หนีร้อนตะลอนนิวซีแลนด์ หลังจากใช้เวลาเตรียมการมาหลายเดือน ปรับเปลี่ยนแผนมาหลายรอบ ก็ถึงเวลาที่เราจะลัดฟ้าไปเยือนซีกโลกใต้สักทีพวกเราเดินทางด้วยสายการบิน AirAsia จองมาด้วยราคาโปรโมชั่น กรุงเทพ - ไครสต์เชิร์ช - กรุงเทพด้วยราคารวมโหลดกระเป๋าที่นั่ง Hot Seat และอาหารบนเครื่องไม่ถึง 2 หมื่นบาทต่อคน พวกเรามาถึงสุวรรณภูมิก่อนเวลาเครื่องอก 3 ชั่วโมง ที่ต้องเผื่อเวลามากขนาดนี้เพราะไม่แน่ใจว่าช่วงก่อนสงกรานต์คนเดินทางกันมากมายจะวุ่นวายขนาดไหนแต่เราก็ใช้เวลาไม่นานในการ Check-In และผ่าน ตม. และเนื่องจากเราจองตั๋วมาแบบ Fly Thru ไม่ต้องไปรับโหลดกระเป๋าที่กัวลาลัมเปอร์ หลังชั่งน้ำหนักกระเป๋าเสร็จก็ต้องนำไปโหลดช่องพิเศษ คือช่องสัมภาระขนาดใหญ่ จากนั้นผ่าน ตม.ซึ่งแถวคนไทยวันนั้นสั้นมากหรือจะเรียกว่าไม่มีคิวเลยก็ได้ จากกรุงเทพเรานั่ง Thai AirAsia ไปลงที่กัวลาลัมเปอร์เครื่องออก 6 โมงกว่า ถึงกัวลาลัมเปอร์สามทุ่มครึ่ง เวลาที่มาเลเซียเร็วกว่าบ้านเราชั่วโมงนึง ลงเครื่องเราก็เข้าช่องพิเศษสำหรับต่อเครื่องไม่ต้องผ่าน ตม. เพื่อตรวจเอกสารและออก Borading Pass สำหรับเที่ยวบิน AirAsia X กัวลาลัมเเปอร์ - ไครสต์เชิร์ช นั่งรออีกชั่วโมงกว่า ก็ได้เวลาเดินทาง เครื่องออกจาก กัวลาลัมเปอร์ ห้าทุ่มครึ่งถึงไครสต์เชิร์ช ประมาณบ่ายสองครึ่งของอีกวัน เวลาที่นิวซีแลนด์เร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมงก็ประมาณ 9 โมงเช้าบ้านเรา
ผ่าน ตม. นิวซีแลนด์ มาถึงแล้วนิวซีแลนด์ ก่อนเดินทางผมตรวจสอบสภาพอากาศจากเวปพยากรณ์อากาศของนิวซีแลนค์ว่าจะมีฝนมาถึงก็เจอฝนจริงๆ ทำให้ไม่เห็นยอด Mount Cook ตอนเครื่องบินกำลังจะลงที่ Christchurch ลงจากเครื่องผ่าน ตม.เค้าขอเอกสารจองตั๋วเครื่องบินขากลับ ก็ยื่นให้เค้าดู และขอดูใบจองที่พักคืนแรก พอดีผมจองที่พักผ่าน //www.booking.com มาเพราะคิดว่าจองมาก่อนจะได้ไม่เสียเวลาไปหาที่พัก และอีกอย่างผมต้องการห้อง Family room ซึ่งมีน้อยกว่าห้องธรรมดาจองก่อนเดินทางน่าจะสะดวกกว่า ซึ่งการจองห้องผ่าน booking.com ดีตรงที่เราสามารถยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนได้ก่อนเดินทางเพราะเค้ายังไม่คิดเงินเรา โดยให้เราไปจ่ายเมื่อเข้าพัก ที่พักที่นิวซีแลนด์มีทั้งแบบ Guest house และ Motel แต่แบบโรงแรมจะไม่ค่อยมี หรือมีตามเมืองใหญ่ๆอย่าง Christchurch, Queenstown, Dunedin แต่ผมว่าแบบ Motel สะดวกสุดเพราะคุณสามารถเอาท้ายรถเสียเข้าหน้าห้องพักแล้วขนกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นลงได้เลย