Heifetz As I Knew Him (2) : ชั้นเรียน Master class ของ Heifetz และการผันชีวิตจากนักไวโอลินมาเป็นนักเ
อันที่จริงแล้ว Heifetz ไม่ได้รับ Agus ในตอนนั้น แบบว่าข้าพเจ้าเล่าข้ามไปนิด ขออนุญาตย้อนกลับมาเล่าติ๊ดนึง


หลังจากที่ Heifetz พอใจกับปฏิกริยาตอบรับของ Agus เค้าก็ขอสัมภาษณ์ส่วนตัวกับเธอเพียงลำพัง
เริ่มต้นด้วยคำถามที่ต่อมา Heifetz ก็ยังคงถามกับเธออยู่บ่อยๆ

“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรให้คุณได้”
“ดิฉันหวังว่า คุณจะช่วยให้ฉันเล่นไวโอลินได้ดีขึ้น และทำให้ฉันสร้างดนตรีได้”
ฉันตอบคำถามนี้ด้วยความยากลำบาก แต่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะพอใจในคำตอบนี้

“อะไรคือเป้าหมายในชีวติของเธอ”
“...........................”

เป็นคำถามที่ตอบได้ยากมาก เพราะจริงๆตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เลย ดังนั้นฉันจึงตอบตามเป้าหมายที่แม่ที่คาดหวังเอาไว้กับฉัน

“ฉันต้องการที่จะเรียนให้จบ ได้ใบปริญญา จากนั้นก็กลับไปสอนหนังสือที่อินโดนีเซีย”

และทันทีที่ Heifetz ได้ยินคำว่า ปริญญา เค้าก็ยืนขึ้น จับมือกับฉัน พร้อมกับกล่าวว่า

“ถ้าเธออยากได้ปริญญา ก็ขอให้ทำให้ดีที่สุด โชคดีนะ คุณ Agus”

เค้าพาฉันไปที่ประตู และยิ้มให้ฉันก่อนเราจะจากกัน................ส่วนตัวฉันเองนั้นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับน้ำตา


หลังจากจบการ Masterclass ครั้งนี้ ฉันบินกลับไปที่เมือง Buffalo พร้อมกับรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยเพราะไม่เคยสอบตกมาก่อน แต่ก็ยังรู้สึกดีใจ เพราะอย่างน้อยๆฉันก็ได้พบกับฮีโร่ในดวงใจแล้ว มีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้รู้สึกคาใจนิดนึง คือทำไมในตอนนั้นฉันถึงไม่กล้าถาม Heifetz นะ ว่าทำไมฉันถึงไม่ผ่านการทดสอบ

(ซึ่งในเรื่องนี้ฉันได้มารู้ในตอนหลังว่า Heifetz ไม่ได้รับปริญญา หรือวุฒิบัตรใดๆเลย แม้แต่ รร สอนภาษา.....ซึ่งนั่นทำให้เค้ามีอคติเกี่ยวกับเรื่องนี้)

เมื่อฉันกลับมาที่ Buffalo เพื่อนๆต่างปลอบและให้กำลังใจ พรอ้มกับบอกให้ตั้งใจเรียนต่อไป

2 สัปดาห์ผ่านไป ฉันวุ่นวายกับการเรียนหนังสืออย่างหนักในช่วงกลางวัน แต่ทว่าในตอนกลางคืน ฉันกลับไม่สามารถลืมเรื่องของ Heifetz ได้ และเฝ้าแต่ถามตัวเองว่า ฉันทำอะไรผิดไปในการ audition ฉันมีความสามาณขนาดเข้า Juilliard ได้ แต่กลับไม่ดีพอสำหรับ Heifetz


วันนึงช่วงสุดสัปดาห์ของสัปดาห์ที่ 2 หลังจากกลับมาในระหว่างมื้ออาหาร ก็มีโทรศัพท์ถึงฉัน
โทรศัพท์จาก แคลิฟอร์เนีย และได้รับทราบว่า ฉันผ่านการ Masterclass และ จะส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ พร้อมกับบอกว่า Heifetz อยากพบฉันให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ Heifetz ยังอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ฉันได้เข้าเรียนที่ USC เพื่อให้ได้ปริญญาอย่างที่ฉันต้องการอีกด้วย




แต่...........





ฉันกลับปฏิเสธไป และบอกว่าฉันต้องการที่จะเรียนที่นี่ให้จบเสียก่อน ซึ่งนั่นทำให้โอเปอร์เรเตอร์ประหลาดใจมาก แต่เธอก็ได้ทิ้งเบอร์โทรกลับเอาไว้ให้ติดต่อกลับ เผื่อว่าฉันเปลี่ยนใจ

ด้วยความสับสน เมื่อกลับมาที่โต๊ะอาหาร ฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเพื่อนๆทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถาม และเมื่อฉันเล่าให้ฟังว่าได้รับโทรศัพท์จาก Heifetz และได้ทุนเรียน แถมได้ปฏิเสธไปแล้วด้วย เพื่อนๆต่างตกใจมากและรุมประนามฉัน

“เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”

เพื่อนคนนึงถึงขนาดเจ้ากี้เจ้าการหยิบเบอร์โทรและลากฉันไปที่โทรศัพท์ แถมยืนคุมให้โทรไปบอกกับโอเปอร์เรเตอร์ด้วย ว่าเปลี่ยนใจแล้ว ให้รีบส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ด่วน


ดังนั้นในที่สุด ชีวิตของ Agus กับ Heifetz ที่แคลิฟอร์เนียก็เริ่มต้นขึ้น


..............จบบทที่ 2...............

พักเหนื่อยฟัง Caprice No. 24 ฝีมือ Heifetz ซะหน่อย




ปล. เรื่องของ Heifetz นี้ ไม่ได้แปลจากหนังสือทั้งหมด หนังสือสนุกและมีรายละเอียดเยอะมากๆ จขบ แค่อ่านๆแล้วมาเล่าๆรีวิวให้ฟังนะคะ ตัวเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการแปลหนังสือ และภาษาก็ไม่ได้แข็งแรงอะไร ดังนั้นหากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ






Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 21 เมษายน 2552 10:49:55 น.
Counter : 470 Pageviews.

0 comments
Lyrics - [Thai Version] 希望列車 (Kibou Ressha) : NGT48 vanillin-st
(29 มิ.ย. 2568 04:02:56 น.)
มิวสิควิดิโอ "I'm OK...I'm not OK." haiku
(25 มิ.ย. 2568 09:07:03 น.)
. peaceplay
(21 มิ.ย. 2568 20:07:11 น.)
แมวกับ"ปลา" ย่อมเป็นของคู่กัน --->Katsu midori peaceplay
(14 มิ.ย. 2568 01:38:14 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Vitaminc.BlogGang.com

Vitamin_C
Location :
Pasadena  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]