บันทึกทวาทศมาส ประจำปี 2565 เดือน เม.ย.- มิ.ย.
บันทึกทวาทศมาสประจำปี 2565 เดือน เม.ย.- มิ.ย.  

 บล็อกนี้ เป็นตอนที่ 2 ของการบันทึก ทวาทศมาส ซึ่งฉันจะเล่าเรื่องต่อ
จากบล็อกตอนที่ 1 อีก 3 เดือน ค่ะ  เริ่มเดือนที่ 4 ของปีเลยค่ะ
เดือน เมษายน  เริ่ม วันที่ 4 ของเดือน โทรทัศน์ออกข่าวว่า ท่านผู้หญิง
สุมาลี  จาติกวณิช  ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยวัย 90 ปี   

           ประวัติ ท่านผู้หญิง  จาติกวณิช 
           
ท่านหญิงสุมาลี จาติกวณิช (สกุลเดิม ยุกตะเสวี  6 มิถุนายน พ.ศ.
2474 – 4 เมษายน พ.ศ. 2565) เป็นประธานกิตติมศักดิ์
มูลนิธิราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นรองประธาน
กรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดช
วิกรม พระบรมราชชนก และเป็นอดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติ

 ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช  สมรสกับศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน
จาติกวณิช อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช
และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล มีธิดาเพียงคนเดียว คือ คุณ
หญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 
และอดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ท่านผู้หญิงสุมาลีสำเร็จการศึกษาระดับ
ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยและสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในโรงเรียน
เตรียมอุดมศึกษา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในแผนกวิทยาศาสตร์เมื่อปี พ.ศ. 2489 ด้วยความสนใจภาษาอังกฤษ
เป็นอย่างมากทำให้เป็นผู้ที่แตกฉานทั้งการฟัง พูด อ่าน
และเขียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เยาว์วัย

ผลงานของท่านผู้หญิง สุมาลี จาติกวณิช
 
 ท่านผู้หญิงสุมาลี  ดำรงตำแหน่งที่สำคัญในองค์กรภาครัฐและเอกชน
ทั้งภายในและต่างประเทศมากมาย เช่น ประธานคณะ
กรรมการบริหารมูลนิธิราชประชาสมาศัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ประธานคณะกรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการประธานสภาสตรีแห่ง
ชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กรรมการบริหารมูลนิธิ
สายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และอื่น ๆ ท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นผู้ที่มี
คุณูปการอย่างยิ่งต่อมหาวิทยาลัยมหิดลในการสนับสนุน
ให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยมา
อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่
ในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น กรรมการบริหารศิริราชมูลนิธิ กรรมการผู้ทรง
คุณวุฒิสภา มหาวิทยาลัยมหิดล รองประธานกรรมการ
มูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก
ท่านผู้หญิงสุมาลีได้รับเลือกเป็นเอกฉันท์จากสมาชิก
สมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์รวม 19 ประเทศ ให้
ปฏิบัติหน้าที่ประธานสมาคมระหว่างประเทศถึงสองสมัย
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530-2537 ด้วยชื่อเสียง ทำให้ท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นที่
ยอมรับนับถือไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เมื่อองค์การสหประชาชาติประกาศการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี
ครั้งที่ 4  ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2538
คณะกรรมการจัดเตรียมการประชุมจึงได้เชิญท่านผู้หญิงสุมาลีมาเป็นผู้
ประสานงานภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ซึ่งสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างดีเยี่ยม จนกระทั่งได้รับการยกย่องใน
ที่ประชุม ในการเป็นแบบอย่างของการประสานงาน
ที่มีประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง 

นอกจากนี้  ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนประเทศไทยประจำคณะ
กรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก
หรือ แอสแคป (ESCAP)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2528 – Order of the White Elephant - 1st Class (Thailand)
ribbon.svg เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง
ช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2525 – Order of the Crown of Thailand - 1st Class
(Thailand) ribbon.svg เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2543 – Order of the Direkgunabhorn 1st class
(Thailand) ribbon.svg เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่ง
ดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.)[4]
พ.ศ. 2533 – Order of Chula Chom Klao - 2nd Class upper
(Thailand) ribbon.svg เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)

      ท่านผู้หญิงสุมาลี ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2565 
วันที่ 21 สิงหาคม 2565 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เสด็จ
พระราชทานเพลิงศพ ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
  (ขอบคุณ ข้อมูล จากวิกิพีเดีย)



ด้วยความอาลัยรักท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช  ผู้มีความเมตตาต่อ
โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองและครูอาจารย์ในโรงเรียน ค่ะ 


วันที่ 8 ฉันนัดเอม ไป ส.พ.ท. เพื่อไปเบิกค่ารักษาพยาบาล แล้วแวะไป
หาส้มตำอร่อย กินกันที่ เทอร์มินอล 21 แล้วจึงพากันกลับบ้านกัน 
         
