ความซื่อสัตย์ยังมีอยู่ในโลก ? ตอนแรก : บทนำ สวัสดีครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับความซื่อสัตย์โดยรวม เท่าที่ผมพอจะนึกออกในแง่มุมต่างๆของคำว่า ความซื่อสัตย์ ซึ่งผมก็ได้ลองหาความหมายของคำว่าความซื่อสัตย์ ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่เว็บไซด์นี้ //rirs3.royin.go.th/dictionary.asp ปรากฏว่า ไม่เจอครับ แฮะๆ จริงๆอยากจะหาแหล่งอ้างอิงให้มันดูน่าเชื่อถือหน่อยครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมคิดว่าผู้อ่านทุกท่านคงรู้ความหมายของคำคำนี้ครับ ดอนแรกว่าจะเขียนเป็นบล็อกสั้นๆตอนเดียว แต่เขียนไปเขียนมามันดันยาว (สิ่งที่เขียนน่ะครับ ไม่ใช่อย่างอื่น ![]() ตอนแรก : บทนำ 01 ความซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น 02 ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่รับผิดชอบ 03 ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ผมได้ความคิดในการเขียนเรื่องนี้มาจากประสบการณ์จริง จากงานที่ผมกำลังทำอยู่ คือผมขายดีวีดี-รอม สอน Dreamweaver CS3 ผ่านทางเว็บไซด์นี้ //www.dw3thai.com หลังจากที่ผมเปิดเว็บไซด์นี้ และโปรโมทมันมาเป็นเวลา 1 เดือน ปรากฎว่ามีผู้สนใจเข้ามาดูและก็กรอกข้อมูลในหน้าการสั่งซื้อมาให้ผมพอสมควร แต่มีผู้ที่จ่ายเงินเพื่อสั่งซื้อเพียง 2 ราย ผมก็เลยคิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เนื่องจาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมก็คงจะไม่มีเงินซื้ออะไรกิน ![]() หลังจากนั้น ผมก็โทรหาผู้ที่กรอกข้อมูลรายอื่นๆอีก ซึ่งบางท่านก็บอกว่าสนใจซื้อแผ่น แต่ยังไม่มีเวลาไปโอนเงิน ผมก็เลยบอกข้อเสนอว่า ผมจะส่งแผ่นให้ก่อนแล้วกัน คุณได้รับแผ่นแล้วค่อยโอนเงินมาให้ผม จากนั้น ผมก็บอกข้อเสนออันนี้กับผู้ที่กรอกแบบฟอร์มในหน้าสั่งซื้ออีกสองราย แล้วผมก็โทรหา ผู้กรอกข้อมูลที่เหลือ ซึ่งบางท่านก็โอนเงินมาให้ผมเลย เพื่อสั่งซื้อแผ่น แล้วบางท่านก็ไม่สนใจที่จะซื้อแผ่นแล้ว สรุปแล้วมี 4 รายที่ผมส่งแผ่นไปให้ ก่อนที่เขาจะโอนเงินมา คุณทดลองทายดูซิว่า จะมีกี่รายที่โอนเงินให้ผม หลังจากที่ได้รับแผ่นแล้ว ? ย่อหน้านี้ ผมต้องพยายามเขียนเรื่องอื่นๆก่อน เพื่อที่จะทำให้คุณลำบากขึ้น ในการดูคำตอบในย่อหน้าต่อไป ![]() ![]() ![]() ![]() หลังจากที่เยิ่นเย้อไปพอสมควร คำตอบก็คือ มีลูกค้า 3 รายที่โอนเงินมาให้ผม หลังจากได้รับแผ่นแล้ว บางรายโอนเงินมาให้ ก่อนที่แผ่นจะส่งถึงด้วยซ้ำ มีเพียงรายเดียวที่ไม่ได้โอนเงินมาหลังจากที่ได้รับแผ่นแล้ว(ผมสามารถเช็คได้ว่าลูกค้าได้รับแผ่นแล้ว หรือยังไม่ได้รับที่เว็บไซด์ของกรมไปรษณีย์) และเขาผู้นั้นก็คือ คนที่บอกผมว่าไม่มั่นใจว่า ถ้าโอนมาแล้ว ผมจะส่งแผ่นไปให้หรือเปล่า และแนะนำให้ผมใช้วิธีเรียกเก็บเงินปลายทาง แต่ผมก็ถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่เขาโกงผม เพราะผมเกือบจะเชื่อแล้วว่า เราสามารถเชื่อถือคนอื่นได้ทุกคน ( แฮะๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เขียนให้เว่อร์ไปเล็กน้อย ผมไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นครับ ![]() ![]() ข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าที่โกงผม และลูกค้าที่ดีรายอื่นๆ (ขอย้ำว่า มีเพียงคนคนเดียวที่โกงผม) ก็เป็นประโยชน์มากสำหรับผม แต่ผมก็ไม่ได้ใช้วิธีส่งของไปให้ก่อน แล้วให้ลูกค้าโอนเงินมาทีหลังอีกแล้ว เพราะมันเสี่ยงเกินไปสำหรับคนที่ขายของ แม้ว่าจากสถิติ คนที่โกงจะมีจำนวนน้อยกว่าคนที่ซื่อสัตย์ ในมุมมองของคนซื้อ ถ้าคนขายโกง เขาก็เสียเงินแค่ 150 บาท และเสียความรู้สึกที่ดีกับคนขาย แต่ในมุมมองของคนขาย ถ้าลูกค้า 10 รายโกง อาจจะจากจำนวน 40 ราย ผมจะต้องเสียเงิน และเสียความรู้สึกมากกว่านั้น ผมก็เลยเพิ่มทางเลือกในการชำระเงิน ในหน้าสั่งซื้อของเว็บไซด์ โดยมี 2 แบบ คือ แบบโอนเงินเข้าบัญชี แล้วส่งของไปให้ แล้วก็แบบใช้บริการเรียกเก็บเงินปลายทางของกรมไปรษณีย์ซึ่งลูกค้าจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 50 บาท สำหรับค่าบริการ ส่วนวิธีการส่งของก็เพิ่มการส่งแบบ EMS ขึ้นมา จากที่มีวิธีส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนอย่างเดียว ปรากฏว่าหลังจากนั้น ทุกคนที่กรอกข้อมูลส่งมาให้ผมในหน้าเว็บ ก็สั่งซื้อของทุกคน คือ 100% ของผู้ที่กรอกข้อมูลซื้อแผ่น แล้วก็เลือกวิธีจ่ายเงิน ในทุกแบบที่ผมมี ทั้งโอนเงินแล้วส่งแบบ EMS และไปรษณีย์ลงทะเบียนธรรมดา รวมทั้งใช้บริการเรียกเก็บเงินปลายทางของกรมไปรษณีย์ และส่งแบบ EMS และไปรษณีย์ลงทะเบียนธรรมดา ผมก็ไม่รู้ว่า อะไรทำให้ได้ผลลัพท์แบบนี้ แต่เดาเอาว่า การมีทางเลือกหลายทางให้ลูกค้าเป็นสิ่งที่ดี ทำให้พวกเขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แล้วก็ต้องขอขอบใจคนที่โกงผม และลูกค้าที่ดีคนอื่นๆด้วยที่แนะนำผมมา เอาล่ะครับ บทนำก็คงจะจบเพียงเท่านี้ก่อน ตอนต่อไปผมจะพูดถึงเรื่อง ความซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น ครับ ถ้าสนใจก็ติดตามอ่านได้น่ะครับ อีกเรื่องที่อยากจะเขียนแนะนำก็คือ เมื่อวานผมไปดูหนังเรื่อง รักแห่งสยาม มา โดยเพื่อนเป็นคนเลี้ยงค่าตั๋ว ซึ่งต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ผมว่ามันเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง แล้วก็อยากแนะนำให้ไปดูกันด้วย ก่อนที่จะออกจากโรง ผมว่าบทและการแสดงเรื่องนี้ดีมาก แล้วก็เพลงประกอบก็ดี ไม่เหมือนถูกยัดเยียดใส่ในหนังเหมือนของค่าย GTH ที่มักจะยัดเพลงของแกมกี่(แกรมมี่ ;-)ใส่ไปในหนังจนรู้สึกเหมือนจงใจมากเกินไป ผมจะไม่เล่าเนื้อเรื่องหรอกครับ เพราะถ้าเล่ามันจะดูไม่สนุก แต่ที่ผมอยากจะพูดถึงคือ ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของหนังคือ บทหนัง ถ้าบทหนังไม่ดี แม้จะมีงบสัก 1,000 ล้านบาท คุณก็ทำหนังที่ดีไม่ได้ แล้วที่สำคัญรองลงมาก็คือนักแสดง เพราะหนังเป็นเรื่องของการทำให้เชื่อ ถ้าคุณดูหนังแล้ว ไม่รู้สึกเชื่อว่าตัวละครที่นักแสดงเล่น เป็นตัวที่อยู่ในบทหนัง หนังมันก็ไม่น่าดูแล้ว ซึ่งผมดูหนังเรื่องนี้แล้ว ผมรู้สึกเชื่อทั้งในตัวบทหนังและตัวแสดง ส่วนองค์ประกอบอื่นๆก็สำคัญ แต่ผมว่าสองสิ่งนี้สำคัญที่สุด แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีข้อที่ผมรู้สึกว่าไม่สมจริงเล็กน้อย ในเรื่องของบทพูดบางประโยค ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นภาษาเขียน มากกว่าภาษาที่คนทั่วไปจะพูดกัน แต่โดยรวมแล้วผมชอบ แล้วก็รู้สึกภูมิใจที่เป็นคนไทย ที่เราสามารถทำหนังที่ดีออกมาได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรมากมาย เพียงแต่ให้ความสำคัญกับบทหนัง ผมคิดว่าวิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ เทียบได้ใกล้เคียงกับหนังญี่ปุ่น และหนังฝรั่งดีๆเลย ผมเลยอยากให้ผู้สร้างหนังอื่นๆสนใจกับการเขียนบทหนังให้มากๆเหมือนกับเรื่องนี้ครับ จบแค่นี้ล่ะครับ เขียนต่อไปเดี๋ยวมันจะยาว ![]() |
บทความทั้งหมด
|