มะพร้าวนาฬิเกร์ ต้นเดียวโนเน




สระนาฬิเกร์



“เอ่ย น้องเอย มะพร้าวนาฬิเกร์
ต้นเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง
กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึงได้แต่ผู้พ้นบุญเอย”






ค่ายธรรมบุตร
(เรื่องที่ ๑๕)

เรื่อง มะพร้าวนาฬิเกร์

อธิบายแก่สมาชิกพุทธสมาคม ฯ ประชุมและพักแรมอยู่ที่ค่ายธรรมบุตร
สนทนาระหว่างพักการประชุมที่ลานหญ้า บน เขื่อนสระนาฬิเกร์, ในสวนโมกขพลาราม
(ตัดตอนบางส่วน)

๒๑ ธันวาคม ๒๕๑๑

มะพร้าวนาฬิเกร์ นี้หมายถึงมะพร้าว. นาฬิเกร์ ก็แปลว่า มะพร้าว,
ต้นเดี่ยวโนเน ก็หมายความว่า ต้นเดี่ยว ไม่มีคู่เปรียบ.
อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง หรืออยู่นอกทะเลขี้ผึ้ง
ภาษาเมืองนี้ถ้าเขาว่าไปทะเล เขาว่าไปนอกเล
ไปนอกเล ก็หมายความว่า ไปที่ทะเล อยู่นอกเลขี้ผึ้ง
ก็หมายความว่าอยู่ที่ทะเลขี้ผึ้งนั่นเอง,
หรืออยู่กลางทะเลขี้ผึ้งนี้ก็ยิ่งชัดใหญ่ ;
เป็นมะพร้าวที่อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง ลองคิดดูซิว่า ทะเลขี้ผึ้งมันเป็นอย่างไร.
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง หมายความว่า ที่นั่นไม่มีอะไรกระทำได้, ไม่มีอะไร effect ได้,
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง กลางทะเลขี้ผึ้งนั้น.

ทางเมืองชุมพรร้องว่า คงถึงสักวันหนึ่งเอย.
ชุมพรไปไกลกว่าเพื่อน คนแก่ ๆ ร้องอย่างนี้ว่า คงถึงสักวันหนึ่งเอย.
แถวไชยามักจะร้องว่า ต้นเดี่ยวเปลี่ยวลิงโลดเอย
อยู่นั้นแหละ จะถึงหรือไม่ถึงก็มีอยู่อย่างนั้น.
บางคนจะร้องว่าถึงได้แต่ผู้มีบุญเอยก็มี, มีบุญมากพอ จึงจะไปถึง.

นี้หมายความว่า มีอะไรอยู่สิ่งหนึ่ง ซึ่งอะไรทำไม่ได้
อะไรจะไปกระทำมันไม่ได้,
มันอยู่กลางทะเลขี้ผึ้งเสียด้วย.
ตกมาสมัยนี้เราเลยคิดว่า มันคงจะสูญไปหมด คือไม่มีใครร้องอีกต่อไป,
พอคนรุ่นแก่ ๆ นี้ตายหมด เ
ด็กรุ่นหลังก็ไม่ร้อง จึงได้ สร้างสระนี้เป็นที่ระลึกแก่ความเอาจริงเอาจังในทางธรรมของปู่ย่าตายาย
คือมะพร้าวนาฬิเกร์.

แล้วมีบทร้องว่า :
ส้มซ่า ลูกดกหราร่า ร่มฟ้าร่มดิน
กาไหนหาญเจาะ เราะ(คือกระรอก)ไหนหาญกิน
ร่มฟ้าร่มดิน ร่มหัวคนทั้งเมืองเอย.

"ร่มหัวคนทั้งเมืองเอย" นี้หมายถึงธรรมะ,
ธรรมะนี้ลูกดกแน่นขนัดไปหมด จนร่มฟ้าร่มดิน ;
ไม่มีความทุกข์หรือความชั่ว อะไรจะไปแตะต้องธรรมะได้ ;
กาไหนกล้าเจาะ เราะไหนกล้ากิน ร่มหัวคนทั้งเมือง อย่างนี้.