วันที่ 10 ที่จริงวันนี้  อังศนา  ซึ่งเป็นลูกศิษย์ รุ่นแรกที่ ธาตุทองเขาเชิญ
ไปงานเลี้ยงมงคลสมรสของลูกสาวเขา 
แต่ต้องยกเลิกงานเลี้ยงเนื่องจากญาติผู้ใหญ่ติดโควิด 19 จึงต้องเลื่อน
งานเลี้ยงออกไป  เฮ้อ ! โควิด นี่ช่างร้ายเหลือ
ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ พลิกผัน เปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ 

   วันที่ 13-17 เม.ย. สงกรานต์ปีนี้  คนที่ทำงาน ได้หยุดยาวไปเลย  แต่
ฉันไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน  ก็ดีไปอย่าง 
การเที่ยวในวันนักขัตฤกษ์ไม่สนุกนัก  เพราะคนมากมาย  แย่งกันกิน
แย่งกันเที่ยว  การกินก็เช่นกัน ต้องไปเข้าคิวยาว
       
 วันที่ 17 เม.ย. รุ่ง  ลูกศิษย์ ขาประจำของฉัน แวะมาเยี่ยมฉันที่บ้าน
พร้อมกับข้าว  ผลไม้  ตามภาพ  อร่อยทั้งนั้น 
ขอบใจลูกสาวที่น่ารัก นะ 



ของกิน อาหาร ผลไม้ที่ รุ่งนำมาฝากฉัน  ค่ะ ขอบใจนะ ลูกสาว 

ตอนเย็นของวันนี้  เรืองรุ่งมาชวนไปฟังสวด แม่ของ คุณพิเชษฐ์ ซึ่ง
เป็นย่าของ เอ (พลภัทร)  ลูกศิษย์ รุ่นเดียวกับอุ้ย
  งานนี้ คุณพิเชษฐ์ ไม่ยอมรับซองเพราะว่า คุณแม่ของเขาสั่งไว้  เขา
ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี เพราะฉันเป็นครูของลูกชายเขาด้วย
  และคุณพิเชษฐ์ก็เคยเป็นกรรมการสมาคมฯ ด้วยค่ะ
งานนี้เจอดร.ณัฐดลย์  หรือ ตี๋ดล  ลูกศิษย์ อีกคนที่เป็นเครือญาติของ
คุณพิเชษฐ์ 


      
เรืองมาชวนและมารับไปงานศพย่าของเอ  ค่ะ 



ครอบครัวของ เอ ศิษย์สะใภ้ และหลานศิษย์  ค่ะ 



กรรมการสมาคมนักเรียนเก่ามัธยมวัดธาตุทองมาฟังสวด ค่ะ 





ถ่ายรูปหน้าศพไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ 

  วันที่ 23 เม.ย. ทิพย์ ทิพย์ (เกล์ศิณี) พาหลานศิษย์ น้องเจ้าขา  มา
เยี่ยม  เราไม่ได้เจอกันนานมาก  ตั้งแต่ทิพย์มีน้อง
  จนน้องเจ้าขาคลอด โตพอสมควรจึงได้พามาให้ฉันเห็นหน้า  ทดลอง
อุ้ม  น่าจะประมาณ7-8 เดือนได้แล้ว  หน้าตาน้องเจ้าขา 
ถอดรูปมาจากพัฒน์ พ่อของเจ้าขา  ไม่ต้องบอกเลยว่า เป็นลูกใคร อิอิ 
ฉันรับขวัญหลานด้วยสร้อยข้อมือนพเก้า 1 เส้น
และผ้าห่มที่เก็บเป็นกระเป๋าได้ อีก 1 ใบ  ทิพย์มาเยี่ยมก็ซื้อขนมนมเนย
มาฝากหลายอย่าง ขอบใจนะ ทิพย์ ทิพย์ 
ที่ดีกับครู หมั่นมาเยี่ยม (ตอนยังไม่มีน้องเจ้าขา)   มาชมภาพ ค่ะ 



หลานศิษย์  น้องเจ้าขา  ค่ะ 



รับขวัญผ้าห่มกระเป๋าให้น้องเจ้าขา  



ตาแป๋วเลย นะ น้องเจ้าขา 



เซลฟี่ครบสมาชิก ก่อนอำลาจากกัน  ค่ะ 



ของกิน ของฝาก จาก ทิพย์ ทิพย์  ค่ะ 

   วันที่ 29 เมษา  เพ็ญ มาเยี่ยน  เพ็ญ รุ่นเดียวกับกลุ่มธาตุทอง 2 ส.
เพ็ญหาวันหยุดงานยากมาก  หยุดวันศุกร์วันเดียว
แต่ถ้ามีคนขาด ก็ไม่ได้หยุดเลย  เมื่อมีโอกาสได้หยุด เพ็ญมักจะแวะมา
เยี่ยมฉันที่บ้าน นับว่าเป็นลูกศิษย์ที่ระลึกถึงครูเสมอ
  ไม่รวยแต่รวยน้ำใจ ค่ะ  มาชมภาพเพ็ญ ค่ะ 



เพ็ญมาเยี่ยมฉันพร้อมขนมอร่อย ค่ะ 
 
  เดือน เมษา หมดไปอีก 1 เดือนแล้ว ค่ะ  มาดูว่า เดือน พ.ค. มีอะไรที่
น่าบันทึกบ้าง  ค่ะ 
     
