Hierarchy need Thai Style ไฮราคี่ นี๊ด ของ มาสโล ที่เป็นเป็นที่รู้จักกันทั่วไปและ ผู้คนมักนำมาใช้เป็นแบบแผนในการศึกษาเรื่องราวของความต้องการของมนุษย์ในเรื่องต่างๆเป็นลำดับขั้นไป ก่อนอื่นก็ต้องขอลำดับความ เพื่อรื้อพื้นและทำความเข้าใจกับ ไฮราคี่ นี๊ด ของ มาสโล แบบดั้งเดิมก่อน ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจไปในทางเดียวกัน ความต้องการของมนุษย์ตามแนวความคิดของมาสโลว์ (Maslow) มาสโลว์ ได้แบ่งความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 5 ขั้นเรียงตามลำดับ ดังนี้ ขั้นที่ 1 ความต้องการทางกาย (Physiological Needs) คือความต้องการปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ขั้นที่ 2 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย (Safety and Security Needs) คือความต้องการที่จะมีชีวิต ที่มั่นคง ปลอดภัย ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม (Love and Belonging Needs) มนุษย์เมื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มใดก็ต้องการให้ตนเป็นที่รักและยอมรับในกลุ่มที่ตนอยู่ ขั้นที่ 4 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น (Self -Esteem Needs) เป็นความต้องการในลำดับต่อมา ซึ่งความต้องการในชั้นนี้ถ้าได้รับจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจใจตนเอง ขึ้นที่ 5 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง (Self-Actualization Needs) เป็นความต้องการชั้นสูงของมนุษย์ ซึ่งน้อยคนที่จะประสบได้ถึงขั้นนี้ เมื่อเราเอ่ยถึงของมาสโลแล้วเราก็นำมาเทียบกับความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน ที่จะเห็นได้ว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ขั้นที่ 1 ความต้องการทางกาย ที่เราเริ่มตอบสนองตามสัญชาตญาณมากกว่าที่เราจะคิดเพื่อตอบสนองจุดนี้ การตอบสนองแทบจะไม่เรียกได้เลยว่าเรามีความต้องการ หากแต่ความต้องการเป็นไปโดยปราศจากความคิดและเจตจำนง เราแทบจะไม่ได้ให้ค่าความสำคัญกับส่วนของความต้องการทางร่างมากมาย ทุกอย่างเป็นไปโดยที่เราไม่รู้สึกตัว ราวกับว่า ผู้คนได้รับส่วนนี้โดยอัตโนมัติ จนหลงลืมไปหมดว่าเราต้องการเอง หรือมันเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้สึก ไม่ต่างกับหุ่นยนต์ที่มีคนคอยเสียบปลั๊กเพื่อให้ไฟฟ้าที่เป็นอาหาร โดยหุ่นจะรู้ตัวได้ว่าตนเองต้องการเมื่อ ถ่านหมด ช่างน่าแปลกใจที่คนกับหุ่นแทบจะแยกกันไม่ได้ถึงความแตกต่างเลย ในความต้องการ ระดับร่างกาย ขั้นที่ 2 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย ความต้องการเราละเลยมันจนกลายลายเป็นเครื่องของบางคนบางกลุ่มฉกฉวยมาใช้เป็นเครื่องให้เกดิผลประโยชน์กับตัวเอง เมื่อต้องการความมั่นคงของชีวิต (ุ้คนมักไดรับคำตอบเป็นเรื่องของหลักประกันต่างๆที่มาในรูปแบบของหลักประกันอนาคต เป็นประกันรูปแบบต่างๆ ทั้งเรื่องเงินออม และเงินที่จะได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เป็นธุรกิจที่ทำความมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรื่องโดยอาศัยความต้องการในเรื่องของความมั่นคงในชีวิตมาเป็นตัวจุดชนวน ส่วนเรื่องของความปลอดภัยก็กลายเป็นเครื่องของทางรัฐที่นำมาเป็นข้ออ้างเพื่อหาผลประโยชน์มากกไปกว่าที่จะทำเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับเหล่าผู้คนในสังคมจริง ข้ออ้างความมั่นคงปลอดภัยของทางรัฐมักนำพาไปสู่โซ่ตรวนพันธนาการที่มองไม่เห็น การเป็นการผูกมัดให้ผู้คนที่อาศัยในสังคมถูกพรากเสรีภาพ สิทธิ บางส่วนออกไป โดยอาศัยคำว่าความมั่นคง ขั้นที่3 ความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม ในขั้นนี้เองแทบจะเรียกได้ว่าเป็นขั้นที่ผู้คนให้ความสนใจมากไปกว่าขั้นอื่นๆ เพราะในสังคมนี้เอง ผู้คนมักให้ค่าความสำคัญและมอบความสนใจให้กับเรื่องของความรัก และการยอมรับมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งนั้น ผู้คนโหยหาความรักกันทุกหย่อมหญ้า ต่างมองหาความรักกันเป็นวรรคเป็นเวร สื่อทุกสื่อแทบจะไม่มีสื่อไหนเลยที่ปราศจากเรื่องราวๆ รักๆใคร่ๆ ที่กรอกหูกรอกตา จนผู้คนหลงใหลและฝักใฝ่ความรัก จนเป็นสภาพสังคมอุดมความรัก ซึ่งอันที่จริงรักที่ฉาบฉวยและเคลือบบนเปลือกเช่นนี้เอง อาจไม่ต่างอะไรกับเรื่องของเพศสัมพันธ์หรือเซ็ก เป็นการโหยหาเซ็กกันตั้งแต่ระดับวัยรุ่นไปจนถึงระดับแก่หัวหงอก บ้าคลั่งเซ็กจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร พอไม่ได้เซ็กหรือความรักดั่งใจก็นำพาไปสู่การฆาตกรรม และการทำร้าย เป็นเหตุการณ์ที่เห็นได้ปกติในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ได้กล่าวเกินเลยไปแม้แต่น้อย ส่วนด้านการยอมรับ ก็จะไม่ต่างอะไรกับเรื่องของความรัก ผู้คนสนใจจะเป็นที่ยอมรับในระดับกลุ่มไปจนถึงระดับสังคม ต่างคนต่างให้ค่าความสำคัญในจุดนี้เป็นอย่างมาก และก็ต่างพากันไขว่คว้ามาให้ได้ซึ่งการยอมรับ และจะเห็นได้ว่า สังคมไม่ว่าจะระดับย่อยหรือใหญ่ มกจะชอบเรื่องราวของการยอมรับมาก ซึ่งนั่นหมายถึงการไม่ได้รับการยอมรับในเวลาที่เป็นเรื่องราวเป็นข่าว โดนเม้าท์ ซึ่งผู้คนต่างพากันหวาดระแวงจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมากกว่าที่จะรู้สึกไม่อยากกระทำไม่ดีเอง โดยสำนึกถึงความไม่ดีของการกระทำด้วยตัวเอง แต่เป็นการไม่อยากกระทำเพราะกลัวตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ขั้นที่ 4 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น ในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ต่อเนื่องมาจากข้อที่แล้วมาก เพราะ หลังจากได้รับมาซึ่งความรัก และการยอมรับ ผู้คนก็อยากที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญไปตามประสา ยิ่งมีชื่อเสียง โด่งดังจะยิ่งเป็นที่พอใจเป็นอย่างมาก ผู้คนถึงพยายามแย่งชิงกันเพื่อเป็นคนมีชื่อเสียง จะได้มีคนมานับหน้าถือตา ยิ่งโด่งดังเท่าไหร่ยิ่งตอบสนองความต้องการได้มากเท่านั้น ผู้ให้ความสำคัญในส่วนนี้รองมาจากส่วนของขั้นที่3 แต่นั่นย่อมหมายถึง การให้ความสำคัญมากกว่าส่วนอื่นด้วย ขึ้นที่ 5 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง ในขั้นนี้เองมักจะเป็นขั้นที่อาจจะเรียกได้ว่าชั้นสูงอายุ หรือขั้นแก่ หรือถ้ายังไม่แก่ก็จะเป็นอาการเกรียน ที่พบได้ตามท้องถนนโลกไซเบอร์ เพราะคนเราจะอุปมาไปว่าเราสามารถเข้าใจในความต้องการส่วนได้ ไม่ได้เข้าใจอย่างที่เป็นเท่าไหร่ แต่เข้าใจอย่างที่อยากเข้าใจมากกว่า และในส่วนนี้เองก็ถูกบิดเบือนบิดเบี้ยว