อำลา Lake Tekapo
ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะไม่อยู่กับเรานาน เหมือนความสุขจากการได้ขับรถเที่ยวรอบเกาะใต้ของเราผ่านไป
10 วันอย่างรวดเร็ว การเดินทางจองดวงดาวยังคงหมุนอยู่ไม่มีวันหยุด เวลาก็หมุนตามอย่างไม่มีวันหยุดเช่นกัน
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้วพร้อมกับความหนาวเย็นมาก จนน้ำค้างแข็งบนผืนหญ้าขาวโพลนไปหมดผมตั้งกล้องไว้ที่ระเบียง
ห้องเพื่อถ่ายภาพทางช้างเผือกที่เห็นได้ชัดเจน แต่ตัวเข้ามาในห้องรับไออุ่นจากฮีตเตอร์ ไม่นานนักแสงแรกก็มาเยือน
ทะเลสาบเทคาโป
สายหมอกยามเช้าเหนือทะเลสาบเทคาโปกับโบสถ์ Church of The Good Shepherd โบสถ์แห่งแรกที่สร้างขึ้น
ในภูมิภาดแม็กเคนซีและเป็นโบสถ์ที่เล็กที่สุดในนิวซีแลนด์ ปัจจุบันยังคงใช้งานอยู่ สร้างขึ้นเมื่อ16 มกราคม 1935
ดยุคแห่งกลอสเตอร์ (H.R.H. Duke of Gloucester) ได้ทรงมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างโบสถ์นี้เป็นวันแรก เพื่อ
เชิดชูเกียรติยศแห่งพระเจ้า และเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้บุกเบิกดินแดนแมคเคนซี(Mackenzie Country) บริเวณนี้ โดย
ออกแบบสร้างเป็นโบสถ์หินเรียงแบบโกธิค ด้วยแรงบันดาลใจจากรูปวาดเล็กๆรูปหนึ่งของศิลปินท้องถิ่น จนงานสร้าง
ได้เสร็จสิ้นภายในปีเดียวกันนั้นเอง
ผมออกมาเดินเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าของทะเลสาบเทคาโป ท่ามกลางความหนาวที่ดูจะหนาวจัดกว่าทุกวันที่
ผ่านมา ผู้คนเริ่มทะยอยกันออกมาจากที่พักมากมายขึ้นเพื่อมาขมบรรยากาศยามเช้า
หลังจากแสงแดดสาดส่องแรงขึ้นเรากลับมากินอาหารเช้ากันที่ห้องพัก พร้อมกับนั่งชมวิวหลบความหนาวกันอยู่ใน
ห้องก่อนที่จะเก็บข้าวของขึ้นรถ บรรยากาศสวยๆยามเช้าที่นี่สุดยอดจริงๆครับ
อีกภาพจากห้องพักครับ โบสถ์ Church of The Good Shepherd ระยะไกล เห็นรถมากมายทะยอยกันเข้ามาเที่ยว
ชม ภาพของโบสถ์แห่งนี้นับเป็นสถานที่หนึ่งที่มีคนบันทึกภาพมากที่สุดอันดับต้นๆของนิวซีแลนด์ก็ว่าได้
ก่อนกลับเราลงไปเดินเล่นริมทะเลสาบเทคาโปกันอีกครั้งน้ำในทะเลสาบเทคาโปมีสีเทอร์ควอยซ์ เกิดจากการ
ละลายของน้ำแข็งบนเทือกเขา South Alps ได้กัดกร่อนชั้นหินซึ่งมีแร่ธาตูไหลลงสู่ทะเลสาบเมื่อแสงอาทิตย์ส่องทำ
ให้สารละลายเหล่านี้สะท้อนแสงเกิดเป็นสีของน้ำ ผมว่าบ้านเราก็มีที่สระมรกตจังหวัดกระบี่ครับและอีกที่ก็คือน้ำตก
เอราวัณชั้นบนสุด น้ำเป็นสีเทอร์ควอยซ์เหมือนกันครับ
และก่อนอำลาจากเทคาโป เราแวะไปที่อนุสาวรีย์สุนัขเลี้ยงแกะ (The famous Collie dog statue) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ
กับโบสถ์ Church of The Good Shepherd อนุสรณ์นี้ตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้ประกอบกิจการในท้องถิ่นแม็คเคนซีกับประชาชน
