- ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย
- ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย 2
- ข่าวเด่นประเด็นดังต่างประเทศ
- เรื่องจริง,อุทาหรณ์
- ข่าวกีฬาทั่วไป
- ข่าวอาเซนอล
- ข่าวบาซ่า
- ข่าวบันเทิง,ดารา,นักร้อง,คนดัง,ละคร
- ข่าวดารา,บันเทิง,นักร้อง,คนดัง,ละคร 2
- ข่าวดารา,บันเทิง,คนดัง,นักร้อง,ละคร 3
- ข่าวสารภาพยนตร์
- ดูดวง,ทำนาย,แบบทดสอบ
- ข่าวสารท่องเที่ยวทั่วไทย
- ข่าวสาร,แนะนำที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ความรู้ทั่วไป,ความรู้รอบตัว
- ข่าวสารครอบครัว,ความรัก,เพื่อน
- ข่าวสารสุขภาพ
- ข่าวสารแฟชั่น,ความงาม
- สัตว์ทั่วไป,สัตว์เลี้ยงสุนัข,แมว
- สูตรอาหาร,ขนม
- แนะนำร้านอาหาร
- เรื่องแปลก,ลึกลับ,ผี
- เรื่องตลก,ขำขัน
- ข่าวสารแนะนำเกม
- ต้นไม้,ดอกไม้
- ข่าวสารยานยนต์
- ข่าวสารดำเนินกิจการงาน,อาชีพ
- ข่าวสารเทคโนโลยี,คอมพิวเตอร์,อินเตอร์เน็ต,อุปกรณ์สื่อสารทั่วไป
- ศาสนา,ธรรมะ,คติ,ปรัชญาสอนใจ
- กิจกรรม,ศูนย์รวมเรื่องต่างๆที่ ช่วยเหลือสังคม
- บล็อกส่วนตัวจ้า
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เด็กเล็กถูกทำร้าย ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและจิตใจ เตือนผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด
เด็กเล็กถูกทำร้าย ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและจิตใจ เตือนผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด (กรมการแพทย์)
ข้อมูลชี้!!เด็กเล็กถูกทำร้ายเพิ่มขึ้นทุกปี กรมการแพทย์หวั่นอาจกระทบต่อพัฒนาการและจิตใจ เตือนผู้ปกครองและทุกฝ่ายต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
กรมการแพทย์เผย!! ในแต่ละปีมีเด็กเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เด็กร้อยละ 58 ถูกกระทำโดยคนใกล้ชิด รองลงมาร้อยละ 20 เป็นการโดนทำร้ายโดยคนแปลกหน้า และร้อยละ 8 ถูกทำร้ายโดยผู้ปกครอง การถูกทำร้ายเกิดได้กับเด็กในทุกช่วงวัย จึงขอเตือนผู้ปกครองให้ความห่วงใยและดูแลเอาใจใส่เด็กเล็กอย่างใกล้ชิด รู้จักควบคุมอารมณ์และหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าปัจจุบันการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับโรคเด็กของประเทศจะประสบความสำเร็จอย่างมาก เห็นได้จากการลดจำนวนลงของการเสียชีวิตในเด็กจากโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดต่อ แต่ในทางกลับกันพบว่ามีเด็กที่ถูกทำร้ายและได้รับบาดเจ็บรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการทั้งด้านการป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือ พบว่าการบาดเจ็บเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเสียชีวิต หลังจากขวบปีแรก ถึง 2 ใน 3 หรือร้อยละ 64 เสียชีวิต และเกือบร้อยละ 70 เป็นการเสียชีวิตของเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-17 ปี
ทั้งนี้รายงานจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีระบุว่ามีเด็กและทารกที่บาดเจ็บจากการถูกกระทำรุนแรงเข้ารับการรักษาเฉลี่ยปีละ4-6 ราย อายุระหว่าง 2 เดือน - 2 ปี และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี สาเหตุการบาดเจ็บส่วนใหญ่คือการตกจากที่สูง เช่น เตียง โต๊ะ เก้าอี้ ที่มีความสูงมากกว่า 2 เท่าของความสูงของเด็ก พบมากในเด็กอายุ9 เดือน 2 ปี การถูกเขย่าแรง ๆ มักเกิดในเด็กอายุ 2-6 เดือน การจมน้ำพบในเด็กอายุ9 เดือน 2 ปี และที่สำคัญคือการถูกทำร้ายโดยบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดซึ่งเกิดได้กับเด็กทุกช่วงอายุ