 9 พ.ค. เสรี  นัดมาเยี่ยมฉันที่บ้าน  เขาจบจากธาตุทองไป หลายสิบปี 
ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนกัน  เพราะไปทำงานที่เรือสำราญ
  นาน ๆ จะมีโอกาสกลับเมืองไทยมีเงินเก็บสร้างบ้านให้พ่อแม่ พี่น้อง
นับว่าเป็นลูกกตัญญูทีเดียว  แต่หลังจากโควิด 
ต้องกลับเมืองไทย  เขาหยุดจ้าง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว  ทำงานใน
เมืองไทย กว่าจะได้งานก็ลำบากอยู่ ปีนี้ โควิด ซาไปแล้ว
  การท่องเที่ยวก็กลับมาคึกคัก เกิดกิจการท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้  เขาจึง
สมัครไปทำงาน  ก่อนไป เขามาเยี่ยมฉัน ซึ่งเป็นครั้งแรก
หลังจากที่จบมัธยมปลายไปแล้ว  มาชมภาพ ค่ะ 



ลูกศิษย์ เสรี มาเยี่ยม พร้อมกับปลาทูแม่กลอง สองกล่อง 12 ตัว
ได้แจกชาวบ้านไป 4 ตัว เหลือกินเอง 8 ตัว ค่ะ 

วันที่ 16  พ.ค.  เล็ก  ณัฐพิมล  ลูกศิษย์ รุ่นเดียวกับ ชลอ  ได้โทรศัพท์
มาถามว่าอยู่บ้านหรือเปล่า  เขาจะมาเยี่ยมและนำแหนมเนือง
ที่มาจากหนองคายมั้งมาฝากด้วยเมื่อฉันบอกว่าอยู่  เล็กมาพร้อมสามีที่
เป็นทหารเรือแต่เกษียณแล้ว  เล็กกับฉัน สนิทกันมาก
พอสมควร แต่ก็ต้องห่างเหินกันไป  เพราะเขาต้องติดตามสามีไป
ทำงานต่างประเทศเลยไม่เคยเจอหน้ากันนานมากพอควร
  วันนี้ต้องบอกว่ามีลาภปาก ได้กินแหนมเนือง ค่ะ อิอิ



เล็ก และศิษย์เขยมาเยี่ยมฉันที่บ้าน ค่ะ 



แหนมเนืองและเครื่องเคียงที่กินกับแหนมเนือง  ค่ะ 

วันที่ 18  ฉันกับเรือง นัดกันไปหา ผอ. เพื่อเอาเงินทุนการศึกษาที่ฉัน
ขอบริจาคจากศิษย์  เป็นการช่วยหาทุนการศึกษา
ให้กับนักเรียน เป็นการแบ่งเบาภาระของโรงเรียนและนักเรียนที่ขาด
แคลนเงิน เป็นการช่วยเหลือนักเรียน  ปีนี้ รวมแล้ว
ฉันหาทุนได้ประมาณ 31 ทุน  ส่วนเรืองและกรรมการคนอื่น ก็ช่วยหา 
ได้อีก ประมาณ 10 ทุน ฉันเลยให้ไว้ เพียง 20 ทุน
ฝากโรงเรียนไว้อีก 11 ทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาต่อไป ถ้าปีนี้เราหาทุน
ได้น้อย ก็จะได้นำทุนที่ฝากไว้นี้ให้เป็นทุนแก่นักเรียน
ในปี 66 ต่อไป เพราะในปีหนึ่ง ๆ เราต้องให้ทุนการศึกษาแก่โรงเรียน
เพื่อให้เด็กนักเรียนที่มีความจำเป็นและขาดแคลน
ปีละ 30 ทุน ทุนละ  3000 บาท  ค่ะ  ผอ.ก็ใจดี ฉันขอให้โรงเรียนออก
ใบอนุโมทนา เพื่อให้ผู้บริจาคทุนได้ไปลดหย่อนภาษีได้
ผอ.ก็สั่งการครูที่มีหน้าที่จัดทำให้ทันทีและเสร็จภายในวันนั้นเลย ค่ะ 
วันที่ 22  วันนี้ฉันนัดก๊องลูกศิษย์รุ่นแรก ไป กินข้าวที่ร้านค้อฟฟี่บีน
เพราะฉันได้คะแนน 1000 บาท ไปกินที่ร้านนี้
เลยชวนก๊องไปกินด้วยกัน  ก๊องก็เคยพาฉันไปกินข้าวเมื่อฉันขอ
ให้เขาพาไปธุระ เช่น ซื้อของ เขาก็จะพาไปและกินข้าว
ด้วยกันเสมอ  วันนี้สั่งอาหารกินภายในงบ 1000 บาท  ถ้าเกินก็จ่าย
เพิ่มเป็นเงินสด สำหรับส่วนที่เกินจาก 1000 บาท ค่ะ 

เดือน พ.ค. มีกิจกรรมที่น่าบันทึก  ค่อนข้างน้อย ค่ะ  มาเริ่ม เดือน
มิถุนายน เลยค่ะ 
     
