**** ชีวิตของแก้ว****
ช่วงนี้ไม่ทราบเป็นอะไร ต้องเดินสายไปนั่งฟังชาวบ้านเล่าเรื่องให้ฟัง

บางวันได้ฟังเรื่องราวของคนถึงสองคน แสดงว่า ต้องมีคนอยากระบายเล่าเรื่องเขาให้เราฟัง

เหมือนไปได้วัตถุดิบในการนำมาลงบล็อกโดยไม่ได้ตั้งใจ ชื่อต่างๆก็เป็นชื่อสมมุติ

โดยนิสัยแล้ว จะไม่ค่อยไปนั่งบ้านใครนานๆ เพราะชอบนอนหรือเล่นเน็ตอยู่บ้าน
แต่พักนี้ ไม่ทราบเป็นอะไร มีโทรศัพท์มาชวนให้ไปเที่ยวที่บ้านเขาบ้าง ที่ร้านเขาบ้าง

โดยอ้างว่ามีขนมนมเนยจากเมืองไทยมาฝาก ไอ้เราก็เป็นคนเห็นแก่กิน ใครบอกว่ามีขนมจากเมืองไทยมาละก็รีบไปทันที

แต่เมื่อวานที่ได้ไปส้งสรรค์และมีเรื่องเก็บมาเล่าให้เพื่อนๆสมาชิกฟัง ก็เพราะได้รับเชิญไปตัดผมไฟให้ลูกของน้องนิว

ที่เกิดได้หนึ่งเดือนพอดี น้องนิวก็เลยชวนเพื่อนๆมาให้ช่วยคลิบผมลูกสาวคนละนิดละหน่อย พอเป็นพิธี

ตอนนี้น้องนิวหายโกรธพ่อเด็กแล้วเพราะ เอาเงินมาให้ห้าพันเยน เป็นค่าอาหารสำหรับทำเลี้ยงเพื่อนๆที่มาตัดผมไฟลูกสาว

ผัวเมียกันก็อย่างนี้แหละนะ งอนกันจะเป็นจะตาย พอเขามาง้อก็ใจอ่อน









เราเห็นมาหลายรายแล้ว ดังนั้นเวลาใครเอาเรื่องสามีมานินทาหรือว่าอะไร เราจะไม่ค่อยร่วมด่าสามีเขาไปด้วย
เพราะเดี๋ยวเขาดีกันเราก็จะเสียคน สามีภรรยาก็อย่างที่เขาว่ากันเอาไว้ว่า เหมือนลิ้นกับฟัน

เพื่อนของน้องนิวมีหลายคนที่ทยอยกันมาตั้งแต่บ่ายๆจนเย็นจนค่ำ เราก็ร่วมสังสรรค์ไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งทุ่มกว่า แก้วก็มา เพราะเพิ่งเลิกจากงาน

พอเราเห็นกัน ก็ร้องทักว่า อ้าว เธอเป็นคนไทยหรือ เขาก็ร้องทักเราว่า อ้าว...พี่เป็นคนไทยหรือ

เพราะเราเคยเดินสวนกันบ่อยๆในตลาด แต่ไม่เคยรู้จักทักทายกันเลย เพราะแก้วหน้าตาไม่เหมือนคนไทย
และไม่มีสัญญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นคนไทย นั่นคือ ไม่ได้ใส่สร้อยทองหรือพระที่คอ

ท่าทางของแก้วก็คล่องแคล่ว ผิวคล้ำ หน้าตาแปลกๆไม่ค่อยเหมือนคนไทยเท่าไหร่

ส่วนเราแก้วก็บอกว่า หนูนึกว่าพี่เป็นคนญี่ปุ่น หนู่ไม่รู้ว่าพี่เป็นคนไทย เพราะแก้วเพิ่งย้ายมาอยู่แถวบ้านได้สองปี

และไม่เคยไปร่วมสังสรรค์กันงานไหนมาก่อน ทำให้เราเดินสวนกันไปสวนกันมาโดยไม่รู้ว่า เราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน

คุยกันไปคุยกันมา ก็กลายเป็นถูกคอกัน เพราะแก้วเป็นคนพูดจาซื่อๆ เปิดเผย ดูจริงใจไม่มีเล่ห์เหลี่ยม