นี่ ปู่ ย่า ตา ยาย เขาไม่มีอะไรพิเศษเหมือนพวกเรา แต่เขามีอย่างนี้ ;
เขานึกถึงแต่สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งดีที่สุด ซึ่งเลิศที่สุดอยู่เสมอ ;
มันจึงออกมาในรูปนี้ แล้วแสดงความสูงในทางจิตใจ ;
นี่เรียกว่าเรื่องฝ่ายธรรมะนั้นสูง.
เรื่องสอนศีลธรรมทั่ว ๆ ไปนั้นก็มีมาก จำไม่ค่อยได้ และไม่ค่อยได้จำด้วย.


ในบทกล่อมลูก มีอะไรที่น่าสนใจอยู่อีกมาก เกี่ยวกับทะเลขี้ผึ้งนี้มีตั้ง ๒ บท อีกบทหนึ่งว่า :
"ดอกมะลิ บานเหมือนจะผลิอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง" อย่างนี้ก็มี ;
นี่เรียกว่าคิดถึงทะเลขี้ผึ้ง. พวกเรานี้เรียนนักธรรมโท หรือเปรียญ ๙ ประโยค ;
เมื่อคนแก่ ๆ พูดอย่างนี้ก็ตีความไม่ถูก.
เคยถามพวกเปรียญ ๙ ประโยค หรือนักธรรมเอกให้อธิบาย ;
ก็ไม่ทราบ, ไม่รู้ว่าอะไร ทะเลขี้ผึ้ง.

นิพพานคือต้นมะพร้าวไปอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง,
กลางทะเลขี้ผึ้งนี้คือวัฏฏสงสาร.
เรามันสอนกันมาผิด ผิดจากที่ว่านี้,
เราไปสอนกันว่า นิพพานอยู่ฝ่ายหนึ่ง วัฏฏสงสารอยู่ฝ่ายหนึ่ง ตรงกันข้ามเลย.
โลกิยะกับโลกกุตตระต้องแยกกันอยู่คนละทิศ ละทางเหมือนฟ้ากับดิน ;
สอนกันอยู่แต่อย่างนี้ในโรงเรียนเดี๋ยวนี้.
เรื่องโลกกับโลกุตตระแยกออกไปจากกันเลย,
ไปอยู่ตรงกันข้ามคนละข้างคนละฝ่ายเสียด้วย.
แต่คำสอนโน้นว่า : อยู่ที่กลางทะเลขี้ผึ้งนั่นเอง ;
เหมือนกับพวกเซ็นพูดว่า จุดเย็นที่สุดนั้น อยู่กลางเตาหลอมอย่างนั้นแหละ.

ข้อนี้พากันลืมเสีย ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า : มีทุกข์ที่ไหน ต้องดับทุกข์ที่นั่น,
มีความทุกข์งอกขึ้นมาที่ตรงไหน ต้องดับความทุกข์ที่ตรงนั้น.
ฉะนั้น นิพพานคือดับทุกข์ที่สุด มันก็ต้องอยู่ที่กลาง ที่มีทุกข์ที่สุดนั้นแหละ,
อยู่ที่ตรงจุดที่มีทุกข์ที่สุดนั่นแหละ, คือทะเลขี้ผึ้ง.

ทะเลขี้ผึ้ง มีความหมายเป็นวัฏฏสงสาร หรือสังสารวัฏฏ์.
ทีนี้สังสารวัฏฏ์มันแยกออกได้เป็น ๒ ความหมาย :
คือ ดีกับชั่ว บุญกับบาป กุศลกับอกุศล อะไรทำนองนี้ เป็นสอง ๆ อย่างนี้.
ถ้าบุญก็ปรุงแต่งไปทางเวียนว่ายดี, บาปก็ปรุงแต่งไปในทางให้เวียนว่ายชั่ว,
ทั้งบุญและทั้งบาปก็ปรุงแต่งไปทางเวียนว่ายทั้งนั้น.
วัฏฏสงสารก็เต็มไปด้วยบุญและบาป สองอย่างเท่านั้น ; ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น.