  วันที่ 1 เป็นวันคล้ายวันเกิดของ โก  เพื่อนที่ไปเที่ยวอเมริกาใต้ด้วย
กัน  เรามีการติดต่อ นัดกินอาหารกันบ้าง 
ส่งไลน์กันบ้าง คุยกันบ้าง นับเป็นน้องชายที่น่ารัก คนหนึ่งวันนี้เลยทำ
แอปควิสต์ ที่ ครูเต็กสอนไว้  เป็นการอวยพรให้โก  เป็นพิเศษ ค่ะ 

วันที่ 2 มิ.ย.  เป็นคล้ายวันสถาปนาโรงเรียน มัธยวัดธาตุทอง  มีการไหว้
พระ ทำบุญ ไหว้เจ้าที่  ตักบาตรอาหารแห้ง 
อุ้ย ลูกศิษย์จ้างแท็กซี่มารับฉันที่บ้านตอน 7 โมงเช้าปีนี้ แม่ของอุ้ย
ไม่ได้มาด้วย เพราะว่าผ่าตัดเข่า พวกเราม่ทันพิธีไหว้พระ
ไหว้เจ้าที่  หลังจากนั้น  เราก็มีการตักบาตรอาหารแห้ง  เพื่อนำอาหาร
แห้งเหล่านี้ส่งไปให้ทหาร ตำรวจชายแดนต่อไป 
อาหารตักบาตร  อุ้ย เป็นคนไปซื้อจากโลตัส  ฉันมีหน้าที่จ่ายเงินอย่าง
เดียว  เรื่องนี้ ฉันได้เขียนไว้ในบล็อกแก๊ง  ตามลิ้งค์นี้ ค่ะ 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=08-06-2022&group=9&gblog=10 
   มาชมรูปประกอบเล็กน้อย ค่ะ 




นิมนต์พระมาสวดมนต์  ค่ะ 



ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หลังพิธีบวงสรวงเสร็จ ค่ะ



รอใส่บาตรพระ ค่ะ  





ใส่บาตรพระ ของแห้ง  ค่ะ 



พิธีแจกทุนการศึกษา  ค่ะ 

แจกทุนเสร็จ อุ้ยพาไปกินซิสเล่อ ที่เมเจอร์ เอกมัย กินกันสองคน  เรา
กินกันแต่สลัดและขนม  ซุป  ส่วนที่สั่งกิน
หอบกลับบ้านไป  กินได้อีกมื้อ ค่ะ มาชมรูป ค่ะ 




อุ้ยกับฉันไปกินสเต๊ก  ที่เมเจอร์  ค่ะ 

 วันที่ 5 พ.ค. วันนี้ ไทยสูญเสียนักร้องเสียงดีไปอีก 1 คน  คือ  คุณ
สุริยา  ชินพันธ์  ค่ะ  เรามาทราบประวัติของนักร้อง
สุริยา  ชินพันธ์ ค่ะ 
     
ประวัติ  สุริยา  ชินพันธ์  
     
สุริยาเกิด  เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 ที่อำเภอเมือง จังหวัด
อุดรธานี เป็นลูกชายคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน  
บิดา คือ นายวิบูลย์  มารดา คือ นางจิตรา ชินพันธุ์   สุริยา ชินพันธุ์
มีชื่อจริงคือ ธนยศ ชินพันธุ์ (ชื่อเดิม: ประมูล ชินพันธุ์
มีชื่อเล่นว่า "ตุ้ย" หรือ "เอ" และนักร้องชาวไทย
   สำเร็จการศึกษาระดับ มศ.3 จากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล เมื่อจบแล้ว
ได้ช่วยกิจการทางบ้าน คือ  คุมรถโดยสารระหว่าง
จังหวัด บางครั้งก็ทำหน้าที่พนักงานขับเองจนกระทั่งอายุได้ 17 ปี
อยากเป็นทหาร จึงไปสมัครเป็นทหารที่จังหวัดลพบุรี
แต่สอบตกสัมภาษณ์ จึงไปหาอาซึ่งเป็นนายแพทย์ที่จังหวัดนครสวรรค์
ชื่อ น.พ.จรูญ ชินพันธุ์ ช่วยดูแลคนไข้ในคลินิก
ของอาที่ตัวอำเภอเมืองนครสวรรค์ ด้วยความที่ชื่นชอบเพลงลูกทุ่ง 
 ประกอบกับมีหน่วยก้านพอที่จะเป็นดาราได้ อาจึงฝากฝังให้ 
       
ในที่สุดก็ได้เข้ากรุงเทพมหานครเพื่อฝึกการเป็นนักแสดง พร้อมกับ
นัยนา ชีวานันท์ ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ (เสด็จพระองค์ชายเล็ก) โดยทำการฝึก
พร้อมกับ สรพงษ์ ชาตรี โดยครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกในชีวิตของสุริยาด้วย

เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานครแล้ว ได้อยู่ในสังกัดของช่อง 4 บางขุน
พรหม โดยระยะแรกใช้ชื่อจริงเลยว่า "ประมูล ชินพันธุ์"
ได้ร้องเพลงลูกทุ่งกรุงไทย เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงบ้างแล้ว จึงได้ลองเล่น
ละครโทรทัศน์เรื่องแรก คือ "เลือดทาแผ่นดิน"
พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น "สุริยา ชินพันธุ์" จากการตั้งชื่อให้ของสุวัฒน์
วรดิลก  พร้อมกับฝึกฝนการแสดงไปด้วย เช่น
การฝึกกระบี่กระบองในละครแนวจักร ๆ วงศ์ ๆ กับ กำธร สุวรรณปิยะศิริ
สุริยา  มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก
จากเรื่อง "สวนสน" จากการชักชวนของครูชาลี อินทรวิจิตร โดยประกบ
คู่กับ ช้องมาศ ภุมรา ซึ่งเป็นนางเอก ทำให้มีชื่อเสียง
เป็นอย่างมาก จากนั้นก็มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ ตามมาทั้งภาพยนตร์
และละครโทรทัศน์ เช่น "ผยอง", "ลูกเจ้าพระยา",
"มือปืนนมสด"  "นักเลงสามสลึง" และที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
คือ "มนต์รักแม่น้ำมูล" ในปี พ.ศ. 2521 
โดยแสดงประกบคู่กับ สมบัติ เมทะนี ซึ่งเป็นพระเอกอีกคนด้วย ซึ่งใน
เรื่อง ตัวละครของสุริยาต้องร้องเพลง แต่ผู้ที่ขับร้องจริง ๆ คือ 
สนธิ สมมาตร จนผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงของสุริยา

หลังจากนั้น สุริยา ก็ได้มีผลงานทางละครโทรทัศน์แนวจักร ๆ วงศ์ ๆ
อีกหลายเรื่องทาง ช่อง 7 เช่น "สิงหไกรภพ"
(คู่กับ ดวงพร เอกศาสตร์), "ไชยเชษฐ์" (คู่กับ ผุสรัตน์ ดารา) กับช่อง
3 เช่น "ชะนีน้อย" (คู่กับ ผุสรัตน์ ดารา) ฯลฯ
โดยเป็นทั้งผู้จัดผู้กำกับฯ และแสดงเอง และได้รับรางวัลเมขลาจาก
เรื่อง"โอรสหมาป่า"
       
ผลงานเพลง สุริยา ยังเป็นเจ้าของเสียงต้นฉบับในเพลง "รักเก่าที่บ้าน
เกิด" เป็นคนแรกอีกด้วย ซึ่งเพลงนี้ต่อมา
ได้มีนักร้องในรุ่นหลังหลายคนนำกลับมาร้องใหม่ และต่อมาได้ก่อตั้งวง
ดนตรีลูกทุ่งขึ้นมาด้วย ประสบความสำเร็จอยู่ได้ 3 ปี
ก่อนจะยุบวงลงในที่สุด พร้อมกับปัญหาสุขภาพที่เข้ามา นอกจากนี้
ยังเคยขึ้นคอนเสิร์ต เอกชัย ศรีวิชัย พ.ศ. 2546-2548

 ชีวิตครอบครัว สุริยา ชินพันธุ์ สมรสกับ ระพีพรรณ เปรมรัศมี มีบุตรด้วย
กันทั้งหมด 2 คน เป็นชาย 1 หญิง 1 ซึ่งมีครอบครัวกัน
หมดแล้ว สุริยา ไม่ได้มีผลงานในวงการบันเทิงอีก
เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน จนกระทั่ง
มีอาการอัมพฤกษ์ ภรรยาก็เลิกรากันไป จึงได้
รับความช่วยเหลือจาก สรพงษ์ ชาตรี เพื่อนนักแสดงร่วมรุ่น เมื่อหาย
เป็นปกติ สุริยาหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพสารพัด
ทั้งขับแท็กซี่, ทำร้านอาหาร, เป็นผู้จัดละครโทรทัศน์

ในช่วงหลัง สุริยาป่วยเป็นโรคไวรัสซีที่ตับ และอีกหลายโรค ต้องรับ
ประทานยาเป็นจำนวนมากและเข้ารับตรวจสุขภาพ
เป็นประจำในทุกเดือน ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการขายรองเท้ามือสองและเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัดจังหวัดต่าง ๆ
และรับจ้างร้องเพลงบ้างตามงานต่าง ๆ แล้วแต่ผู้ว่าจ้าง และได้อยู่กิน
กับ บูรพา ชินพันธุ ภรรยาคนปัจจุบันมานานกว่า 20 ปี
ซึ่งทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกันที่บ้านพักส่วนตัวที่ย่านคลองสาม ตำบลลาด
สวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยภรรยาไม่ได้
ทำงานเนื่องจากเคยป่วยเป็นมะเร็งมาก่อนเหมือนกัน และลาออกจาก
งานประจำเพื่อดูแลสุริยาโดยเฉพาะ ทำให้สุริยาต้อง
เป็นเรี่ยวแรงหลักในการหาเลี้ยงชีพแต่เพียงผู้เดียว

   เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้แจ้งข่าวว่า
สุริยาป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โควิด-19) มากว่า 5 วันแล้ว และเชื้อลงปอด ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียูของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
จนกระทั่งบิณฑ์ได้แจ้งข่าวว่าสุริยาเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์
ที่ 5 มิถุนายน สิริอายุ 69 ปี ทำให้ต้องมีพิธีฌาปนกิจศพ
ทันทีในวันเดียวกัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ที่เมรุวัด
คลองชัน โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  นายก
องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เดินทางมาเป็นประธานในพิธี




ขอไว้อาลัย คุณสุริยา  ชินพันธุ์  ค่ะ 

วันที่ 7  มิ.ย. ฟิตตรีย์ มากรุงเทพฯ และให้ลูกชายขับรถมาเยี่ยมฉันที่
บ้าน   ฟิตตรีย์เป็นลูกศิษย์ รุ่นแรกที่ฉันสอนที่อิสลามฯ
  เพิ่งได้เจอกันเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายสิบปีตั้งแต่
ฉันย้ายโรงเรียน  ครูและลูกศิษย์ ต่างก็ดีใจ
เมื่อลงมากรุงเทพฯก็มักจะมาเยี่ยมฉันเสมอ วันนี้ฟิตตีย์พาลูกชายสอง
คน มาหาด้วย  คนโตคือ อาดัม  เป็นนักบิน 
คนที่สอง ทำงานที่ออสเตรเลีย  ชื่อเจ ทั้งสองคนพูดภาษาไทยไม่ได้
ฟังออกเล็กน้อย  



ลูกศิษย์ ฟิตตรีย์และหลานศิษย์สองคน มาเยี่ยนที่บ้าน ค่ะ 

วันที่ 19 มิ.ย. งานแต่งลูกสาวของ อังศนา จัดขึ้นใหม่หลังจากที่เลื่อน
จาก เมื่อ วันที่ 10 เม.ย.เนื่องจากฝ่ายเจ้าภาพติดโควิด
เลื่อนมาจัดงานฉลองวันนี้ อัง  ให้สมเกียรติรุ่นเดียวกับเขามารับฉันที่
บ้าน  สมเกียรติหลงทางกว่าจะถึงโรงแรมที่จัดงาน 
เสียเวลาไปหลายนาที  ที่จอดรถก็ลึกลับ ต้องเดินด้านหลังของ
โรงแรม  แดดก็ร้อน ทางเดินที่จะไปตัว
โรงแรมก็ไกล  ต้องขึ้นบันได  เหมือนบันไดลิง  มาถึงด้านนอกของการ
จัดงาน ต้องผ่านการตรวจโควิดด้วย 
ทุกคนถ้าไม่มีใบแสดงว่าตรวจมาแล้ว  ก็ต้องถูกแยงจมูก  แล้วรอผลว่า
ผ่านไหม ฉันกับสมเกียรติก็ไปรับการแหย่จมูก
  แล้วนั่งรอผล  รอเขาประกาศจึงสามารถเข้างานได้ ค่ะ   มาชมภาพ
บรรยากาศของงานจ้ะ 



ถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวก่อนไปนั่งโต๊ะ ค่ะ 



สมาชิกที่มาร่วมงานมงคลสมรส  ค่ะ 



แม่เจ้าสาว  (อัง) มาร่วมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ 



ก่อนกลับถ่ายหมู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว  ค่ะ 

 วันที่ 30  มิ.ย. วันนี้ นัดกับเอม เพื่อไปเยี่ยมพี่บำเพ็ญ  เพื่อนที่เคยสอน
ด้วยกันตอนอยู่ที่อิสลาม  ที่จริงพี่เขาอยากเจอ
ฉัน พี่สมสิรี นิทรา ซึ่งสอนที่เดียวกันมาตั้งแต่ปีทีแล้ว  แต่พี่สมสิรี
และนิทรา กลัวโควิด เลยบอกอย่าเพิ่งไป
เยี่ยมพี่เพ็ญเลย  จนกระทั่งปี 65 แล้ว โควิดก็ไม่รุนแรงเหมือนปีที่แล้ว 
พี่เพ็ญก็โทรมาคุยและชวนไปหาเขาที่บ้านอีก
  บอกอยากเจอหน้าพวกเราบอก  ฉันก็เป็นตัวกลาง ประสานกับพี่สมสิรี
และนิทราเพื่อนรัก  แต่ก็ไม่ได้ผล  เพราะพี่สมบอกว่า
เกรงใจลูก ลูกไม่ขับรถพาไป และยังกล้วโควิดอยู่  ส่วนนิทราก็บอกว่า
พี่สมสิรีไม่ไป  เขาก็ไม่ไป   พี่เพ็ญก็บอกว่า
  งั้นให้ฉันไปคนเดียวก็ได้  เขาจะให้แม่บ้านเขาทำส้มตำ กับข้าว ให้กิน
เขาว่าแม่บ้านเขาทำกับข้าวอร่อย  ฉันก็รับปากว่า
    ถ้าฉันชวนเพื่อนไปด้วยกันได้  ฉันจะไปหาเขา  ฉันเลยไปชวนเอมอร
เพื่อนที่เรียนภาษาจีนด้วยกัน  เอม ยินดีไปเป็นเพื่อนฉัน
นัดกับพี่เพ็ญว่า  ฉันกับเพื่อนจะไปเยี่ยมเขาวันนี้  พี่เพ็ญบอกป้ายที่สาย
72 ให้ไปลงที่ปัฐวิกร  เขาจะออกจากบริษัทมารับพวกเรา
 ฉันกับเอม  นัดเจอกันที่หน้าวัดธาตุทอง  เพราะเป็นต้นทางของรถสาย
72 น่าจะประมาณ 10 โมงเศษ ก็ถึง เดินย้อนไป
และโทรหาพี่เพ็ญ  ในที่สุด เราก็เจอกันดีใจกันใหญ่  พี่เพ็ญ 84 ปี แล้ว
ก็ยังเดินได้ดี ถือไม้เท้าไว้  พี่เขาพาพวกเราไปบ้าน
ที่ทำเป็นบริษัทของลูก ๆ ของพี่เขา ค่ะ  พี่เขาสั่งไว้ว่า ไม่ต้องซื้ออะไร
ไปฝากเขา ฉันเลยนำหนังสือ  ที่ฉันเขียน 
"พลิกวิกฤตของชีวิตสู่ความฝันที่เป็นจริง" ให้พี่เขา 1 ชุด เป็นที่ระลึก   
มาชมภาพพวกเรา ค่ะ 



