Yokoso Japan - Day2 Kawaguchiko



      เช้าวันที่สอง ในญี่ปุ่น เราเก็บข้าวของแบ่งใส่กระเป๋าเล็ก 1 ใบ เพราะคืนนี้เราจะไปพักที่ Kawaguchiko  ส่วน
กระเป๋าใหญ่ เราฝากไว้ที่โรงแรม เค้ามีห้องฝากกระัเป๋านะครับ เพราะเราจะกลับมาค้างที่นี่อีกครั้งในคืนถัดไปครับ
      เราออกจากโรงแรมกลับไปที่ท่ารถ Kieo Bus ที่เดียวกับที่เราไปจองตั๋วเมื่อวานครับ    อาจเพราะเช้าวันนี้เป็น
วันเสาร์ รถบนถนนและผู้คนเลยดูน้อยๆครับ อากาศในฤดูใบไม้ผลินี่เย็นสบายจริงๆ ราวๆกับฤดูหนาวบ้านเราครับ

      มาถึงท่ารถก็รอเวลาครับ เค้าจะมีป้ายไฟบอกว่ารถที่มาจอดกำลังจะไปไหน แต่ละคันจอดประมาณสัก 10 นาที
ก็ออกครับ วันนี้เป็นวันเสาร์คนญี่ปุ่นเดินทางออกต่างจังหวัดกันค่อนข้างมากครับ แต่เราจองตั๋วไว้ตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่
ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่ว่างครับ พอรถมาก็เข้าแถวขึ้นรถได้เลย โชว์ตั๋วให้เค้าดูก่อนขึ้นรถ  ค่ารถไปคาวากูชิโกะคนละ
1,700 เยน เด็ก 850 เยน ครับ

      การเดินทางไป Kawaguchiko โดยรถบัสเป็นทางที่สะดวกและประหยัดที่สุดครับ หากเดินทางโดยรถไฟจะต้อง
อ้อมและใช้เวลามากกว่าครับ   พอรถออกจากโตเกียวก็ขึ้น Free Way ใช้เวลาประมาณสักสองชั่วโมงกว่าครับ จริงๆ
แล้วตามตารางเดินรถจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที แต่วันนี้รถบนทางด่วนมากมายและติดขัดบ้างบางช่วงครับ

      ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Kawaguchiko เวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ  อาคารที่เห็นนี่คือ Kawagushiko Station
ทั้งรถไฟ รถบัส และรถซิตี้บัสที่วิ่งรอบทะเลสาบคาวากูชิโกะจะมาตั้งต้นที่นี่ครับ แต่น่าเสียดายตรงที่มาถึงคาวากูชิโกะ
แล้วเมฆฝนปกคลุมไปหมดครับ โดยปกติเราควรจะเห็นฟูจิซังอยู่หลังอาคารสถานีแต่วันนี้ไม่เห็นอะไรเลย  สมกับฉายา
ภูเขาขี้อายจริงๆครับ

      เราเอากระเป๋าเข้าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อนครับ วันนี้เราจะพักที่ Kawaguchiko Station Inn อยู่ตรงข้ามกับสถานี
เลยครับ สะดวกมาก ห้องพักเป็นแบบห้อง 3 คน แต่เราขอพัก 4 คนรวมเด็ก   ราคาก็โหดนิดหน่อยครับ 10,000 เยน
ต่อคืน โรงแรมนี้ห้องพักเป็นแบบญี่ปุ่นเลยครับ พื้นเป็นเสื่อ มีโต๊ะกลางห้องวางกาน้ำชาไว้    เครื่องนอนเก็บไว้ในตู้ที่
ผนังห้อง มีฝูก หมอน ผ้าห่ม ถ้าจะนอนก็เอาออกมากางนอนเองครับ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม และมีบ่อออนเซนอยู่ชั้น
บนสุดมีหน้าต่างกระจก แช่น้ำไปดูฟูจิซังไปครับ วิธีอาบน้ำก็ไปถึงหน้าห้องน้ำ เค้าจะมีตระกร้าให้ไว้ใส่ชุดของเราต้อง
ถอดออกหมดทุกชิ้นครับ และจะมีผ้าผืนเล็กๆให้ 1 ผืน เลือกเอาเองว่าจะปิดส่วนไหนครับ พอเข้าไปในห้อง ด้านซ้าย
และขวาจะมีเก้าอี้เตี้ยๆและก๊อกน้ำ สบู่ ยาสระผมวางไว้ เลือกนั่งสักตัวเพื่อชำระล้างร่างกายแล้วค่อยลงแช่ในบ่อครับ
ตอนแช่ก็ไม่ต้องสนใจคนรอบข้างครับ แต่บ่อออนเซน แยกชาย-หญิง คนละห้องนะครับ นอกจากนั้นยังมีห้องนั่งเล่น
รวมอยู่ชั้นล่าง มีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ทให้ใช้ฟรีครับ