เหมือนกับขี้ผึ้งในกรณีหนึ่งมันเหลวเป็นน้ำ, ในกรณีหนึ่งมันแข็งเป็นดิน,
ขี้ผึ้งมีได้ทั้งความเหลวและความแข็ง ;

ฉะนั้น เขาจึงเอามาเปรียบเป็นความหมายของสังสารวัฏฏ์
ซึ่งบางขณะเป็นบุญ, บางขณะเป็นบาป,
แต่ก็ปรากฏว่าเป็นคลื่นของสังสารวัฏฏ์ทั้งนั้น.
สังสารวัฏฏ์จึงเปรียบเหมือนทะเลขี้ผึ้ง เดี๋ยวเหลวเดี๋ยวแข็ง, เดี๋ยวเหลวเดี๋ยวแข็ง.
ที่ตรงไหนมีความทุกข์, ตรงนั้นดับทุกข์. จุดที่ร้อนที่สุด,
ที่ทุกข์ที่สุดนั้นจะมีนิพพานที่นั่น ;
ฉะนั้นจึงพูดว่า อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง.

ถ้าพูดว่า อยู่นอกทะเลขี้ผึ้ง
มันจะไปในทำนองว่า ไปอยู่เสียคนละส่วนกับทะเลขี้ผึ้ง อยู่นอกออกไปอีก,
นี้เป็นทะเลขี้ผึ้ง แล้วอยู่นอกออกไปอีก.
คำพูดที่ว่า นิพพานอยู่ฝั่งโน้น โลกอยู่ฝั่งนี้ก็มีเหมือนกัน นี้เป็นคำพูดภาษาคน,
ภาษาตื้น ๆ. ถ้าภาษาธรรมะแล้วมันต้องอยู่ตรงจุดนั้นแหละ,
มีความทุกข์ที่ไหน ก็มีความดับทุกข์ที่นั่น,
มีความทุกข์ที่ไหน นิพพานก็อยู่ที่นั่น,
นี้จึงว่าอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง.

ทั้งทะเลขี้ผึ้ง ทั้งต้นมะพร้าวมันก็อยู่ในเรา ;
เพราะว่าเดี๋ยวเราก็เป็นสังสารวัฏฏ์ เดี๋ยวเราก็ไม่มีสังสารวัฏฏ์ คือหยุดหรือสงบไปพักหนึ่ง.
ทั้งมะพร้าวนาฬิเกร์ ทั้งทะเลขี้ผึ้ง มันก็ล้วนแต่อยู่ที่ในเรา
อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
โลกก็ดี เหตุให้เกิดโลกก็ดี ความดับสนิทแห่งโลกก็ดี
ทางให้ถึงความดับสนิทแห่งโลกก็ดีอยู่ในเรา
ที่มีร่างกายยาววาหนึ่ง มีสัญญาและใจนี้.
สังสารวัฏฏ์ก็อยู่ในเรา, นิพพานก็อยู่ในเรา.

ทีนี้เรามองนอกตัวเราเรื่อย จึงไม่มีวันที่จะรู้จัก แม้แต่สังสารวัฏฏ์,
จึงไม่มีวันที่จะรู้จัก แม้กระทั่งนิพพาน.
ฉะนั้น ฮวงโปจึงล้อเอาว่า โอ๊ย ! มันอยู่ที่หน้าผากแล้วโว้ย คนโง่ ๆ,
ดูให้ดี มันอยู่ที่หน้าผากนั่น.
หาวิธีอะไรที่มองให้เห็นหน้าผาก ถ้าไม่อาศัยกระจกเงา
เราจะต้องมองเข้าไปข้างใน, มองเข้าไปข้างใน, มองเข้าไปข้างในเรื่อย.
เรามันเคยชินกัน แต่มองออกไปข้างนอกเรื่อย
แล้วไม่มองเข้าไปในตัวปัญหาคือความทุกข์ คอยแต่จะหลีกจะหนีจะหลบ ;

จึงทำไว้ให้ดูนี่ว่า มะพร้าวนาฬิเกร์อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง,
จึงเรียกมานั่งดูกันตรงนี้ ว่ามันอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง
สมมติสระนี้เป็นทะเลขี้ผึ้งและต้นมะพร้าวนั้นคือมะพร้าวนาฬิเกร์.
สำหรับตอนเย็น ๆ จะได้มานั่งดูรำพึงไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ จนกว่าจะถึงวันหนึ่งมันเกิดฟลุกขึ้นมา
มันมองเห็น ก็เกิดรู้สึกขึ้นมาซึมซาบในที่สุด.

