งานเลี้ยงคนเขลา...!?
งานเลี้ยงคนเขลา...!?




ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบๆกายของเราตามช่วงวันเวลาอันยาวนาน จากอดีตถึงปัจจุบันนี้ คงไม่มีใครเลยที่จะสามารถออกมากล่าวปฏิเสธได้อย่างมั่นอกมั่นใจว่า สภาพแวดล้อมที่เราๆเห็นกันอยู่จนชินตาในเวลา ณ ปัจจุบันนี้ มันสามารถนับเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของคนเราได้เป็นอย่างดี เฉกเช่นอดีตกาลอันไกลโพ้น

ผมมั่นใจว่าหลายๆคนคงรู้สึกความเปลี่ยนแปลง และเริ่มตะขิดตะขวางใจในการดำรงชีวิตอยู่ในสภาพรอบตัวอันจอแจ สับสน และเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างมาจากน้ำมือแห่งอารยะธรรมของมนุษย์เช่นนี้ ผมรู้ว่าคนเหล่านั้นทราบดีว่าสภาพแวดล้อมรอบๆกาย ณ เวลานี้มันผิดแผกแตกแยกไปจากกฎของธรรมชาติดั่งที่ควรเป็น ถึงกระนั้น ผู้ที่เริ่มรู้ตัวเหล่านั้นก็ยังคงไม่สามารถลุกเดินหนีออกไปจากสภาพอันวุ่นวายเหล่านั้นได้ เนื่องด้วยติดโซ่ตรวนติดตรึงรั้งขาไว้ มันเป็นโซ่เหล็กที่ถูกสร้างขึ้นมาจากระบอบค่านิยมของสังคมอันผิดๆ ที่ถูกพร่ำสอนมาจากรุ่นสู่รุ่นว่า การดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมจอมปลอมเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่นับว่าถูกต้องที่สุดแล้ว

เพราะเชื่อกันเช่นนี้ สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวของเราจึงยิ่งค่อยๆเสื่อมโทรมลงไปทุกขณะๆ โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว.....

บางครั้ง การมานั่งนึกๆว่าสิ่งที่อยู่รอบๆกายเรา อย่างเช่นสิ่งแวดล้อมสังเคราะห์จากน้ำมือของมนุษย์นับเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรหรือไม่? บางครั้งการนั่งคิดขุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งกระทู้ถามมันก็กลายเป็นสิ่งที่น่าขบขันของสังคมไปเสียอย่างนั้น ที่มันน่าขันหาได้ใช่เรื่องของประเด็นที่ถูกยกขึ้นมาให้คนอื่นคิดต่อยอด แต่ที่มันน่าขันสำหรับคนอื่นๆที่ยังหลงใหลอยู่กับสิ่งแวดล้อมจอมปลอมของสังคมเมือง เห็นจะเป็นเรื่องความคิดของผู้ตั้งความเห็นในเรื่องนี้เป็นคนแรกเสียมากกว่า มันคงน่าขันพิลึกสำหรับเขา เหมือนหากอยู่ๆจะมีลิงในสวนสัตว์ลุกขึ้นมาร้องตะโกนปาวๆว่าขอกลับไปอยู่ในป่าได้ไหม?

พอคนเราหลงใหลไปกับสิ่งแวดล้อมของสังคมเมือง สิ่งแรกที่ผมเห็น และได้ยินจากปากของคนที่ยอมรับสภาพแวดล้อมเช่นนี้อยู่บ่อยๆ กลับไม่ใช่เรื่องของความพึงพอใจในสิ่งแวดล้อมเลยซักนิด พวกเขามักจะบ่นว่าร้อน ฝุ่นเยอะ รถติด ฯลฯ ผมไม่เข้าใจเลยว่า ก็ในเมื่อพวกเขายอมรับที่จะดำรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างสังคมเมืองแบบนี้แล้ว พวกเขาจะบ่นไปทำไมกัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่พวกเขาบ่นๆกันนั้น มันเป็นเรื่องปกติอันเกิดขึ้นมาจากฝีมือของพวกเราเองที่สรรสร้างมันขึ้นมา

ยิ่งเวลาผ่านไปนาน มนุษย์ก็จะยิ่งลืมสิ่งแวดล้อมที่ธรรมชาติมอบให้ในตอนแรกเริ่ม ยิ่งนานคนเราก็ยิ่งจะพร่ำทำลายสิ่งแวดล้อมรอบๆกายให้มันเลวๆลงๆพร้อมทั้งหลงหัวเราะอย่างมีความสุขในสิ่งแวดล้อมจอมปลอมที่ถูกสร้างขึ้น โดยหลงคิดไปเองว่าการทำเช่นนั้นจะมีความสุขมากกว่าการกลับไปอยู่ร่วมกับธรรมชาติดั่งเช่นที่บรรพบุรุษของพวกเราได้เคยทำ พวกเราไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าหนทางข้างหน้าในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเทียม จำพวกตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทางที่เจริญก้าวหน้ามันจะไปสิ้นสุดที่ใด ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังคงทำมันต่อไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับบดขยี้สิ่งแวดล้อมดั้งเดิมให้มันพินาศคามือไปอย่างน่าเศร้าใจ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนเราถึงจะลืมตาตื่นจากสิ่งแวดล้อมจอมปลอม เพื่อกลับไปยังสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมกันเสียที!? เพราะหากพวกเราไม่รีบลืมตาขึ้นจากงานเลี้ยงคนเขลาที่วันๆเอาแต่นั่งกินนอนความสุขในสังคมปลอมๆ มาพบความจริงว่าสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมของโลกเรานี้กำลังพินาศย่อยยับไปด้วยน้ำมือของเราจนไม่อาจกู้สภาพของมันคืนมาได้ในเร็ววันนี้ หากเป็นเช่นนั้นก็เห็นทีว่าลูกหลานของเราในอีกรุ่น หรือสองรุ่นข้างหน้าคงได้เห็นเพียงภาพของสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมจากหนังสือภาพ หรือไม่ก็พิพิธภัณฑ์ อย่างแน่แท้........

ผมหวังเพียงว่า อย่างน้อยที่สุด พวกเราบางคนจะสามารถลืมตาตื่นขึ้นมาพบความจริงได้แล้วว่า ตอนนี้พวกเรากำลังย่ำเท้าอาศัยอยู่ในงานเลี้ยงคนเขลาที่จัดกันอยู่อย่างซ้ำซาก มันเป็นงานเลี้ยงที่สวาปามความสุขรื่นเริงอยู่บนความพินาศฉิบหายของสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมที่ถูกกร่อนเซาะด้วยเมฆเงาบังตาแห่งเราเอง........




Create Date : 16 มิถุนายน 2550
Last Update : 16 สิงหาคม 2550 22:40:16 น.
Counter : 428 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของความว่าง : กะว่าก๋า
(18 เม.ย. 2567 04:00:35 น.)
: รูปแบบของชีวิต : กะว่าก๋า
(17 เม.ย. 2567 04:37:20 น.)
: รูปแบบของการค้นพบตนเอง : กะว่าก๋า
(16 เม.ย. 2567 06:05:58 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 31 : กะว่าก๋า
(9 เม.ย. 2567 05:58:44 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sleepsheep.BlogGang.com

อัจฉริยะมืด
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]