสมบูรณ์แล้ว ผู้เขียนได้ไปกราบหลวงพอสมบูรณ์อีกหลายครั้ง ที่่วัดสนามใน ซี่ง หลวงพ่อเดินทางเข้ามา กทม.ทุกเดือน (ปกติ หลวงพ่อสมบูรณ์ จะอยู่ที่วัดในจังหวัดกระบี่ ) และ ผู้เขียนได้สอบถามข้อสงสัยในการภาวนา หลวงพ่อท่านได้เมตตาตอบข้อสงสัยและได้อธิบายวิธีปฏิบัติเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้เคยอ่านในหนังสืออีก ผู้เขียนได้ปฏฺิบัติตามคำสอนของท่านอยู่นาน ก็มีประสบการณ์การภาวนาและได้เข้าใจวิธีปฏิบัติตามแนวทางนี้มากขึ้น จึงขอเขียนสิ่งที่ผู้เขียนผ่านพบมาที่มีประสบการณ์ในแนวทางนี้ มาเขียนลงใน blog นี้ เพื่อท่านที่สนใจแนวทางนี้ จะได้ศีกษาเป็นความรู้ . 2...เริ่มเรื่อง. วิธีการเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียนนั้น ในขณะที่เคลื่อนมือ ให้เคลื่อนสบาย ๆ ไม่ต้องรีบเร่งในการเคลื่อน และการเคลื่อนจะมีจังหวะหยุดสักครู่แล้วเคลื่อนต่อไปเป็นจังหวะ ใน 1 รอบ จะมีทั้งหมด 14 จังหวะ ( หลวงพ่อสมบูรณ์บอกว่า แรก ๆ หลวงพ่อเทียนเคลื่อนมี 16 จังหวะ ไม่ใช่ 14 แต่นั้นไม่สำคัญว่า กี่จังหวะ ) . ในการฝีกนั้น จะแบ่งผู้ฝีกเป็น 3 ระดับด้วยกันดังนี้1..ระดับมือใหม่เอี่ยม เพิ่งสนใจการภาวนาแล้วมาลงมือฝีก ระดับนี้ ให้สนใจความรู้สีกที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนมือ ขอให้ จขกท ทดลองดูเอง ดังนั้น 1.1 เมื่อเคลื่อนมือลูบที่ลำตัว จะรู้สีกได้ถึงการสัมผัสทีลำตัว คล้าย ๆ เราอาบน้ำแล้วลูบตัว ก็จะรู้สีกได้ในการลูบที่ลำตัว ขอให้ ท่านที่เข้ามาอ่าน ให้ลองทำการลูบดูจริง ๆ ก็จะพบเรื่องนี้ได้ทันที เพราะง่ายมาก 1.2 ในขณะที่เคลื่อนมือแล้วลูบลำตัว ความรู้สีกสัมผัสที่ลำตัว จะเป็นอาการแบบหนี่ง แต่พอมือที่ลูบลำตัว หยุด เคลื่อน ความรู้สีกจะไม่เหมือนกับตอนที่เคลื่อน ความแตกต่างในของการ รู้ความรู้สีกที่เกิดขึ้นนี้ ให้สังเกตด้วยว่า ไม่เหมือนกันนะ การรู้ความแตกต่างของความรู้สีกได้ นี่คือ ปัญญาอย่างหนี่งของจิต ขอให้ทดลองทำดูจริงๆ ก็จะพบความรู้สีกที่ไม่เหมือนกันนี้ได้ ระหว่างกำลังเคลื่อน และ หยุดเคลื่อน 1.3 ในการเคลื่อนมือสำหรับนักภาวนาระดับที่ 1 ให้รู้สีกไปที่สัมผัสที่อธิบายไว้ข้างบนนี้ ทั้งที่กำลังเคลื่อนและ ที่กำลังหยุด ไม่ใช่สักแต่ว่าเคลื่อนไป แล้วหยุด แบบนี้ไม่ถูกแล้ว และ ขอให้สังเกตว่า ถ้าเราสังเกตความรู้สีกที่เกิดขึ้นเมื่อเคลื่อน เมื่อหยุด ไม่ใช่ไปจ้องที่มือ การไปจ้องที่มือนี่ เป็นการปฏิบัติที่ผิด . การรู้สีกได้ ไม่ต้องจ้องมือก็สามารถรู้สึกได้ ขอให้ลองทำดูจริงๆ ก็จะพบเองว่า ได้แน่ และง่ายด้วย >>>ห้ามจ้องมือแต่ให้รู้สีกได้ เรื่องนี้สำคัญมาก<<< ในขณะที่กำลังรู้ความรู้สีกที่กำลังเกิดขึ้นได้ ขอให้สังเกตว่า ตาเนื้อของเรา จะเห็นภาพมัว ๆ ลงไป คือ ตาจะเห็นไม่ชัดเจน นี่คือ มือใหม่เอี่ยมมาฝีกให้ทำแบบนี้ก่อน . หมายเหตุ ถ้าตาเนื้อของเราเห็นภาพชัด การรู้ความรู้สีกจะลดน้อยลงไป นี่เป็นกลไกของธรรมชาติจะเป็นแบบนี้ ในระดับ 1 เราฝีกเพื่อให้จิตไปรู้ที่ความรู้สีกเป็นสิ่งสำคัญ มากกว่าการเห็นได้ของตาเนื้อ ( ขอให้อ่านระดับ 2 ซี่งจะเพิ่มระดับการเห็นของตาเนื้อ ) . สรุป สำหรับมือใหม่เอี่ยมเพิ่งมาฝีกในระดับ 1 ให้รู้ความรู้สีก สังเกตความแตกต่างของความรู้สีกที่เกิดขึ้นระหว่าง เคลื่อน และ เมื่อหยุด >> ในขั้นนี้ อย่าเพิ่งสนใจอาการความรู้สีกตัว **ตรงนี้สำคัญยิ่ง .2..ระดับ2 ทีมือใหม่เริ่มมีประสบการณ์ในการฝึกไปบ้างแล้ว ปัญหาก็คือ จะเริ่มเปลี่ยนไปแบบที่ 2 นี้เมื่อใด . ที่ผมเข้าใจ ก็คือ ระดับที่ 1 ฝีกไปเรื่อยๆ ฝีกไปบ่อย ๆ แนะนำควรฝีกทุกวัน ถ้ามีเวลามาก ก็ฝึกมาก ถ้ามีเวลาน้อย ก็ฝีกน้อยได้ แต่ขอให้ฝีกละกัน การฝีกทุกวัน มากบ้างน้อยบ้าง นี่สำคัญมาก ถ้าหยุดฝีกไป 1 วัน ก็จะส่งผลต่อความก้าวหน้าให้ช้าลงไป ยิ่งถ้า หยุดฝีกนาน ๆ หลาย ๆ วัน ความก้าวหน้าก็ยิ่งช้าลง จนยากที่จะก้าวหน้าได้ . สำหรับระดับ 2 นี้ เมื่อมือใหม่ รู้จักการรู้ความรู้สีกและรู้ความแตกต่าง ของความรู้สีกระหว่างกำลังเคลื่อนมือและหยุดเคลื่อนได้ดีมากพอในระดับ 1 แล้ว ต่อให้ ให้ปรับการฝีกใหม่ โดยเพิ่ม ตาเนื้อมองเห็นสิ่งแวดล้อมได้ แต่ไม่จ้องสิ่งใด ตาเนื้อจะเห็นภาพชัดขึ้นกว่า ระดับหนี่ง และ หู ให้ได้ยินเสียงรอบๆ ได้ เช่น เสียงลมพัดใบไม้ เสียงหมาเห่า เสียงรถวิ่งที่ถนน ให้เพียงได้ยินเสียงก็พอ ไม่ต้องไปสนใจว่า เสียงอะไร ระดับ 2 นี้จะเป็นว่าในขณะที่เคลื่อนมือนั้น >> ตามองเห็นได้ หูได้ยินเสียงได้ และรู้ความรู้สีกที่เกิดขึ้นเหมือนระดับ 1 ได้ด้วยพร้อมกันไป กับ ตาเห็นได้ หูได้ยินได้ ถ้า จขกท ทำแล้ว รู้สีกเครียด แสดงว่า การฝีกในระดับ 1 ยังไม่ได้ผลมากพอ ให้กลับไปฝีกระดับ 1 ใหม่อีก หรือจะพูดว่า ท่านยังไม่ผ่านการเลื่อนชั้นก็ได้ . แต่ถ้าฝีกระดับ 2 นี้ได้ ทำได้แบบสบาย ๆ ไม่เครียด ก็ฝีกระดับ 2 ต่อไปเรื่อย ๆ การฝีกระดับ 2 นี้ เป็นมาตรฐานการฝีกทีเดียว ที่สมควรฝีกบ่อยๆ ซี่งนักภาวนาหลายคนจะเรียกว่า การฝึกฝนในรูปแบบ .ระดับ 3...เมื่อฝีกระดับ 2 ได้มากพอ และได้ผลดีพอประมาณ ผู้ฝีกจะสามารถ เห็นความคิด หรือ เห็นอารมณ์จิตที่รุนแรงได้ เช่น ความโกรธ . เมื่อเห็นความคิดได้ หรือ เห็นอารมณ์จิตที่รุนแรงได้ ต่อไป เป็นการฝีกฝนชีวิตประจำวัน ที่ไม่ใช่ฝีกฝนในรูปแบบแล้ว ก็คือ เมื่ออยู่ในชีวิตประจำวัน ทำงานประจำวัน เช่น อาบน้ำ ซักผ้า แปรงฟัน เก็บที่นอน กวาดบ้านและอื่น ๆให้มีความรู้สีกตัวอยู่เท่านั้น แล้ว สิ่งทีฝีกฝนในระดับที่ 2 นี้ จะส่งผลออกมาให้เอง เมื่อมีความคิดหรือมีอารมณ์จิตทีรุนแรงเกิดขึ้น กล่าวคือ จะเห็นได้และจะเห็นความคิดหรืออารมณ์จิตเป็นไตรลักษณ์ได้ด้วย . จะเห็นว่า การฝีกในรูปแบบของระดับ 2 นี้เป็นสมถะ เป็นการสร้างเหตุ ให้จิตมีสติเกิดได้เมื่ออยู่ในชีวิตประจำวัน . ส่วนการฝีกในชีวิตประจำวันระดับ 3 นี้จะเป็นวิปัสสนา เมื่อเกิดการเห็นความคิด เห็นอารมณ์จิตได้ ก็จะคือ ได้ปัญญา ซี่ง เป็นผลของการฝีกฝนของ ระดับ 2 การฝีกฝนในระดับ 2 นี้ที่เป็นการสร้างเหตุ จึงทิ้งไม่ได้ต้องทำไปเรื่อยๆ . สิ่งที่เขึยนข้างบนคือหลักการเบื้องต้น ถ้าได้ระดับ 3 แล้ว ก็ขอแนะนำให้ไปหาครูบาอาจารย์ทีจะสอนการภาวนาในระดับสูงขึ้นต่อไป . ผู้เขียนหวังว่า บทความนี้ จะเป็นประโยขน์แก่ท่านที่เข้ามาอ่าน
Create Date : 12 มิถุนายน 2563
0 comments
Last Update : 28 กันยายน 2565 9:14:32 น.
Counter : 759 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****