      ฝากกระเป๋าเสร็จก็หาอะไรใส่ท้องกันก่อนครับ มาเจอร้านอาหารใกล้ๆที่พัก เห็นหน้าร้านแล้วน่าเข้าไปลองมากน่ารัก
จริงๆ พอเข้าไปก็เจอคุณป้าชาวญี่ปุ่นเจ้าของร้าน แกพูดภาษาประกิตไม่ได้ ดีเลยเพราะผมก็พูดไม่ได้เหมือนกัน  ดูกันไป
ดูกันมาก็ได้เมนูปลามา ปกติผมเป็นคนไม่ชอบกินปลาแต่แกทำอร่อยมากครับ ไม่คาวเลย    แถมมิโซะซุปก็อร่อยสุดยอด
เลยครับ

       อิ่มกันแล้วก็เดินทางกันต่อครับ ผมมาที่คาวากูชิโกะนี่จุดหมายหลักคือผมต้องการไปชมภูเขาไฟฟูจิที่อยู่คู่กับเจดีย์
สีแดงแล้วมีซากุระบานอยู่เบื้องล่าง เป็นภาพที่ผมเห็นหลายครั้งจากทัวร์ต่างๆที่พาไปญี่ปุ่น แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าไม่มีทัวร์
ไหนที่พามาชมมุมนี้จริงๆครับ เจดีย์แดงที่ผมพูดถึงคือ Chureito Pagoda
      การเดินทางไปยัง Chureito Pagoda นั่งรถไฟจาก Kawaguchiko Station ไป 4 สถานี ลงที่สถานี Shimoyoshida
JR Pass ใช้ไม่ได้นะครับเพราะเป็นรถของ Fujikyu Railway ค่ารถ 290 เยน ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ



      ลงที่ชานชลาก็เดินข้ามรางรถไฟเข้าไปในสถานีเลยครับ ขอเล่าเรื่องห้องน้ำนิดนึงครับ ผมแวะเข้าห้องน้ำที่นี่ แทบไม่
น่าเชื่อเลยครับว่าห้องน้ำที่สถานีรถไฟจะสะอาดขนาดนี้ผมว่าสะอาดพอๆกับโรงแรม 5 ดาวบ้านเราเลยแถมฝานั่งมีที่อุ่นก้น
ด้วยครับ อากาศเย็นๆไม่ต้องกลัวสะท้านก้น พูดถึงเรื่องห้องน้ำ ย้อนกลับไปเมื่อวานนิดนึงครับ  ตอนเข้าห้องน้ำในห้องพัก
ครั้งแรกที่เดินทางมาถึงนั่งงงอยู่ตั้งนาน เพราะทุกอย่างเป็นปุ่มกดหมด ต้องดูดีๆว่าปุ่มไหนมันฉีดข้างหน้าหรือข้างหลัง มา
ต่อกันดีกว่าครับเดี๋ยวจะอยู่แต่ในห้องน้ำไม่ได้ไปไหน เดินออกหน้าสถานีมาเลยครับจะเห็นร้านค้าอยู่ขวามือ

      เป็นร้านขายน้ำกระป๋องหยอดเหรียญครับ ตู้หยอดเหรียญที่นี่มีให้เลือกทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็นนะครับ อยากดื่มกาแฟ
อุ่นๆแก้หนาวก็หยอดได้เลยครับ เดินเลี้ยวไปตามถนนด้านขวามือครับผ่านร้านค้าไป แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆจนสุดถนนครับ

      ถึงสุดถนนจะมีทางเลี้ยวขวาเดินข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้าย   เดินเลียบทางรถไฟไปครับทางจะโค้งไปทางขวามือ
เดินตามทางไปเรื่อยๆครับ ตอนเราเดินข้ามทางรถไฟมาเราเลี้ยวผิดไปทางด้านขวา มีคุณป้าชาวญี่ปุ่นวิ่งออกมาจากบ้าน
มาเรียกเราว่าเดินผิดทางครับ แกพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ก็พอเดาได้ว่าแกบอกว่าเราเดินผิดทาง แสดงว่ามีคนมาเดินหลง
ก่อนหน้าเราหลายคน

      เดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆครับเห็นทางด่วนอยู่ข้างหน้าเดินลอดทางด่วนไปเลยครับ จะมีทางขึ้นเนินเดินขึ้นเนินไป
ด้านบนครับ

      มาถึงแล้วครับทางขึ้น Chureito pagoda เห็นเด็กญี่ปุ่นกำลังเล่นกันอยู่ เดินขึ้นไปข้างบนเลยครับ แต่ขอบอกว่ากว่า
จะถึงด้านบนก็หอบพอสมควรครับ

       จากนั้นก็เดินไต่บันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านซุ้มซากุระที่บานเต็มต้นตลอดทางเดินครับ เดินขึ้นไปไม่ไกลมากนักก็มาถึง
เสาโทริอิ(Torii) สัญลักษณ์ของทางเข้าศาลเจ้า Arakura Sengen Shrine ครับ จากสถานีรถไฟเดินมาถึงตรงนี้ประมาณ
15 นาทีครับ

      เดินผ่านเสา Torii เข้ามาเราจะเห็นศาลเจ้า Arakura Sengen Shrine อยู่ด้านซ้ายมือครับ  ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1963