เมื่อผ่านเจ้าหน้าที่ ตม. แล้วก็มารอรับกระเป๋าที่สายพาน จากนั้นต้องไปผ่านอีกด่านนึง นั่นคือด่านศุลกากร และเนื่องจากผมเอาอาหารและเครื่องปรุงไปทำกินเอง เราก็เลือเข้าช่อง declare หรือมีของต้องสำแดง ถ้าจะนำอาหารไปปรุงเองควรแยกกระเป๋าใบนึงออกมาจากเสื้อผ้า เพราะจะสะดวกในการเปิดตรวจ เค้าจะดูของคุณทุกชิ้น ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าคุณสามารถแจ้งว่าเป็นเครื่องแต่งกายแล้วเข้าเครื่องสแกนได้เลยไม่ต้องเปิดตรวจ ยื่นกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่แล้วแจ้งเค้าว่า Dry Food เจ้าหน้าที่จะเปิดกระเป๋าตรวจของข้างในด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเค้าก็เก็บของเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม ผ่านด่านศุลกากรได้ ก็ออกประตูสู่นิวซีแลนด์จริงๆแล้วซื้อซิมโทรศัพท์ เมื่อผ่านศุลกากรออกมาด้านนอก ผมก็มองหา Counter โทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเราต้องโทรติดต่อบริษัทรถเช่าทางด้านซ้ายมือของประตูทางออกมาโถงด้านนอกจะมีเคาท์เตอร์บริษัท Vodafone ซื้อซิมการ์ดแบบเติมเงิน ราคาซิม 25 NZD เติมเงินต่ำสุด 20 NZD เล่น Net ได้ 100 Mbs หากเงินหมดสามารถเติมเงินเพิ่มได้ที่ Supermarket ตรงเคาท์เตอร์จ่ายเงินบอกเค้าว่า Top up Vodafone ขั้นต่ำ 20 NZD เมื่อจัดการเปลี่ยนซิมเสร็จ ผมก็โทรไปยังบริษัทรถเช่าว่าเรามาถึงแล้วแต่พระเจ้า เค้าพูดอะไรกลับมาฟังไม่รู้เรื่องเลย ทั้งสำเนียงทั้งพูดเร็ว พูดกันอยู่นานรู้แต่ว่าให้ไปรอที่จอดรถตรงไหนสักแห่งi-SITE ที่พึ่งแรก เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องผมเลยต้องหาตัวช่วย ตอนซื้อซิมโทรศัพท์ผมเห็นสำนักงานการท่องเที่ยวของ นิวซีแลนด์อยู่ใกล้ๆร้าน Vodafoneก็เลยเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือว่าผมไม่เข้าใจสิ่งที่บริษัทรถเช่าพูด เจ้าหน้าที่ขอเบอร์โทรบริษัทรถเช่าแล้วโทรติดต่อให้จากนั้นเรียกตำรวจหญิงช่วยนำผมไปรอที่จุดนัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใจดีพาไปส่งแล้วยืนรอจนรถตู้ของบริษัทรถเช่ามารับผมไปยังสำนักงาน กล่าวถึง i-SITE นิดนึงครับ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์ที่ผมคิดว่ายอดเยี่ยมมาก คุณสามารถหาข้อมูลของทุกเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก รถ เรือ ต่างๆได้จากที่นี่ หรือขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ได้ทุกเมืองที่คุณผ่านไปจะมี i-SITE