เมื่อเบียร์หมดไปสองกระป๋อง (ป้าไม่ได้ดื่ม เพราะไม่ชอบดื่มเหล้าเบียร์)แก้วก็เริ่มคุยสนุกยิ่งขึ้น

แก้วเล่าว่า เธอเป็นคนโคราช เธอพูดอย่างติดตลกว่า พี่ดูจมูกหนูก็น่าจะรู้แล้วว่า หนูมาจากโคกสูงเนิน

แก้วเริ่มเล่าเส้นทางชีวิตของเธอว่า เธอเป็นคนโคราช ทำไร่ทำนาอยู่บ้านนอกจริงๆ

ใครจะคิดว่า เธอจะมีวันนี้ เพราะเธอเป็นสาวโคราชที่ไม่สวย ผิวคล้ำ อ้วน เธอเล่าว่าเมื่อก่อนเธออ้วนกว่านี้เยอะ

โชคชะตาชักนำให้เธอได้พบกับซาโจ้ สามีญี่ปุ่น ก็เพราะพี่สาวที่ไปแต่งงานอยู่ที่ญี่ปุ่น ได้พาซาโจ้มาเที่ยวเมืองไทย
เพราะซาโจ้ต้องการหาสาวไทยแต่งงานไปอยู่ญี่ปุ่นด้วย ตอนที่พบกันครั้งแรก แก้วอายุ 29 ส่วนซาโจ้ แก่กว่า 30 ปี



นั่นหมายความว่า ซาโจ้ ในตอนที่พบกันครั้งแรกอายุ 59 ปี เรียกว่าแก่คราวพ่อ
เมื่อซาโจ้เห็นแก้ว ก็ถูกใจ ตกลงจะแต่งงานกับแก้วทันที ซึ่งแก้วก็ตกใจมาก ไม่คิดว่า ซาโจ้จะตกลงแต่งงานกับเธอ

แก้วเล่าว่า ตอนนั้นเธอขี้เหร่มากๆ ทั้งอ้วน ทั้งดำ บ้านนอกมาก ทำไร่ทำนาตากแดดตากฝน
แป้งก็ยังไม่เคยทากับใครเขา แต่ซาโจ้บอกว่า พอใจเธอความขี้เหร่ของแก้ว ซาโจ้เบื่อความสวย
อยู่ญี่ปุ่นเห็นแต่คนสวยๆ เวลาไปเที่ยวคลับเที่ยวบาร์ คนไทยคนฟิลิปปินส์ สวยๆกันทั้งนั้น

ซาโจ้บอกว่า เขากลัวคนสวย กลัวว่าจะไม่รักเขาจริง

เมื่อมาพบความขี้เหร่ของแก้ว จึงถูกใจ เพราะแน่ใจว่า แก้วจะต้องเป็นเมียที่ดีได้ เขากลัวคนสวยที่หวังแต่เงินของเขา




ตอนนั้นแก้วเป็นแม่หม้ายลูกสอง เพราะสามีเก่าโดนรถชนตายได้สามปี ทิ้งให้แก้วเลี้ยงลูกเล็กอยู่คนเดียว
พี่สาวเห็นว่าแก้วคงลำบาก จึงแนะนำซาโจ้ญี่ปุ่นมาให้ ก็นับเป็นบุญของแก้ว ที่ได้พบคนมาช่วยอุปถัมภ์

ซาโจ้เดินเรื่องแต่งงาน พาแก้วไปอยู่กินด้วยที่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากนั้นสามเดือน
แก้วบอกว่า ตอนขึ้นเครื่องบินมาญี่ปุ่นครั้งแรก คิดว่าฝันไป ต้องหยิกตัวเองหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝัน

พอมาถึงญี่ปุ่น ซาโจ้พาเธอไปบ้านในโตเกียว เป็นอาคารตึกหลังใหญ่สองชั้น
ตึกนั้นเธออยู่สองคนกับซาโจ้ โดยซาโจ้ให้เธอแยกไปนอนอีกห้องหนึ่ง