      เราต้องเดินต่อขึ้นไปยังเจดีย์ 5 ชั้นด้านบนตรับ จะเดินไปตามทางลาดยางด้านข้างศาลาก็ได้ครับ แต่ทางมันจะคดไป
คดมา เพราะเค้าทำไว้ให้ขี่จักรยาน ส่วนด้านขวาของเสาโทริอิมีทางขึ้นซึ่งเป็นบันไดครับ     หันไปเห็นคุณลุงคุณป้ากำลัง
Hanami กันใต้ต้นซากุระ ช่างน่าอิจฉาจริงๆครับ

      เดินขึ้นบันไดที่เห็นขึ้นไปเลยครับ ขอบอกว่าลิ้นห้อยเล็กน้อยครับ แต่ระหว่างทางก็เพลิดเพลินกับดอกซากุระที่ขึ้นริม
ทาง เยอะมากครับ ทั้งริมบันไดและริมถนนที่อยู่ข้างๆบันได กำลังบานสะพรั่งพร้อมกันจนกลายเป็นสีชมพูทั้งภูเขาครับ

      ในที่สุดก็เดินขึ้นมาถึงครับ Chureito Pagoda เจดีย์ 5 ชั้นสีแดงหลังคาเขียว  จากการเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 400 ขั้น
ดูจากมุมนี้ก็คงสงสัยกันหล่ะครับว่าบากบั่นมาทำไมไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ยังครับยังไม่หมดแค่นี้ต้องปีนภูเขาด้านหลังเจดีย์
ขึ้นไปอีกนิดหน่อยครับ

      มุมนี้แหละครับ มุมสุดฮิตที่ใครต่อใครดั้นด้นมาถึงที่นี่เพื่อมาถ่ายภาพ ฟูจิซัง เจดีย์ 5 ชั้น และดอกซากุระบานสิ่งที่เป็น
สัญลักษณ์ของญี่ปุ่น 3 สิ่งอยู่ในที่เดียวกัน แต่บางทีชีวิตมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดเสมอครับ  เพราะเมฆที่บดบังจนไม่อาจ
มองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิได้เลยครับได้แต่เห็นฐานของภูเขากับเมือง Fujiyoshida อยู่เบื้องล่าง ผมอดทนรอว่าเผื่อเมฆบาง
ลงแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะบางลงเลย ก็เลยต้องยอมกลับไปคาวากูชิโกะครับ

      เรากลับลงมาอย่างผิดหวังและกลับไปยังโรงแรมเพราะเกือบสี่โมงเย็นแล้ว พอมาถึงก็ทำการเช็คอินแล้วขึ้นไปนั่งเล่น
ในห้องพัก แล้วก็ลงมาเล่นอินเตอร์เน็ทในห้องนั่งเล่น จนห้าโมงกว่าเราออกมาด้านนอกโรงแรม    สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้
เราถึงกับตะลึงครับ ภูเขาไฟฟูจิตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่ต่อหน้าต่อตาครับ

      ตื่นเต้นกับฟูจิซังได้ไม่นานฟ้าก็เริ่มมืดแล้วครับ มุมเดิมจากเมื่อเช้าที่เราไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิ ตอนนี้เราก็ได้เห็นกันเต็มๆ
เลย ช่างน่าหลงไหลจริง

      เย็นนี้เราอาศัยอาหารสำเร็จรูปในร้าน 7-11 เพราะเค้ามีบริการอุ่นให้เหมือนเซเว่นบ้านเรา รสชาติก็โอเคครับ ผมให้ผ่าน
พรุ่งนี้เช้าเราจะนั่งรถ City Bus เที่ยวชมรอบทะเลสาบ Kawaguchi ครับ





Create Date : 11 ตุลาคม 2555
Last Update : 16 กันยายน 2556 10:44:52 น.
Counter : 11941 Pageviews.

4 comments
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
วัดตะโหมด Wat Tamod, Phatthalung. nanakawaii
(11 เม.ย. 2567 09:28:07 น.)
2024 ดอกซากุระยามเหนือสะพานคินไตเคียวนั้นสวยงามที่สุด สมาชิกหมายเลข 4313444
(8 เม.ย. 2567 04:58:45 น.)
วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดกุฎีดาว, วัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา สายหมอกและก้อนเมฆ
(5 เม.ย. 2567 14:40:42 น.)
  
มาเก็บข้อมูลต่อค่ะ
โดย: Maeboon วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:17:05:40 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
โดย: เม่นน้อย IP: 61.90.26.202 วันที่: 27 เมษายน 2556 เวลา:22:52:01 น.
  
ค่าตั๋วรถไปคาวากูชิโกะนี่รวมไปกลับหรือเปล่าคะ
โดย: mang IP: 27.55.142.143 วันที่: 5 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:36:45 น.
  
ค่าตั๋วรถไปคาวากูชิโกะนี่รวมไปกลับหรือเปล่าคะ
โดย: mang IP: 27.55.142.143 วันที่: 5 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:37:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Zurg.BlogGang.com

นักบัญชีขี้บ่น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]

บทความทั้งหมด