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ กล่าวต่อไปว่าการทำร้ายเด็กนอกจากจะเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังเป็นสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยและความพิการตลอดชีวิตด้วย แต่ละปีจะมีเด็กมากกว่า 1,600 คน พิการอันเนื่องมาจากการบาดเจ็บ และในจำนวนเด็กพิการเหล่านี้ทุก 10 คน ใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันในการรักษา ทุก 37 คน ใช้เวลาในการรักษาอยู่ในช่วง 1-9 วัน และทุก 88 คนขาดเรียนหรือขาดงานอย่างน้อย 3 วัน และทุกวันจะมีเด็กเสียชีวิตจากการบาดเจ็บอย่างน้อย 16 คน
เด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายแม้จะไม่ถึงแก่ชีวิตแต่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาด้านสุขภาพโดยเฉพาะผลต่อสมอง เช่น การตกจากที่สูงในลักษณะศีรษะกระแทกหงายท้อง การเขย่าเด็กแรงๆโดยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน ถึงแม้ว่าในช่วงแรกอาจไม่พบความผิดปกติและเด็กไม่สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับตนได้ ทำให้ผู้ปกครองไม่พาไปพบแพทย์ทันที แต่อาการส่วนใหญ่อาจส่งผลภายหลังคือ มีเลือดออกในกะโหลกศีรษะ สมองช้ำ กระหม่อมโป่ง อาเจียน ซึม ชักและอาจเสียชีวิต บางรายแม้จะได้รับการรักษาแต่ก็อาจประสบปัญหา เช่น สมองพิการ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นโรคลมชัก มีพัฒนาการช้า ปัญญาอ่อน ก้าวร้าว อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย
นอกจากนี้ปัญหาการบาดเจ็บในเด็กจากการถูกทำร้ายยังกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นการแบกภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาและเป็นภาระทางสังคม การบาดเจ็บที่ทำให้เกิดความพิการตลอดชีวิตมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการบาดเจ็บที่ทำให้เสียชีวิต
เพื่อป้องกันปัญหาการบาดเจ็บในเด็กจากการถูกทำร้ายหรือผลกระทบต่างๆ สังคมไทยและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสนใจและหาแนวทางปกป้องคุมครองให้เด็กได้อยู่ใน สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการพัฒนาทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น ไม่ปล่อยเด็กไว้ตามลำพัง อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บกักน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ บ่อเลี้ยงปลาควรมีที่กั้นเพื่อไม่ให้เด็กเข้าไปได้ หากพ่อแม่ไม่ได้ดูแลบุตรด้วยตนเองควรคัดเลือกผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วยการประเมินวุฒิภาวะทางอารมณ์อย่างละเอียด ถูกหลักวิชาการ และควรสังเกตเกี่ยวกับกิริยาท่าทางของเด็ก พฤติกรรมการกิน การนอน หากพบความผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาทันที เพราะหากเกิดการบาดเจ็บหรือมีการกระทำที่รุนแรงกับเด็ก ไม่เพียงแต่เกิดบาดแผลที่เห็นภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตใจของเด็กที่จะต้องได้รับการเยียวยาในระยะยาวอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบจาก
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
วันพุธที่ 14 มีนาคม 2555 //icare.kapook.com/caution.php?ac=detail&s_id=19&id=3270 |
Create Date : 19 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2556 19:25:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 981 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|