ในสวนโมกข์นี้จึงอยากจะสร้างให้มีอะไรชนิดที่ช่วยสะดุดตา สะดุดใจ
แล้วให้สะดุดเป็นชนวนสำหรับพิจารณา รู้สึกนึกถึงธรรมะ ขึ้นมาได้หลาย ๆ อย่าง รวมทั้งสระนาฬิเกร์นี้ด้วย
เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ของมหรสพทางวิญญาณ.


อ้างอิงข้อมูลจาก //www.buddhadasa.com
ภาพประกอบจาก //www.sarakadee.com

ขอขอบคุณและอนุโมทนา คุณอุทัยวรรณ เอกพินิทพิทยา
ผู้อาสาพิมพ์ต้นฉบับเรื่องนี้เพื่อเผยแพร่ในเว็บพุทธทาสศึกษา



Create Date : 13 มิถุนายน 2551
Last Update : 19 มิถุนายน 2552 22:38:20 น.
Counter : 5657 Pageviews.

19 comments
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - บุกคนสำคัญ : กะว่าก๋า
(1 ก.ค. 2568 04:20:36 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - ณ : กะว่าก๋า
(28 มิ.ย. 2568 06:00:59 น.)
พระพุทธสิหิงค์ : หลวงพ่อเพชร ผู้ชายในสายลมหนาว
(27 มิ.ย. 2568 15:34:46 น.)
กินคาวไม่กินหวานสันดาน...ไพร่ สมาชิกหมายเลข 6015765
(24 มิ.ย. 2568 03:42:47 น.)
  
สาธุ อนุโมทนา เคยได้ยินแต่มะพร้าวนาฬิเกร์ ไม่เคยได้ยินบทมะลิบานฯ แฮะ

คนแรก เย้ๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:12:45 น.
  
คุณสาวไกด์คุ้น แต่ว่าพี่ไม่คุ้นเลยสำหรับ
มะพร้าวนาฬิเกร์ แปลกดีอ่ะคะ..

ว่าเร็วๆ นี้จะตื่นเช้าไปวัดด้วยล่ะ เพราะว่า
ไม่ค่อยสบายใจเลย เลยอยากเอา
วัด เข้าข่มบ้างนะเนี่ย 55+

โดย: JewNid วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:42:09 น.
  
ตอนเด็กๆ แม่เคยกล่อมด้วยบทมะพร้าวนาฬิเกร์
เป็นคนใต้ก็ดีงี้แหล่ะ
อิอิ
โดย: grappa วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:42:21 น.
  
ทะเลขี้ผึ้ง
คนโบราณเข้าใจคิดนะ

=)
โดย: hunjang วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:47:45 น.
  
จริงๆแล้วมองภาพแล้วคิดไปได้หลายมุมเลยค่ะ
โดย: Chulapinan วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:50:40 น.
  



ขอบคุณมากค่ะ น้องแข

โดย: Sirinut วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:50:53 น.
  
สงสัยอยู่นานแล้วว่าเป็นมะพร้าวยังไง
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:10:30:16 น.
  
ตอนเด็กๆ ญาติของเพื่อนสนิทแม่เค้าคนใต้น่ะ

ก็เลยได้มีโอกาสได้ฟังบางอย่างมาบ้างหนะแหละ แหะๆ

เพื่อนพี่หลายคนก็คนใต้

ที่จริงน่าจะมีแฟนเป็นคนใต้มากกว่าคนเหนือนะนี่ อาหารใต้ก็ชอบ ทะเลใต้ก็ชอบ เหอๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:23:16:23 น.
  
คนโบราณเค้าเก่ง....แต่งเพลงสอนธรรมะลูกหลานกันมานานแล้ว....

u'll never walk alone

โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:16:06:14 น.
  