มอบหนังสือของฉันให้พี่บำเพ็ญและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ค่ะ 



อาหารที่เลี้ยงต้อนรับฉันกับเอม  อร่อยตามที่คุยไว้ ค่ะ 

    การบันทึกทวาทศมาสประจำปี 65 ตอนที่สอง ก็จบลงไปอีก 3 เดือน
แล้ว ค่ะ  เหลืออีก 2 ตอน  โปรดติดตามต่อไปได้นะคะ  

 



Create Date : 28 มีนาคม 2566
Last Update : 29 มีนาคม 2566 16:50:53 น.
Counter : 741 Pageviews.

24 comments
หัวหินหรรษา ใจป๋าพาเที่ยว EP2 จันทราน็อคเทิร์น
(17 พ.ค. 2567 09:42:56 น.)
No. 1265 ค้างในป่าแม่วิน (ตอน 3) ไวน์กับสายน้ำ
(14 พ.ค. 2567 06:35:03 น.)
พุทธมณฑล : นกแต้วแร้วนางฟ้า ผู้ชายในสายลมหนาว
(13 พ.ค. 2567 15:13:32 น.)
: รูปแบบของการตื่นรู้ : กะว่าก๋า
(11 พ.ค. 2567 05:18:24 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณอุ้มสี, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณkatoy, คุณปัญญา Dh, คุณ**mp5**, คุณkae+aoe, คุณtoor36, คุณTurtle Came to See Me, คุณเริงฤดีนะ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณRain_sk, คุณกิ่งฟ้า, คุณร่มไม้เย็น

  
ได้รู้เรื่องของท่านผู้หญิงสุมาลี
ได้รู้ข่าวการตายของสุริยา ชินพันธ์
เข้ามาเอนทรี่นี้
คุ้มค่ามากค่ะ
มีเรื่องราวเรื่องเล่าเพียบ
เจิม
โดย: อุ้มสี วันที่: 29 มีนาคม 2566 เวลา:17:27:14 น.
  
อาจารย์บันทึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้ได้อย่างละเอียดละออเลยครับ
มีภาพประกอบด้วย
แบลบนี้เวลากลับมาเปิดอ่าน
ก็จะนึกเรื่องราวได้ง่ายขึ้นจริงๆครับ

ผมก็เพิ่งทราบจากบล็อกอาจารย์ครับ
ว่าคุณสุริยาเสียชีวิตแล้ว
ผมยังทันได้ดูผลงานของคุณสุริยาบ้างครับตอนเป็นเด็ก

ปล. ภาพในบล็อกผม
ผมเป็นคนถ่ายเอาไว้เองครับอาจารย์
เป็นวันที่ท้องฟ้าสีแดงจริงๆครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มีนาคม 2566 เวลา:21:21:59 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์

ภาพน้องเจ้าขามองอาจารย์น่ารักมากๆค่ะ

อาจารย์หาทุนได้ประมาณ 31 ทุน น่าปลื้มใจมาก
ต๋าขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะ

บันทึกของอาจารย์อ่านแล้วอิ่มใจ ต๋าได้ทราบประวัติบุคคลที่เป็นที่รู้จักอีกด้วย
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

อาจารย์นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ
ขอบคุณอาจารย์สำหรับกำลังใจค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 30 มีนาคม 2566 เวลา:0:50:45 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2566 เวลา:5:51:25 น.
  