กลายสภาพเป็นการบรรลุอะไรซักอย่างตามแต่จะกล่าวอ้างแล้ว ถ้ามีอำนาจก็จะใช้อำนาจนั้น กระทำการขยายความเข้าใจตนเองและความรู้จักตนเอง ออกสู่สังคม ให้เอาสิ่งที่ตนเข้าใจและคิด เป็นเครื่องมือกำหนดบรรทัดฐานของสังคม โดยการอ้างถึง สิ่งที่ตนเองบรรลุ ตลอดไปจนถึงสิ่งที่ตนเองเห็นดีเห็นงาม มากำหนดและบังคับใช้กับสังคมต่อไป กลายเป็นความรู้จักและเข้าใจตนเองเลยเถิดไปจนกลายเป็นรู้ดี จากข้างต้นทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการให้ความสำคัญที่เป็นลำดับขั้นนั้น แตกต่างไปจากของมาสโลมาก อาจจะกล่าวได้ว่าเรื่องของทฤษฎีต่างๆนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานที่และยุคสมัย ซึ่งถ้ากล่าวเช่นนั้น เราก็จะปรับเปลี่ยน ไฮราคี่ นี๊ด ของมาสโลได้ดังนั้น (เรียงลำดับตามการให้ความสำคัญ) จะได้เป็นดังนี้ ขั้นที่ 1 การให้ความสำคัญ ต่อความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม ที่คนเราให้ค่ามากที่สุด เพราะสังคมเองก็บ่มเพาะให้เป็นเช่นนั้น ผู้คนยึดติดกับตรงนี้มากกว่า ในหลายๆราย เราจะเห็นได้ ว่า ยอมที่จะ สูญเสีย ความต้องการส่วนอื่นๆ ไป เพียงเพื่อคงไว้ซึ่งความต้องการส่วนนี้ เช่น หลายคนยอมที่จะอด ยอมลำบาก ยอม ทน เพื่อ ความรัก และ การยอมรับ การยอมรับ ในสังคมที่ เป็นเรื่องของ รูปลักษณ์ ภายนอกด้วยบางส่วน ขั้นที่ 2 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น ที่เป็นรองลงมา และเป็นส่วนเกี่ยวเนื่องจากขั้นที่1 เอง ซึ่งแน่นอน ว่าหลายๆ คนยอมทุกอย่าง ให้ได้มายืนบนจุดนี้โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ซึ่งแน่นอน ว่าเป็นลำดับที่ถัดมาจากข้อแรก ขั้นที่ 3 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง คนเราจะให้ค่าตรงนี้มากแสวงหากันมาก อยากที่จะได้รู้ในส่วนตรงนี้ จนมีตำราออกมามากมาย ตำราแสวงหาการบรรลุซึ่งตนเอง หรือ หลักการฮาวทูต่างๆที่ พาเหรดกันออกมาให้ ผู้คนเดินตาม เป็น ลักษษระของความเข้าใจและร้จักตัวเองจริงๆ ขั้นที่ 4 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย ส่วนนี้เริ่มไกลตัวออกไป จะมีก็แค่เรื่องของเหล่า ประกันภัยต่างๆ ที่ทำให้เหมือนชีวิตเราไม่ปลอดภัย หรือไม่ก็ข้ออ้างบางประการของเหล่าผู้หวังดี อยากให้ ประชาชนมีความปลอดภัย จึงดูแลอย่างถี่ถ้วนออก กฎระเบียบต่างๆ กฎหมายมาครอบงำ ควบคุม โดย อาสับ คำ ว่าความมั่นคง เป็นข้ออ้าง ซึ่ง มันคลาสสิก จริงๆ ขั้นที่ 5 ความต้องการทางกาย ความต้องการที่มากที่สุด แต่ถูกให้ค่าน้อยที่สุด เพราะเราละเลยมัน และไม่ให้ค่าความสำคัญมันมากกว่า จนบางครั้ง การตอบสนองส่วนนี้เป็นเพียงเรื่องที่สักแต่ทำไป วันๆ ไม่ได้ ใส่ใจจะทำ เท่าไหร่ ตามที่จัดเรียงใหม่ แล้ว หากว่า มาสโลเองมาดูให้เห็นกับตา คาดว่าคงจะต้องรีบฉีกเล่มเก่าออก แล้ว ต้องพลิก อีกไม่รู้กี่ตำราเพิ่มเรียบเรียงใหม่ อาจจะถึงกลับต้องโดยน ทิ้งทฤษฎีเก่าๆไปเลย เพราะ เรื่องราวที่เกิด ขึ้นที่นี่ มันนับเป็นปรากฎการณ์ของวงการได้เลย น่าภูมิใจหลายๆ ที่เรา ไม่เดินตามก็น ฝรั่ง เรามีเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชม |
บทความทั้งหมด
|
พี่ขงหมิง หลงเรียงตามตามาสโลว์มาซะนาน ลืมมองความเป็นจริงของสังคมไป...โดยเฉพาะสังคมไทย