ภาพสวยจังเลยค่ะ
โดด..และดูเดียวดายจัง

ขอบคุณมากค่ะ..สำหรับคำอวยพร..
จากน้องสาวแสนดีของพี่แคทเสมอ


ใครนะช่างทำร้ายใจที่แสนดีนี้ได้
กังฟูเลยดีไหมนิ

555555555555555


โลกนี้ก้มีอะไรสับสนวุ่นวายแบบนี้เสมอค่ะ
อย่าคิดอะไรมากมานะค่ะ
เดี๋ยวไม่สบายนะค่ะคนดี
นอนหลับฝันดีนะค่ะ
จุ๊บบบบบบบบบบบบบบบ
โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:21:42:38 น.
  
แจ้งพี่น้องประชาชนทราบ

ตอนนี้คอมเสียและไม่มีเงินจนกว่าจะสิ้นเดือน ขออนุญาตหายหัวชั่วคราว
โดย: rebel วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:9:13:19 น.
  
โอ้ งั้นก็ดีเลย เพราะไปเที่ยวเพิ่งกลับแต่กว่าจะอัพบล็ฮกก็คงสิ้นเดือนพอดี อิอิ
โดย: juriojung วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:12:01:20 น.
  
#11 ไม่อนุมัติ

=)
โดย: hunjang วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:13:03:04 น.
  
...



เรื่องเล่าและภูมิปัญญาอันเก่าแก่ของชาวบ้านนี่ถือเป็นขุมทรัพย์อย่างใหญ่เลยนะครับ



ป.ล. เห็นคอมเม้นท์แรกแล้วนึกว่า คอลัมน์ซ้อเจ็ด
มีแย่งอันดับกันด้วย




โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:16:50:39 น.
  




วันนี้..วันพระขึ้น15 ค่ำ เดือน
พระจันทร์งามยิ่ง..แม้เมฆบัง
สายฝนฉ่ำอุราอย่าหม่นหมอง
ละกิเลสได้หนึ่งวันใจสุขขี
ถึงจะเพียงน้อยนิดจิตสดใส

ทุกคืนก่อนหลับนอน จงตั้งใจนึกถึง ความดีงาม
หรือบุญกุศล ที่ตัวเราได้สร้างกุศลไว้
แล้วแผ่ส่วนกุศลให้แด่ เจ้ากรรมนายเวร
ผีสางเทวดา มวลหมู่ศัตรูคู่แข่ง คนที่เราเกลียด
และผู้ที่มีพระคุณ..เสมอ

ขอให้มีความสุขและสมหวังในสิ่งคิดทุกคนนะค่ะ
สำหรับมิตรที่ดีเสมอจากมิตรภาพด้วยหัวใจค่ะ

อนุโมทนากัลยณมิตรมีสุขอิ่มบุญทุกคนนะค่ะ



อะไรจะดูดี
แต่ขอให้สุขภาพน้องสาวดูดีเสมอนะค่ะ
มีความสุขนะค่ะ
นอนหลับฝันดีค่ะ

โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:22:03:23 น.
  
น้องหมีเข้าแว้ววว

=)
โดย: hunjang วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:8:39:59 น.
  
คิดถึงงงงงงงงงงงงง เลยแวะมาเยี่ยมจ้า


จุปิดบล็อกไปนาน งานเยอะมาก


แต่เวลาเชียร์แมนยูทีไร คิดถึงเพื่อนหงส์ทู๊กที
โดย: กระจ้อน วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:20:24:18 น.
  
สวัสดีค่าคุณ rebel
เคยได้ยินมะพร้าวนาฬิเกร์ แต่ไม่เคยรู้ความหมาย
วันนี้รู้ทั้งความหมายและเกร็ดธรรมะ
แล้วก็พึ่งเคยจะได้ยินเสียงร้องเป็นครั้งแรกเลยค่ะ
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:21:21:31 น.
  
เคยได้ยินนะ มะพร้าวนาฬิเกร์ เนี่ย
ก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงเรียกแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
วันนี้ก็เลยได้รู้หละ อิอิ
โดย: The White Rider วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:0:10:20 น.

Sleepwalker.BlogGang.com

rebel
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด