แม่ไม่เข้าใจเล่ ฮึฮึ! เมื่อวานแม่โทรมาหาผมตอนประมาณสองทุ่มกว่า คำถามแรกที่แม่ถามคือ กินข้าวยังหนิ ยังไม่กินคับ หู ดึกขนาดนี้ยังไม่กินข้าวกินน้ำอีกเหรอ จะไปกินตอนไหนเนี๊ย มัวแต่ทำอะไรอยู่ เพิ่งกลับมาถึงคับ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย วันนี้เหนื่อยมากไปเดินขายหมูทั้งวันเลย ร้อนก็ร้อนคนก็เยอะ แย่คับ แม่โอนเงินไปให้แล้วนะ ไปกดดูพอใช้มั๊ย ไม่พอก็บอก เดี๋ยวโอนไปให้อีก คับ ผมบอกแล้วคับไม่ว่าจะไกลซักเท่าไหร่ความห่วงใยมันเดินทางถึงกันได้คับ วันนี้ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่บัญฑิตหลายคน แต่ละคนก็มีแต่ละมุมมองที่น่าสนใจ ตอนนี้พี่ทำงานเหรอเรียนต่อคับ เป็นคำถามแรกที่ผมมักถามเหล่าพี่ๆบัญฑิต ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่จะออกมาประมาณว่า ตอนนี้พี่ทำงานเก็บเงินก่อนว่ะ คับ ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองอยากทำอะไร ใจนึงก็อยากจบออกไปมีงานทำ อีกใจก็อยากเรียนต่อให้มันสูงๆว่าจะเดินเข้าสายวิชาการอ่ะคับ ผมเชื่อตลอดนะคับว่าพ่อกับแม่มีทุนทรัพย์พอที่จะส่งเสียผม แต่ในใจลึกๆแล้วก็อยากจะทำอะไรด้วยตัวเองซักที อยากเริ่มทำงานตอนเรียนจบเลยเหมือนค่านิยมที่คนไทยทำตามๆกัน คิดๆไปเหลือเวลาอีกสองปี ว่าจะหยุดคิดก็หยุดไม่ได้ เลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ซะเลย แม่ผมก็พูดว่า แล้วแต่เล่แหละ แต่มีบางช่วงในความคิดที่ผมคิดไม่ตรงกับแม่ ผมบอกกับแม่ว่า คนเรากว่าจะเจองานที่ชอบนี๊ต้องใช้เวลานะแม่ บางครั้งมันก็ต้องกล้าอ่ะคับ เวลาทำงานที่เราไม่ชอบเราจะทนต่อไปทำไม พอเราไม่ชอบ เราก็ทำงานได้ไม่ดี ไม่มีความสุข สู้เปลี่ยนงานไปทำอย่างอื่นดู เผื่อจะเจอทางที่เราชอบ เล่เชื่อนะแม่ ถ้าเราเจองานที่เราทำแล้วมีความสุข เราจะไม่ได้ทำงานอีกต่อไปเลย แม่ผมกลับไม่ค่อยเห็นด้วยในความคิดลูกชายวัยยี่สิบ งานทุกอย่างมันมีความลำบากอยู่ในตัวมันอยู่แล้วเล่ ตอนนี้เล่ไม่รู้หรอก บางครั้งงานที่เราทำมันไม่สนุก มันไม่ใช่เราหรอก แต่เราก็ต้องทนทำมัน เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะว่าเราจะต้องทำงานเอาเงินไปใช้สอยในชีวิตประจำวัน ถ้าเล่ไม่ทำงานเล่ก็จะไม่มีเงิน เล่ไม่มีเงินเล่ก็พลาดอะไรหลายๆอย่างในชีวิต ผมรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของแม่ เล่ว่าไม่เกี่ยวนะแม่ ใช่แม่พูดถูกที่คนเราต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเอง แต่คนเราก็มีสิทธิ์เลือกอะไรที่มันใช่สำหรับตัวเองเหมือนกัน แม่แย้งอีก ตอนนี้เล่ยังเด็ก พอเล่ได้มาทำงานจริงๆแล้วเล่จะรู้ว่า บางทีการที่เล่ได้ทำงานในตำแหน่งนึงๆเล่จะรู้สึกภาคภูมิใจ มากกว่าการที่เล่จะมัวมานั่งคิดว่ามันไม่ใช่ ผมก็ยังไม่เห็นด้วย แต่พอเราอยู่กับมันไปนานๆ เล่ เชื่อว่าเราจะรู้ได้เองแหละแม่ว่ามันใช่เรามั๊ย หลังจากนั้นผมกับแม่ก็ถกเถียงกันเป็นเวลายาวนานเกือบหนึ่งชั่วโมง ผมบอกกับแม่ว่า ตอนนี้เล่ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากทำอะไร เล่ว่าความคิดเราเปลี่ยนได้ทุกวัน แม่ว่าเล่ควรจะมีเป้าหมายเอาไว้แต่เนิ่นๆนะ จริงที่เล่มีเวลาคิด แต่แม่ว่าถ้าเราคิดเร็วกว่าเค้า เราจะลงมือได้เร็วกว่าเค้านะ ผมเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ในประโยคสุดท้าย แทบจะทุกเรื่องในชีวิต ผมจะเอามานั่งปรึกษาแม่เสมอ ผมเป็นลูกชายที่ค่อนข้างสนิทกับแม่ แต่น้องสาวผมจะสนิทกับพ่อมากกว่า ผมจะโทรกลับบ้านไปหาแม่บ่อยๆ น้องผมโทรกลับบ้านหาพ่อตลอดเหมือนกัน ทุกครั้งที่กลับบ้านผมมักพยายามชวนสมาชิกในบ้านไปกินข้าวนอกบ้านเสมอ สนุกคับสนุกบ้านผม แม่ผมบอกผมว่าวันนี้ แม่ไปเรียนโทมา และพาน้องไปจัดฟันด้วย ผมก็ได้แต่หัวเราะ โห นี่แม่ยังเรียนโทอีกเหรอเนี๊ย ฮ่าๆๆ แม่ รักแม่คับ อุ๊ย! รักพ่อด้วยนะคับ ขอบคุณบ้าน โยธะบุรี ที่มีแต่ความอบอุ่น ขอบคุณพี่บัญฑิตหลายคนที่แวะมาให้แง่คิดดีๆ ขอบใจพี่สาวแสนสวยที่พาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงวันนี้ แม่เค้าหวังดีนั้นแหละ...เจ้
แม่มีประสบการณ์มาก่อน อย่างสุภาษิตที่ว่า......... อาบน้ำร้อนมาก่อน เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด เข็นครกขึ้นภูเขา เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง ฝนทั่งให้เป็นเข็ม ... .. . (เออออ อันหลังๆไม่ค่อยเกี่ยว หึหึ) โดย: THITIKORN IP: 125.26.194.194 วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:15:17:55 น.
เข้าใจเรื่องการทนทำงานไปค่ะ
ฟังดูเหมือนว่ามั่นคงดี แต่พอเวลาผ่านไป มันกลายเป็นเรานั่งดูคนอื่น ได้ความฝันของเราไป ทุกอย่างมีความเสี่ยงค่ะ ถ้าอยากทำงานที่ชอบ ต้องมุ่งมั่นอย่างมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราฟันฝ่าอุปสรรคได้ไหม เราทนความล้มเหลวได้ไหม ล้มแล้วลุกได้ไหม สู้ๆ นะคะ โดย: ทองอ้วน วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:17:16:24 น.
|
บทความทั้งหมด
|
แต่ถ้าเห็นคนไหนที่น่าห่วงก็จะห่วงมากเป็นพิเศษค่ะ
แล้วน้องคิดว่าจะเป็นลูกที่เป็นแบบไหนดีเลือกได้เลยนะคะ