ในย่านนี้ ที่ซาบซึ้งในคุณค่าของ สุนัขเลี้ยงแกะพันธุ์คอลลี (Collie) ซึ่งถ้าปราศจากเจ้าคอลลี่ทั้งหลายนั้นแล้วการบุกเบิก
หุบเขาในดินแดนแถบนี้คงเป็นไปไม่ได้เลย
อนุสาวรีย์สุนัขคอลลีนี้เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 1968 โดยส่วนบนสุดนั้นเป็นรูปหล่อของสุนัขคอลลีซึ่งออก
แบบปั้นโดยภริยาของชาวไร่ผู้หนึ่งในเขตแม็คเคนซีนี้เอง แล้วส่งงานปั้นนั้นไปขึ้นรูปหล่อด้วยทองเหลืองที่ประเทศอังกฤษ
อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะนำกลับมาตั้งไว้เป็นสิ่งเตือนใจคนที่นี่
ก่อนโบกมือลาจากเทคาโบ ขอเก็บภาพสุดท้ายเป็นที่ระลึกครับ และหวังว่าคงมีโอกาสได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง
จากทะเลสาบเทคาโปสู่ไครสต์เชิร์ช ระยะทาง 225 กิโลเมตรสุดท้ายที่เราจะวนครบรอบ ถ้านับดูสิบวันที่ผ่านมา
เราเดินทางไปทั้งหมด 2,260 กิโลเมตรแล้วครับ วันสุดท้ายผมจะรวมระยะทางทั้งหมดของทริปอีกครั้งแต่คิดว่าคงเกิน
2,500 กิโลเมตรแน่ครับ
แวะ Geraldine
ออกจาก Tekapo ได้ไม่นานสมาชิกในรถกฌคอพับคออ่อนกันไปหมด ผมก็เลยขับเพลินๆคนเดียวตามเส้่นทาง
Highway 8 Fairlie - Tekapo road เป็นเส้นทางภูเขาสลับทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะพอผ่านเมือง Fairlie ก็เปลี่ยนไปใช้
Highway 79 มุ่งสู่เมือง Geraldine
เราแวะพักกันที่ Geraldine เข้าห้องน้ำและเติมน้ำมัน จุดแวะเข้าห้องน้ำสาธารณะของที่นี่อยู่ตรงข้ามกับโบสถ์
St Andrew Church โบสถ์สวยอีกแห่งที่ตั้งอยู่กลางเมือง
อีกครั้งกับ Christchurch
แล้วเราก็มาถึง ไครสต์เชิร์ชตอนบ่ายแก่ๆ เราก็ตรงเข้าที่พักเลย สองคืนสุดท้ายนี้ผมจองที่พักไว้ที่ Abbrey motor
lodge ไม่ไกลจากที่พักในคืนแรกที่เรามาพักนัก แต่ผมชอบที่นี่มากกว่าเพราะห้องพักกว้างขวางกว่าครับและอีกอย่างผม
ว่ามันสงบกว่าที่เดิมเยอะเลย เพราะที่พักวันแรกอยู่ใกล้ๆกับตึกที่เค้ากำลังรื้อเพราะถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหว
นั่งพักผ่อนกันสักพัก เราก็เดินสำรวจรอบๆที่พักกันครับ พื้นที่ถัดจากที่เราพักไปเพียงไม่กี่ Block จะเป็นพี้นที่ Red
Zone จากแผ่นดินไหว ห้ามพักอาศัย แถบนั้นเลยกลายเป็นเมืองร้างครับ
แต่บนหายนะ ก็ยังมีบางมุมที่ยังคงสวยงามอยู่
เราจบทริปของวันนี้ที่ Countdown Supermarket สำหรับอาหารมื้อเย็นที่ซื้อกลับมาทำกินกันเอง และที่น่าเจ็บใจ
คือมาเจอช็อคโกแลต Cadbury ที่นี่ถูกกว่าที่โรงงาน Dunedin อุตส่าห์ตะลอดแบกมาตั้งหลายวัน รู้อย่างนี้คงกลับมา
ซื้อที่นี่ครับ
พรุ่งนี้เราจะขับรถไป Kaikoura แล้วกลับมานอนที่ Christchurch
เห็นด้วยค่ะว่านิวซีแลนด์ครั้งเดียวไม่พอแน่