แก้วบอกว่า ตอนแรกเธอก็แปลกใจว่า เป็นผัวเมียกัน ทำไมต้องให้นอนแยกกัน
แต่ก็เป็นความประสงค์ของซาโจ้ เธอจึงต้องทำตามโดยไม่คิดอะไรมาก





แก้วทำหน้าที่ภรรยาในเรื่องอาหารการกิน ทำความสะอาดบ้าน แต่แก้วก็คิดอยู่เสมอว่า
ทำไมแก้วไม่ได้ทำหน้าที่เมียอย่างสมบูรณ์ เพราะ ตั้งแต่แก้วไปอยู่กับซาโจ้หลายเดือน
ซาโจ้ไม่เคยมามีอะไรกับเธอเลย ถึงเวลานอน ก็ต่างคนต่างนอน ห้องใครห้องมัน ซาโจ้ไม่เคยแม้แต่จะกอดจูบเธอเหมือนสามีภรรยาทั่วไป

ตอนนั้นแก้วก็ยังเป็นสาว เพิ่งจะเริ่มสามสิบ ไหนๆมามีสามีทั้งที จะปล่อยให้เธอนอนอ้างว้างอยู่คนเดียวได้อย่างไร

เธอบอกว่า คืนวันหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจเข้าไปขอนอนกับซาโจ้ โดยเป็นฝ่ายเริ่มไปกอดซาโจ้ก่อน

แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า ซาโจ้ไล่ให้เธอกลับไปนอนที่ห้อง

เธอบอกว่า เธออายและกลับมานอนร้องไห้อยู่คนเดียว และเริ่มมีความคิดที่ว่า เธอมาแต่งงานทำไม เพื่ออะไร

เพื่อชีวิตที่ดีกว่าหรือ เพราะเมื่อมาอยู่กับซาโจ้ เขาก็เพียงแต่ให้เงินค่าอาหารแต่ละวันเล็กๆน้อยๆ

เธอยังไม่มีโอกาสส่งเงินกลับไปให้ลูกเล็กๆที่ฝากญาติเลี้ยงไว้ที่เมืองไทยเลย

พอขอเงินซาโจ้ เขาก็บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ให้ ขอให้แก้วอดทนไปก่อน แก้วก็อดทนไม่ปริปากขอเงินอีก



แก้วอยู่กับซาโจ้ ตั้งใจปรนนิบัติรับใช้ในฐานะสามี จนเริ่มเบื่อการอยู่บ้านเฉย จึงขอซาโจ้ออกไปหางานทำ

ในสมัยก่อนงานหาไม่ยากนัก แต่งานที่แก้วได้ก็คืองาน ซักรีดเสื้อผ้า ซึ่งปัจจุบันแก้วก็ยังคงทำอยู่

ระยะเวลาที่แก้วทำงานที่โรงงานซักผ้านี้ สิบปี ไม่เคยหยุดไม่เคยเปลี่ยนงานเลย

เมื่อแก้วได้ทำงาน เธอก็เริ่มมีชีวิตที่อิสระมากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น ทั้งคนไทย คนญี่ปุ่น คนฟิลิปปินส์

เพราะโรงงานซักรีดเสื้อผ้านี้ รับคนต่างชาติ งานที่ทำก็เป็นงานรีดผ้า และแก้วก็อวดกล้ามเนื้อต้นแขนให้ดูว่าเธอรีดผ้าจนกล้ามขึ้น

รายได้ที่เธอได้รับต่อเดือน เธอก็นำส่งไปเมืองไทยเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนจนตอนนี้ ลูกคนโตเรียนจบมหาวิทยาลัย
ทำงานบริษัทเป็นหลักฐาน ลูกสาวคนเล็กกำลังจะจบปีหน้า เธอสามารถซื้อบ้านที่เมืองไทยได้หนึ่งหลัง

เธอบอกว่า ลำพังฐานะของซาโจ้ เธอก็อยู่ได้สบายๆ ถีงเขาจะไม่ให้เงินมากมาย แต่เธอรู้ว่า เมื่อซาโจ้เป็นอะไรไป

เธอจะได้รับอะไรบ้าง เพราะซาโจ้ไม่มีลูก พ่อแม่ก็ตายไปหมดแล้ว เหลือแต่พี่น้องอย่างละคน
พวกเขาก็ไม่มายุ่งกับเธอมาก เพราะเห็นมาว่าเธอเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ไม่ได้คิดมาปลอกลอกเงินจากซาโจ้



ตลอดระยะเวลาที่อยู่กินกับซาโจ้ แก้วบอกว่า เธอไม่อายเลยที่จะบอกว่า ไม่เคยมีอะไรฉันท์สามีภรรยากันเลย
อยู่กันด้วยเหมือนพ่อลูก จนเธอเลิกคิดที่จะไปมีอะไรกับซาโจ้

ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงิน จากการทำงาน ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น

จนเมื่อซาโจ้อายุหกสิบเก้า เขาก็ล้มป่วยเป็นมะเร็งในลำไส้ รักษาหมดเงินไปเยอะ
แก้วก็ดูแลไม่เคยทอดทิ้ง จนถึงช่วงสุดท้ายที่มะเร็งลามไปถึงคอ และไม่สามารถพูดได้
ซาโจ้นอนโรงพยาบาลในขั้นโคม่าอยู่เป็นเดือน ก็จากไป

แก้วต้องอยู่คนเดียวในบ้านใหญ่ เธอบอกว่า เธอเริ่มเกิดความเหงาและว้าเหว่เป็นอย่างมาก
จึงปรึกษาทนาย ขอเอาบ้านให้เช่า ส่วนเธอจะไปอาศัยพี่สาวอยู่

เมื่อเธอเอาบ้านให้เช่า เธอก็มีรายได้จากการให้เช่าบ้านนั้นเดือนหนึ่งก็เป็นแสนบาท
และเธอยังทำงานที่โรงงานซักผ้าที่เคยทำมาตลอดสิบปี

แก้วบอกว่า มีแต่คนพูดว่าเธอ หน้าตาไม่สวยแต่ทำไมวาสนาดี ได้มีบ้านหลังใหญ่ มีรายได้จากเงินบำนาญของสามี
และยังมีงานทำ เงินเหลือกินเหลือใช้ แต่แก้วบอกว่า ใครจะรู้บ้างว่า ถึงแม้เธอจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ไม่เดือดร้อนเหมือนคนอื่นๆ

แต่สิ่งที่ขาดไปนั่นก็คือ ความรักจากผู้ชายสักคน

แก้วยอมรับว่า เธอไม่สวย ไม่เป็นที่สนใจของผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือคนไทย ไม่มีใครสนใจมองเธอเลย

เธอยังต้องการความรัก ความอบอุ่นจากผู้ชาย

เราก็เลยเตือนเธอไปว่า ใครเข้ามาก็ดูให้ดีๆแล้วกัน ว่าเขาเข้ามาหาเราเพราะตัวเรา หรือเงินของเรา



เรื่องยังไม่จบ เมื่อเราเอ่ยเตือนไป แก้วก็บอกว่า พี่หนูอยากมีผัว หนูเคยใฝ่ฝันไว้ว่า หนูอยากมีผัวฝรั่ง

พอดีมีเพื่อนพาหนูไปเที่ยวรอปปงหงิ ที่ที่มีฝรั่งเขาไปนั่งดื่มนั่งมองสาว หนูก็ไปเพื่อหวังจะได้เจอฝรั่งเหมือนคนอื่นเขาบ้าง

แต่คนที่มาสนใจหนูก็เป็นครูจนๆ หนูลองไปมีอะไรกับเขา ก็ไม่มีอะไรประทับใจ หนูเลยไม่อยากไปอีก

แต่ตอนนี้หนูพบคนที่หนูถูกใจแล้ว เราก็ถามว่าใครหรือ แก้วก็บอกว่าเป็นคนไทยด้วยกันนี่แหละ

แล้วแก้วก็หันไปคุยกับพี่สาวที่เพิ่งตามเข้ามาสมทบอีกคน เขาก็เริ่มพูดกันถึงหนุ่มนั้น

เราก็รู้ได้ทันทีว่า แก้วกำลังเล่นอยู่กับไฟเสียแล้ว เพราะหนุ่มนั้นมาทำงานเป็นหนุ่มนั่งดริ๊งส์ที่ร้านบาร์ไทยแถวบ้าน