สวัสดีครับอาจารย์

ดีจังครับ มีลูกศิษย์มาแวะหาตลอด
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 30 มีนาคม 2566 เวลา:9:53:17 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

การเลือกตั้งเข้าใกล้มาแล้ว
ผมมองว่าถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยนแปลงผู้นำได้แล้วล่ะครับ
แต่สุดท้ายคนที่จะตอบคำถามนี้
ก็คือประชาชนทุกคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง

ผมยอมรับผลการเลือกตั้งครับ
ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร
ขอให้มาอย่างถูกต้องและไม่โกงก็พอครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2566 เวลา:9:55:15 น.
  
มาทักทายหลังอัพบล็อกค่ะ
โดย: sawkitty วันที่: 30 มีนาคม 2566 เวลา:9:56:20 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 30 มีนาคม 2566 เวลา:11:21:00 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2566 เวลา:5:40:44 น.
  
มีคนแวะเวียนมาเยี่ยมกันสม่ำเสมอเลยนะครับ

เราเริ่มรู้สึกว่าเราอายุมากขึ้นแล้วก็จากการที่คนรอบๆ ตัวที่รู้จักตายลง หรือพวกเขาแต่งงานนี่แหบะนะ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มีนาคม 2566 เวลา:11:43:37 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

คอมผมก็เสียบ่อยครับ
เพราะเป็นคอมเก่าใช้มา 10 กว่าปีแล้ว
เดี๋ยวนี้ช่างไม่ค่อยจะยอมซ่อมด้วย
เชียร์ให้ซื้อใหม่อย่างเดียวเลย

แอร์เสียคงต้องศ่อมเลยนะครับอาจารย์
เพราะกรุงเทพอากาศร้อนอบอ้าวมาก
ไม่มีแอร์น่าจะร้อนอบอ้าวเลยครับ

ภาพในบล็อกผมวันนี้
ใช้แอพเปลี่ยนฉากหลังให้เป็นท้องฟ้าสีสันสดใสครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2566 เวลา:14:06:36 น.
  

ขออนุญาตจอวที่ไว้ก่อนนะคะอาจารย์
ตาใสแล้วจะมาอ่านเต็มไปค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 31 มีนาคม 2566 เวลา:14:16:18 น.
  
ต๋าขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่เตือนเรื่องเวลาเข้านอนนะคะ
ต๋ากว่าจะได้เข้าบล็อกก็ช่วงดึกแทบทุกครั้ง
จะพยายามปรับค่ะอาจารย์

อาจารย์นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 1 เมษายน 2566 เวลา:0:01:23 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2566 เวลา:6:19:58 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เวลาเจอความทุกข์หนักๆ
คนเราคงไม่อาจหัวเราะได้โดยง่าย
แต่ผมว่าอารมณ์ขัน
ก็ช่วยทำให้เราผ่านทุกข์ไปได้เรื่อยๆ
ไม่โฟกัสแต่ความเครียดอย่างเดียวครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2566 เวลา:22:34:24 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2566 เวลา:6:10:15 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

กว่าผมจะเริ่มคิดอะไรเกี่ยวกับชีวิตอย่างจริงจัง
ก็อายุ 27 ปีแล้วครับ
ถ้าคิดได้เร็วกว่านี้คงจะดี
ผมจะได้ทะเลาะกับตัวเองและโลกน้อยลงครับ 555

ภาพชุดนี้
ผมใช้แอพแต่งภาพ
เสียดายแอพนี้ปิดตัวไปแล้วครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2566 เวลา:11:30:55 น.
  
สวัสดีวันหยุดค่ะ
โดย: sawkitty วันที่: 2 เมษายน 2566 เวลา:16:59:35 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2566 เวลา:5:25:39 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ภาพชุดนี้ผมถ่ายเอาไว้ตอนไปงานเช็งเม้งบ้านมาดามครับ
ในสุสานก็มีงานศิลปะสวยๆเอยะมากตามพื้นทางเดินบ้าง
ตามจุดที่ไหว้เจ้าบ้าง
ผมก็ใช้มือถือถ่ายภาพ แล้วใช้แอพแต่งภาพ
แต่งภาพอีกรอบครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2566 เวลา:16:57:30 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 เมษายน 2566 เวลา:5:15:14 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์ มาอ่านบันทึกของอาจารย์ได้ทราบข่าวของคุณ สุริยา ชินพันธ์ ด้วยค่ะ ตกใจมากเลยไม่ทราบข่าวมาก่อนเลยค่ะชอบการแสดงและการร้องเพลงของคุณสุริยามากค่ะ ขอให้ดวงวิญญาณคุณสริยาไปสู่ภพภูมิที่ดีนะคะ

อ่านบันทึกอาจารย์เพลินเลยค่ะ

โหวต Diarist

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 4 เมษายน 2566 เวลา:13:04:40 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

อาจารย์อธิบายความหมายของคำว่าคนกับมนุษย์
ได้กระจ่างมากเลยครับ

ผมชอบคำนึงที่มีคนเคยพูดไว้ว่า

"ขึ้นชื่อว่าคน ก็คนจนเละ" ครับ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 เมษายน 2566 เวลา:16:08:17 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:5:37:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Suvimol.BlogGang.com

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]

บทความทั้งหมด