ตั้งอยู่ในจุดหลักของเมือง แม้กระทั่งเมืองเล็กๆก็ตาม มาถึงสำนักงานของบริษัทรถเช่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนัก เค้าจะขอดู Voucher ที่คุณทำการจองรถมา เจ้าหน้าที่จะขอใบขับขี่สากล Passport และใบขับขี่ของไทยไปถ่ายเอกสาร แล้วให้กรอกข้อมูลในใบรับรถ จากนั้นพาไปตรวจสอบสภาพรถอย่าลืมถ่ายภาพรอบคันไว้ด้วยนะครับ ถ้าได้กล้องแบบที่มีวันที่ยิ่งดี เผื่อมีปัญหาตอนคืนรถจะได้มีหลักฐานว่ามีร่องรอยก่อนรับรถ รับรถเสร็จก็มุ่งหน้าสู่ที่พักคืนแรก ผมเช่า GPS เพิ่มจากบริษัทรถเช่าแต่ มีปัญหามากเมื่อใช้ที่ Christchurch เพราะเนื่องจากเมืองถูกทำลายจากแผ่นดินไหว 2 ครั้ง ทำให้ใจกลางเมืองมีแต่ซากปรักหักพัง ถนนสายต่างๆถูกปิดห้ามรถผ่านในบางช่วงทำให้ GPS สับสนในการนำทางมากเพราะมันพยายามแนะนำเราให้ขับผ่านเข้าไปกลางเมืองจุดที่มีการปิดถนนคืนแรกผมพักที่ Southern Comfort Motel เลขที่ 53 ถนน Bealey Avenue ผมจองห้อง Family Room มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีครัวและเครื่องครัวให้พร้อม เมื่อเช็คอินเก็บกระเป๋าเสร็จก็ได้เวลาออกสำรวจเมือง ChristchurchChristchurch กับซากปรักหักพัง ผลกระทบจากแผ่นดินไหว 2 ครั้ง คือ กันยายน 2553 และ กุมภาพันธ์ 2554 ทำให้ไครสต์เชิร์ชแทบกลายเป็นเมืองร้าง บริเวณ Cathedral Square ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ กลายเป็นพื้นที่อันตราย(Red Zone) ห้ามรถยนต์เข้าและห้ามอยู่อาศัย หลังจากชมซากปรักหักพังของไครสต์เชิร์ชแล้วก็ได้เวลาหาเสบียงสำหรับมื้อเย็นและการเดินทางในวันถัดไป วันแรกของการขับรถในไครส์เชิร์ช ผมขอบอกว่ามั่ว งง หลงทิศ มากๆ GPS ก็พาหลงทางแบบวนกันเข้าซอยเล็กซอยน้อยสุดท้ายผมก็มาถึงถนน Riccarton แล้วก็มาเจอ The Park n Save Supermarket ซึ่งกว่าจะถึงก็ทุ่มกว่าฝนเริ่มปรอยๆ อากาศเย็นสุดขั้วเลยครับ แต่ได้ไออุ่นในซุปเปอร์มาร์เก็ต ค่อยยังชั่วหน่อย ที่นี่มีฝั่ง Plaza และโรงหนังด้วยนะครับแต่ขอบอกว่าเค้าปิดกันตั้งแต่ 6 โมงเย็น หลัง 6 โมงผู้คนพากันเข้าบ้านหมดแล้วครับ เราได้เสบียงสำหรับการเดินทางพอสมควรทั้งข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ ผมเตรียมกระเป๋าเก็บความเย็นที่ซื้อจากร้าน ซี พี เฟรชมาร์ทมาด้วยเอาไว้ใส่ของสดและเนื่องจากอากาศเย็นจึงทำให้เราเก็บเนื้อสัตว์ใส่รถไปกับเราได้ พอถึงที่พักก็เอาแช่ช่องแช่แข็งเพื่อตะลอนวันต่อไป ซื้อของเสร็จก็ได้เวลากลับที่พักทำอาหารเย็นและวางแผนการเดินทางในวันรุ่งขึ้น โปรแกรมของเราพรุ่งนี้คือ