กลิ่นในร้านหนังสือ บ่ายวันศุกร์สงบเงียบ มุมกาแฟเล็ก ๆ ในร้านหนังสือ เธอนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงโต๊ะริมกระจก มองดูผู้คนเดินผ่าน เสียงเพลงสไตล์บอสซาเปิดกล่อมเบา ด้านนอกฝนพรำบาง อากาศยามบ่ายที่ควรร้อนจึงกลับเย็นสบาย หญิงเจ้าของร้านเดินมาถาม ว่าจะเอาชาเพิ่มไหม ไม่คิดเงิน เธอยิ้ม ตอบปฏิเสธ สายตาคงมองออกไปนอกร้านยังต้นราตรีที่ปลูกอยู่ฝั่งตรงข้าม นึกไปถึงกลิ่นหอมเย็นของมัน นึกไปถึงยาย หน้าบ้านเก่า ยายปลูกราตรีไว้ บางครั้งเธอเห็นยายเรียกราตรีว่า หอมดึก ราตรีเป็นดอกไม้ประหลาดที่คร้านนัก ส่งกลิ่นหอมเฉพาะยามค่ำคืน เธอไม่เคยได้กลิ่นราตรีในตอนกลางวันเลย เธอจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ จะเริ่มได้กลิ่นราตรีในช่วงหัวค่ำ ตอนที่ยายตั้งสำรับข้าวมื้อเย็นตรงหน้าบ้านนั่นแหละ ราตรีให้กลิ่นหอมเย็น ฟุ้งไปไกล เธอเคยเดินไปบ้านน้าสาวที่อยู่ถัดไปสามสี่หลัง ยังได้กลิ่น แต่กลิ่นนั้นติดออกจะชวนเหงา เวลาที่อยู่คนเดียว เธอนึกถึงกลอนบทหนึ่ง ที่เคยได้ยินสมัยเด็ก ๆ เปรียบเทียบดอกราตรีกับค่ำคืนที่เคยเคียงข้างคนรัก ฟังดูเศร้าพิกล ... "ดอกเอ๋ยดอกราตรี ไม่มีสีสดงดงามหรู จึงมิใคร่มีใครใฝ่ใจดู หรืออยากรู้ว่าแฝงอยู่แห่งใด เจ้าโชยกลิ่นเมื่อสิ้นแสงอาทิตย์ เหมือนให้คิดปริศนาราตรีเอ๋ย คิดคำนึงถึงราตรีที่เราเคย ได้ชมเชย..ชื่นชวนรัญจวนใจ" เธออ่านหนังสือไปเกือบครึ่งเล่ม ก่อนพักสายตา ด้านนอกฝนยังคงพรำบาง หมาหงอย ๆ ตัวหนึ่งเดินวนไปวนมา เหมือนคนเบื่อไม่รู้จะทำอะไร สักพักก็นอนเขลงลงข้างฟุตบาท เพลงบอสซายังคงเปิดกล่อมขับขาน ภายในร้าน เสียงคนช้อนกระทบแก้วเซรามิคแว่วเบาทางด้านหลัง จากมุมที่หญิงเจ้าของร้านนั่งอยู่ พร้อมกับกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ ที่โชยมา นานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่ได้ดื่มกาแฟในยามบ่ายเงียบ ๆ เช่นนี้ เธอคิด นึกถึงเมื่อก่อน... สมัยที่ยังมีเวลาเหลือเฟือ เธอจะนั่งตรงเก้าอี้หลังบ้าน จิบกาแฟพลางมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว... นกกระจอกที่ทำรังอยู่บนต้นมะม่วง ไม้แขวนเสื้อบนราวตากผ้าที่สีดูซีดไปทุกวัน และโมบายเก่า ๆ รูปดาว ที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งยามเมื่อลมพัด เธอนั่งเฉย ๆ ได้เป็นชั่วโมง และมีความสุขกับช่วงเวลานั้น เช่นกันกับตอนนี้ เธอมีความสุขทุกครั้งยามมาที่นี่ เธอมาร้านนี้บ่อย ติดใจในบรรยากาศ และมิตรภาพจากเจ้าของร้าน เธอยังจำได้ วันแรก ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในร้าน สิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือกลิ่นกลิ่นแปลก ๆ เป็นกลิ่นเฉพาะ ไม่เชิงหอม แต่ก็ห่างไกลกับกลิ่นที่ต้องเมินหน้าหนี หากจำแนก คงเป็นกลิ่นของหนังสือนับพันนับหมื่นเล่มที่บรรจุอยู่ในร้าน เช่นเดียวกัน เธอมักคิดว่า หนังสือแต่ละเล่มมีกลิ่นต่างกันไป บางเล่มเธออ่านจนจำกลิ่นมันได้ ที่มีกลิ่นหวานส่วนมากจะเป็นนิยายรัก มีกลิ่นป่ากลิ่นฝน เช่นหนังสือสารคดีท่องเที่ยว ส่วนหลาย ๆ เล่มมีกลิ่นผสมผสานหลากหลาย เช่นหนังสือจำพวกเรื่องสั้น ตอนนี้เธอกำลังได้กลิ่นลมหนาว จากหนังสือ อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง ที่อ่านค้างวางอยู่ตรงหน้า เธอสงสัย ในกลิ่นลมหนาวนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง กลิ่นภูเขา กลิ่นเมฆ กลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้ หรือหากพูดให้โรแมนติก อาจผสมด้วยกลิ่นความคิดถึงจากใครบางคนที่พัดพานมาแสนไกล... อยากเก็บเอากลิ่นลมหนาวมาออมใส่กระปุก...ได้กลิ่นก่อนนอน คงหลับฝันดี เธออมยิ้ม กับความคิดตัวเอง เธอตื่นจากความคิด มองดูนาฬิกาข้อมือ ด้านนอกฝนยังคงพรำบาง หญิงเจ้าของร้านเดินเอาหนังสือใหม่มาเรียงบนชั้น ใกล้ ๆ กับที่เธอนั่ง พลางยิ้มพึมพำอยู่คนเดียว เธอยิ้ม มองออกไปที่หมาตัวนั้น มันยังคงนอนสบาย ไม่สนใจโลกอยู่ที่เดิม เธอเก็บหนังสือใส่กระเป๋า รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธินักวันนี้ ติดจะคิดไปเรื่อย หญิงเจ้าของร้านเดินกลับไปเปลี่ยนเพลง เป็นเพลงของ sade ที่เธอนึกชื่อไม่ออก เธอกำลังจะลุกจากเก้าอี้ พอดีกับที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งเปิดประตูเข้ามา เธอสบตาเขาโดยบังเอิญ เขายิ้มให้ แต่...เธอทำเป็นไม่เห็น ไม่ยิ้มตอบ แวบเดียวที่สบตา เธอนึกไปถึงกลิ่นของความแปลกหน้า และกลิ่นของความรัก มันมีจริงไหม ? ถ้ามี... ต้องใช้เวลานานเพียงใด... กว่ากลิ่นของความแปลกหน้า จะแปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมอุ่นของความรัก เธอนึกถึงรอยยิ้มของคนรัก ในวันแรกที่พบกัน... ขณะกางร่ม เดินฝ่าฝนพรำออกไป |
- , .
: @new_bonuses
: //t.me/new_bonuses