ร้านบาร์ไทยแห่งนี้ จะเอาเด็กหนุ่มๆหน้าตาดีๆ มาเสริฟอาหารและคอยเชียร์ลูกค้าสาวๆให้สั่งเครื่องดื่มและอาหารมาเลี้ยง

พวกสาวอารมณ์เปลี่ยว หนีสามีมาบ้าง หรือเป็นหม้าย มักมาเที่ยวดื่มกินแย่งหนุ่มๆกันที่นี่

แต่ละคนก็อวดอ้างความร่ำรวย เอาเรื่องแต่งงานมาล่อหนุ่มๆ ก็คงเหมือนผู้ชายไปติดหญิงบาร์เอาเงินเอาเรื่องแต่งงานมาล่อ

แต่ตอนนี้กลับกัน ผู้หญิงไทยที่มีวีซ่าถาวร เพราะผัวตาย ผัวหย่า และอื่นๆ จะเอามาเป็นเครื่องล่อเด็กหนุ่มๆให้สนใจ

ที่เรารู้เรื่องนี้ก็เพราะ เด็กๆพวกนั้น เวลาหยุดงาน มักแวะมานั่งกินข้าวบ้านน้องนิว เพราะน้องนิวเขาใจสปอร์ต

ชอบทำอาหารเลี้ยง เด็กๆก็จะชอบไม่ต้องไปเสียเงินกินร้านหรือทำกินเอง

แต่น้องนิวเขาไม่ได้มีจิตใจชอบเด็กหนุ่มฉันชู้สาว ซึ่งเราดูออกว่าเขาทำอาหารเลี้ยงด้วยความบริสุทธิ์ใจ



แต่สำหรับแก้ว ดูแล้วเธอเริ่มที่จะหลงเข้าไปอยู่วงเวียนแห่งความรักจอมปลอมนี้
จากความว้าเหว่ เพราะไม่มีคนรักคนสนใจ แก้วอาจจะหลงไหลไปกับคำหวานที่เด็กหนุ่มๆป้อยอเอาใจ

เพราะหวังเพียงค่าเครื่องดื่ม ค่าอาหารที่แก้วจะจ่ายอย่างไม่เสียดายในร้าน ทำให้ได้ยกระดับเป็นลูกค้าคนสำคัญ

แก้วบอกว่า เธออยากได้สามีที่เธอจะสามารถพาไปไหนมาไหนด้วยความภาคภูมิใจ
เธอต้องการความรักความใคร่ เพราะเธอไม่เคยได้รับจากซาโจ้เลยตลอดเวลาสิบสองปีที่อยู่ด้วยกันมา

คืนนั้น เราและแก้วจากกันเมื่อเวลาสองยามมาถึง เราและสามีขอตัวกลับบ้านก่อน

เรื่องราวของแก้ว ยังต้องมีต่อไป ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่




Create Date : 18 มิถุนายน 2553
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 21:12:52 น.
Counter : 2790 Pageviews.

13 comments
อาหารป้องกันอัลไซเมอร์ EP 140/1 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ newyorknurse
(23 เม.ย. 2567 02:04:17 น.)
แพ้เนื้อจากการโดนเห็บกัด alpha-gal allergy สวยสุดซอย
(17 เม.ย. 2567 14:07:10 น.)
Heat Stroke โรคลมแดด / #ศิริราชWeAreReady #โรคฮีทสโตรก #โรคลมแดด newyorknurse
(10 เม.ย. 2567 02:31:37 น.)
ล้อมรั้วกั้นกวางมากินดอกไม้ สวยสุดซอย
(8 เม.ย. 2567 14:56:09 น.)
  
คุณแก้วคงเหงาอย่างจับใจเลยนะคะ พอมีใครเข้ามาก็มอบใจให้ไป หวังว่าเค้าจะได้เจอคนดีที่คู่ควรค่ะ
โดย: ANGEL_CS วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:0:15:21 น.
  
เข้ามาตกใจนึกว่าชีวิตตัวเองซะอีกค่ะ
พอดีชื่อแก้วเหมือนกัน ...
หวังว่าแก้วคนนั้น คงไม่หลงไปรักจอมปลอมเหมือนกันค่ะ
โดย: มะละกอเน่า IP: 80.216.251.24 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:1:58:36 น.
  
คุณมะละกอเน่า แก้วเป็นชื่อสมมุติค่ะ ชีวิตคนบางคนก็แอบไปเหมือนกันได้

คุณแองเจิ้ล ความเหงานะ อยากให้มีใครสักคนมารักมาเอาใจ แก้วก็คงเหมือนผู้หญิงอีกหลายๆคนที่ต้องการความรักจากอกอุ่นๆของใครสักคนที่เข้าใจ แต่แก้วจะได้หรือเปล่า เรามารอดูกันต่อไป
โดย: พนอจัน (พนอจัน ) วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:8:23:46 น.
  
เอาใจช่วยขอให้คุณแก้วโชคดี เจอคนที่เหมาะสมนะคะ
โดย: Boo IP: 124.120.150.127 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:17:53:27 น.
  
สหวัดดีคะ คุณป้าหนูติดตามอ่านบลอ๊กของ คุณป้า มาตลอดเพราะเรื่องราวที่เขียน อ่านแล้วทำไห้หนูคิดได้ว่าชีวิตหนูไม่ได้แย่ไปกว่าคนอื่น ทำไห้หนูมีกำลังใจมากขึ้น ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาไห้อ่าน และอยากไห้เขียนเรื่องราวชีวิตจริงแบนี้ไปตลอด ขอไห้คุณป้ามีสุขภาพที่แขงแรงนะค่ะ
โดย: สะใภ้ อาหรับ IP: 92.96.4.126, 195.229.242.57 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:18:33:35 น.
  
สวัสดีคุณ สะใภ้ อาหรับ ชีวิตคนมีทั้งมืดและสว่าง หลายคนไม่มีโอกาสดีๆเข้ามาหา แต่หลายคนก็มีคนหยิบยื่นโอกาสดีๆให้ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ป้าจะนำมาเล่าให้ฟังอีก

ขอบคุณ คุณ Boo ที่แวะมาอ่านเรื่องของแก้ว

โดย: พนอจัน (พนอจัน ) วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:8:44:00 น.
  
เข้ามาด้วยความบังเอิญ...ค่ะ เพราะเป็นคนชอบท่องเที่ยวเหมือนกัน เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเมื่อปีก่อน และหวังว่าคงจะได้กลับไปใหม่ค่ะ
ฝากตัวเป็นน้องสาวพี่พนอจันด้วยนะคะ
อ่านเรื่องของคุณแก้วแล้วเห็นใจและขอเอาใจช่วยค่ะ
ขอให้เธอมีพลังใจที่จะสู้ต่อไปกับใจตนเอง
คุณแก้วคุณก้าวมาไกลอย่างสง่าผ่าเผยแล้วค่ะ...ชีวิตคุณต่อแต่นี้มีกำไรแล้ว...ทุกข์เพราะอยู่คนเดียวดีกว่าทุกข์เพราะคนอื่นสร้างให้...มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ค่ะ
โดย: พุ่มพราว IP: 58.64.105.10 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:17:03:06 น.
  
ขออย่าให้เค้าหลงผิดไปกับความรักที่มีแต่คำว่าเงินๆๆๆ นะคะ เพราะมันจอมปลอมสิ้นดี เป้นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: แม่ยูอะ วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:16:28:36 น.
  
เข้ามาสวัสดีพี่ต้อยค่ะ พี่สบายดีนะคะ
โดย: PatPDX IP: 118.174.107.92 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:43:58 น.
  
เหงาไหมค่ะ
โดย: เพชร IP: 182.93.191.26 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:12:28:26 น.
  
พี่เเก้วน่ารักจัง
โดย: กานต์ IP: 182.93.191.26 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:12:35:47 น.
  
นี่่ละหนอ เค้าเรียกว่าชีวิตมนุษย์
โดย: fon_nara IP: 202.124.88.82 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:7:07:45 น.
  
รออ่านอยู่ค่ะคุณป้าพนอจัน :-) หวังว่าคุณแก้วคงไม่เดินทางผิด
โดย: น้อง IP: 24.63.34.220 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:35:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Toytokyo.BlogGang.com

พนอจัน
Location :
กรุงเทพฯ  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 291 คน [?]

บทความทั้งหมด